ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 52 เจ้าชายไม่คู่ควรกับซินเดอเรลล่า
ซีเหมินจินเหลียนรู้ดีแก่ใจว่าหลิงซูฟางตั้งใจมาหาเธอเพื่ออะไร ถึงจะไม่ใช่เรื่องของฉินเฮ่า แต่เมื่อวานฉินเฮ่าก็ได้ประกาศต่อหน้าทุกคนแล้วว่าเธอเป็นแฟนของเขา ไม่ว่าจะเป็นด้านเหตุผลหรือความรู้สึก เธอก็คงไม่ได้มาหาตนเพื่อให้ช่วยหรอกนะ?
ส่วนเรื่องที่ทำไมจินอ้ายหัวถึงพาหลิงซูฟางมาหาเธอด้วยกันได้ เมื่อเธอคิดอย่างละเอียดดูก็เข้าใจ จินอ้ายหัวบอกว่าอยากจะมาดูบ้านของเธอหลายครั้งแล้ว แต่ก็ถูกซีเหมินจินเหลียนหาข้ออ้างไม่ให้เธอมาตลอด ในใจเธอเข้าใจดีว่าเครื่องประดับหยกที่ใส่ไว้ในตัวเธอ มีแต่คนที่อยู่ในสายนี้เท่านั้นถึงจะรู้มูลค่า
งานเลี้ยงรุ่นเมื่อคืน ถ้าหากเซียวเหอไม่ได้ทำงานเป็นฝ่ายขายอยู่ที่บริษัทเสียงเฟิงจิวเวอรี่ เขาก็คงดูไม่ออกว่าเครื่องประดับหยกของเธอจริงหรือปลอม แล้วราคาเท่าไหร่ คงจะไม่ใช้โอกาสเข้ามาใกล้เธอขนาดนี้ ในสายตาของผู้คนในงานคนอื่นๆ หยกที่ระยิบระยับพวกนี้ บางทีก็อาจจะแค่แก้วที่ทำเลียนแบบหยกก็เท่านั้น มีแม้กระทั่งบางคนที่แอบหัวเราะเยาะรสนิยมการแต่งตัวของเธอ
เรื่องนี้เธอไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าเป็นแก้วกระจกก็อปเลียนแบบก็ดีไป หรือจะเป็นหยกก็ดี แต่ในใจของเธอนั่นรู้ดีที่สุดก็พอแล้ว
แต่บ้านไม่เหมือนกับหยกนี่สิ บ้านสามารถบอกถึงฐานะว่าอยู่ระดับไหน พื้นที่เล็กใหญ่ ไหนจะการตกแต่ง คนคนหนึ่งที่มีอารยะธรรมในตัว แค่ดูแวบเดียวก็ดูออก
คฤหาสน์ของเธอเดิมทีตกแต่งตามสไตล์เก่าแก่ เป็นสไตล์ของคนวัยชราที่เล่นหยกมาทั้งชีวิตเป็นคนตกแต่งบ้านให้เธอ ของตกแต่งโบราณ กลิ่นอายบรรยากาศต่างๆ แม้รายละเอียดยิบย่อยก็สามารถถ่ายทอดให้เห็นถึงความคลาสสิค ต่อมาหลังจากที่เธอพอมีเงินจากการเดิมพันหยก แน่นอนก็ไม่ได้ทำให้ตัวเองมีข้อบกพร่อง ในความช่วยเหลือของฉินเฮ่า บ้านของเธอก็มีความเป็นมรดกโบราณ ราคาประเมินค่าไม่ได้
ตอนที่เรียนอยู่ในมหาลัย ซีเหมินจินเหลียนกับจินอ้ายหัวความสัมพันธ์ดีกันโดยตลอด ไม่มีเหตุผลที่ต้องขัดแย้งกัน จินอ้ายหัวนิสัยดีร่าเริง ถึงเธอจะเกิดในเมืองเซี่ยงไฮ้ แต่ก็ไม่ได้รังเกียจหรือดูถูกคนชนบทต่างถิ่นที่ย้ายมา แถมยังช่วยเหลือด้วยซ้ำ แต่คนที่เธอเคยช่วยมาก่อน เดิมทีเธอเป็นแค่คนที่ไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ ตอนนี้จู่ๆ มีเงินมากมายกว่าเธอเป็นหลายเท่า
คนอื่นๆ เกรงว่าจะรับไม่ได้กับความเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกันถึงขนาดนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างคนก็คือการกลัวเปรียบเทียบ
