ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 64 เดิมพันคน
เวลาสี่ทุ่มยี่สิบนาที มีพนักงานเดินเข้ามาเชิญฉินเฮ่าไป
ห้องหรูหราขนาดใหญ่ เป็นธรรมดาที่ทุกอย่างถูกเตรียมตัวไว้อย่างเหมาะสม โต๊ะกลมที่ขนาดใหญ่นั้นมีคนนั่งอยู่สามคน หนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งแต่งกายดูดี ลักษณะคล้ายชายหนุ่มที่สง่างาม เขาเข้ามาทักทายซีเหมินจินเหลียนก่อนเป็นอันดับแรก “คุณคงเป็นซีเหมินจินเหลียนคนสวยสินะครับ?”
“คุณคือ?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างแปลกใจ ชื่อเสียงของเธอโด่งดังตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
“น้องของผมคงไม่เคยแนะนำผมให้คุณฟังเลยสินะครับ ผมแซ่ฉินครับ!” ฉินซินยิ้ม
ฉินเฮ่าเงยหน้าขึ้นไปมองเขาถึงค่อยพูดว่า “จินเหลียน ผมจะแนะนำให้คุณรู้จัก คนนี้เป็นพี่ชายของผมชื่อฉินซิน ส่วนด้านนั้นเป็นราชานักพนันจากญี่ปุ่น คุณซาโต้อิจิโร่” เขาโค้งคำนับให้กับซีเหมินจินเหลียน “คุณซีเหมิน!”
ซีเหมินจินเหลียนฉีกยิ้มเบาบาง นับเป็นการกล่าวทักทาย สายตาตกไปอยู่ที่ผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง หน้าตาธรรมดา แม้แต่การแต่งกายยังเรียบง่าย ตามความรู้สึกแล้วคนนี้น่าจะเป็นคนจีน แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อซีเหมินจินเหลียนเห็นเขาคนนี้แล้วรู้สึกถึงความกดดันขึ้นมา
ตั้งแต่ไหนแต่ไรเธอก็ไม่เคยมีความรู้สึกผิดแปลกแบบนี้มาก่อน เธออยากจะรู้ว่าคนคนนี้เป็นใคร
แต่เห็นได้ชัดเจนว่าฉินเฮ่าก็ไม่รู้จักคนๆ นี้เช่นกัน ได้แต่มองเขา ฉินซินยิ้มพร้อมพูดว่า “คุณซีเหมิน ผมจะแนะนำให้รู้จักครับ ท่านนี้คืออาจารย์จง”
“ผมจงขุยครับ” ผู้ชายวัยกลางคนเผยยิ้มออกมา สายตาของเขาเฉียบคมเหมือนใบมีด มองไปที่ใบหน้าของซีเหมินจินเหลียน จากนั้นก็กวาดตามองทั้งตัว ก่อนจะย้ายไปมองจ่านป๋าย
“นี่เป็นเพื่อนของผม คุณซีเหมินจินเหลียนและคุณจ่านมู่หรง!” ฉินเฮ่าแนะนำพวกเขาทั้งคู่
คิดไม่ถึงว่าแซ่จงคนนั้นจะชื่อขุย? ถ้าหากไม่ได้มีสถานที่มาขัด ซีเหมินจินเหลียนคงอยากถามมากว่าเขาสามารถจับผีได้หรือเปล่า ชื่อนี้มีความน่าสงสัยนิดหน่อย
