รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 100
นับแต่ความสัมพันธ์ของซวี่กวงกับอันลั่วเฉิงเปิดเผยสู่สาธารณชน อันลั่วเฉิงโพสต์ข้อความลงเวยปั๋ว ในโพสต์อันลั่วเฉิงชี้แจงว่าหลินหว่านได้ร่วมงานกับเขาโดยผ่านการแนะนำจากซวี่กวงจริง หวังว่าทุกคนจะไม่หลงเชื่อข่าวลือวุ่นวายอื่นๆ อีก
หลังจากที่โพสต์นี้ได้ถูกเผยแพร่ออกมา บวกกับความสัมพันธ์ระหว่างซวี่กวงกับอันลั่วเฉิงทำให้ชาวเน็ตจำนวนมากยอมรับคำชี้แจงนี้
บนอินเทอร์เน็ตจึงไม่มีเสียงต่อว่าต่อขานหลินหว่านอีก หลินหว่านก็ทุ่มเทให้กับการบันทึกเสียงอัลบั้มเพลงชุดใหม่กับอันลั่วเฉิงตลอด
หลายวันผ่านไป การบันทึกเสียงอัลบั้มใหม่ที่หลินหว่านร่วมงานกับอันลั่วเฉิงเสร็จสิ้นลงในที่สุด
“หลินหว่าน ช่วงนี้คุณเหนื่อยหน่อยนะ” หลังการบันทึกเสียงเสร็จ อันลั่วเฉิงก็พูดกับหลินหว่านด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ ฉันต่างหากทำให้คุณลำบาก” หลินหว่านยิ้มพลางพูดอย่างถ่อมตัว
“ที่ไหนล่ะ ระหว่างนี้คุณทำได้ดีมากเลย ทำให้ผมเกิดความคิดมากมาย ตอนที่ผมทำอัลบั้มนี้อยู่เกิดไอเดียใหม่ๆ เยอะเลย จะว่าไปแล้วผมยังต้องขอบคุณคุณด้วย” อันลั่วเฉิงมองหลินหว่านแล้วพูดขึ้น
หลินหว่านรู้สึกขัดเขินกับคำพูดยกยอจากอันลั่วเฉิงอยู่บ้าง
อันลั่วเฉิงเสนอตัวว่าจะเลี้ยงข้าวเธอ แต่หลินหว่านปฏิเสธ “ขอบคุณนะคะ แต่ฉันทำให้ทางกองถ่ายของผู้กำกับซวี่เสียเวลามาระยะหนึ่งแล้ว ฉันยังต้องรีบกลับกองถ่ายไปถ่ายหนังต่อ ไม่รบกวนคุณแล้วดีกว่าค่ะ ”
อันลั่วเฉิงพูดอย่างเสียดายว่า “งั้นเอาเถอะ คราวหลังถ้ามีโอกาสคุณต้องให้ผมเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อ เพื่อแสดงความขอบคุณนะ”
หลังจากกล่าวลาอันลั่วเฉิง ตอนบ่ายหลินหว่านก็กลับเข้ากองถ่าย
เนื่องจากตอนที่ถ่ายภาพฟิตติ้งและตอนที่ถ่ายหนังตัวอย่างภาพยนต์ หลินหว่านสร้างความสัมพันธ์ที่ดีไว้กับนักแสดงส่วนใหญ่ในกองถ่าย ทีมงานทุกคนในกองถ่ายต่างพากันต้อนรับอย่างอบอุ่นเมื่อหลินหว่านกลับมาที่กองอีกครั้ง
ตามตารางการถ่ายทำเดิมของทางกองถ่าย หลายวันมานี้ยังไม่มีฉากที่หลินหว่านต้องแสดง หลินหว่านที่อยู่ในกองถ่ายจึงคอยสังเกตดูคนอื่นว่าแสดงกันอย่างไร แล้วนำมาศึกษาทบทวนบท
แต่ถึงอย่างไรก็ตามหลินหว่านก็เป็นนางเอก ไม่ต้องพูดถึงบทที่ได้รับ ก่อนหน้านี้ที่ไปบันทึกเสียงให้อัลบั้มของอันลั่วเฉิงก็ทำให้เสียเวลาไปไม่น้อย พอหลินหว่านกลับมา ซวี่กวงก็ปรับแผนการถ่ายทำของวันถัดไปทันที เปลี่ยนมาถ่ายฉากที่มีบทของหลินหว่านทั้งวัน ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเสริมในส่วนที่เธอไม่อยู่ในกองถ่ายช่วงก่อนหน้านี้เพื่อไปอัดเสียงกับอันลั่วเฉิง
