รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 126
อันซิงวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในบริษัทในสภาพหวาดกลัวสุดขีด เธอไม่อยากเชื่อข่าวที่ตัวเองเพิ่งอ่านเจอพวกนั้น ตอนนี้เรื่องที่เธอเสพยากลายเป็นหนักข้อขึ้น จนเธอไม่อาจจัดการได้เองแล้ว แม้แต่บ้านตระกูลอันก็ยังช่วยทำให้เรื่องเงียบลงไม่ได้ อันซิงรู้สึกสับสนวุ่นวายไปหมด
อันซิงเดินเข้าห้องทำงานมาก็พบว่าผู้จัดการของเธอกำลังนั่งขมวดคิ้วอย่างกลัดกลุ้มอยู่ที่นั่น เธอรู้ว่าต้องเป็นเพราะเรื่องข่าวลือว่าเธอเสพยานั่นแน่
“จะทำอย่างไรดี ตอนนี้กลายเป็นฉันที่เป็นคนเสพยาไปแล้ว ที่บ้านอุตส่าห์กลบข่าวจนเงียงไปได้แล้วเชียว กลับถูกคนทำให้เสียเรื่องได้ ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้นะ จนถึงตอนนี้ฉันยังไม่อยากจะเชื่อเลย เคราะห์หามยามร้ายแท้ๆ เชียว แกเป็นผู้จัดการมือทองตั้งหลายปี บอกฉันทีซิว่าจะมีวิธีแก้ปัญหานี้อย่างไร แค่บอกมาก็พอ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร ฉันจะให้คนที่บ้านจัดการให้เอง ฉันทนให้คนบนอินเทอร์เน็ตใส่ร้ายป้ายสีฉันต่อไปไม่ไหวแล้ว แล้วฉันก็ยิ่งทนไม่ได้ถ้าจะต้องหายไปจากวงการบันเทิง” อันซิงพูดเสียงสั่น หน้าตาท่าทางตื่นตกใจ
ผู้จัดการที่กำลังท้อใจอยู่เหมือนกัน จึงได้แต่ส่ายหน้าอย่างอับจนสิ้นหนทาง อันซิงเห็นว่าผู้จัดการก็ไม่มีวิธีช่วยตัวเองให้พ้นจากข่าวซุบซิบนี้ จึงได้แต่นั่งอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง เหมือนร่างที่ไร้จิตวิญญาณ อันซิงรู้สึกหมดหวังอยู่บ้าง ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาที่ด้านข้าง ไม่พูดอะไรสักคำ ตอนนี้แม้แต่ผู้จัดการก็หาวิธีช่วยเธอไม่ได้ อันซิงหมดสิ้นความหวัง เธอไม่รู้ว่าตัวเองต้องเจอกับแรงกดดันจากเรื่องนี้อีกมากมายขนาดไหน
ผู้จัดการเห็นอันซิงผิดหวังเช่นนั้นก็เดินเบาๆ เข้ามาหาเธอ พูดว่า “อันซิง เรื่องนี้ฉันก็คิดไม่ถึงจริงๆ ระยะนี้คุณอย่าออกไปปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนเด็ดขาดเลยนะ แล้วอย่าให้สัมภาษณ์กับใครเลยด้วย เพื่ออนาคตของเธอเอง หลายวันนี้ต้องระวังรักษาตัวเองให้ดีนะ อย่าให้พวกปาปารัสซี่ถ่ายรูปไปได้เด็ดขาด พวกมันอาจใช้ภาพที่ได้ไปแต่งเติมเรื่องราวเอาอีก เธอก็รู้ว่าการเสพยาสำหรับศิลปินคนหนึ่งนั้นเป็นข่าวลือที่น่ากลัวมากขนาดไหน ตอนนี้พวกเราตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากอย่างมาก ดังนั้นทุกอย่างต้องระวังตัวไว้ก่อนเป็นดี ฉันจะพยายามกอบกู้เรื่องนี้ หวังว่าจะช่วยให้สถานการณ์ของเธอดีขึ้น”