“คุณชายมู่หรง แน่นอนว่าผมต้องรู้จักอยู่แล้ว” ฉินซินยิ้มพลางเดินเข้ามา ยื่นมืออย่างสนิทสนมไปพาดไว้ที่ไหล่ของจ่านป๋าย “คุณชายมู่หรงยิ่งอยู่ยิ่งทำตัวง่ายๆ สบายไปวันๆ นะครับ ไม่เหมือนกับผมที่ยุ่งตั้งแต่เช้ายันดึก”
จ่านป๋ายยิ้มอ่อน “เป็นเพราะคุณปล่อยวางอำนาจชื่อเสียงไม่ได้ต่างหากล่ะ คิดๆ ไปก็สามปีแล้วสินะที่พวกเราไม่ได้เจอกัน”
“ใช่แล้ว แต่ว่าผมก็มีความสงสัยอยู่บ้างว่าคุณชายมู่หรงกลายเป็นบอดี้การ์ดของคุณซีเหมินได้ยังไงกัน?” ฉินซินขมวดคิ้วหันไปมองซีเหมินจินเหลียน
ซีเหมินจินเหลียนได้แค่มองเขาแล้วลากเก้าอี้ไม้แกะสลักนั่งลงไป สำหรับฉินซิน เธอไม่ได้เกลียดอะไรเขา เพราะสนใจแต่หน้าที่อย่างเดียว เพียงแค่อำนาจชื่อเสียงเท่านั้น เลยใช้ชีวิตยุ่งเหยิงไปวันๆ แบบนั้น
ตั้งแต่ที่เธอก้าวเท้าย่างกรายเข้ามาในห้องวีไอพีนี้ ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ก็เหมือนเข้าใจอะไรได้ ทำไมคนมากมายถึงยอมที่จะแก่งแย่งชิงดีชื่อเสียงผลประโยชน์กันนัก? ไม่มีเงิน ชีวิตในชาตินี้เธอคงไม่สามารถเข้ามาในคลับแบบนี้ได้ ชาตินี้คงไม่สามารถนั่งร่วมโต๊ะกับคนเหล่านี้
“ได้เป็นบอดี้การ์ดให้คนสวย นั่นเป็นเกียรติของผมแล้ว!” ข้างหูของซีเหมินจินเหลียน มีเสียงของจ่านป๋ายแทรกเข้ามา
“จริงสินะ” ฉินซินยิ้ม
“ขอโทษที่ผมมาสายไปหน่อย” เสียงที่ระรื่นหูดังขึ้นมาจากประตู
ซีเหมินจินเหลียนหันหน้าไปมองอย่างอึ้งๆ แต่ในขณะนั้นเธอก็ตกอยู่ในภวังค์แห่งความหลงใหล ผู้ชายคนหนึ่งจำเป็นต้องหล่อขนาดนี้เลยหรือ?
เธอยอมรับว่าหลินเสวียนหลานก็ถือว่าเป็นผู้ชายหล่อเหลาแล้ว แต่ผู้ชายคนนี้เหมือนจะหล่อกว่าเขาสีกหน่อย รูปร่างสูงสง่า ชุดที่ตัดเย็บอย่างละเอียด เส้นด้ายที่ประณีต ทำให้ขับรูปร่างอันสมบูรณ์แบบในตัวของเขา จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตากลมโต เสริมด้วยผิวขาวใสราวกับเด็ก รอยยิ้มที่สุภาพนุ่มนวล
ผู้ชายคนนี้เหมือนกับจ่านป๋าย เวลายิ้มดูสุภาพอ่อนโยน! ซีเหมินจินเหลียนคิดในใจ แต่ขณะนั้นก็รู้แล้วว่าคนนี้เป็นใคร เขาก็คือจ่านมู่ฮวา พี่ชายของจ่านป๋าย…
เพียงแต่ลักษณะภายนอกของเขาดูมีความเจ้าเล่ห์หลอกลวงมากกว่า ดูแล้วเหมือนจ่านป๋ายจะเป็นพี่เสียมากกว่า