เพื่อไม่ให้ซวี่กวงผิดหวัง ตอนเย็นหลินหว่านเตรียมตัวสำหรับเข้าฉากวันพรุ่งนี้ตั้งนานสองนาน วันรุ่งขึ้น เธอมาถึงสถานที่ถ่ายทำตั้งแต่เช้า
ตอนพบกับซวี่กวงที่สถานถ่ายทำ หลินหว่านเข้าไปทักทายเขา ซวี่กวงก็ผงกศีรษะแล้วยิ้มรับกับเธอ
ตั้งแต่ความสัมพันธ์ของซวี่กวงกับอันลั่วเฉิงถูกเปิดเผย หลินหว่านไปหาซวี่กวงพูดคุยแบบเปิดอกแล้ว ท่าทีของซวี่กวงที่มีต่อหลินหว่านก็ไม่เย็นชาเหมือนก่อนอีก
วันนี้หลินหว่านต้องเข้าฉาก แสดงสามฉากด้วยกัน ฉากหนึ่งแสดงร่วมกับพระเอก ส่วนอีกสองฉากมีเธอเข้ากล้องคนเดียว
ในหนังเรื่องนี้ หลินหว่านรับบทเป็นนางเอกที่กำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เล็ก ครั้งหนึ่งในระหว่างทางเธอพบเจอกับเหตุร้ายโดยไม่ตั้งใจ ได้รับความช่วยเหลือจากพระเอกที่ผ่านมาพอดี จึงทำให้เธอถูกนางรองที่ชอบพระเอกอยู่อิจฉา ต่อมาตอนที่นางเอกถูกนางรองวางแผนทำร้ายจนตกเขา ได้ค้นพบ ‘ความลับของชนเผ่ามาร’ นั่นคือพลังมืดมิดที่สุดของโลกใบนี้เข้าโดยบังเอิญ แต่ก็ทำให้เธอได้พบว่าชาติกำเนิดของเธอเกี่ยวข้องกับชนเผ่ามาร ตอนท้ายเรื่อง นางเอกคิดหาทางร่วมมือกับพระเอกเอาชนะชนเผ่ามาร ทำให้โลกใบนี้ปราศจากอำนาจมืด
ฉากแรกถ่ายทำไปได้อย่างราบรื่น หลินหว่านกับเผยอี้ที่รับบทเป็นพระเอกแสดงเข้าขากันได้ดีมาก ทั้งสองถ่ายฉากนี้เสร็จอย่างรวดเร็ว
ด้วยสภาพการณ์เช่นนี้ หลินหว่านจึงมีความมั่นใจอย่างมากในการถ่ายทำต่ออีกสองฉาก เพียงแต่หลังจบฉากนี้แล้ว เธอเห็นว่าซวี่กวงขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้พูดอะไร
ฉากที่สองเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลินหว่านทำให้ตัวเองสงบใจลง สวมบทบาทของตัวละครแล้วเข้าฉากไป
ฉากนี้ไม่เหมือนกับฉากก่อนหน้า ฉากนี้เป็นการแสดงถึงสภาพความคิดจิตใจของนางเอก ซึ่งยากมากทีเดียว หลินหว่านต้องแสดงถึงความรู้สึกตื่นตะลึงที่ค้นพบความลับของชนเผ่ามาร ความรู้สึกหวั่นกลัว ไม่แน่ใจและโกรธที่แสดงออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนท้ายความรู้สึกบ้าคลั่งและเคว้งคว้างที่ได้รับรู้ว่าชาติกำเนิดของตัวเองเกี่ยวข้องกับเผ่ามาร ทั้งหมดนี้หลินหว่านต้องเข้าถึงความคิดจิตใจของตัวละครให้ได้ แล้วนำเสนอมันออกมาผ่านเทคนิคการแสดงของเธอเอง
