ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 7.2
เมื่อมองทะลุเข้าไปในหินหยกอยู่หลายครั้ง ซีเหมินจินเหลียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา หินหยกก้อนนี้มีบางสิ่งที่เหนือความคาดหมาย ตอนที่เธอกำลังจะวางมือลงนั้นเอง สีเขียวมรกตของหยกก็สะท้อนมาที่นัยน์ตาของเธอ
มีสองสี สีผสมของสีม่วงและเขียวหรือ? แต่ว่าโลกใบนี้ก็ช่างกลั่นแกล้งกันเกินไปนัก สีเขียวนี้ห่างจากควันสีม่วงพอสมควร ตรงกลางของพวกมันมีหินที่หนาแน่นขวางกั้นอยู่มวลหนึ่ง
อีกทั้งสีเขียวนี่ก็ยังอยู่ใกล้กับผิวหยกมาก เรียกได้ว่าอยู่ใกล้กับเส้นลายหยกที่มองไม่ค่อยชัดเส้นนั้น อีกสักครู่เมื่อผู้อาวุโสเจี่ยมาเช็ดหิน ในไม่ช้าเขาคงจะได้เห็นสีเขียวนั่นแล้ว ถึงแม้สีเขียวจะอ่อนไปสักหน่อย ไม่จัดอยู่ในหมวดสีเขียวสดใส แต่ทว่าก็ใสสะอาด ความอิ่มน้ำและความชุ่มชื้นมีค่าไล่เลี่ยกัน
อีกทั้งขนาดยังมีความเท่ากันกับสีของควันม่วง
ซีเหมินจินเหลียนแอบส่ายหน้าเล็กน้อย ถ้าหากสองสีนี้อยู่ด้วยกันแล้ว ตอนผ่าหยกถึงแม้จะเป็นชนิดหยกแบบกระจกใส ขายในราคาสองร้อยล้านน่าจะไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้ถึงเอาทั้งสองชิ้นผ่าออกมาด้วยกัน อย่างมากสุดก็แค่ไม่ขาดทุน
นี่ก็นับว่าคุ้มทุนแล้ว แต่เมื่อซีเหมินจินเหลียนกลับมาย้อนคิด การพนันหินหยกนั้น เดิมทีหากพนันสิบครั้งโอกาสที่จะแพ้มีเก้าครั้งก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อเสมอพนันไม่ได้พ่ายแพ้ก็ถือว่าสวรรค์เมตตามากพอแล้ว ส่วนคนที่สวรรค์ประทานพลังพิเศษมาให้แบบเธอ นั่นก็ถือเป็นคนละเรื่องกัน
ซีเหมินจินเหลียนปิดไฟฉายในมือ ก่อนจะพยุงตัวเองขึ้นมาจากหินหยกก้อนนั้น
ประธานเฉินอมยิ้มแล้วถามขึ้นว่า “คุณซีเหมิน คุณคิดว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ”
“ลายหยกไม่ค่อยชัดเจนค่ะ สีของหยกก็ไม่กระจ่างชัดเท่าไหร่นัก แต่โดยรวมแล้วก็นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มตอบ เธอเพียงแค่บอกความจริงไปอย่างคร่าวๆ ส่วนที่เหลือเธอเลือกที่จะไม่พูดดีกว่า
แต่ว่าอีกเดี๋ยวผู้อาวุโสเจี่ยก็จะมาผ่าหยกแล้ว ที่จริงไม่ต้องพูดคลุมเครือก็ได้
“ผู้อาวุโสเจี่ยมาแล้ว!” ท่ามกลางเจ็ดคนนั้น ก็มีคนหนึ่งพูดขึ้นมา ประตูทางเข้าปรากฏชายกลางคนอายุราวๆ หกสิบปีเดินเข้ามาพร้อมกันกับวัยรุ่นหน้าตาดีคู่หนึ่ง
สายตาของซีเหมินจินเหลียนจับจ้องไปที่ร่างกายของหลินเสวียนหลาน ชั่วพริบตาก็เปลี่ยนไปมองทางอื่น เขาก็มาด้วยหรือ? แถมหลินเสวียนหลานกำลังจับมือของลู่เฟยอวี๋อยู่ด้วย
จ่านป๋ายได้แต่มองหลินเสวียนหลาน และมองประเมินไปที่ลู่เฟยอวี๋ชั่วขณะ กระซิบถามซีเหมินจินเหลียนไปว่า “ผู้หญิงคนนั้น ก็คือคู่หมั้นของหลินเสวียนหลานนี่ครับ?”