ในการเปรียบเทียบนั้น สิ่งที่ยังเหลืออยู่ก็คือความอิจฉา และสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวก็คือความริษยา
ซีเหมินจินเหลียนเป็นคนที่ระวังตัวเองอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่เมืองเซี่ยงไฮ้ เธอไม่มีใครเป็นเพื่อน รู้จักแค่สองพี่น้องจินอ้ายเท่านั้น…
เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่อยากให้จินอ้ายหัวเข้ามาในคฤหาสน์ของเธอ แต่อย่างน้อยก็ยังรักษาความเป็นผู้หญิงจิตใจดี สองคนนี้ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนได้
หลังจากรู้จักกับจ่านป๋าย ฉินเฮ่าและหลินเสวียนหลาน เธอเพิ่งจะเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า เพื่อนไม่มีการแบ่งแยกฐานะรวยหรือจน แต่เพื่อนสามารถแบ่งจากฐานะของที่บ้าน มีแต่คนที่ฐานะเท่ากันถึงจะอยู่ด้วยกันได้
เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่จินอ้ายหัวนัดเธอ เธอเลยพยายามให้ออกไปข้างนอก ไม่ให้มาหาเธอที่บ้าน
แต่วันนี้ เธอก็มาเองโดยที่เธอไม่ได้เชิญ
ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมาเบาๆ หันไปมองหลิงซูฟางและจินอ้ายหัว เพื่อรอให้พวกเธอปริปากพูดอะไรออกมา ส่วนจ่านป๋ายก็แค่ทักทายพวกเธอไปตามมารยาท แล้วจึงเดินเข้าไปในห้องครัว
หลิงซูฟางยิ้มขึ้นมาแต่ก็ยังคงมีความเคอะเขินถามว่า “จินเหลียน คนเมื่อกี้คือ?”
ซีเหมินจินเหลียนรู้ว่าคนที่เธอถามน่าจะเป็นหลินเสวียนหลาน หน้าตาอย่างหลินเสวียนหลาน สำหรับผู้หญิงแล้วถือเป็นพลังพิฆาตให้ล้มตายอย่างมหาศาล ลองสมมติว่าหลิงซูฟางจะมีปัญหาเรื่องสายตา แต่เมื่อเห็นคนที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับดาราอย่างหลินเสวียนหลานแล้ว ต่างก็รู้สึกสงสัยอยากรู้จัก
“ฉันเชิญเชฟมาที่บ้านน่ะ ให้มาทำอาหารให้กินสักมื้อ ทำอร่อยกว่าคุณปู่ของฉันอีกนะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างภาคภูมิใจ
จินอ้ายหัวเคยเห็นหลินเสวียนหลานมาก่อน เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงหัวเราะคิกคักออกมา ทำให้ภาพลักษณ์ของเชฟใหญ่จากบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่เสียหายซะแล้ว
แต่เธอคิดอย่างไรก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี ซีเหมินจินเหลียนรูปร่างหน้าตาก็โอเค จัดอยู่ในประเภทหญิงสาวสวยใสสไตล์คลาสสิค แต่เธอก็ไม่ได้อยู่ในหมวดหมู่ผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากมาย ที่จะทำให้ฉินเฮ่าและหลินเสวียนหลานตามติดจีบไม่ปล่อยแบบนี้?
