รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 132
“แกไอ้ลูกเลว! แกยังกล้ามาขึ้นเสียงกับฉันอีก ออกไปเลยนะ!” เซียวเฉียงเห็นว่าเซียวจิ่งสือไม่ยอมรับปากแต่งงาน แล้วยังกล้ามาเถียงเขาอีก เซียวเฉียงกวาดเอกสารบนโต๊ะกระจายลงพื้นอย่างฉุนเฉียว แล้วตวาดไล่เซียวจิ่งสือด้วยความโมโห
“ได้! ผมไปแน่! ” เซียวจิ่งสือก็ไม่ยอมอ่อนข้อลงให้ เขาเชิดหน้ามองตรงไปที่พ่อของเขา “แต่ว่า พ่อครับ ผมยังยืนยันคำเดิม ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผมจะไม่แต่งกับคนบ้านตระกูลอันเด็ดขาด พ่อเลิกคิดเรื่องนี้ไปได้เลย!”
เซียวจิ่งสือพูดจบ สีหน้าโกรธจัดของเซียวเฉียงก็ยิ่งแดงก่ำขึ้น เซียวจิ่งสือไม่สนใจอีก เขาเพิ่งแสดงท่าทีของตัวเองออกไป ว่าจะไม่แต่งงานกับอันซิงอย่างเด็ดขาด ส่วนแผนการจัดซื้อเทียนซิงกรุ๊ปของพ่อเขานั้น เขาก็ไม่ขอมีส่วนร่วมด้วยเด็ดขาด
เสียงดัง “ปึง” เซียวจิ่งสือกระแทกปิดประตูห้องหนังสือของเซียวเฉียง ก้าวยาวๆ ออกจากคฤหาสน์ตระกูลเซียว
“คุณชาย! คุณชาย…” พ่อบ้านถือถาดกาแฟสองถ้วยกำลังจะยกไปเสิร์ฟที่ห้องหนังสือ ก็เห็นเซียวจิ่งสือพุ่งออกมาจากห้องหนังสือด้วยสีหน้าโกรธจัด แล้วออกจากคฤหาสน์ไป เขาคิดจะออกปากห้ามแต่ไม่ทันเสียแล้ว
พอเห็นสภาพเช่นนี้ พ่อบ้านก็รู้เลยว่าเซียวจิ่งสือกับเซียวเฉียงสองพ่อลูกเพิ่งทะเลาะกันมาหมาดๆ ที่ห้องหนังสือ เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพ่อลูกคู่นี้ถึงไม่สามารถอยู่ด้วยกันดีๆ แบบปกติได้เลย ทำไมทุกครั้งที่เจอหน้ากันเป็นต้องทะเลาะกันทุกที เซียวจิ่งสือจะยอมตามใจพ่อเขาให้มากหน่อยไม่ได้หรือไงนะ
ขณะที่พ่อบ้านครุ่นคิดเรื่องพวกนี้ เซียวเฉียงก็ปรากฏกายขึ้นอย่างเงียบเชียบที่ข้างกายเขา สีหน้าบอกว่าโกรธจัดเพราะเซียวจิ่งสือ เสียงเย็นเรียบของเขาดังขึ้น “พ่อบ้าน เร็ว! เดี๋ยวนี้เลย! อายัดบัตรธนาคารทุกใบของเซียวจิ่งสือ! แล้วประกาศออกไปว่า เรียกคืนอำนาจบริหารบริษัททั้งหมดของเซียวจิ่งสือ! ฉันจะดูว่า ถ้าไม่มีบ้านตระกูลเซียว มันจะอยู่ได้อย่างไร!”
