ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 68 นี่เพิ่งแค่เริ่มต้น
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สายตาของทุกคนก็จับจ้องมองไปที่จ่านมู่ฮวา ในเวลานี้ซีเหมินจินเหลียนก็หันไปหาหัวหน้าผู้เชี่ยวชาญในการสอนของคลับนี้ แน่นอนว่าในครั้งนี้บุคคลทั่วไปไม่สามารถที่จะเข้าร่วมได้ เพียงแค่อยากจะให้จ่านมู่ฮวาเห็นดีก็เท่านั้น
อย่าพูดถึงเธอตอนนี้ที่ชนะในการนัดพนันรอบนี้เลย ถึงจะนัดกันอีกสักรอบ จ่านมู่ฮวาก็ต้องติดค้างเธออีกครั้งแน่
แต่ทุกคนรู้ดีว่าอย่าพูดถึงคนอวดเก่งอย่างจ่านมู่ฮวาเลย ถึงแม้จะเป็นผู้ชายธรรมดาก็คงไม่ยอมมาเล่น sm แบบนี้ ทหารฆ่าได้แต่หยามไม่ได้
“คุณซีเหมิน คุณไม่ได้คิดจะเล่นจริงๆ หรอกใช่ไหมครับ” จ่านมู่ฮวาหันไปมองจ่านป๋าย ก่อนจะเดินไปตรงหน้าเธอ เพราะว่าซีเหมินจินเหลียนนั่งอยู่ เขาเลยย่อตัวยื่นมือไปจับผมที่อยู่ตรงหน้าผากข้างหน้าเธอ “ความจริงแล้ว ถ้าหากคุณซีเหมินอยากจะเล่นจริงๆ ผมก็ไม่สนใจถ้าหากคุณจะลงมือเอง”
เพียะ! เสียงนั้นดังขึ้นอย่างชัดเจน จ่านมู่ฮวาเห็นเงาสีขาวที่ด้านหน้าของตัวเอง ได้แต่หลบหลีกอย่างร้อนรน แต่ด้วยความเร็วของเงาขาวนั้น ความเร็วของเขาก็ไม่อาจต้านทานได้ หลบที่หน้าได้ แต่เงาขาวก็ได้ตีหนักหน่วงไปที่คอของเขาแทน ความปวดแสบปวดร้อนกำลังแผดเผาคอสีขาวกระจ่างใสของเขา…
จ่านมู่ฮวายื่นมือไปลูบไล้ตรงบริเวณนั้น ผิวที่คอจะเป็นผิวที่นุ่มกว่าตรงอื่นเป็นธรรมดา ตอนนี้เห็นได้ชัดว่ามีรอยช้ำเลือด ในตอนนี้เขาถึงเห็นอย่างชัดเจนว่าสิ่งที่ทำร้ายเขาเป็นของเล่นอะไรกันแน่ มือขวาของซีเหมินจินเหลียนมีงูสีขาวพันรัดไว้ งูสีขาตัวเล็กที่นุ่มนิ่ม…
งูที่ตัวเล็กกระจิดริดแค่นี้ คิดไม่ถึงว่าจะมีแรงมหาศาลขนาดนี้ ภายใต้การโจมตีนั่น ถ้าหากโดนที่ใบหน้า เกรงว่าผิวที่หน้าคงจะต้องเจ็บสาหัสไม่เบา ถ้าไม่ใช่เพราะเขาหลบหลีกอย่างรวดเร็ว คืนนี้คงต้องเจ็บปวดรวดร้าวแน่
จ่านป๋ายยิ้มเยาะอย่างสะใจ พร้อมมองไปที่จ่านมู่ฮวา เขาเข้าใจเขาดี ตามนิสัยของเขาคงไม่อดทนกับเรื่องน่าอับอายแบบนี้แน่
