ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 90 วิกฤติ
เพราะฉะนั้นตอนที่ซีเหมินจินเหลียนเห็นเจียหยวนฮวาก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เจียหยวนฮวามีฉายาว่าราชาแห่งนักเดิมพันหยก ในสายนี้เขามีผลกระทบต่างๆ เพราะฉะนั้นจนถึงตอนนี้เขาเลยไม่ได้เป็นคนของบริษัทจิวเวอรี่ที่ไหน
ความจริงแล้วคนที่อยากจะจ้างเขาให้มาทำงานในบริษัทจิวเวอรี่ก็มีอยู่ไม่น้อย แต่เจียหยวนฮวากลับปฏิเสธไปอย่างสุภาพ โดยปกติเขาก็แค่พนันหยกเป็นงานอดิเรก และก็แค่ผ่าหยกก็เท่านั้น
ซีเหมินจินเหลียนรู้ว่าเจียหยวนฮวาและผู้อาวุโสหูมีแหล่งความสัมพันธ์ต่อกัน และน่าจะเป็นเพราะว่าเหตุนี้เขาถึงไม่ยอมกลายเป็น “ดวงตา” ของนักเดิมพันหยกของบริษัทจิวเวอรี่ที่
“คุณซีเหมิน…” เจียหยวนฮวาจดจ้องไปที่ตู้กระจกที่มีหยกราชางูอยู่อย่างไม่ละสายตา ถึงแม้ว่าปากเขากำลังคุยกับซีเหมินจินเหลียนอยู่ แต่สายตาของเขาก็ไม่ได้ละออกจากหยกราชางูก้อนนั้นเลย
“ค่ะ คุณเจีย” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มออกมา จุดประสงค์ในการมาของเจียหยวนฮวาครั้งนี้นั้นเธอรู้ดี แต่ในเมื่อเขาไม่พูด เธอก็ฉลาดที่จะเลือกปิดปากเงียบ
“หยกก้อนนี้…หยกก้อนนี้…” เจียหยวนฮวามองไปที่หยกราชางูที่อยู่ในตู้กระจกนั้น ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอยู่ชั่วขณะ
“ฉันตั้งชื่อให้มันว่า หยกราชางูค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดอธิบายขึ้น สำหรับลูกค้าที่สนใจหยกราชางูนั้น วันนี้ก็ไม่รู้ว่ามีกี่คนต่อกี่คน เธอก็เริ่มที่จะชินแล้ว
“หยกก้อนนี้ก็เป็นหินหยกที่โรงงานแปรรูป เป็นหินหยกที่คุณซื้อกลับไปผ่าหรือ?” เจียหยวนฮวาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนถามออกมา
“ใช่แล้วค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ปิดบังอะไรเขา ได้แต่พยักหน้าออกมา
เจียหยวนฮวาไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแต่จ้องมองไปที่หยกราชางู ครั้งนั้นผู้อาวุโสหูเคยถามเขาว่า ถ้าเปลี่ยนเป็นเขา เขาจะเลือกหินหยกก้อนนั้นหรือไม่ ผลสุดท้ายเมื่อตนเองคิดดูดีๆ แล้วก็กล่าวว่าไม่น่าจะเลือกหินหยกก้อนนี้ เพราะว่าตอนนั้นภายในโรงงานแปรรูปยังมีหินหยกลักษณะดีกว่ามาก แล้วเขาจะไปเลือกหินหยกก้อนที่ไม่ดึงดูดสายตาเช่นนี้ไปทำไมกัน
เจียหยวนฮวาถูมือไปมา มองไปที่ซีเหมินจินเหลียนอย่างเกรงใจ แล้วถามออกไปว่า “คุณซีเหมิน ผมขอสัมผัสหินหยกก้อนนี้ได้ไหม”
ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ ว่า “ที่นี่คงไม่ได้ค่ะ ที่นี่เป็นห้องจัดนิทรรศการ ถ้าหากมีลูกค้าต้องการที่จะสัมผัส มันอาจจะวุ่นวายเกินไป แต่ถ้าหากคุณเจียหยวนอยากจะลองสัมผัสดูจริงๆ ค่อยไปบ้านฉันดีกว่าค่ะ”
