รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 109
หลังวางสายจากซวี่กวงแล้ว หลินหว่านรู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย เพียงแต่ ประโยคสุดท้ายที่ซวี่กวงพูดกับเธอยังวนเวียนอยู่ในใจ “หลินหว่าน ผมอยากจะให้คุณหาเวลาไปพบจิตแพทย์เสียหน่อย อันที่จริงตอนถ่ายทำ ผมก็เห็นแล้วว่าพักนี้คุณไม่ปกติเอามากๆ ”
เซียวจิ่งสือพอเห็นคลิปนี้เข้าก็เข้าใจได้ว่าทำไมพักนี้หลินหว่านจึงดูเหมือนไม่ค่อยปกตินัก เหมือนเก็บซ่อนความในใจเอาไว้
ที่แท้ก็เพราะแม่ของเธอนั่นเอง ก่อนหน้านี้เขากับเธอยังดูหนังที่แม่เธอแสดงไปตั้งมากมายขนาดนั้น แต่เขากลับคาดเดาสาเหตุไม่ออกว่าเป็นเพราะเหตุนี้
พอมาคิดดูแล้วหลังอาหารเช้า เซียวจิ่งสือก็ถามหลินหว่าน “หว่านหว่าน คุณยังจำได้ไหมที่คุณรับปากผมไว้ว่าหลังถ่ายหนังจบจะไปหาจิตแพทย์กับผม”
สีหน้าท่าทางเซียวจิ่งสือเต็มไปด้วยความกังวลแต่กลับระวังคำพูดอย่างมาก เขาเกรงว่าจู่ๆ ตัวเองถามคำถามนี้จะทำให้หลินหว่านรู้สึกไม่พอใจ แล้วทำให้ยิ่งไม่ยอมเปิดใจมากขึ้น
หลินหว่านได้ฟังคำพูดของเซียวจิ่งสือก็ชะงักกึก สีหน้าแข็งทื่อและท่าทางตกตะลึง จากนั้นค่อยเป็นท่าทางลังเล ยากตัดสินใจ
เซียวจิ่งสือเห็นแล้วก็ปลอบเธออย่างอดทนว่า “หว่านหว่าน ผมรู้ว่าพักนี้คุณได้รับผลกระทบจากเรื่องของแม่คุณในสมัยนั้น หว่านหว่าน คุณอย่ากักขังตัวเองอยู่กับอดีตเพียงลำพังอย่างนี้เลย คุณมีเรื่องอะไรก็ระบายกับผมได้ อย่าเก็บไว้ในใจคนเดียว หรือว่าคุณยังอยากจะให้เกิดเรื่องแบบเมื่อคืนนี้อีก”
พูดจบ เขาก็สำรวจท่าทีของหลินหว่านแล้วพูดต่อไปว่า “นอกจากนี้ ผมยังรู้ว่าคุณตึงเครียดมากตอนถ่ายหนัง ดังนั้นตอนสวมบทตัวละครจึงต้องเข้าถึงอารมณ์ลึกมากๆ มาตลอด ตอนนี้หนังถ่ายจบแล้ว หว่านหว่าน ผมไม่อยากเห็นคุณเป็นแบบนี้อีกแล้ว ผมแค่อยากได้หลินหว่านคนเดิมคนนั้น ผมกังวลใจมาก กลัวมากว่าเธอจะกลับมาอีกไม่ได้แล้ว”
ขณะพูด เขาก็พบว่าท่าทีหลินหว่านคล้อยตามอยู่บ้าง เธอหันหน้ามาทางเขา สายตาสองคู่ประสานกัน หลินหว่านเห็นว่านัยน์ตาของเซียวจิ่งสือสะท้อนใบหน้างามของเธอ ดวงตาเขามีความห่วงใยและคาดหวังอยู่ลึกๆ พลันน้ำตาของหลินหว่านทะลักจากเบ้า เธอมองดูเซียวจิ่งสือ พูดเสียงเครือว่า “ขอบคุณนะคะ เซียวจิ่งสือ…”
ขอบคุณที่คอยอยู่เป็นเพื่อนเคียงข้างฉันไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอบคุณที่ยามฉันอ่อนแอที่สุดให้การปกป้องที่อบอุ่นที่สุดและเข้มแข็งที่สุดกับฉัน จิตใจที่จมปลักอยู่กับสิ่งเลวร้ายในหลายวันมานี้ของหลินหว่านดูเหมือนจะถูกขจัดปัดเป่าไปจนหมดสิ้นในทันที เธอรู้สึกว่าใบหน้ามีนิ้วมือปาดผ่าน…เซียวจิ่งสือปาดเช็ดน้ำตาให้กับเธอ