แต่เหนือความคาดเดาของเขา สายตาของจ่านมู่ฮวาเป็นประกาย จากนั้นก็ลูบไล้ไปที่รอยแผล เหมือนจะมองซีเหมินจินเหลียนด้วยความสงสัย…
เป็นเพราะเธอผิดปกติ หรือว่าตนเองผิดปกติกันแน่? ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนสามารถปฏิเสธเขาได้ เรื่องนี้เขามั่นใจเป็นอย่างมาก ทั้งรูปร่างหน้าตา ฐานะที่บ้าน เสริมสร้างกับสไตล์ที่เป็นที่ต้องการ ไม่ว่าเขาอยากได้ผู้หญิงแบบไหน เขาก็ไม่ต้องใช้แม้กระทั่งเงิน แต่ผู้หญิงคนนี้กลับไม่ได้เห็นการมีตัวตนของเขา อยู่ๆ ก็จัดการเขาเสียอย่างนั้น
“ผิวนี่ก็ไม่เลวเลย เมื่อมีรอยฟาดแบบนี้แล้วยิ่งสวยเข้าไปใหญ่” ซีเหมินจินเหลียนสางผมไปมา ก่อนจะหัวเราะขึ้น “คุณจ่านคะ ถ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว ก็ควรเริ่มได้แล้วนะคะ ฉันรอดูอยู่นะ”
ถึงแม้ฉินซินจะแพ้เดิมพันจนหมดตัว แต่เวลานี้เขากลับมีความคิดที่น่าสนใจ คุณชายของตระกูลจ่าน ถ้าหากให้คนมาจัดฉากการแสดงจริงๆ หึๆ…
เขาก็ไม่รู้ว่านี่มันเป็นความคิดอะไรกัน แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นฝ่ายเดียวกัน แต่ทำไมเขาก็ยังยิ้มเยาะเมื่อคิดถึงผิวของจ่านมู่ฮวาที่ดูดีเช่นนั้น
จ่านป๋ายมีความรู้สึกกังวลเล็กน้อย เขามองย้ำไปที่จ่านมู่ฮวาอยู่หลายรอบ
“คุณซีเหมิน เรามาทำข้อตกลงกันสักหน่อยเป็นอย่างไรครับ?” จ่านมู่ฮวาสัมผัสไปที่รอยแผลบนคอของเขาแล้วย่นคิ้ว “วันนี้ผมเหนื่อยมากจริงๆ เดิมพันของคุณผมขอติดไว้คราวหลังได้ไหม”
“หรือคุณจ่านอยากจะใช้เวลาเตรียมตัวให้ดี พอคัดค้านไม่ได้ ก็เลยเลือกที่จะเสพสุขดีกว่า อย่างนั้นหรือคะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มเสียดสีเขา
“คงจะเป็นอย่างนั้นครับ” จ่านมู่ฮวายิ้ม “คุณซีเหมินคงไม่เคยเห็นการแสดงจริงๆ สินะครับ บางทีคุณควรจะรู้สึกสักหน่อย ผมก็ตื่นเต้นที่จะถูกคุณสั่งสอน”
จ่านป๋ายงงงัน ฉินเฮ่าก็ยังคงไม่ได้สติ นี่เป็นคำพูดที่จ่านมู่ฮวาพูดออกมาอย่างนั้นหรือ?