“เรื่องนี้…ผมก็คิดจะถามคุณซีเหมินอยู่พอดีเลย” เจียหยวนฮวาพูด
“ฮะๆ!” ซีเหมินจินเหลียนหัวเราะออกมาน้อยๆ เจียหยวนฮวาไม่ใช่มาเพราะอยากจะสัมผัสราชาหยกหรอก เขาน่าจะมาเพราะผู้อาวุโสหูมากกว่า เพียงแต่ผู้อาวุโสหูไปไหน เรื่องนี้เธอก็ไม่รู้เลย
“คืนนี้คุณซีเหมินว่างไหมครับ” เจียหยวนฮวาถามขึ้น
“คุณเจียน่าจะรู้ว่าคืนนี้ที่คลับหยกยังมีกิจกรรมสุดพิเศษ” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“อืม” เจียหยวนฮวาพยักหน้า “คืนนี้ผมก็จะมาดูเหมือนกัน”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะ เจียหยวนฮวามีช่องทางมากมาย หาคนพาเขาเข้ามาไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ไม่ต้องทำให้เธอเป็นห่วงมาก
เวลาห้าโมงตรง งานนิทรรศการเครื่องประดับอัญมณีวันแรกก็จบลงด้วยดี นอกจากเรื่องของบริษัทหวังต้าฝูที่ทำไพลินสูญหายแล้ว ที่เหลือก็เป็นไปตามปกติ
จ่านมู่ฮวานัดซีเหมินจินเหลียนไปทานข้าว จ่านป๋ายเก็บสินค้าที่ใช้จัดแสดงราคาแพงเตรียมตัวส่งกลับไปที่บ้าน ซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกไม่วางใจ จ่านป๋ายคิดดูแล้วอย่างน้อยๆ ก็ยังมีเขาอยู่ คิดว่าไม่น่าเกิดเรื่องอะไร เช่นนั้นจึงกำชับให้ซีเหมินจินเหลียนออกไปทานข้าว ส่วนตนก็นำราชางูและหยกราคาแพงกลับไปที่บ้าน
ซีเหมินจินเหลียนลากจ่านป๋ายไปที่ที่ไม่มีคนแล้วพูดขึ้นว่า “ระหว่างทางคุณก็ระวังด้วยนะ ถ้าหยกจะหายก็ช่างมัน แต่คุณจะเป็นอะไรไม่ได้นะ”
“คุณพูดอะไรของคุณครับ?” จ่านป๋ายยกยิ้ม “กลางวันแสกๆ แบบนี้จะมีคนมาปล้นขโมยได้ยังไงกัน การรักษาความปลอดภัยของเมืองเซี่ยงไฮ้ก็ถือว่าไม่เลวเลยนะ”
“แต่บริษัทหวังต้าฝูจิวเวอรี่นั่นก็ทำไพลินหายไปแล้วนะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดย้ำเตือนเขาขึ้น
“เรื่องนั้นผมมั่นใจว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต้องเป็นคนในก่อเรื่อง ถ้ามีขโมยเข้ามาขโมยอัญมณีจริงๆ ก็ไม่น่าจะตั้งเป้าไปที่ไพลินของพวกเขาสิ” จ่านป๋ายพูด
“ยังไงก็เถอะ คุณต้องระวังหน่อย ฉันคิดว่ามันต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่!” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว “เพราะวันนี้ฉันเห็นเพื่อนสายงานเดียวกันกับคุณที่เคยพูดถึง”
จ่านป๋ายขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขายังคงยิ้มและพูดปลอบใจเธอว่า “ไม่เป็นไรหรอกครับ นอกจากผมแล้วยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกตั้งหลายคนนะ จะว่าไปผมก็เป็นเจ้าพ่อในการขโมย หากอยากจะขโมยของของผม ก็ไม่ง่ายดายขนาดนั้นหรอก”