หลังเสียง “แอคชั่น” ของซวี่กวง การถ่ายทำฉากนี้ก็เริ่มขึ้น แต่เมื่อหลินหว่านแสดงไปได้ยังไม่ถึงครึ่งก็ได้ยินเสียงร้อง “คัท” ของซวี่กวง
หลินหว่านมองซวี่กวงอย่างไม่เข้าใจ เธอเห็นซวี่กวงขมวดคิ้วมุ่น พูดเสียงเย็นว่า “หลินหว่าน คุณแสดงอารมณ์ออกมายังไม่เต็มที่ เอาใหม่อีกครั้ง”
“ค่ะ ผู้กำกับซวี่” หลินหว่านตอบรับ
เริ่มถ่ายอีกครั้ง หลินหว่านสูดลมหายใจเข้าลึก ให้ตัวเองผ่อนคลาย
แต่คราวนี้หลินหว่านยังแสดงได้ไม่ถึงครึ่ง ซวี่กวงก็ร้อง “คัท” ออกมาอีก แล้วตะโกนเสียงดังใส่หลินหว่านว่า “หลินหว่าน คุณเป็นอะไรหา ตั้งใจแสดงจริงๆ แล้วหรือยัง คุณได้ศึกษาบทมาอย่างละเอียดหรือเปล่า รู้หรือเปล่าว่าคุณจะแสดงอะไร”
หลินหว่านกับทีมงานกองถ่ายเห็นแล้วพากันตื่นตกใจกันไปหมด ตั้งแต่ถ่ายทำมาพวกเขาไม่เคยเห็นซวี่กวงอารมณ์ขึ้นขนาดนี้มาก่อน จนทำให้พวกเขาเกือบจะลืมไปแล้วว่าซวี่กวงเป๊ะเว่อร์ มีอารมณ์หงุดหงิดกราดเกรี้ยวเป็นคุณสมบัติพิเศษ
คิดไม่ถึงว่าครั้งแรกที่ซวี่กวงอารมณ์ขึ้นจะพุ่งเข้าใส่หลินหว่าน ทีมงานทุกคนในกองถ่ายเห็นแล้วไม่รู้จะทำยังไงกันดี
คราวนี้หลินหว่านเดินเข้าไปหาเขาอย่างหวั่นใจ พูดว่า “ผู้กำกับซวี่ ขอโทษค่ะ ฉันไม่ดีเอง ขอโอกาสฉันอีกสักครั้งนะคะ คราวนี้ฉันตั้งใจจะแสดงให้ดีแน่ค่ะ”
เผยอี้เข้ามาช่วยหลินหว่านพูด “ผู้กำกับซวี่ ผมว่าเมื่อครู่หลินหว่านคงยังไม่ค่อยพร้อมน่ะ คุณให้โอกาสเธออีกสักครั้งเถอะครับ”
ซวี่กวงฟังแล้วกลับหันมาพูดกับหลินหว่านว่า “หลินหว่าน ถ้าต่อไปคุณยังเป็นแบบนี้อยู่ละก็ ผมว่าไม่ว่าจะให้โอกาสคุณสักกี่ครั้งคุณก็ยังแสดงได้ไม่ดีหรอก”
หลินหว่านกำลังจะพูดแย้งก็ได้ยินซวี่กวงพูดขึ้นว่า “หลินหว่าน ผมไม่สนว่าเมื่อก่อนที่กองถ่ายอื่นคุณจะแสดงยังไง แต่ที่กองถ่ายของผม ต้องดึงเอาการแสดงที่สมบูรณ์ที่สุดออกมา แสดงออกมาตามที่ผมต้องการ ฉากนี้คุณยังไม่ต้องแสดง ไปหาอารมณ์ที่ใช่มาก่อน ศึกษาดูความนึกคิดจิตใจของตัวละคร นึกดูว่าควรจะแสดงออกมายังไงจึงจะแสดงฉากนี้ได้ดี”
หลินหว่านฟังแล้วโต้แย้งไม่ออก อันที่จริงเมื่อครู่ตอนเธอแสดงนั้น เธอก็รู้แล้วว่าตัวเองอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยพร้อมนัก ทำอย่างไรก็ไม่สามารถแสดงความรู้สึกภายในจิตใจแบบนั้นของเธอออกมาได้ หลินหว่านพูดอย่างรู้สึกผิดต่อซวี่กวง “ขอโทษค่ะ ผู้กำกับซวี่ ฉันทราบแล้วค่ะ เมื่อครู่ฉันยังไม่ค่อยพร้อม ต่อไปฉันจะปรับปรุงตัวเองให้พร้อมค่ะ”