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ เมื่อฉันมีเวลาแล้วค่อยมาทำความรู้จักกับโชว์ของจริง ให้ผู้เชี่ยวชาญของที่นี่สอนสักรอบหน่อย จากนั้นจัดการคุณเสร็จ แล้วค่อยขายการแสดงให้กับที่นี้ คุณหน้าตาสวย ค่าแสดงคงไม่น้อย อนาคตฉันก็คอยพึ่งค่าตั๋ว ก็คงไม่อดตายแล้ว!” ซีเหมินจินเหลียนพูดพลางยืนขึ้น ต้องการที่จะให้จ่านมู่ฮวามาแสดง นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่เธอก็หาคำปลอบใจเล็กน้อย อย่างน้อยก็ได้สั่งสอนเขาสักหน่อย
“เสี่ยวป๋าย พวกเรากลับกันเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนหันหน้าไปคุยกับจ่านป๋าย
“ก็ดีครับ ตอนนี้เวลาก็จะเช้าแล้ว พวกเราสมควรกลับกันได้แล้ว” จ่านป๋ายลุกขึ้นยืนแล้วคล้องแขนซีเหมินจินเหลียนไว้พร้อมคุยกับจ่านมู่ฮวา “พี่ พี่ก็พักผ่อนเร็วๆ หน่อยเถอะ นอนดึกเกินไปจะทำให้ผิวไม่ดี ถ้าหากแก่แล้ว พี่ก็คงไม่มีอะไรที่ดูดีแล้วล่ะ”
สายตาของจ่านมู่ฮวาจ้องมองเขาอย่างอาฆาตแค้น แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขายินดีที่จะพนันและยอมรับในการพ่ายแพ้ ถึงแม้ว่าอยากจะปฏิเสธ แต่วันนี้ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเอ่ยปากออกมาท่ามกลางสถานที่แบบนี้
“พี่ฉิน คุณอย่าลืมเก็บของเดิมพันมาด้วยนะคะ” ซีเหมินจินเหลียนหันหลังมองไปที่ฉินเฮ่าแล้วยิ้ม โปรยเสน่ห์แพรวพราวออกมา
ฉินเฮ่ามองอย่างตกตะลึง ส่วนจ่านมู่ฮวาและฉินซินก็สับสนเช่นกัน ครั้งแรกที่ผู้หญิงคนนี้ปรากฏตัวขึ้น เธอก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงได้ขนาดนี้ แต่เมื่อยิ่งมองเท่าไหร่ก็ยิ่งอยากจะมองต่อไป
“พี่ใหญ่ ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนี้ ผมขอให้พี่นำทรัพย์สมบัติที่อยู่ในชื่อพี่โอนมาเป็นชื่อผมด้วยนะ!” ฉินเฮ่าพูดออกไป
ภายในห้องหรูหราที่ถูกจองไว้ ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ฉินซินและจ่านมู่ฮวา
จ่านมู่ฮวาอดไม่ได้ที่จะลูบไล้ไปที่รอยแผลบนคอของเขา ก่อนจะถามขึ้น “เป็นยังไงบ้าง”
“ผมได้รับข้อมูลมาแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อย” ฉินซินยกยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็น ไม่รู้สึกว่าตัวเองแพ้ย่อยยับในการพนันครั้งนี้ แต่กลับเป็นการเพิ่มความมั่นใจเข้าไปอีก
“แต่ผมหวังว่าเรื่องทุกอย่างจะเป็นอย่างที่คิดไว้ ผมก็มองคนไม่ผิด ไม่อย่างนั้นคงต้องสูญเสียหนักแน่ๆ ผมน่ะไม่มีอะไรต้องเสีย ก็แค่แพ้ให้กับการแสดงฉากหนึ่งเท่านั้น แต่คุณหต้องสูญเสียทรัพย์สินไป” จ่านมู่ฮวายิ้มอ่อน
“ซีเหมินจินเหลียนนั่น…” ฉินซินถามอย่างสงสัย
“ผมสนใจเธอ คุณอย่าได้แตะต้องเชียว” จ่านมู่ฮวาพูดออกไปตามตรง ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่เคยปฏิเสธเขามาก่อน ความรู้สึกนี้มันก็ช่างแปลกใหม่ท้าทาย
“ผู้หญิงที่สวยมีตั้งมากมาย ผมไม่สนใจหรอกนะ!” ฉินซินยิ้มอ่อน รอยยิ้มมีแต่ความเจ้าเล่ห์แอบแฝง “ผู้หญิงสวยมักมีพิษร้าย คุณก็ควรระวังไว้หน่อยเถอะ”
จ่านมู่ฮวารู้สึกว่าบาดแผลที่คอของเขาค่อยๆ รู้สึกเจ็บมากขึ้น ในใจก็มีความรู้สึกเจ็บปวดจี๊ดๆ ความรู้สึกนี้ก็ช่างน่ามหัศจรรย์
“ถึงจะมีพิษ แต่ผมก็เจอมาเยอะแล้ว!” จ่านมู่ฮวายิ้มอ่อน
“อย่างนั้นก็ดี ผมฝากให้คุณช่วยจัดการด้วยแล้วกัน!” ฉินซินยิ้ม “คืนพรุ่งนี้ คุณอาจจะได้ในสิ่งที่ขอไว้ แน่นอนตัวขัดขวางปัญหาก็คือน้องของคุณ ถ้าจัดการเขาได้ แพนโดร่าคนนั้นอาจจะยอมรับคุณก็ได้?”