ส่วนจ่านป๋ายและหลินเสวียนหลานที่อยู่ในห้องครัวก็ได้ยินอย่างชัดเจน จ่านป๋ายหัวเราะ หลินเสวียนหลาที่เริ่มขยับมีดหั่นผัก เกือบที่จะทำนิ้วตัวเองตัดขาดเสียแล้ว
“เชฟบ้านของเธอหน้าตาหล่อเหลาเหลือเกินนะ ทำไมถึงไม่ไปเป็นดาราหนังล่ะ น่าเสียดาย” หลิงซูฟางหัวเราะแผ่วเบา การมาในวันนี้ถือว่าไม่เสียเที่ยวเลย ถึงจะไม่รู้ประวัติของหลินเสวียนหลาน แต่ดูจากการแต่งตัวคงจะไม่ใช่เชฟแน่ๆ
แล้วไหนจะจ่านป๋ายอีก? ได้ยินมาว่าเขานั่นแหละที่เป็นแฟนของซีเหมินจินเหลียน ดูแล้วเหมือนจะไม่ธรรมดาเลย เมื่อก่อนหากอยากจะตามหาผู้ชายสไตล์แบบนี้ หายังไงก็หาไม่เจอ แต่ตอนนี้กลับมาเจอพร้อมกันทีเดียวถึงสองคน
“คุณหลิง…” ซีเหมินจินเหลียนถามอีกครั้ง “ไม่ทราบว่าที่เธอมาหาฉัน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“เมื่อคืนเธอบอกว่าประธานฉินไม่ใช่แฟนของเธอ?” หลิงซูฟางคิดพลางกัดฟันถาม คำถามนี้เมื่อสักครู่เธอก็ถามออกมา เดิมทีคิดว่าซีเหมินจินเหลียนจะพูดจาต่อไปเรื่อยๆ ตามหัวข้อที่เธอเปิด แต่เธอกลับแกล้งทำเหมือนไม่ได้ยิน
“คุณหลิง…” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหัวพูด “ฉันว่านี่เป็นคำถามที่เจาะลึกไปหน่อย พวกเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ฉันเลยไม่จำเป็นต้องบอกเธอไม่ใช่เหรอ?” เธออยากจะทอดสะพานให้ฉินเฮ่ามันก็เป็นเรื่องของเธอ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับซีเหมินจินเหลียนเลย
อีกอย่างข้างกายฉินเฮ่าก็ยังมีคนป่วยอย่างอวิ๋นเจียอยู่ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่โตที่คิดถึงผลที่จะเกิดไม่ได้เลย
“เธอ…” หลิงซูฟางนิ่งอึ้งไป ซีเหมินจินเหลียนทำให้คนรู้สึกว่าเธอเป็นตรงๆ และง่ายๆ แต่จินอ้ายหัวให้คำมั่นสัญญาบอกกับเธอว่าซีเหมินจินเหลียนจะต้องช่วยเธอแน่ๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อเธอมาหาซีเหมินจินเหลียนถึงที่ แต่กลับถูกตอบกลับแบบนี้ คำพูดของเธอทำให้เธอยังคงจมปลักอยู่ในนั้นไม่หยุด พวกเราไม่ได้สนิทกัน ฉันกับเขาจะมีความสัมพันธ์อย่างไร มันก็ไม่ใช่เรื่องของเธอ…
จินอ้ายหัวสับสนไม่เข้าใจ ซีเหมินจินเหลียนไม่เคยจะพูดจาแข็งกร้าวกับคนอื่นแบบนี้ นี่ดูไม่เหมือนเธอเลยสักนิด
หลิงซูฟางไม่รู้จะปรับสีหน้าของตนอย่างไรดี เธอได้แต่ลุกขึ้นยืนแล้วยิ้ม “ในเมื่อพูดมาแบบนี้ ก็หมายความว่าเขาก็คือแฟนของเธอเหรอ? ถ้าอย่างนั้นผู้ชายคนเมื่อกี้เป็นอะไรกับเธอกัน”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้น ก็ได้แต่พยายามอดกลั้นความโกรธที่ปะทุขึ้นในใจ พร้อมลุกขึ้นยืนพูดว่า“คุณหลิง คุณไม่ใช่พ่อแม่ของฉัน แฃ้วคุณมีสิทธิอะไรมาถามฉันว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?” เธอพอใจจะคบหากับผู้ชายคนไหนหรือคบหากับใครสักกี่คนมันก็เป็นเรื่องของเธอ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้อยากจะขึ้นเตียงกับเขาสักหน่อย ใช้การทอดสะพานทำข้าวดิบให้เปลี่ยนเป็นข้าวสุก จากนั้นค่อยแต่งงาน? วิธีสารพัดหนทาง? เธอกำลังขายหน้าทำลายสติปัญญาที่ตัวเองมี แล้วยังจะทำลายฉินเฮ่าอีก?