ตอนบ่าย ด้วยมีเซียวจิ่งสืออยู่เป็นเพื่อน หลินหว่านกับเขาไปโรงพยาบาลเพื่อพบกับจิตแพทย์ด้วยกัน
เดิมทีหลินหว่านกลัวการไปพบจิตแพทย์ แต่พอคิดว่าเซียวจิ่งสืออยู่ข้างกายเธอ ทำให้เธอสงบใจลงได้มาก
คนที่มาให้คำปรึกษาและช่วยชี้แนะให้กับหลินหว่านเป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาทางจิตซึ่ง
เซียวจิ่งสือเชิญมาเป็นการเฉพาะ
ผู้เชี่ยวชาญทางจิตท่านนี้แม้จะอายุมากแล้ว ผมขาวโพลน แต่ดวงตาทั้งคู่ยังคมกริบราวกับเหยี่ยว ดูเหมือนจะมองทะลุใจคนได้เลยทีเดียว เขามองดูหลินหว่านแล้วพูดว่า “คุณหลิน สวัสดีครับ ลองเล่าเรื่องยุ่งยากใจของคุณในระยะนี้ให้ผมฟังหน่อยสิ”
ตอนที่หลินหว่านถูกเขาจ้องมองดูนั้น เธอรู้สึกตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูก เมื่อต้องเจอกับคำถามของเขา ยิ่งไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่พอนึกถึงคำให้กำลังจากเซียวจิ่งสือ หลินหว่านก็สงบสติอารมณ์และบอกเล่าระบายความในใจให้อาจารย์ที่ปรึกษาทางจิตฟังไปมากมาย
เซียวจิ่งสือรอเธออยู่ด้านนอกด้วยใจกระสับกระส่ายตลอดเวลา แต่พอเห็นหลินหว่านกับคุณหมอออกมาด้วยกัน เขาก็สงบใจลงได้ในที่สุด เขาก้าวเข้าหาหมอ ถามว่า “คุณหมอครับ ผลเป็นอย่างไรบ้าง”
คุณหมอหัวเราะหึหึ อย่างอารมณ์ดีแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรนี่ คุณเซียว คุณหลินไม่ได้มีปัญหาทางจิตอะไรเลย แค่เครียดมากเกินไปหน่อยเท่านั้นเอง ระยะนี้แค่ให้เธอพักผ่อนให้เพียงพอ ผ่อนคลายจิตใจให้มากก็พอแล้ว”
พอได้ฟังผลแล้ว เซียวจิ่งสือก็โล่งใจในที่สุด
ตอนที่เซียวจิ่งสือกับหลินหว่านออกจากโรงพยาบาลนั้นเอง ขณะกำลังจะกลับไปนั้น จู่ๆ ก็มีนักข่าวกลุ่มหนึ่งโผล่ออกมาเต็มไปหมด
พวกนักข่าวพากันห้อมล้อมเซียวจิ่งสือกับหลินหว่านเอาไว้ ยื่นไมโครโฟนเข้ามาเสียใกล้ จากนั้นโยนคำถามตามมาเป็นชุด
“สวัสดีค่ะ คุณหลินคะ คุณกับอันจี๋ถิงมีความสัมพันธ์อะไรกันคะ เป็นแม่ลูกกันอย่างที่บนอินเทอร์เน็ตเล่าลือกันจริงหรือเปล่าคะ”
“คุณหลินครับ ช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมครับว่าทำไมคุณออกจากโรงพยาบาล หรือว่าคุณมีปัญหาทางจิตจริงหรือไม่ครับ”
“คุณหลินครับ ระหว่างการถ่ายหนังคุณซวี่กวงเคร่งครัดกับคุณมากจริงหรือเปล่าครับ? พวกคุณมีความขัดแย้งกันหรือเปล่า แล้วก็ คุณกับคุณเซียวจิ่งสือมีความสัมพันธ์อะไรกันครับ”
เซียวจิ่งสือเห็นแล้ว น้ำโหพุ่งปรี๊ดขึ้นทันที เรื่องที่เขากับหลินหว่านมาโรงพยาบาลไม่รู้ว่าใครมารู้เข้าแล้วบอกออกไปสิ!