“อืม คุณรีบกลับมานะ ฉันจะรอคุณ” ซีเหมินจินเหลียนพูดกำชับ
“ทั้งสองคนพูดความในใจกันเสร็จหรือยัง?” จ่านมู่ฮวาหัวเราะแล้วถามขึ้น
ซีเหมินจินเหลียนขี้เกียจไปใส่ใจเขา เธอมองไปที่จ่านป๋ายและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองสามคนที่กำลังถือตู้เซฟสองใบเดินออกไป แล้วถอนหายใจออกมา
“คุณกำลังกังวลใจกับอะไรอยู่กันแน่?” จ่านมู่ฮวามองไปทางซีเหมินจินเหลียนและถามขึ้น
“ฉันเป็นห่วงอัญมณีของฉัน และเป็นห่วงเสี่ยวป๋าย” ซีเหมินจินเหลียนพูดออกไปตามความจริง
“ถ้าเป็นเรื่องนี้คุณต้องยิ่งวางใจเข้าไปใหญ่ อยากได้ชีวิตของมู่หรง นั่นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” จ่านมู่ฮวาพูดอย่างไม่ได้ใส่ใจ
หลินเสวียนหลานนำเครื่องประดับอัญมณีที่เหลือเก็บไว้ แล้วไปใส่ไว้ในตู้เซฟที่เช่ามา เมื่อเดินกลับมาก็ได้ยินใครกำลังพูดอยู่พอดี “เพราะอย่างนั้นหลายปีมานี้คุณก็เลยทำไม่สำเร็จสินะ?”
“เรื่องเลวร้ายอย่างการพยายามฆ่าคนเพื่อชิงทรัพย์แบบนี้ ทางที่ดีพวกคุณอย่ามาพูดต่อหน้าฉันจะดีกว่า” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมา หมุนตัวกำลังเดินออกไปข้างนอก
“จินเหลียน คุณจะไปไหน” จ่านมู่ฮวารีบตามเธอไป
“ฉันจะออกไปหาอะไรกินข้างนอก หรือว่าคุณจะกินลมอยู่ที่นี่?” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ผมเตรียมมื้อเย็นไว้ให้แล้ว” จ่านมู่ฮวาพูด
“ที่นี่น่ะหรือคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ใช่ ที่นี่” จ่านมู่ฮวาพูด “เหมือนผมจะเคยบอกคุณแล้วว่า คลับหยกเป็นบริษัทของผม”
“โอเค!” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า หลินเสวียนหลานเองก็ขับรถเข้ามาแล้ว จ่านมู่ฮวาเลยไม่เกรงใจรีบขึ้นรถแล้วยิ้ม “ไปด้านหลังกันเถอะ”
“ที่นั่นน่าจะเป็นที่ดินส่วนบุคคลใช่ไหม” หลินเสวียนหลานขมวดคิ้วเล็กน้อยถาม
“ใช่” จ่านมู่ฮวาพยักหน้า
หลินเสวียนหลานเห็นท่าทางของซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ขัดขืนอะไร เลยขับรถอ้อมไปที่เขตจ่าน แล้วขับไปทางด้านหลัง ข้างหลังและด้านหน้าไม่เหมือนกัน ดูเหมือนจะเป็นบ้านสวนสไตล์ส่วนตัว
“ที่นี่ล่ะ” จ่านมู่ฮวาลงจากรถแล้วส่งมือไปประคองซีเหมินจินเหลียน แต่ถูกเธอกลอกตาใส่เลยทำได้แค่ยิ้ม แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก ยังคงยิ้มแย้มมองเธออยู่เช่นเคย “จินเหลียน คุณว่าที่นี่เป็นยังไงบ้าง”
ซีเหมินจินเหลียนกวาดสายตามองไปรอบด้าน ตึกคฤหาสน์ของย่านหลานกุ้ยต่างสร้างขึ้นบนเนินเขา คิดว่าวิวทิวทัศน์ก็โดดเด่นแล้ว แต่ที่แห่งนี้มีทะเลสาบและเนินเขาที่สร้งขึ้นโดยฝีมือคนอยู่ สไตล์การก่อสร้างไม่เหมือนกับการก่อสร้างธรรมดา เป็นการใช้สถาปัตยกรรมสไตล์สวนย้อนยุคบวกกับการผสมผสานของสถาปัตยกรรมปัจจุบัน