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกโกรธขึ้นมาจริงๆ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเรื่องของหลิงซูฟาง จินอ้ายหัวก็คงหาสาเหตุที่จะมาหาเธอถึงบ้านไม่ได้ แต่อย่างไรถ้าพวกเธอจะมาก็น่าโทรศัพท์มาบอกเธอก่อน แล้วพูดหว่านล้อมเธอสักหน่อยยังดี แต่นี่เดินยังมั่นหน้าเข้าประตูมา เห็นว่าเธอเป็นอะไรกัน?
เพื่อนร่วมรุ่นเหรอ? ก็แค่เพื่อนที่ไม่สนิทกันก็เท่านั้น!
“ประธานฉินตาบอดหรือยังไง คิดไม่ถึงว่าเขาจะสนใจผู้หญิงแบบเธอ?” หลิงซูฟางเข้าใจเป็นอย่างดี ถ้าอยากจะใช้ซีเหมินจินเหลียนเป็นทางผ่านช่วยเธอเรื่องฉินเฮ่าคงเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อซีเหมินจินเหลียนใช้อารมณ์พูดมาแบบนั้น คำพูดคำด่าก็พูดออกมาแล้ว
“จ่านป๋าย ส่งแขก!” ซีเหมินจินเหลียนตะโกนเรียก
“หลิงหลิง…จินเหลียน…อย่าเป็นแบบนี้กันสิ…” จินอ้ายหัวรู้สึกไม่เข้าใจในสถานการณ์ ทำไมเรื่องถึงได้บานปลายไปขนาดนี้กัน? ตอนแรกก็พูดจากันดีๆ แต่ต่อมาคิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคำด่าโมโหขนาดนี้ได้ ส่วนซีเหมินจินเหลียนที่สุภาพอ่อนโยนมาโดยตลอด คนที่แม้แต่พูดก็กลัวจะทำร้ายคนอื่น ทำไมวันนี้ถึงได้เปลี่ยนเป็นแบบนี้แล้ว
จ่านป๋ายเดินออกมาจากข้างใน มองหลิงซูฟางอย่างเยือกเย็น เขาคิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะทำให้ซีเหมินจินเหลียนโกรธได้ขนาดนี้ เหมือนได้รับโทษหนักเอาการ
“อย่าให้ผมต้องใช้กำลังเลยนะครับ คุณหลิงกลับไปเถอะ!” จ่านป๋ายพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
“คุณไม่ต้องมาไล่ฉันหรอก ฉันไปแน่!” หลิงซูฟางเชิดคอแล้วเดินจ้ำอ้าวออกไป
จินอ้ายหัวมองซีเหมินจินเหลียนอย่างทำตัวไม่ถูก และหันไปมองหลิงซูฟางพร้อมถอนหายใจออกมา จะขอร้องคนอื่น เธอก็ถ่อมเนื้อถ่อมตนสักหน่อยไม่ได้หรือยังไง? พูดตรงๆ แบบนี้เพื่ออะไรกัน นี่ก็ไม่ใช่หาเรื่องให้คนโมโหหรอกเหรอ
“จินเหลียน…ฉันขอโทษนะ” จินอ้ายหัวขอโทษเสียงเบา
ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจออกมา “อ้ายหัว ฉันทำให้เธออึดอัดแล้ว วันนี้ฉันมีธุระนิดหน่อย คงให้เธออยู่ต่อไม่ได้ ค่อยหาเวลามาใหม่เถอะนะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง” วันนี้ตอนกลางคืนเธอจะผ่าหินหยก เพราะอย่างนั้นก็ไม่มีจิตใจที่จะวอกแวกกับเรื่องอื่น
“ตกลง เอาแบบนั้นก็ได้” จินอ้ายหัวยิ้มอย่างใจเย็น แล้วออกไปข้างนอก จ่านป๋ายไปส่งด้านนอก ไม่ว่าจะพูดอย่างไรเขาก็ยังคงรู้สึกว่าตระกูลจินอ้ายสองพี่น้องเป็นผู้มีพระคุณต่อเขา ถึงแม้ว่าตอนแรกพวกเขาจะช่วยเขาเพราะเห็นแก่ซีเหมินจินเหลียนก็ตาม