เซียวจิ่งสือหน้าดำคร่ำเครียด ปกป้องหลินหว่านไว้กับอก พวกนักข่าวเห็นสีหน้าโมโหของเซียวจิ่งสือแล้วพากันเปิดทางให้เขาอย่างลืมตัว เซียวจิ่งสือจึงพาหลินหว่านจากมาทั้งอย่างนั้น
แต่แค่สิบนาทีต่อมา บนอินเทอร์เน็ต ข่าวที่หลินหว่านกับเซียวจิ่งสือปรากฎตัวที่โรงพยาบาลด้วยกันก็ระเบิดออกมาปังใหญ่ แล้วยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการฟันธงว่าหลินหว่านไปโรงพยาบาลเพื่อหาจิตแพทย์อีกด้วย
ข่าวแบบนี้พอปรากฏออกมา บนอินเทอร์เน็ตก็ยิ่งมีข่าวลือสารพัด บ้างว่าหลินหว่านคงมีสภาพจิตไม่ค่อยปกติแล้ว ถึงต้องไปหาจิตแพทย์ บ้างก็เห็นว่าหลินหว่านน่าจะมีความสัมพันธ์อะไรกับอันจี๋ถิง พอหลินหว่านรู้เรื่องนี้เข้า ทำใจยอมรับไม่ได้จึงต้องไปพบจิตแพทย์
สรุปแล้ว คำพูดสารพัดบนอินเทอร์เน็ตแต่งเรื่องกันอย่างมีสีสันเป็นจริงเป็นจัง เหมือนทุกคนเป็นคนที่รู้ความจริงชัดแจ้งที่สุดคนนั้น
ตึกเซวี่ยนจื่อ ภายในห้องของผู้บริหารระดับสูงห้องหนึ่ง ที่นี่ห้ามไม่ให้บุคคลภายนอกผ่านเข้ามาโดยง่าย
ประตูห้องปิดสนิทแน่น แต่ทว่าภายในกลับมีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนเก้าอี้รถเข็นตัวหนึ่ง ใบหน้าของเธอมีแผลเป็นมากมาย หน้าตาหมองคล้ำจนไม่เหลือเค้าความงามแม้สักครึ่งของเมื่อก่อน
“หว่านหว่าน…หว่านหว่านของแม่…ตอนนั้นแม่ไม่น่าทิ้งลูกไปเลย แม่ขอโทษ…”
ผู้หญิงคนนี้ก็คือแม่แท้ๆ ของหลินหว่าน…อันจี๋ถิง และแน่นอนว่าตอนนี้เธอก็คือหลางอี้นักเขียนบทชื่อดังของวงการบันเทิงด้วย
ชายคนหนึ่งยืนอยู่ที่ข้างกายเธอ เขาเห็นสภาพเจ็บปวดทรมานของเธอแล้ว พูดปลอบช้าๆ ว่า “ตอนนี้หลินหว่านมีชีวิตที่ดีมาก คุณไม่ต้องรู้สึกผิดเกินไปนักหรอก”
วันนี้หลังจากอันจี๋ถิงได้เห็นคลิปบนอินเทอร์เน็ตที่ตัดต่อภาพหลินหว่านกับเธออยู่ในกรอบเฟรมเดียวกันแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดต่อหลินหว่านและคิดถึงเธอ อันจี๋ถิงร้องไห้พลางพูดว่า “คุณไม่ต้องพูดปลอบฉันหรอกค่ะ ตู้เซวี่ยน ฉันจะไปหาหว่านหว่าน ฉันจะพูดขอโทษต่อหน้าเธอ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะฉันไม่ดีเอง…”
“คุณต้องสงบใจลงก่อนนะ ต่อให้ตอนนี้คุณปรากฏตัวต่อหน้าหลินหว่าน ยอมรับเธอเป็นลูก แต่จะมีประโยชน์อะไร คุณแน่ใจหรือว่าหลินหว่านจะยอมรับคุณ คุณแน่ใจหรือว่าเรื่องของคุณจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของหลินหว่านในสายตาของผู้ชมน่ะหือ ” ตู้เซวี่ยนพูดช้าชัด
อันจี๋ถิงฟังแล้ว ชั่ววูบนั้นแววตาเธอมืดหม่นลง
ตู้เซวี่ยนพูดต่อไปอีกว่า “คุณฟังผมนะ เรื่องคุณกับหลินหว่านต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ต้องหาโอกาสที่ดี…”