ซีเหมินจินเหลียนนิ่งงันไป จากแฟนก็กลายเป็นคู่หมั้นแล้ว? แต่ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจขึ้นมาว่า จ่านป๋ายจงใจถามเธอ เพื่อที่จะบอกเธอว่าการหมั้นของหลินเสวียนหลานกับลู่เฟยอวี๋เป็นความจริง
จ่านป๋ายเป็นคนที่ชอบแอบติดตามชีวิตของคนอื่น เพราะอย่างนั้นเขาก็รู้มากกว่าที่เธอรู้อย่างแน่นอน
“พวกเราก็มาดูหยกกัน ไม่ได้มาดูคู่หมั้นของใครสักหน่อย” ซีเหมินจินเหลียนก้มหน้าก้มตาลง ขนตายาวๆ ของเธอปกปิดร่องรอยของความเจ็บปวดภายในดวงตาเอาไว้ หลังจากนั้นสายตาของเธอก็ตกไปอยู่ที่ผู้อาวุโสเจี่ย ผู้อาวุโสเจี่ยมีอายุราวๆ หกสิบ ท่าทางกระฉับกระเฉง สีหน้าดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก
เสื้อผ้าการแต่งกายของเขาดูธรรมดาทั่วไป ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคุณปู่ข้างบ้านเลยแม้แต่น้อย มองไม่ออกเลยสักนิดว่าลักษณะอย่างเขาแล้วจะเป็นราชาแห่งการพนันหินหยก
ชั่วขณะที่หลินเสวียนหลานมองเห็นซีเหมินจินเหลียนนั้น เขาก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง แม้แต่แผ่นหลังยังแข็งทื่อไปเสียหมด จับมือของลู่เฟยอวี๋อย่างกระอักกระอ่วน
ลู่เฟยอวี๋จงใจเหลือบมองเขาเล็กน้อย หลินเสวียนหลานจึงเข้าใจเจตนาของเธอ เขาทำได้ดีที่สุดแค่ถอนหายใจในใจอย่างหมดหนทาง หรือเขาจะต้องเดินในทางที่ต้องพึ่งคนอื่นแบบนี้ต่อไปอย่างนั้นเหรอ?
“ขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องรอนานนะ!” ผู้อาวุโสเจี่ยทักทายผู้คนพร้อมหัวเราะน้อยๆ
ผู้อาวุโสเจี่ยก็ไม่พูดจาชักแม่น้ำทั้งห้าให้ทุกคนลำบากใจอีก เพราะเขารู้ดีแก่ใจว่าทุกคนที่มาที่นี่ล้วนแต่เป็นเพราะว่าหินหยกก้อนนั้น เขาพาลูกน้องจากโรงงานแปรรูปหยกมาช่วยยกหินก้อนยักษ์นั่นขึ้นไปที่เครื่องผ่าหยก
ถือว่าเหนือความคาดหมายของซีเหมินจินเหลียน ผู้อาวุโสเจี่ยใช้เวลาไม่นานและเสียพละกำลังในการขัดหินไม่มากเลย อีกทั้งยังวาดลายเส้นลงไปที่หินก้อนมหึมานั่น จากนั้นก็เชื่อมต่อแหล่งไฟฟ้า กดปุ่มสวิตซ์การทำงานของเครื่องผ่าหยกนี้
ซีเหมินจินเหลียนเห็นทักษะฝีมือของเขาในการใช้เครื่องตัดหินหยกแล้ว สมาธิของเธอก็จดจ่ออยู่ที่ตำแหน่งที่เขาตัดหิน ทันใดนั้นเธอรู้สึกจากใจเลยว่าชายผู้ที่เรียกว่าราชาแห่งการพนันหินคนนี้ ชื่อเสียงคำล่ำลือของเขาเห็นทีจะเป็นความจริง
มีดยังคงทำการตัดอย่างต่อเนื่อง ถ้าเธอจำไม่ผิดตำแหน่งนั้นน่าจะเป็นทางที่หยกสีเขียวอยู่ เพียงลงมีดครั้งเดียวก็จะเผยสีเขียวออกมา…
ถ้าเป็นเธอที่ผ่าหยกนั้น ข้างในของเนื้อหยกก็ยังคงเป็นแบบเดิมอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลงแน่ แต่นี่ผู้อาวุโสเจี่ยใช้เพียงแค่การลงมีดเพียงครั้งเดียวก็ไม่มีการสูญเปล่าแต่อย่างใด ผ่าเพียงครั้งก็เผยให้เห็นสีเขียวด้านใน อีกทั้งยังไม่ทำให้เนื้อหยกนั้นชำรุดเสียหายแม้แต่น้อย
จนกระทั่งซีเหมินจินเหลียนนึกสงสัยว่า ผู้อาวุโสท่านนี้แท้จริงแล้วมีพลังมองทะลุเหมือนกับเธอหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นทำไมถึงได้ตัดด้วยมีดเพียงแค่ครั้งเดียวแต่กลับตรงจุดอย่างนี้ล่ะ?