“มู่หรง ทำไมแกก็อยู่ที่นี่ด้วย?” สายตาของจ่านมู่ฮวาตกไปที่จ่านป๋าย พร้อมเจตนาถามออกมา
จ่านป๋ายหัวเราะน้อยๆ “ฉันแค่มาเป็นเพื่อนคุณซีเหมิน ดูอะไรสนุกๆ นะ”
มุมปากของซีเหมินจินเหลียนยกขึ้นอย่างมีเลศนัย ฉินเฮ่าก็ยิ้มออกมาเช่นกัน ฉินซินยุ่งกับการแนะนำตัวให้ทุกคนรู้จักกัน เมื่อแนะนำถึงซีเหมินจินเหลียน แววตาของจ่านมู่ฮวาก็เปล่งประกายขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“ในเมื่อมาครบกันทุกคนแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราก็มาเริ่มกันเถอะ!” ฉินซินพูดพลางตบมือสองที
ข้างนอกมีพนักงานสองคนมาเตรียมอุปกรณ์การเล่นพนัน เมื่อสักครู่เกือบจะเครียดเกินไป แต่ตอนนี้ซีเหมินจินเหลียนก็คลายความกังวลลงแล้ว คาสิโนชิป เธอก็เคยเห็นก็แต่ในโทรทัศน์ พอตอนนี้มาเห็นด้วยตาตัวเองก็รู้สึกตื่นเต้นและสนใจขึ้นมา
“จะเล่นยังไง” ฉินเฮ่าถาม
“ลูกเต๋านี่ ตั้งแต่อดีตต่างมีกฎของมัน วิธีการเล่นค่อนข้างซับซ้อน แต่ฉันว่าพวกเราเล่นแบบวิธีง่ายๆ กันดีกว่า นายคิดว่ายังไง?” ฉินซินถาม
“ทายสูงต่ำ?” ฉินเฮ่าขมวดคิ้วถาม
“ใช่!” ฉินซินยิ้ม “วิธีที่ง่ายที่สุด บางครั้งอาจจะยากที่สุด ทั้งสองฝ่ายต่างทอยลูกเต๋าสามครั้ง แล้วฝ่ายตรงข้ามคาดเดา วางเงินอย่างต่ำสิบล้าน ถ้าหากเห็นความเป็นไปได้ อยากจะเพิ่มเงินก็ได้ พวกเราไม่ต้องใช้คนมาช่วยหรอก ทอยกันเอง ฉันก็ไม่ไว้ใจคนพวกนี้ เป็นยังไง?”
“ยุติธรรมดี!” ฉินเฮ่าพยักหน้า “ในเมื่อนายเป็นพี่ ครั้งแรกนายทอยก่อน ฉันจะทายเอง!”
“ตกลง!” ฉินซินพยักหน้า นำของทุกอย่างวางไว้บนโต๊ะ ในเวลาเดียวกันพนักงานก็เคลื่อนย้ายโต๊ะพนันมาโดยเฉพาะ ฉินเฮ่ามองไปยังจ่านป๋าย
จ่ายป๋ายรู้ในเจตนาของเขา จึงเดินไปตรวจตราอย่างละเอียดอีกรอบ เมื่อเห็นว่าไม่มีความผิดปกติใดๆ จึงพยักหน้ามองไปที่เขา ฉายาของฝ่ายตรงข้ามเป็นราชาแห่งการพนันญี่ปุ่น เขาก็เดินเข้าไปตรวจเช็คความเรียบร้อยอีกรอบเช่นกัน จากนั้นเขาคนนั้นคว้าโถใส่ลูกเต๋าขึ้นมาเขย่าเพื่อทอย
ลูกเต๋าสามลูก โถที่ทำมาจากกระบอกไม้ไผ่เปิดให้เห็นเลข สไตล์คลาสสิคสื่อให้เห็นถึงความเรียบง่ายหรูหรา ยากที่จะคาดเดา การเล่นชนิดนี้ไม่รู้ว่าเคยทำให้คนมากมายเท่าไหร่ล้มละลายลงไปบ้าง
