รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 125
ตอนบ่าย ข่าวลือว่าอันซิงเสพยาก็ถูกเทียนซิงกรุ๊ปใช้กำลังภายในกลบฝังมันลงไป เพียงไม่นานเสียงวิจารณ์อันซิงบนอินเทอร์เน็ตซาลงไปมาก
แต่ว่า ต่อเมื่อเทียนซิงกรุ๊ป ประเมินผลของทั้งวันภายหลังจัดการกับผลที่ตามมาจากเรื่องนี้ แผนการของเซียวจิ่งสือก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นและสำเร็จลงอย่างงดงามไปเรียบร้อยแล้ว
ตอนพลบค่ำ หลังถ่ายหนังมาทั้งวัน หลินหว่านเสร็จงานในที่สุด ขณะเธอเตรียมจะกลับไปนั้น ก็เห็นว่าเซียวจิ่งสือมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอ
ทั้งสองไม่ได้พบหน้ากันมาหลายวันแล้ว หลินหว่านเห็นเขาเข้าก็ถามอย่างสงสัยว่า “เซียวจิ่งสือ ทำไมจู่ๆ คุณมานี่ได้ล่ะ?”
“ผมมาเยี่ยมคุณไง” เซียวจิ่งสือมองดูหลินหว่าน “ไปทานข้าวเย็นกันไหม?”
“ดีเลยค่ะ” หลินหว่านคิดแล้วตอบตกลง
ทั้งสองมาถึงร้านอาหารแห่งหนึ่ง หลังจากอาหารเย็นถูกยกมาเสริฟแล้ว เซียวจิ่งสือไม่ได้ลงมือจัดการกับอาหารทันที แต่เขาเล่าเรื่องที่เช้าวันนี้เขาทำกับเทียนซิงกรุ๊ปให้หลินหว่านฟังทั้งหมด
หลินหว่านฟังจนจบ รู้สึกประหลาดใจมาก ทำไมเธอจึงรู้สึกว่าวันนี้เซียวจิ่งสือดูแปลกไปอยู่บ้างนะ หลินหว่านสะกดความรู้สึกประหลาดใจ ถามว่า “เซียวจิ่งสือคะ คุณบอกฉันเรื่องพวกนี้ทำไมคะ?”
“ผมรู้ว่าคุณเคยถูกบ้านตระกูลอันกลั่นแกล้ง ก็เลยอยากจะเรียกร้องความยุติธรรมให้คุณสักหน่อยน่ะ!” เซียวจิ่งสือยิ้มขณะพูด ตามองดูหลินหว่าน
หลังจากพูดเล่นกันไปแล้ว เขาก็มองหลินหว่านแล้วพูดเข้าเรื่องว่า “หว่านหว่าน อันที่จริงครั้งนี้ผมซื้อหุ้นของเทียนซิงกรุ๊ปได้ในสัดส่วนประมาณห้าเปอร์เซ็น ผมคิดว่าหุ้นพวกนี้อยู่ในมือผมก็ไม่มีประโยชน์อะไรนัก ดังนั้นจึงอยากจะมอบให้คุณ คุณมีหุ้นพวกนี้แล้ว ถ้าบ้านตระกูลอันคิดจะสร้างความลำบากให้คุณอีก ก็คงไม่กล้าทำอะไรคุณมากนัก”
หลินหว่านได้ฟังคำพูดเหล่านี้ของเซียวจิ่งสือแล้วรีบปฏิเสธว่า “ขอบคุณนะคะ เซียวจิ่งสือ หุ้นพวกนั้นคุณเก็บเอาไว้เองเถอะค่ะ ฉันไม่อยากได้หุ้นพวกนั้น เพราะฉันไม่อยากจะมีความเกี่ยวพันอะไรกับบ้านตระกูลอันอีกแล้ว แต่ว่า น้ำใจของคุณฉันรับไว้แล้วค่ะ”
เซียวจิ่งสือฟังแล้วขมวดคิ้วฉับ พูดเกลี้ยกล่อมเธอว่า “หว่านหว่าน ผมรู้ว่าคุณไม่อยากเกี่ยวข้องกับบ้านตระกูลอันอีก แต่ว่าเดี๋ยวอีกหลายวันนี้ผมต้องไปทำงานต่างเมือง ถ้าเกิดบ้านตระกูลอันรู้ว่าเรื่องอันซิงเป็นฝีมือคุณละก็ คุณคิดว่าบ้านตระกูลอันจะไม่ทำอะไรคุณงั้นเหรอ”