ใบมีดของเครื่องตัดหินหยกเคล้ากับเสียงครืดๆ ของหินที่ดังขึ้น ทำให้จิตใจของผู้คนที่มาดูอยู่ที่นี้ควบคุมตัวเองไม่ได้จนต้องลุกยืนขึ้นมา ซีเหมินจินเหลียนรู้ถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น เธอจึงไม่ได้มีความรู้สึกกังวลใจเหมือนคนเหล่านั้น แต่สิ่งที่เธอให้ความสนใจยิ่งกว่าก็คือกองของเศษหินหยกที่อยู่ในมุมห้อง
นับตั้งแต่ที่เธอเริ่มมาพนันหยก ดูเหมือนว่าเธอจะได้งานอดิเรกพิเศษติดมาอย่างหนึ่ง เมื่อเห็นหินหยกแล้วก็มักจะอดไม่ได้ที่จะพุ่งตัวเข้าไปดู
แต่อย่างไรเธอก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของโรงงานแปรรูปหยกแห่งนี้ แม้ว่าเธอจะรู้ แต่อย่างไรเขาก็เปิดโรงงานแปรรูป เศษหินหยกที่กองอยู่ข้างๆ เครื่องตัดหินหยกนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาต้องเตรียมตัดแบ่งต่ออีกเป็นแน่
ที่เจียหยางแห่งนี้ ร้านทำธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์แปรรูปจากหยกมีเยอะไปเสียแล้ว เนื้อหยกที่มีคุณภาพดีหน่อยถูกตัดแบ่งไปขายทำผลิตภัณฑ์ ไม่มีใครจะโง่เง่ายินดีที่จะให้คนอื่นได้กำไรสูงหรอก
ส่วนการปฏิบัติต่อคนอื่น แน่นอนว่าเธอไม่สามารถที่จะบุ่มบ่ามไปดูหินหยกของพวกเขาได้ ดังนั้นสิ่งที่เธอทำได้ก็คือดูเพียงชั่วประเดี๋ยวก็พึงพอใจแล้ว
ขณะเดียวกันใบมีดของเครื่องผ่าหยกก็ได้หยุดหมุนลง ผู้อาวุโสเจี่ยเดินเข้าไปดู พลางยื่นสองนิ้วที่ถูกรมควันสีเหลืองค่อยๆ เปิดเผยให้เห็นเนื้อของแผ่นหยกออกมา
ผู้คนที่มาดูก็อดไม่ได้ที่จะไปล้อมรอบ ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่ามีเสียงของใครที่ตะโกนออกมาว่า “เห็นสีเขียวแล้ว!”
ใช่! เห็นสีเขียวแล้ว ผู้อาวุโสเจี่ยดูแล้วไม่น่าจะใช่คนขี้งกสักเท่าไหร่ เพียงมีดด้ามเดียวก็สามารถตัดแบ่งรอยเปิดผนึกถึงสิบเซนติเมตร แถมความหนายังหนาถึงสองเซนติเมตร สีเขียวของหยกก็ลอยปรากฏให้เห็น
ผู้อาวุโสเจี่ยกวักน้ำขึ้นมาราดลงไปข้างบนเนื้อหยก ทำให้สีของหยกยิ่งดูสดใสน่าดึงดูดมากขึ้น
“ยินดีด้วยนะครับ ผู้อาวุโสเจี่ย เพียงแค่มีดเล่มเดียวก็เผยให้เห็นสีเขียวแล้ว ไม่เสียชื่อที่เป็นราชาแห่งการพนันหยกจริงๆ!” เสียงของผู้ที่มีรอยกระบนใบหน้าชิงพูดขึ้นมา “เพียงแต่ไม่รู้ว่าหินหยกของผู้อาวุโสเจี่ยชิ้นนี้จะเปลี่ยนมือหรือไม่”
ผู้อาวุโสเจี่ยได้ยินดังนั้นก็เผยรอยยิ้มพูดว่า “คืนนี้ผมเรียกพวกคุณมาก็เพราะว่าอยากจะขายหยกก้อนนี้น่ะ แต่พวกคุณคงรู้กฎของผมอยู่แล้วใช่ไหม เดิมทีจะต้องผ่าหยกออกให้หมดก่อน ถึงจะขายออกไปได้”
ผู้คนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี ผู้อาวุโสเจี่ยประเมินหินหยกชิ้นนั้นอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง คิ้วสีขาวบางย่นลึกเข้าด้วยกัน
เพียงแค่เปิดช่องรอยตัดออกมาให้เห็น ข้างในของเนื้อหินนี้อาจจะมีแต่เส้นลายหยกหนึ่งเส้น นอกจากนี้การวิเคราะห์ของเขาในครั้งแรกคือจัดอยู่ในตรงกลางระหว่างประเภทชนิดน้ำแข็งกับชนิดกระจก แต่ในตอนนี้เป็นแค่ชนิดน้ำแข็งเท่านั้น ไม่สามารถตอบสนองความต้องการตามที่เขาคิดไว้ในครั้งแรก