“ครับท่าน…” พ่อบ้านได้ยินเสียงตวาดด้วยความโมโหของเซียวเฉียง ก็คิดในใจว่าครั้งนี้พวกเขาสองพ่อลูกดูเหมือนจะขัดแย้งกันรุนแรงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา เขาจึงรีบตอบรับด้วยอาการหวั่นเกรง แล้วรีบไปดำเนินการตามคำสั่งของเซียวเฉียง
วันต่อมา เมื่อเซียวจิ่งสือมาถึงบริษัทก็พบว่าพ่อของเขาเรียกคืนอำนาจบริหารในบริษัทของเขาก่อนหน้านี้ไปแล้ว นอกจากนี้บัตรธนาคารของเขาทุกใบยังถูกระงับการใช้แล้วด้วย
นี่ถือเป็นบทลงโทษที่เมื่อคืนเขาไม่ยอมรับปากแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับบ้านตระกูลอันงั้นเหรอ เซียวจิ่งสือเห็นเช่นนั้นก็นึกหัวเราะเยาะในใจ
สุดท้าย เซียวจิ่งสือตัดสินใจออกจากบริษัทมาที่บ้านของหลินหว่าน ขอเพียงได้อยู่กับหลินหว่าน ต่อให้ไม่เหลืออะไรเลยเขาก็ไม่สนใจหรอก
พอดีกับวันนี้หลินหว่านไม่มีนัดหมายงาน เธอมองดูเซียวจิ่งสือที่อยู่นอกประตู นึกถึงการทะเลาะกันของทั้งสองเมื่อคืน เธอขมวดคิ้วถามว่า “เซียวจิ่งสือ คุณยังมานี่อีกทำไมคะ เมื่อคืนพวกเรา…”
“หว่านหว่าน เมื่อคืนผมผิดเอง ผมไม่ควรทะเลาะกับคุณเลย ผมไม่รู้ว่าบนอินเทอร์เน็ตมีข่าวลือแบบนั้น ผมก็เลยเข้าใจคุณผิดไป คุณยกโทษให้ผมนะครับ!” เซียวจิ่งสือมองหลินหว่านอย่างเว้าวอนขอคืนดี ดวงตาทั้งคู่หยาดรื้นดูน่าสงสารสุดๆ
“ข่าวลือ?” หลินหว่านฟังแล้ว รู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“ใช่สิ!” พอเห็นว่าหลินหว่านยอมฟังเขาอธิบาย เซียวจิ่งสือก็รีบพูดขึ้น “หว่านหว่าน คุณฟังผมนะ ที่จริงข่าวลือบนอินเทอร์เน็ตที่ผมจะแต่งงานกับคนบ้านตระกูลอันน่ะ เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ! ก็แค่ความคิดของพ่อผม ผมไม่รู้เรื่องด้วยเลยสักนิด แล้วก็ไม่ยอมเห็นด้วยเด็ดขาด”
“อีกอย่าง คนที่ผมจะแต่งงานด้วย มีเพียงคุณเท่านั้น” ไม่รู้ว่าทำไม เซียวจิ่งสือเผลอพูดความในใจประโยคนี้ออกมาโดยไม่รู้ตัว
พอได้ยินประโยคนี้เข้า หลินหว่านก็นิ่งอึ้งไป เซียวจิ่งสือฉวยโอกาสอันดีนี้ หลบแว่บเข้าบ้านหลินหว่าน
พอหลินหว่านได้สติ ก็โมโหมากแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรได้
เซียวจิ่งสือนั่งบนโซฟาที่หลินหว่านเคยนั่ง มองหลินหว่านด้วยสายตาออดอ้อนชวนสงสาร พูดว่า “หว่านหว่าน ผมจริงใจกับคุณจริงๆ นะให้ฟ้าผ่าด้วยเอ้า! เพียงแต่ตอนนี้ผมถูกพ่อไล่ออกจากบ้าน ไม่เหลืออะไรเลย หว่านหว่าน คุณสงสารผมเถอะนะ รับผมให้อยู่ด้วยสักหลายวันนะๆ ”
หลินหว่านมองดูสภาพของเซียวจิ่งสือในตอนนี้ ไม่รู้ว่าเขาพูดจริงหรือเท็จ
หลายวันต่อมา การยอมรับโดยปริยายของหลินหว่าน ทำให้เซียวจิ่งสือจึงได้พักอยู่ที่บ้านของเธอ
อันที่จริง เป็นเพราะไม่ว่าหลินหว่านจะไล่อย่างไร เซียวจิ่งสือก็ไม่ยอมไปต่างหาก
“หว่านหว่าน วันนี้พวกเรากินหม้อไฟกันดีไหม” วันนี้ เซียวจิ่งสือยิ้มกริ่มพูดกับหลินหว่านที่เพิ่งกลับถึงบ้าน
หลายวันมานี้ เขาอ้างเหตุว่าไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาทจึงขอพักอยู่ที่บ้านของหลินหว่าน แล้วอ้างว่าจะอยู่เปล่าๆ ไม่ได้ ทุกวันเขาจึงอาสาจัดอาหารสามมื้อให้หลินหว่าน