การเล่นประเภทนี้ ซีเหมินจินเหลียนเคยเห็นในโทรทัศน์มาก่อน เดิมทีเธอคิดว่านี่เป็นการนำเสนอของในประวัติศาสตร์ คิดไม่ถึงว่าจะมาอยู่ตรงหน้าของเธอ
จ่านป๋ายหลับตาลงรวบรวมสมาธิในการฟังเสียงของลูกเต๋าที่กระทบกระแทก
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย วิธีที่เขาใช้ในการทอยลูกเต๋าช่างธรรมดา มันเหมือนคนธรรมดาที่ธรรมดาสุดๆ แล้ว เขาแค่หยิบขึ้นมาเขย่าแล้วทอยลงไปไม่ได้ใช้วิธีที่ซับซ้อนเหมือนในโทรทัศน์
โถเขย่าลูกเต๋าถูกวางไว้อยู่บนโต๊ะ สายตาของทุกคนจ้องมองไปที่จ่านป๋าย
ซีเหมินจินเหลียนจ้องมองไปที่กระป๋องใส่ลูกเต๋า ใจเต้นแรง เธอนั่งข้างโต๊ะ ถ้าหากยื่นมือไปสัมผัสที่โต๊ะ คงจะได้ใช้ความสามารถในการมองทะลุและสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าในโถเขย่าเป็นเลขอะไร เมื่อคิดได้เช่นนั้นใจของเธอก็เต้นแรงไม่หยุด
จ่านป๋ายเบิกตาขึ้นหยิบคาสิโนชิปพร้อมโยนออกไป “สิบสี่แต้ม สูง!”
เพื่อความยุติธรรม แน่นอนว่าจะไม่ใช่ซาโต้อิจิโร่ที่เป็นคนเปิดโถเขย่าลูกเต๋า และไม่สามารถใช้คนที่อยู่ในทีมของทั้งสองฝ่ายมาช่วยเปิด เพราะฉะนั้นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ ย่อมตกไปอยู่ที่ผู้เชี่ยวชาญของคลับหยกนี่
ผู้เชี่ยวชาญเดินเข้ามาพับแขนเสื่อขึ้น ก่อนแบมือให้ทุกคนดู เพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้นำสิ่งใดติดมากับตัว ถึงเริ่มยื่นมือไปจับโถเขย่าลูกเต๋านั่น
ลูกเต๋าสามลูก วางอยู่บนจานเซรามิกสีขาวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
สองอันเป็นหนึ่ง อีกอันเป็นสอง รวมกันเป็นสี่ ซีเหมินจินเหลียนและฉินเฮ่ามองไปที่จ่านป๋ายอย่างสงสัย ถึงจะฟังผิด แต่ก็ไม่น่าจะผิดพลาดจนเห็นได้ชัดขนาดนี้?
จ่านป๋ายหัวใจเต้นแรงมองไปที่ซาโต้อิจิโร่แต่ไม่ได้ส่งเสียงอะไร
ตานี้ไม่ต้องพูด ฉินเฮ่าแพ้แล้ว ครั้งต่อไปเป็นตาที่จ่านป๋ายต้องเขย่าลูกเต๋า ฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่ซาโต้อิจิโร่ที่เป็นคนทายลูกเต๋า แต่เปลี่ยนเป็นชายลึกลับอย่างอาจารย์จง
จ่านป๋ายไม่ได้ใช้กลวิธีซับซ้อนอะไร เขย่าอย่างพอดีแล้ววางไปบนโต๊ะ
จงขุยจ้องไปที่โถเขย่าลูกเต๋าแล้วโยนเงินยี่สิบล้านไป “สิบสองแต้ม!”