ต่อจากนี้จะผ่าหินอย่างไรต่อไป การลงมือคงลำบากอยู่บ้าง วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือการค่อยๆ เจียระไนผิวของหินหยกออก หลังจากนั้นก็ค่อยดูตามสถานการณ์แล้วจึงใช้มีดผ่า
แต่ว่านี่ก็เป็นวิธีที่โง่ที่สุด เพราะต้องเสียเวลาและพลังงานเป็นอย่างมาก หินหยกก้อนใหญ่มหึมาขนาดนี้คงไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันทั้งคืนแน่ ปัญหาที่เผชิญอยู่ตอนนี้ก็คือชั้นของสีเขียวบนพื้นผิวมันแทรกซึมเข้าไปเท่าไหร่ ถ้าเป็นเพียงแค่เปลือกสีเขียวเปล่าๆ เช่นนั้นก็คงจะแย่น่าดู
ผู้อาวุโสเจี่ยหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าของเขาหนึ่งมวน ก่อนจะปล่อยควันให้กระจัดกระจายไปรอบๆ สุดท้ายแล้วเขาก็นำมันคาบเข้าไปในปากของตัวเอง จุดไฟสูบเข้าไปลึกๆ เต็มปอด
จากนั้นทุกคนก็พร้อมใจที่จะจุดบุหรี่ด้วย บรรยากาศที่น่าสำลักควันบุหรี่ได้เริ่มต้นขึ้น ซีเหมินจินเหลียนรีบถอยออกไปด้านหลังในทันที ภายในจมูกของเธอมีกลิ่นฉุนของยาสูบ จึงอดที่จะขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยไม่ได้
“จินเหลียน ถ้าเช่นนั้นพวกเรากลับกันก่อนดีไหมครับ” จ่านป๋านเห็นท่าทีของเธอแล้วก็รู้สึกกระวนกระวายใจและเป็นห่วงอย่างมาก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวก็ชินเอง!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มตอบเขา โรงงานแปรรูปหยกค่อนข้างใหญ่พอสมควร อีกเดี๋ยวควันก็น่าจะหายไปเอง พวกเขาคงไม่สำลักควันไปแบบนี้ตลอดหรอก
นอกจากนี้เธอก็เข้าใจว่า เวลาที่ผู้ชายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างนั้น มักจะเคยชินกับการคาบบุหรี่ นี่ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงอะไร เพราะอย่างไรเธอก็ไม่สามารถทำให้คนอื่นคล้อยตามเธอได้อยู่แล้ว ส่วนอีกทางฝั่งหนึ่งก็มีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ลู่เฟยอวี๋ก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เธอใช้มือเล็กๆ ขาวๆ ของเธอป้องไปที่จมูก
แต่หลินเสวียนหลานกลับแกล้งทำมึนเป็นเหมือนมองไม่เห็นอะไร เขาสูบบุหรี่อย่างหนักหน่วง แต่เขาก็ไม่สูบบุหรี่ไม่ใช่เหรอ? ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกสงสัยขึ้นมา…
“เสี่ยวป๋าย คุณสูบบุหรี่หรือเปล่า” จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็ถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“หืม? เมื่อครู่ผมก็ทิ้งไปแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นคุณคงได้ไล่ผมออกไปแน่” จ่านป๋ายยิ้ม
“ไปให้พ้นเลยค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนแสร้งดุเขา แต่ภายในใจกลับรู้สึกดี เธอถูกจ่านป๋ายล้อเสียแล้ว
เมื่อผู้อาวุโสเจี่ยสูบบุหรี่เสร็จแล้ว เขาก็ตัดสินใจใช้เท้าขยี้ก้นบุหรี่อย่างเต็มแรง พร้อมเรียกลูกน้องให้พาหินหยกก้อนนั้นเปลี่ยนด้านจัดตำแหน่งให้มั่นคง ก่อนจะวาดเส้นลงไป แล้วตัดตามลายหยกเส้นนั้นไปเรื่อยๆ
ซีเหมินจินเหลียนประทับใจที่ผู้อาวุโสเจี่ยมีความเด็ดขาดและกล้าหาญในการผ่าหยกเช่นนี้ แต่ในใจของเธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ถ้าขืนยังผ่าต่อไปผู้อาวุโสเจี่ยคงต้องพบความผิดหวังเข้าแน่ๆ ลายหยกเส้นนั้นไม่ได้สวยงามอย่างที่เขาคิดไว้เลย…