ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 61 งูหยก
จ่านป๋ายกวาดสายตาไปยังงูที่ขดอยู่ รวมไปถึงงูที่เลื้อยตัวไปมาหลากหลายชนิด “เลือกตัวที่ถูกก็พอ” เพราะอย่างไรก็แค่ซื้อกลับไปเป็นของทดลองเท่านั้น ไม่มีความจำเป็นที่ต้องซื้อของแพงเลย
“ทำไมล่ะ” ซีเหมินจินเหลียนเงยหน้าขึ้นมามองเขา เธอกำลังสำรวจงูหลากชนิด แยกเป็นงูมีพิษและไม่มีพิษ เมื่อได้ยินสิ่งนี้สัญชาตญาณก็ถามตัวเองออกมา เธอต้องชดใช้งูให้กับเด็กผู้ชายข้างบ้าน ถ้างูที่ถูกเกินไปก็กลัวว่าจะไม่ดี
ระหว่างที่จ่านป๋ายกำลังจะตอบคำ ไม่นานนักโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูพร้อมขมวดคิ้วแล้วก็เดินออกไปคุยข้างนอก
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มแล้วเริ่มเลือกงูต่อไป
“คุณผู้หญิงชอบแบบไหนครับ เคยเลี้ยงมาก่อนหรือเปล่า” เจ้าของร้านยิ้มแย้มต้อนรับ “ถ้ายังไม่เคยเลี้ยง ก็ลองเลือกเป็นแบบไม่มีพิษดูไหมครับ เลี้ยงง่ายดี”
สายตาของซีเหมินจินเหลียนตกไปอยู่ที่งูตัวเล็กขนาดประมาณนิ้วมือ ลำตัวสีแดงดำคั่นกลางสลับกัน “งูตัวนี้มีพิษหรือเปล่าคะ” ตามที่เธอคาดคะเนไว้ นี่น่าจะเป็นงูปล้องฉนวนหัวสามเหลี่ยม ดวงตาหรี่เล็ก…
“นี่เป็นงูปล้องฉนวนครับ” เจ้าของร้านพูด “ถ้าคุณผู้หญิงรู้เรื่องเกี่ยวกับงู ก็น่าจะรู้ว่างูตัวนี้มีพิษ แต่เพราะว่ามีลำตัวที่เป็นสีแดงสด อย่างนั้นจึงนิยมเลี้ยงกันมาก ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้มีคนฝึกเลี้ยงให้งูชนิดนี้ไม่มีพิษ ถ้าหากคุณผู้หญิงชอบ จะเอาไปเลี้ยงเล่นก็ได้นะครับ”
“เถ้าแก่ ที่นี่ก็มีงูที่มีพิษด้วยหรือคะ” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้น ในใจรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก หรือว่างูมีพิษก็สามารถเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงสวยงามได้?