“สวยมากเลย” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างเห็นด้วย นี่คือความในใจจากเธอ คนส่วนมากพยายามทำเพื่อพื้นที่หนึ่งร้อยกว่าตารางเมตรให้เหมือนกับกรงนกพิราบ ถ้าหากสามารถมีคฤหาสน์หลังเดี่ยวแบบนี้ได้ นั่นก็เป็นเรื่องที่มีความสุขชนิดหนึ่ง เช่นบ้านที่อยู่ตรงหน้านี่ ไม่ใช่ว่ามีเงินอย่างเดียวแล้วจะซื้อได้ ในเมืองเซี่ยงไฮ้แบบนี้ทุกอย่างล้วนมีมูลค่า
“เข้ามานั่งกันเถอะ ถ้าหากคุณชอบ ผมสามารถให้คุณหลังหนึ่ง รออีกเดี๋ยวคุณค่อยไปเลือกดู” จ่านมู่ฮวาพูดขึ้น ในขณะนั้นก็พาซีเหมินจินเหลียนและหลินเสวียนหลานเข้าไปข้างใน
ที่แห่งนี้มีข้อได้เปรียบ เมื่อเปิดหน้าต่างแล้วก็สามารถมองเห็นทะเลสาบและดอกหอมหมื่นลี้ได้ ภายในห้องโถงมีการเตรียมไวน์และอาหารเย็นสไตล์จีน แต่อาหารและเครื่องดื่มก็มีมากมายเหลือเกิน สำหรับคนเพียงแค่สามคน นี่ก็น่าจะเป็นการสิ้นเปลืองของจนเกินไป ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกแบบนั้น
ส่วนจ่านมู่ฮวาเดิมทีก็ไม่ได้ตั้งใจจะเชิญหลินเสวียนหลานมาด้วย เพราะอย่างนั้นอุปกรณ์บนโต๊ะอาหารจึงถูกเตรียมไว้แค่สองชุด เขาจึงรีบเร่งให้คนมาวางเพิ่ม
“ดูเหมือนว่าผมจะกลายเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญสินะ” หลินเสวียนหลานเหยียดยิ้มออกมา
“ถึงคุณไม่มา ก็น่าจะมีคนที่ไม่ได้รับเชิญมาอยู่ดี…” จ่านมู่ฮวายิ้ม
ซีเหมินจินเหลียนนั่งพิงบนเก้าอี้แกะสลัก เห็นจ่านมู่ฮวากำลังวุ่นวายเตรียมนู่นเตรียมนี่ ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงจ่านป๋ายขึ้นมา เขาเองก็เป็นแบบนี้
เธอพลันรีบหยิบมือถือขึ้นมาจากในกระเป๋าแล้วโทรไปหาเขา
“เสี่ยวป๋าย…” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้น “คุณเอาของส่งกลับไปแล้วมากินข้าวด้วยกันเถอะ แล้วตอนกลางคืนพวกเราค่อยไปดูเดิมพันหินด้วยกัน”
“จินเหลียน พอดีมีเรื่องเกิดขึ้นนิดหน่อยครับ!” เสียงของจ่านป๋ายไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ไพลินเม็ดนั้น อยู่กับผม” จ่านป๋ายพูดกระซิบ
“อะไรนะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามออกมาอย่างตกใจ “คุณว่าอะไรนะ” หรือว่านิสัยเก่าของจ่านป๋ายจะกลับมา เขาเป็นคนขโมยเหรอ? เธอไม่เคยลืมว่าจ่านป๋ายเป็นคนยอมรับเองว่าเขาเป็นขโมยที่เก่งกาจแค่ไหน
“ผมไม่ได้ทำ เพียงแต่ว่ามีปัญหาเกิดขึ้นนิดหน่อย คุณไม่ต้องสนใจหรอก ผมจะรีบจัดการให้เรียบร้อยเอง!” จ่านป๋ายพูดแล้วรีบตัดสายไป
ซีเหมินจินเหลียนกุมมือถือไว้อยู่ ในใจก็ยิ่งเป็นกังวล ทำไมเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้?