“ผมให้หุ้นพวกนี้กับคุณ ก็เพื่อว่าคุณจะสามารถใช้มันป้องกันตัวได้ในยามจำเป็น ผมไม่ได้จะให้คุณไปเกี่ยวข้องอะไรกับบ้านตระกูลอันอีก แต่ก็หวังว่าตอนที่คุณต้องเผชิญหน้ากับบ้านตระกูลอัน จะมีไพ่ตายในมือไม่ต้องตกเป็นฝ่ายรับตลอด” เซียวจิ่งสือพูดช้าๆ เน้นทีละคำพร้อมกับมองดูหลินหว่าน
หลินหว่านได้ฟังแล้วก็อึ้งไปขณะหนึ่ง ที่แท้เซียวจิ่งสือคอยคิดแทนเธอตั้งมากมายโดยที่เธอไม่รู้ตัวเลย แต่ที่เซียวจิ่งสือพูดมาก็มีเหตุผล เมื่อนึกถึงวันคืนที่เธอต้องคอยระวังตัวเองอยู่ตลอดแต่ก็ไม่วายถูกลอบทำร้าย เธอสบตาเซียวจิ่งสือพร้อมกับตอบรับว่า “อย่างนั้นก็ได้ค่ะ หุ้นนี่ฉันขอรับไว้ก่อน แต่ยังต้องขอบคุณอยู่ดี เซียวจิ่งสือคะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยคิดแทนฉันตั้งมากมายรอบด้านขนาดนี้”
“ไม่เป็นไรครับ” เซียวจิ่งสือเห็นว่าหลินหว่านตอบรับก็เผยอยิ้มสดใสราวฤดูใบไม้ผลิของเขา รอยยิ้มที่ทำให้หลินหว่านเห็นแล้วยังต้องอุทานในใจว่า เซียวจิ่งสือดูดียิ่งกว่าพวกดาราหนุ่มน้อยหลายคนในวงการบันเทิงเสียอีก แต่เธอกลับเห็นว่า เซียวจิ่งสือดูมีออร่าในตัวเองมากกว่าพวกเขาเสียอีก
เซียวจิ่งสือเห็นหลินหว่านไม่รู้ว่าใจลอยไปคิดอะไรอีกแล้ว จึงเอ่ยปากขึ้นอีกว่า “หว่านหว่าน คุณรับปากผมสักเรื่องได้ไหม”
หลินหว่านรีบดึงสติกลับมา ถามว่า “เรื่องอะไรเหรอคะ เซียวจิ่งสือ”
“หว่านหว่าน รอให้ผมกลับจากต่างเมือง คุณตกลงเป็นแฟนผมนะ เอาแบบเปิดตัวกันเลย!” เซียวจิ่งสือพูดรวบรัดแบบเผด็จการพลางจ้องมองหลินหว่าน
หลินหว่านได้ฟังก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เธอกำลังจะเอ่ยปฏิเสธ แต่พอประสานเข้ากับสายตาที่เผยความในใจของเซียวจิ่งสือแล้ว หลินหว่านพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เซียวจิ่งสือคะ ขอบคุณค่ะ แต่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของความรู้สึก ตอนนี้ฉันยังไม่ได้คิดมากขนาดนั้น”
ถูกปฏิเสธอีกจนได้ เซียวจิ่งสือเคยชินเสียแล้วกับผลลัพท์นี้ แต่ว่าคราวนี้หลินหว่านไม่ได้เอ่ยปฏิเสธทันที นั่นทำให้เซียวจิ่งสือรู้สึกดีใจอย่างมาก เขาฟังแล้วกระพริบดวงตาวิบวับที่เหมือนจะพูดได้ ถามว่า “หว่านหว่าน ตอนที่คุณยอมคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ต้องนึกถึงผมเป็นคนแรกนะ! ผมทั้งมีเงิน ทั้งรูปหล่อ รูปร่างก็ดี ทั้งตัวไม่มีที่ตำหนิเลยสักนิดนึง คุณต้องพอใจแน่…”
“แน่นอนว่า ที่สำคัญที่สุดคือ…” เซียวจิ่งสือลากเสียงยาว เหมือนจะดึงความสนใจ
“คืออะไรคะ” หลินหว่านถามอย่างอยากรู้
“ที่สำคัญที่สุดคือ ผมเป็นคนที่ชอบคุณมากที่สุดในโลกนี้เลย หว่านหว่าน” เซียวจิ่งสือพูดพร้อมกับมองตาหลินหว่าน
หลินหว่านถูกคำพูดเปิดอกเปิดใจของเซียวจิ่งสือทำเอาหน้าแดงก่ำจนไม่รู้จะพูดอะไรดี