“มีอยู่แล้วล่ะครับ” เจ้าของร้านพยักหน้าพูด “แต่ถ้าหากคุณผู้หญิงอยากจะซื้องูที่มีพิษ เราต้องขอสำเนาบัตรประชาชนด้วยนะครับ ทำการเซ็นสัญญากับที่ร้านของเรา ไม่อย่างนั้นถ้าหากมีอุบัติเหตุเสียหายเกิดขึ้น ร้านเล็กๆ อย่างเราก็ไม่อาจรับผิดชอบได้”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจ “ฉันไม่ได้อยากจะซื้องูมีพิษหรอกค่ะ แค่อยากจะขอดูสักหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นก็โอเคครับ คุณผู้หญิงเชิญตามผมมาเลยครับ!” เจ้าของร้านพูดพลางผลักประตูข้างในให้เปิดออก
เมื่อบานประตูถูกเปิดออก ก็เห็นงูหลามขนาดใหญ่กำลังชูหัวขึ้นมาอย่างสนิทสนมให้กับเจ้าของร้าน
เถ้าแก่รีบไปเอาน้ำมาให้มันดื่มแล้วพูดว่า “เจ้าดำ หลบไป อย่าทำให้ลูกค้าตกใจ” อีกทางก็หันไปอธิบายกับซีเหมินจินเหลียนว่า “คุณผู้หญิงไม่ต้องกลัวนะครับ นี่เป็นสัตว์เลี้ยง ชื่อว่าเจ้าดำ นิสัยอบอุ่นน่ารัก คุณดูนี่สิครับ” เขาพูดพลางยื่นมือไปสัมผัสที่หัวของงูตัวนั่น
ภายในห้องเล็กๆ มีตู้กระจกวางเรียงรายกันเป็นแถว มีเพียงแค่งูตัวหนึ่งที่ภายในตู้ติดกระดาษเขียนชื่องูกับแหล่งกำเนิดของมัน นอกนั้นไม่มีอะไรพิเศษกว่าอันอื่น เป็นงูพิษทั้งหมด
สายตาของซีเหมินจินเหลียนมองไปที่ตู้กระจกด้านหลังอยู่นาน งูตัวนี้ไม่ได้มีลักษณะพิเศษอะไร สีของมันเป็นสีขาว อีกทั้งยังเป็นสีขาวที่หาได้ยาก เธอเดินไปที่ตู้กระจกข้างหน้า สายตามองจ้องไปที่งูตัวนั้นอย่างสงบนิ่ง
เดิมทีงูสีขาวที่อยู่ในตู้กระจกใสนั้นขดตัวเงียบๆ อยู่ที่มุมตู้ แต่เมื่อเห็นคนแปลกหน้ามันก็ยกตัวแผ่แม่เบี้ยมากระแทกตู้กระจก ซีเหมินจินเหลียนเห็นอย่างชัดเจนว่าที่ลำคอของมันมีสีชมพูอมแดง จากนั้นเธอก็ตะลึงค้างอยู่นาน ในใจได้แต่คิดสงสัย รู้สึกตกใจเล็กน้อย…
ทำไมงูตัวนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
“นี่เป็นงูอะไรหรือคะ” ที่ตู้กระจกไม่ได้ติดชื่อเอาไว้ ซีเหมินจินเหลียนจึงจงใจถามออกไป แต่เธอกล้ารับรองว่าถึงแม้ว่าเจ้าของร้านจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการขายงู แต่เขาก็ไม่มีทางรู้ประวัติความเป็นมาของงูตัวนี้แน่
“ผมก็ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ครับว่างูตัวนี้เป็นงูอะไร” เป็นอย่างที่คิดไว้ เถ้าแก่ส่ายหน้าแล้วพูดต่อ “ก่อนหน้านี้ไม่นานก็มีชายแก่ท่านหนึ่งให้ผมมา ผมดูแล้วเห็นว่าสีมันสวยดีก็เลยเก็บมันไว้ คุณผู้หญิง งูตัวนี้เป็นงูที่มีพิษร้ายอย่างเห็นได้ชัด ไม่เคยมีใครเคยเลี้ยงมันมาก่อน มันดุร้ายมาก ถ้าหากคุณอยากจะเลี้ยง อย่าเลือกงูชนิดนี้เลยครับ เพราะงูตัวนี้มีพิษร้ายกาจมาก” เถ้าแก่ตักเตือนด้วยความเต็มใจ
“รู้ได้อย่างไรหรือคะว่างูตัวนี้มีพิษ?” ซีเหมินจินเหลียนหันไปถามเขา
“เอ่อ อย่างนี้ครับ…” เถ้าแก่ยิ้มแย้มตอบ “งูตัวนี้มีหัวสามเหลี่ยม ไหนจะหางที่แหลมคมอีก แม้ว่าสีจะซีดไปสักหน่อย แต่มันก็บ่งบอกถึงว่ามันมีพิษ”
“เถ้าแก่ คุณลองเสนอราคามาเถอะค่ะ ฉันอยากได้งูตัวนี้” ซีเหมินจินเหลียนมุ่งมั่นในการตอบ
“คุณผู้หญิงอยากจะซื้องูตัวนี้จริงๆ หรือครับ?” เถ้าแก่ถามด้วยความสงสัย แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักประวัติความเป็นมาของงูตัวนี้ แต่เมื่อเห็นงูแปลกประหลาดตัวนี้หาพบได้น้อย โดยเฉพาะการที่มีลำตัวขาวผ่องเป็นยองใย ราวกับหยกสีขาว!