เมื่อรอจนพวกเธอกลับไปหมดแล้ว หลินเสวียนหลานที่อยู่ในห้องครัวก็เดินออกมา พร้อมหยิบเค้กมาไว้ข้างหน้าซีเหมินจินเหลียนแล้วพูดว่า “คุณกินอะไรให้ใจเย็นลงสักหน่อยเถอะนะ ความจริงก็เข้าใจว่าทำไมเธอเป็นแบบนั้น หน้าตาท่าทางดี แต่จิตใจไม่ดี อยากจะเดินทางสบาย จินตนาการเป็นซินเดอเรลล่า หวังว่าจะได้เจอเจ้าชายในฝัน แต่ว่าซินเดอเรลล่าเวอร์ชั่นนี้อยากจะได้เจ้าชายเป็นของตัวเอง”
“เธอเป็นซินเดอเรลล่าไม่ผิดหรอก แต่ฉินเฮ่าก็ไม่ใช่เจ้าชายของเธอ” จ่านป๋ายส่ายหน้า “ผู้หญิงคนนี้ถ้าบ้าคลั่งขึ้นมาก็น่ากลัวใช่เล่น คุณชายหลิน คุณเคยถูกผู้หญิงตามจีบมากี่คนแล้วเนี่ย?”
หลินเสวียนหลานยิ้มหัวเราะ หน้าตาอย่างเขาไม่ว่าจะไปไหนก็เหมือนว่าไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้ ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ส่วนผู้หญิงที่ตามจีบเขานั่นก็มีให้เลือกมากมาย หนึ่งในนั้นก็ขาดไม่ได้ที่จะมีคนอยากเป็นซินเดอเรลล่าอย่างหลิงซูฟาง
“โตขนาดนี้แล้ว ยังจะอยู่ในโลกนิทานอยู่อีก” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจ อายุราวยี่สิบกว่าปี ทำไมถึงได้คิดเพ้อเจ้อแบบนี้นะ
“ถ้าหากไม่เจอกับคุณ เธอก็คงจะอยู่ในโลกจินตนาการนั้นไปตลอดชีวิต” หลินเสวียนหลานยิ้ม “เพราะว่าคุณ เธอเลยน่าจะเริ่มเข้าใจโลกความจริงขึ้นบ้าง คงจะไม่พลาดโอกาสนี้แน่ เหมือนคำหนึ่งที่พูดกันว่า ความสุขเพียงแค่ต้องคว้ามันไว้ เธอเลยต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อมัน”
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มเฝื่อน เธอก็คือซินเดอเรลล่า แต่เจ้าชายของเธอจะเป็นใครกัน? ความเป็นจริงผู้ชายที่หลิงซูฟางจะทอดสะพานไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเธอสักนิด แต่จะใช้เธอมาเป็นสะพานเชื่อม เห็นว่าเธอเป็นอะไรกัน แล้วเห็นว่าฉินเฮ่าเป็นคนยังไง?
“แต่ว่าเหมือนมีเรื่องหนึ่งที่เธอทำผิดไป” จ่านป๋ายพูด “จินเหลียนของผมไม่ใช่ซินเดอเรลล่า แต่เป็นเจ้าหญิงแห่งวงการหยกต่างหาก”
ซีเหมินจินเหลียนไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก เธอหันไปมองหลินเสวียนหลานด้วยท่าทีสงสัย ทำไมเขาถึงมาทำกับข้าวที่บ้านเธอได้ ครั้งนี้เป็นงานหมั้นหรือว่างานแต่งล่ะเนี่ย?
“ทำไมคุณถึงมาทำกับข้าวที่บ้านฉันได้คะ บอกถึงจุดมุ่งหมายที่จะมาก่อน ไม่อย่างนั้นกับข้าวที่คุณทำ ฉันจะไม่กินอีกต่อไป!” ซีเหมินจินเหลียนถาม เธอไม่อยากจะรับมือกับสงครามของลู่เฟยอวี๋อีกครั้ง เพราะตอนกลางคืนเธอจะเจียระไนเปิดหิน!