หลังอาหารเย็น เซียวจิ่งสือส่งหลินหว่านกลับโรงแรมที่พักของทางกองถ่าย เขาบอกหลินหว่านว่า พรุ่งนี้เขาต้องออกเดินทางแต่เช้า ส่วนใบโอนหุ้นของเทียนซิงกรุ๊ป พรุ่งนี้เขาจะส่งให้เธอทางอีเอ็มเอส ให้หลินหว่านเซ็นชื่อบนเอกสารก็ใช้ได้แล้ว
หลินหว่านฟังแล้วผงกศีรษะ ถามเซียวจิ่งสือว่าจะเดินทางไปไหน เซียวจิ่งสือยิ้มแล้วตอบว่าไปต่างประเทศ ทั้งเย้าว่าหลินหว่านไม่ต้องเป็นห่วงเขามากเกินไป อยู่ในกองถ่ายแสดงให้ดีก็แล้วกัน
เที่ยงวันต่อมา หลินหว่านก็ได้รับเอกสารอีเอ็มเอส เป็นหนังสือโอนสิทธิ์ในหุ้น เธอเก็บเอาไว้ก่อน หลังจากเลิกกองแล้วกลับเข้าโรงแรม หลินหว่านเปิดอ่านดูหนังสือโอนสิทธิ์ในหุ้นอย่างละเอียดรอบหนึ่ง เธอพบว่าหุ้นที่เซียวจิ่งสือมอบให้เธอเหล่านี้รวมกันแล้วมีราคาในตลาดสูงมากทีเดียว ถึงกับทำให้หลินหว่านอ้าปากค้างไปเลย
สุดท้าย หลินหว่านก็เซ็นชื่อตัวเองลงไป รับเอาหุ้นพวกนี้มาในที่สุด เธอตัดสินใจว่าจะใช้หุ้นพวกนี้อย่างดีรอให้บุญคุณความแค้นของเธอกับบ้านตระกูลอันสะสางกันเรียบร้อยแล้ว เธอจะคืนหุ้นพวกนี้ให้กับเซียวจิ่งสืออีกเท่าตัวเลย
วันคืนต่อจากนั้น หลินหว่านก็อยู่ในกองถ่ายยุ่งวุ่นวายกับการเข้ากล้องตลอด เซียวจิ่งสือก็ยุ่งอยู่กับการงานที่ต่างประเทศ ระยะนี้ทั้งสองจึงติดต่อกันน้อยลงไปมาก
วันนี้ หลินหว่านจะถ่ายฉากนางเอกร้องไห้ ก่อนเริ่มถ่าย ผู้กำกับถามหลินหว่านว่าต้องการเวลาเตรียมตัวหรือไม่ หลินหว่านตอบว่าไม่ต้อง
พอเริ่มถ่ายทำ หลินหว่านเข้าถึงบทอย่างรวดเร็ว น้ำตานึกจะมาก็มา ผู้กำกับที่นั่งอยู่หน้ามอนิเตอร์เห็นแล้วพอใจมาก ฉากนี้เป็นฉากแสดงอารมณ์ที่ค่อนข้างยาก คิดไม่ถึงว่ารอบแรกหลินหว่านก็แสดงได้ดีแล้ว
ผ่านฉากนี้ไปแล้ว ผู้กำกับเจ้าก็เอ่ยปากชมหลินหว่านไม่หยุด หลินหว่านกล่าวขอบคุณผู้กำกับเจ้าแล้ว ทันใดนั้น เหมือนในใจรับรู้บางอย่าง เธอเงยหน้าขึ้น แล้วประสานเข้ากับสายตาของเซียวจิ่งสือที่ไม่ได้เห็นมาหลายวัน
หลังจากเซียวจิ่งสือไปทำงานต่างประเทศก็ติดต่อกับหลินหว่านน้อยลงไปมาก แต่ใจเขากลับคิดถึงหลินหว่านมากขึ้นเรื่อยๆ เขารีบจัดการกับภารกิจจนเสร็จโดยเร็ว พอกลับประเทศ เขาก็รีบบึ่งมาเยี่ยมกองถ่ายโดยด่วน
พอเห็นหลินหว่าน ใจของเซียวจิ่งสือก็สงบลงได้โดยพลัน เขามองหลินหว่านแล้วพูดว่า “หว่านหว่าน ผมกลับมาแล้ว”
“เซียวจิ่งสือ” หลินหว่านเข้าใจว่าเธอตาลายไปเอง พอแน่ใจว่าเป็นเซียวจิ่งสือแล้ว เธอก็เข้ามาหาเขาด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ทำไมจู่ๆ คุณก็มาได้ล่ะ”
“ผมมาเยี่ยมกองถ่าย ไม่ได้เหรอ” เซียวจิ่งสือพูดพลางยักคิ้ว ยิ้มกรุ้มกริ่ม