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า พอดีกับที่จ่านป๋ายกำลังเดินเข้ามา เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาจึงถามว่า “จินเหลียน คุณเลือกได้แล้วหรือครับ?”
“อืม ฉันจะเอาตัวนี้!” ซีเหมินจินเหลียนชี้ให้เขารู้ว่าเป็นงูตัวที่อยู่ในกระจกนี้
“เท่าที่ผมดู ผมว่างูตัวนี้ดุร้ายมากเลยนะ” จ่านป๋ายก็มีความสงสัยว่าทำไมงูตัวนี้ถึงเป็นสีขาวล้วนทั้งตัว?
“ผมก็พยายามโน้มน้าวคุณผู้หญิงไม่ให้ซื้องูตัวนี้อยู่ครับ พวกเราไม่อยากให้ลูกค้าซื้องูที่มีพิษไป”เถ้าแก่พยักหน้าเห็นด้วย
“ฉันตัดสินใจแล้วค่ะว่าจะเอาตัวนี้” ซีเหมินจินเหลียนยืนหยัดมุ่งมันในความต้องการของตน
“ก็ได้ครับ” จ่านป๋ายถอนหายใจ แค่ซื้องูมาทดลอง ต้องซื้อขนาดนี้เลยหรือ
“เถ้าแก่ คุณเสนอราคามาได้เลยนะครับ”
“สองแสนหยวนครับ!” เจ้าของร้านพูดออกมา
“อะไรนะครับ?” สายตาของจ่านป๋ายแสดงความตกตะลึงออกมา ก็แค่งูตัวหนึ่ง ไม่ได้ทำมาจากทองสักหน่อย ทำไมราคาถึงได้ก้าวกระโดดไปถึงสองแสนล่ะ?
“ราคานี้เป็นราคาบอกขาดแล้วครับ ถ้าหากคุณทั้งสองไม่อยากซื้อ ถ้าอย่างนั้นลองเปลี่ยนมาดูงูชนิดอื่นดีไหมครับ” เถ้าแก่หันไปสบตาแล้วพูด
“ตกลงค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนตบปากรับคำ “เสี่ยวป๋าย คุณไปกดเงิน เดี๋ยวฉันรอที่นี่”
จ่านป๋ายยังคงไม่เข้าใจ แต่เมื่อเห็นสายตาที่ซีเหมินจินเหลียนส่งมาให้เขาแล้ว ไม่นานเขาก็รับรู้ได้ในความหมายของเธอ งูตัวนี้คงมากกว่าสองแสนสินะ?
ในระหว่างที่รอจ่านป๋ายไปกดเงิน เถ้าแก่ก็ได้ถามเธออย่างสงสัย “คุณผู้หญิง คุณบอกผมได้ไหมครับว่างูตัวนี้เป็นงูอะไร”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า เธอไม่รู้จริงๆ ว่างูตัวนี้เป็นงูชนิดไหน เธอรู้แค่ว่าเจ้าของเดิมของงูตัวนี้เป็นใครก็แค่นั้น…
“ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณถึงยืนยันที่จะซื้อล่ะครับ?” เถ้าแก่ถามด้วยความสงสัย ราคาที่เขาเปิดขายเป็นราคาที่สูงเกินมาตรฐาน แต่คิดไม่ถึงว่าซีเหมินจินเหลียนยังจะซื้ออีก เพราะอย่างนั้นก็ทำให้เขารู้สึกเสียดายอยู่บ้าง บางทีงูตัวนี้อาจจะมีราคาแพง?