อันซิงพอได้ฟังคำพูดของผู้จัดการก็รู้สึกไม่พอใจมาก ถึงตอนนี้เธอยังไม่อยากจะเชื่อว่าข่าวลือที่ด้านนอกเป็นเธอที่เสพยา มันควรจะเป็นเธอใส่ร้ายหลินหว่าน ตอนนี้กลับกลายเป็นตกกับตัวเอง แล้วผู้จัดการนี่ยังจะให้เธอหลบๆ ซ่อนๆ อีก ตั้งแต่เล็กเธอก็เป็นที่รักและถูกเอาอกเอาใจจากคนในครอบครัว ตอนนี้กลับต้องมาอยู่แบบนี้ อันซิงโมโหเดือดพล่าน แต่พอนึกถึงคำพูดที่วิพากษ์วิจารณ์เธอกับข่าวลือเรื่องเสพยาแล้ว อันซิงก็ได้แต่ยอมรับอย่างจำใจ
อันซิงพูดเสียงเครือว่า “เอาเถอะ หลายวันนี้ฉันจะพยายามหลายตัวไปจากสายตาทุกคนก็แล้วกัน ฉันจะไม่ออกไปข้างนอกถ้าไม่จำเป็น หลายวันนี้ฉันคงไม่ต้องทำงานอะไรอีกแล้ว งั้นฉันกลับไปก่อนแล้วกัน แกก็ต้องพยายามกู้สถานการณ์เรื่องนี้ให้เต็มที่ล่ะ ฉันไม่อยากหายไปจากวงการบันเทิงตลอดไป ฉันไม่อยากแบกชื่อเหม็นเน่าว่าเสพยาไปตลอดหรอกนะ แกต้องช่วยฉัน”
ผู้จัดการก็รู้สึกอับจนเอามากๆ เรื่องการเสพยานั้นถ้าศิลปินคนหนึ่งเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยแล้ว เป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างมาก เมื่อเจอกับเรื่องแบบนี้ โดยทั่วไปศิลปินย่อมไม่อาจกลับมาขาวสะอาดได้อีก
ผู้จัดการมองอันซิงอย่างขอความเห็นใจ “คุณก็อย่าห่วงเรื่องนี้จนไม่ยอมกินไม่ยอมนอน คุณยังต้องรักษาสุขภาพตัวเองให้แข็งแรง ฉันจะพยายามสุดฝีมือเพื่อจัดการเรื่องนี้ให้ได้ ให้คุณได้กลับสู่สายตาสาธารณชนอีกครั้ง ได้กลับมารุ่งในวงการบันเทิงอีก แต่ว่าฉันแค่บอกว่าจะพยายามให้ถึงที่สุด และคุณเองก็ต้องจำคำพูดที่เมื่อครู่ฉันเพิ่งบอกคุณไป ต้องหลบซ่อนตัวให้ดี อย่าให้บรรดาปาปารัสซี่มีโอกาสแต่งเรื่องเพิ่มได้อีก ตอนนี้คุณกลับไปก่อนเถอะ ระหว่างทางก็หลบให้ดีนะคะ”
อันซิงฟังแล้วก็ผงกศีรษะเบาๆ แล้วเดินออกไปด้านนอก
“เฮ้อ ทำไมต้องไปให้ร้ายคนอื่นด้วยนะ ตอนนี้ดีล่ะสิ ทำซะตัวเองสกปรกเลอะเทอะไปหมด” พออันซิงจากไป ผู้จัดการก็ส่ายหน้าพูดออกมาเบาๆ
อันซิงนั้นนับแต่เรื่องเสพยาระเบิดตูมออกมา เธอก็เชื่อฟังคำพูดของผู้จัดการ ไม่ว่าจะเป็นตอนไหนเธอก็มักจะหลบซ่อนตัวเองอย่างดี ไม่ให้ใครถ่ายภาพเธอได้ และเธอรู้ดีว่าต้องหายตัวไปจากสายตาผู้คนชั่วคราว
สองวันมานี้อันซิงอยู่แต่ในห้อง ไม่ได้ออกไปไหนเลย วันนี้เธอรู้สึกเบื่อมาก อยากออกไปเดินเล่นสักหน่อย แต่ในหัวเธอนึกถึงแต่คำพูดของผู้จัดการ ที่ให้เธอเก็บตัวให้ดี อันซิงรู้สึกลำบากใจ แต่เธอเบื่อจนทนไม่ไหวแล้ว สุดท้ายเลยตัดสินใจว่าจะแต่งองค์ทรงเครื่องเสียหน่อยค่อยออกไป
“อยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้เมื่อไหร่จะผ่านไปซะทีนะ เป็นเพราะนังหลินหว่านตัวดี ที่ทำให้ฉันต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ถ้าไม่เป็นเพราะมัน ตอนนี้ฉันก็ไม่ต้องมาเป็นแบบนี้” อันซิงมองกระจกเงาแต่งหน้าตัวเองไปพลางพูดอย่างเข่นเขี้ยวไปพลาง
อันซิงปลอมตัวเสร็จก็เตรียมจะใส่หน้ากากอนามัย เธอมองสำรวจดูตัวเอง รู้สึกหงุดหงิดที่ต้องแต่งตัวแบบนี้ แต่ก็จนใจ อันซิงเป็นคนชอบโชว์ตัวต่อหน้าสาธารณชน ตอนนี้เพราะเรื่องเสพยาทำให้ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ต้องสวมชุดประหลาดแบบนี้เพื่ออำพรางตัวเอง อันซิงไม่พอใจอย่างมาก
อันซิงแอบย่องออกมาเงียบๆ ระหว่างทางจิตใจเธอผ่อนคลายลงไปบ้างในที่สุด หลายวันมานี้เพราะเรื่องเสพยาทำให้เธอหงุดหงิดรำคาญใจมาก อยู่แต่ในบ้านนั่งอมทุกข์อยู่ทั้งวัน
อันซิงกำลังเดินเล่นไปเรื่อยๆ ก็พบว่าในร้านกาแฟแห่งหนึ่งมีใบหน้าที่คุ้นตาปรากฏขึ้น เธอรีบลนลานหลบเข้าพุ่มไม้ข้างทาง แอบดูคนสองคนนั้นตลอด ที่แท้สองคนนั้นก็คือหลินหว่านกับเซียวจิ่งสือ
หลินหว่านกับเซียวจิ่งสือกำลังดื่มกาแฟกันอยู่ในร้านอย่างสบายใจ ผลัดกันเล่าเรื่องสนุกให้กันฟัง ดูไปแล้วมีความสุขมาก เซียวจิ่งสือมองดูหลินหว่านที่กำลังหัวเราะเสียงดังด้วยสีหน้ารักและทะนุถนอม พวกเขาเป็นคู่รักที่กำลังมีความสุขมากคู่หนึ่ง สายตาที่ทั้งคู่ต่างจ้องมองกันเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก
ความโมโหของอันซิงแผดเผาขึ้นมาในใจ เธอคิดว่าทำไมในขณะที่เธอต้องใช้ชีวิตแบบหลบๆ ซ่อนๆ แต่หลินหว่านกลับมีความสุขที่ได้รับความรักจากเซียวจิ่งสือ อันซิงอิจฉาตาร้อนมาก เธอไม่อยากเห็นหลินหว่านอยู่ดีมีสุขยิ่งกว่าเธอ อีกทั้งตอนนี้เธอเองต้องตกอยู่ในสภาพน่าอนาถอย่างนี้ แต่หลินหว่านกลับมีความสุขเช่นนี้ อันซิงยิ่งคิดก็ยิ่งเกลียดชังหลินหว่าน
หลินหว่านกับเซียวจิ่งสือเดินออกมาจากร้านกาแฟ เดินโอบไหล่หัวเราะกันอย่างอารมณ์ดี ดูมีความสุขกันมาก ไฟริษยาของอันซิงพุ่งปรี๊ดขึ้นสมอง ตัดสินใจว่าจะทำอะไรบางอย่างเพื่อเล่นงานหลินหว่าน เธอแอบหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพความใกล้ชิดสนิทสนมของหลินหว่านกับเซียวจิ่งสือเอาไว้
พอเห็นว่าเงาหลังของหลินหว่านกับเซียวจิ่งสือค่อยๆ ห่างออกไป ก็หันกลับมาดูภาพถ่ายของพวกเขาสองคนในมือ อันซิงเหยียดยิ้มออกมาอย่างหมายมาดแล้วจากไป ตัดสินใจว่าจะเริ่มดำเนินการตามแผนของเธอ