ไม่ต้องรอให้ผู้เชี่ยวชาญมาเปิดกระป๋อง สีหน้าของจ่านป๋ายก็ไม่สู้ดีนัก อย่างน้อยใจเขารู้ดีกว่าใครว่าอาจารย์จงคนนี้ทายถูกแล้ว
รอบแรกคิดรวมกันแล้ว ฉินเฮ่าก็แพ้ไปสามสิบล้าน ฉินซินยิ้มอย่างพอใจ แต่สีหน้าของฉินเฮ่าและจ่านป๋ายไม่สู้ดีอย่างเห็นได้ชัด
ครั้งที่สองเริ่มขึ้น ยังคงเป็นซาโต้อิจิโร่ที่เตรียมตัวในการเขย่าลูกเต๋าในโถ ในขณะที่จ่านป๋ายเตรียมตัวจะฟัง ซีเหมินจินเหลียนก็พูดแทรกออกมา “เดี๋ยวก่อนค่ะ”
“มีอะไรหรือครับ คุณผู้หญิงคนสวย มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ฉินซินถามขึ้นยิ้มๆ
“เสี่ยวป๋าย ฉันขอลอง” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“เอ่อ..” จ่านป๋ายและฉินเฮ่าไม่เข้าใจ เปลี่ยนให้เธอเล่น? นี่ก็ได้เหรอ?
“จินเหลียน นี่ก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะครับ” ฉินเฮ่าพูด ถ้าเป็นการพนันธรรมดา ซีเหมินจินเหลียนอยากจะเล่น เขาคงยินดีเป็นอย่างมาก แต่นี่เป็นเรื่องที่เขาและพี่ชายของเขาพนันกันด้วยชีวิตนะ
“ฉันรู้ค่ะ ถ้าหากฉันแพ้ เดี๋ยวฉันชดใช้เอง!” แววตาของซีเหมินจินเหลียนส่องประกายวิบวับ ช่างเป็นเสน่ห์ที่บรรยายออกมาด้วยคำพูดได้ยาก ทำให้คนที่พบเห็นปฏิเสธออกมาไม่ได้
“ฉินเฮ่า ให้จินเหลียนลองเถอะ” จ่านป๋ายได้ยินเช่นนั้นก็ถอยหลังก้าวหนึ่งเพื่อสละตำแหน่งให้เธอ ในใจก็นึกถึงงูที่ถูกเธอจ้องมองอยู่บนพื้น…
“คุณซีเหมินอยากจะลองเล่นดูเหรอครับ” ฉินซินหัวเราะ “ถ้าครั้งนี้คุณเล่นแทนน้องชายผมก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ เดิมทีก็พูดกันไว้แล้วว่าทั้งสองฝ่ายสามารถเชิญเพื่อนมาได้ แต่ว่า คุณซีเหมินสนใจอยากจะเพิ่มของเดิมพันไหมครับ”
“คุณอยากจะพนันยังไงคะ” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วถาม
“เดิมพันด้วยเขา!” จู่ๆ ฉินซินก็ชี้ไปที่จ่านป๋าย “ถ้าผมชนะ คุณซีเหมินต้องให้บอดี้การ์ดคนนี้กับผม เป็นยังไงครับ?”
“แล้วถ้าคุณแพ้ล่ะคะ คุณจะให้จ่านมู่ฮวามาชดใช้กับฉันไหม?” ซีเหมินจินเหลียนพูดไปทางจ่านมู่ฮวา “ถึงแม้ว่าฉันจะไม่มีงานอดิเรกพิเศษอะไร แต่เขาก็หล่อเหลาเอาการ ถ้าเอาไปขายคงจะคืนกำไรมาได้บ้าง” พูดพลางเจตนามองไปที่จ่านมู่ฮวา ถ้าหากอยากจะชนะคนคนนี้ เธอคงต้องพูดโจมตีเขาไม่หยุด คิดไม่ถึงว่าฉินซินจะใช้วิธีนี้ มันทำให้เธอรู้สึกแปลกใจ
แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมาย จ่านมู่ฮวาไม่ได้โกรธอะไร
“คุณซีเหมินสนใจในตัวผมเหรอครับ?” จ่านมู่ฮวายิ้มอย่างอ่อนโยน “ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ผมก็ไม่ได้รังเกียจที่จะเป็นของเดิมพัน แต่พวกเราน่าจะเปลี่ยนวิธีการเล่นสักหน่อย เพราะเป็นการพนันคน มันมีความเสี่ยงสูง”