“พิชัยสงครามบทที่สามสิบหก กล่าวไว้ว่าต้องทำให้เสือออกจากถ้ำ!” จ่านมู่ฮวาพูด
“น้องชายของผมคนนั้น สองสามวันนี้คงจะยุ่งกับการเตรียมตัวรับของบริษัทของผม คงไม่มีเวลามาสนใจคนรอบข้าง เรื่องของตระกูลหลินก็ยุ่งมาสักพักหนึ่งแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าหากคุณต้องการ พรุ่งนี้ก็เริ่มได้เลย สิ่งที่คุณมีคือเวลา” ฉินซินยิ้มอย่างพึงพอใจ
จ่านมู่ฮวาหยิบแก้วของตัวเองแล้วรินไวน์แดงใส่แก้ว รินกระดกหนึ่งช็อต
ที่บานประตูมีเสียงเคาะเสียงหนึ่งดังขึ้น ฉินซินจึงพูดว่า “เข้ามา!”
ชายรูปร่างอ้วนวัยกลางคน เดินนอบน้อมเข้ามาด้วยเคารพ ในมือมีโถเขย่าลูกเต๋าอยู่
“เป็นยังไงบ้าง” ฉินซินถาม
“คุณชาย คุณดูนี่สิครับ” ชายอ้วนวัยกลางคนเปิดโถเขย่าออกมา ภายในยังคงว่างเปล่า ไม่มีอะไรทั้งสิ้น ชายอ้วนวัยกลางคนนำโถเขย่าลูกเต๋ามาแล้วส่งไปให้
ฉินซินมองดูแวบหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“เป็นอะไรไปเหรอ” จ่านมู่ฮวาถามขึ้นด้วยความสงสัย
“คุณดูเอาเองแล้วกัน!” ฉินซินโยนโถเขย่าไป จ่านมู่ฮวารับมาไว้ในมือ พลิกไปมาอย่างละเอียด ที่ข้างในด้านบนสุดของโถเขย่าลูกเต๋า มีลูกเต๋าสามลูกเต๋าอยู่ในนั้น ลูกเต๋าเหล่านี้ราวกับตายฝังตัวอยู่ในโถลูกเต๋า ถ้าพูดให้ถูกก็คือลูกเต๋าสามลูกได้รวมตัวไปเป็นหนึ่งเดียวกับโถเขย่าแล้ว ถ้าหากไม่สังเกตดูก็ดูไม่ออก
“เธอทำได้ยังไงกัน?” จ่านมู่ฮวาถามอย่างสงสัย
“คุณถามผม แล้วผมจะไปถามใครล่ะ” ฉินซินถอนหายใจแล้วพูดกับชายอ้วนวัยกลางคน “ผู้ที่เข้าใจใจคน คุณน่าจะรู้ว่าควรทำยังไง?”