จ่านป๋ายกลับมาจากการถอนเงินสดที่ธนาคาร แล้วส่งไปให้เถ้าแก่ร้าน เถ้าแก่ไม่ได้พูดอะไรหยิบถุงมือหนังแล้วเปิดตู้กระจกนั่นออกมาคว้างูตัวนั้นใส่ตู้กระจกเล็กๆ ให้กับซีเหมินจินเหลียน
ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า “ไม่ต้องใส่ตู้กระจกแล้วค่ะ การที่เอามันมาไว้ในกระจก ก็เป็นการทรมานนางพญางูขาวมากไปแล้ว…”
นางพญางูขาว? จ่านป๋ายไม่เข้าใจ ซีเหมินจินเหลียนจับไปที่งูตัวนั้นอย่างเบามือแล้วพูดว่า “นางพญางูขาว ทำไมเจ้าของของแก ยอมขายแกซะแล้วล่ะ”
งูขาวดมกลิ่นตัวซีเหมินจินเหลียน จากนั้นก็เลื้อยมาคล้องข้อมือเธอราวกับคนรู้จักเก่าแก่ก็ไม่ปาน แนบพิงตัวเธออย่างอบอุ่น
“จินเหลียน งูตัวนี้?” จ่านป๋ายคิ้วขมวด ถามด้วยความแปลกใจอย่างพูดไม่ออก
เถ้าแก่รู้สึกเสียดายจนแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองทิ้ง พระเจ้า งูที่ถูกคนเลี้ยงมานานถึงสิบห้าปี คิดไม่ถึงว่าจะตัวโตเท่านี้…งูตัวนี้ไม่ได้เข้าถึงคนง่าย เขาเลยขายไปถึงสองแสน
ซีเหมินจินเหลียนหยิบกระดาษปากกาเขียนที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของตัวเอง แล้วส่งไปให้เถ้าแก่ “ถ้าหากเจ้าของงูตัวนี้กลับมาอีก รบกวนคุณช่วยบอกเขาด้วยนะคะว่านางพญางูขาวอยู่ที่ฉัน แล้วก็งูปล้องฉนวนนั่นฉันก็เอาด้วยค่ะ รบกวนคุณส่งไปที่ย่านหลานกุ้ยทีนะคะ”
เถ้าแก่ได้ยินอย่างนั้นแล้วก็ตกปากรับคำ ไม่พูดอะไรต่อ จ่านป๋ายได้แต่ส่ายหน้าไม่เข้าใจ สองคนเดินออกจากตลาดฮวาเหนี่ยว ซีเหมินจินเหลียนมองไปที่งูสีขาวที่รัดข้อมือเธอไว้อย่างอบอุ่นแล้วถอนหายใจออกมา
“จินเหลียน เจ้าของงูตัวนี้เป็นใครเหรอครับ” จ่านป๋ายขับรถช้าๆ แล้วถามเธอขึ้น
“ตอนนั้นฉันยังเด็ก” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “เพราะอย่างนั้นเรื่องต่างๆ มากมายฉันก็มักจะคิดว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แต่ว่าตอนนี้ฉันก็ค่อยๆ รู้ว่ายังมีเรื่องอีกมากที่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด อย่างเช่นเรื่องของคุณย่าและอาจารย์ของฉัน เมื่อสิบห้าปีก่อน ฉันก็เคยเจองูตัวนี้ เจ้าของของมันนำมันมา แล้วพักอยู่ที่บ้านเราเกือบครึ่งปี เพราะอย่างนั้นฉันกับมันเลยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
“แล้วเจ้าของงูตัวนี้ เขาเป็นใครกันครับ” จ่านป๋ายรู้สึกว่าเรื่องราวชักจะน่าสนใจขึ้นแล้ว
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันหวังว่าจะพบเจอเขา บางทีฉันอาจจะได้รู้ในสิ่งที่ฉันอยากรู้ก็ได้” ซีเหมินจินเหลียนอย่างอ่อนแรง
หรือว่าจะมีตำนานเล่นหินปิดฟ้าอยู่จริง?