“ทำไมครับ น้องชายผมจะมากินข้าวด้วยกันหรือเปล่า” จ่านมู่ฮวาถาม
“น่าจะไม่มาแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจแล้วหยิบมือถือขึ้นมา เธอจะทำอย่างไรดี?
“ไม่มาก็ดี ผมจะได้สบายตาขึ้นบ้าง” จ่านมู่ฮวาพูด
“คุณทำอะไรกันแน่?” จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็ถามขึ้น
“ผมสาบานได้ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย” จ่านมู่ฮวายกสองมือขึ้นแล้วพูดขึ้น “ผมไม่ใช่คนเลวนะ”
ครั้งนี้แม้แต่หลินเสวียนหลานเองก็ยังทนดูต่อไปไม่ได้ แต่เมื่อเห็นตัวเขาเองพูดออกมาว่าไม่ใช่คนเลว เกรงว่าจะไม่ใช่คนดีอะไร
“เกิดอะไรขึ้นกับไพลินเม็ดนั้น?” ซีเหมินจินเหลียนถาม เธอพยายามฉุกคิดถึงไพลินเม็ดนั้น เพราะว่าตนเองมองอยู่หลายรอบ จ่านมู่ฮวาเลยบอกว่าจะซื้อให้เธอ ครั้งแรกที่บริษัทหวังต้าฝูจิวเวอรี่บอกว่าไพลินถูกขโมย เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าคงเป็นหนอนบ่อนไส้ในบริษัท หรือไม่ก็คงเป็นเพราะบริษัทนั้นโชคร้ายเอง แต่ตอนนี้เกรงว่าเรื่องนี้คงจะมีอะไรซ่อนเร้นอยู่
“ผมไม่รู้เรื่องไพลินอะไรนั่น!” จ่านมู่ฮวายกมือขึ้นบอกปัดอย่างไม่รู้เรื่อง “ถ้าหากคุณอยากได้ไพลิน ผมก็ซื้อให้คุณได้ อยากได้อะไรก็ได้ทั้งนั้น แม้แต่สี่อัญมณีขนาดใหญ่ในราชสำนักของจักรวรรดิมองโกลผมก็ให้คุณได้”
“ฉันก็สนใจสี่อัญมณีขนาดใหญ่ในราชสำนักของจักรวรรดิมองโกล เมื่อไหร่คุณจะพาฉันไปดูล่ะ” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้น ก็ไม่มีอารมณ์จะมองเขา เธอไม่เชื่อว่าเขาจะมีกำลังในการหาสี่อัญมณีขนาดใหญ่ในราชสำนักของจักรวรรดิมองโกลมาได้ ถึงแม้จะมีเงินมันก็อีกเรื่อง อัญมณีบางชนิดก็ไม่ใช่แค่มีเงินก็ซื้อหามาได้ เช่นเดียวกับกำไลประกายดาวของเธอ ขอแค่เธอไม่ยินยอม ไม่ว่าใครก็ซื้อไม่ได้