ชายอ้วนวัยกลางคนมีเหงื่อไหลซึมออกมา ได้แต่รีบร้อนพยักหน้าพร้อมโค้งคำนับแล้วเดินจากไป
“ตอนนั้นเวลาก็รวดเร็วมาก “จ่านมู่ฮวายังคงเล่นแก้วคริสตัลอย่างสนอกสนใจ ครุ่นคิดคาดเดาถึงความเป็นไปได้และความเป็นไปไม่ได้
มือถือของฉินซินมีเสียงดังขึ้นมา ฉินซินหยิบมือถือขึ้นมาและยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วพูดกับจ่านมู่ฮวา “ถึงเวลานี้แล้ว!” พร้อมกดปุ่มรับ
เสียงในโทรศัพท์ จ่านมู่ฮวาแอบฟังไม่กี่คำ แต่ก็ยังคงไม่ชัดเจนกระจ่างหู แต่ฉินซินขมวดคิ้วค่อยๆ ลึกขึ้น
“รู้แล้ว!” ฉินซินรีบวางสาย
“เป็นอะไรไป เรื่องไม่เป็นตามที่คิด?” จ่านมู่ฮวาพิงเก้าอี้แล้วเล่นแก้วคริสตัล
“ผู้อาวุโสหูหายตัวไป พวกเรายังไม่ได้จัดการ!” ฉินซินพูด
จ่านมู่ฮวาลุกขึ้นยืน ผู้อาวุโสหูหายตัวไปดื้อๆ? โชคดีเขาไม่ได้เชื่อฉินซินทั้งหมด แถมยังเตรียมแผนสำรองไว้ ซีเหมินจินเหลียนสามารถชนะการพนันในวันนี้ ในใจเขาก็คิดแต่ความเป็นไปไม่ได้ ซีเหมินจินเหลียนเก่งกาจขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นแล้วผู้อาวุโสหูที่ลึกลับคนนั้น?
การหายตัวไป บางครั้งก็อาจเป็นเรื่องดี อย่างน้อยก็ดีกว่าอายุแก่ปูนนี้แล้วต้องตกไปอยู่ในมือของฉินซิน ทำให้เขาไหวตัวทันก้าวไปก่อนหนึ่งก้าวนั่นล่ะดีแล้ว การพนันที่แท้จริงเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
“ทุกอย่างยังคงทำตามแผนเดิม หาราชาหยกให้เจอ!” ฉินซินยิ้ม หายแต่ไม่ได้แปลว่าจะหมดหวัง ขอแค่เขายังไม่ตาย เขาก็ไม่รีบร้อน ขอแค่เขาคอยสะกดรอยตาม จับตามองดูซีเหมินจินเหลียน เขาก็ไม่เชื่อว่าเขาจะไม่ปรากฏตัว
“ทางฝั่งตระกูลหลินก็เริ่มแล้ว ถ้าอยากจะหยุดเรื่องทั้งหมดคงไม่ทันแล้ว!” จ่านมู่ฮวารินไวน์แดงลงแก้วตัวเองอีกครั้งกระดกเข้าไปในปาก เขาหมุนตัวอย่างมีคลาส “ชายชราหลินคนนั้น น่าจะอยู่ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงหรอก”
…
ซีเหมินจินเหลียนเหนื่อยมาก เพราะฉะนั้นเธอกลับไปยังย่านหลานกุ้ยก็อาบน้ำรีบเข้านอน ส่วนนางพญางูขาวก็ไม่ต้องทำให้เธอกลัดกลุ้มกังวลใจ มันรีบเลื้อยไปที่ต้นไม้สีขาวที่อยู่ในสวนดอกไม้แล้วอยู่บนนั้น ใช้ชีวิตอยู่ในสวนอย่างมีความสุข
ซีเหมินจินเหลียนนอนถึงบ่ายสองของวันถัดไป เป็นเพราะจ่านป๋ายเรียกเธอถึงได้ตื่นขึ้นมา
“หลินเสวียเหวินตายแล้ว ตอนนี้หลินเสวียนหลานคงลำบากหน่อย…”