บางทีเธอน่าจะไปถามผู้อาวุโสให้ชัดเจน หินที่เหลือจากการเล่นหินปิดฟ้ามีเวทมนตร์อะไรเกิดขึ้นกันแน่ หรือว่าไม่ใช่หยกธรรมดาๆ?
“จินเหลียน คุณเริ่มเชื่อคำพูดไร้สาระของผู้อาวุโสหูแล้วใช่ไหม” จู่ๆ จ่านป๋ายก็ถามเธอขึ้น
“ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่!” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ฉันแค่อยากซื้อหยก หาเงิน ใช้ชีวิตดีๆ แต่ถ้าหากมีพรหมลิขิตได้เจอบรรพบุรุษเข้าจริงๆ ฉันก็ไม่อยากจะพลาดโอกาสไป”
“งานประมูลน่าจะเสร็จตอนประมาณสามทุ่ม พวกเราน่าจะไปถึงทัน!” จ่านป๋ายตัดบทสนทนาเป็นเรื่องอื่น แล้วถอนหายใจออกมา “บางทีพวกเราน่าจะลองไปดูที่พม่า”
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า เธอก็อยากจะไปลองดูที่พม่าเหมือนกัน หรือเธอควรจะไปหาผู้อาวุโสหูเพื่อสอบถามเขาให้ชัดเจน…
“ตอนนี้เวลายังไม่เท่าไหร่ งานประมูลน่าจะเพิ่งเริ่ม” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ผมไม่ได้รีบไปงานประมูลครับ ผมแค่จะบอกว่า…เราก็ไปที่ที่สนุกๆ กัน” จ่านป๋ายพูดขึ้น
“ที่ที่สนุก?” ซีเหมินจินเหลียนสงสัย
“ฉินเฮ่าก็แพ้ราบคาบไปสิบล้านดอลล่าแล้ว!” จ่านป๋ายหัวเราะเยาะสะใจ
“หา?” ซีเหมินจินเหลียนสติยังคงเลื่อนลอย “เขาก็เล่นพนันเงินเหรอ?”
“เดิมพันชีวิตครับ!” จ่านป๋ายขมวดคิ้วเข้าหากัน “ผมเคยบอกคุณแล้ว ธุรกิจตระกูลของเขามีผลกระทบกับคนรอบข้าง พนันสักครั้งก็ไม่ได้เสียหายอะไร คืนนี้ที่เขาเล่นใหญ่ก็เทียบกับว่าเขากำลังเล่นเป็นเพื่อนแขกก็เท่านั่น”
“พนันเงินยังไม่สำเร็จเลยเนี่ยนะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างหมดอารมณ์ “มีเรื่องให้ทำตั้งเยอะแยะมากมาย แต่เขามาเล่นอะไรแบบนี้เนี่ยนะ?”
“ไปงานประมูลกันก่อนเถอะครับ เราไปดูสักหน่อย จินเหลียน โลกนี้ก็เป็นแบบนี้ล่ะ คนยอมตายเพราะเงินทอง นกยอมตายเพราะหาอาหาร พนันเงิน เดิมพันหยก ไม่ใช่อย่างนี้หรอกเหรอครับ?” จ่านป๋ายยิ้มหัวเราะ น้ำเสียงปล่อยวาง เรื่องที่ดำมืด ซีเหมินจินเหลียนไม่เคยพูดถึง แต่ตอนนี้เขาอยากจะสอนเธอให้รู้สักหน่อย