“ค่ะ” หลายวันมานี้ หลินหว่านเหมือนจะเคยชินกับการคงอยู่ของเซียวจิ่งสือและการดูแลของเขา จึงไม่คิดจะไล่เซียวจิ่งสือออกไปอีก
ยิ่งน่ากลัวกว่านั้นก็คือ หลินหว่านไม่เพียงไม่ยอมคิดว่าเป็นเพราะอะไร แต่กลับรู้สึกว่าการมีเซียวจิ่งสือมาอยู่ด้วยเป็นความรู้สึกที่ไม่เลวเลย
“แต่ว่าที่บ้านยังขาดวัตถุดิบบางอย่าง พวกเราออกไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตกันก่อนเถอะ!” เซียวจิ่งสือพูดขึ้นอีก ราวกับว่าพวกเขาเป็นคนในครอบครัวที่อยู่ด้วยกันมานานปี
หลินหว่านผงกศีรษะ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งกับเซียวจิ่งสือ
“หว่านหว่าน คุณว่าอันนี้เป็นอย่างไรบ้าง คุณชอบทานไหม” ในซูเปอร์มาร์เก็ต เซียวจิ่งสือกับหลินหว่านเลือกวัตถุดิบมาทำอาหารไปเรื่อยๆ พอซื้อของสำหรับทำหม้อไฟครบ พวกเขาก็เดินเที่ยวเล่นอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตนั้นต่อ
อันซิงบังเอิญอยู่ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเห็นเซียวจิ่งสือกับหลินหว่านเข้าพอดี เธอแอบสำรวจรอบข้างแล้วพบว่าหลินหว่านมีทีท่าสนิทสนมกับเซียวจิ่งสือมาก เธอรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
หลังจากอันซิงออกจากซูเปอร์มาร์เก็ต เธอนึกถึงท่าทางสนิทสนมกันของเซียวจิ่งสือกับหลินหว่าน ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เธอหยิบมือถือขึ้นมา โทรไปหาเบอร์ของตากล้องคนหนึ่ง ให้เขาติดตามหลินหว่านกับเซียวจิ่งสือ สืบดูว่าระยะนี้พวกเขาทำอะไรกัน จากนั้นให้รายงานทุกความเคลื่อนไหวของพวกเขาให้เธอทราบตลอดเวลา
วันต่อมา อันซิงมองดูภาพถ่ายหลายใบที่ตากล้องคนนั้นส่งมาให้ เธอกัดฟันแน่นด้วยความโมโห ในภาพ ยามค่ำคืนเซียวจิ่งสือกับหลินหว่านกลับถึงบ้านของหลินหว่านด้วยกัน
แม้ว่ารูปถ่ายจะลางเลือนอยู่บ้าง แต่คนที่รู้จักกับเซียวจิ่งสือและหลินหว่านมองดูแป๊ปเดียวก็จำพวกเขาได้ และยังเห็นได้ว่าพวกเขามีกริยาท่าทีที่สนิทสนมกันมาก
อันซิงรู้ว่าเซียวจิ่งสือถูกพ่อของเขาไล่ออกจากบ้านเพราะไม่ยอมแต่งงานกับเธอ แต่เธอนึกไม่ถึงว่า ตอนนี้เขาพักอยู่กับหลินหว่าน
อันซิงคาดการณ์ไว้สารพัดแต่คิดไม่ถึงว่าจะต้องเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ เธออยากให้เซียวจิ่งสือแต่งงานกับเธอ จะได้หักหน้าหลินหว่าน แต่คิดไม่ถึงว่าเซียวจิ่งสือจะยอมสละทุกสิ่งเพื่อให้ได้อยู่ร่วมกับหลินหว่าน เธอกลับกลายเป็นคนที่ทำให้พวกเขาอยู่ด้วยกัน!
อันซิงยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เธอโทรหาตากล้องคนนั้น สั่งด้วยเสียงเย็นชาว่า “แกทำได้ดีมาก ตอนนี้เอารูปพวกนี้อัพโหลดขึ้นอินเทอร์เน็ต แล้วไปจ้างพวกมือโพสต์บนอินเทอร์เน็ตสร้างกระแสเสียหน่อย เอาให้หลินหว่านหลุดออกจากวงการบันเทิงไปเลย”
“ได้ครับ คุณอัน” ตากล้องคนนั้นได้รับคำสั่งจากอันซิง ก็รีบปฏิบัติการทันทีหลังจากวางสาย