รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 134
อวิ๋นซีพบว่าแหล่งงานของหลินหว่านหายวับไปกับตา เธอตื่นตระหนกมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น จึงรีบร้อนไปหาหลินหว่านโดยด่วน
ตอนที่อวิ๋นซีเปิดประตูเข้าไปห้องหลินหว่านนั้น ก็พบว่าหลินหว่านกำลังนั่งขมวดคิ้วเหม่อลอยอยู่ อวิ๋นซีคิดว่าหลินหว่านคงรู้เรื่องนี้แล้ว แต่นี่เป็นเพราะอะไรกันนะ ขอแค่รู้สาเหตุก็จะหาทางแก้ไขได้ ตอนนี้ในหัวอวิ๋นซีเต็มไปด้วยคำถามเต็มไปหมด
อวิ๋นซีเดินเบาๆ เข้ามาหาหลินหว่าน พูดอย่างระวังตัวว่า “หลินหว่าน ไม่ว่าฉันจะพูดอะไรต่อไปนี้ เธอก็อย่าวู่วามนะ เธอต้องเชื่อมั่นว่าพวกเราจะสามารถผ่านมันไปได้ไม่ว่าจะเจอกับเรื่องอะไรก็ตาม”
อวิ๋นซีเองก็รู้สึกว้าวุ่นใจ เธอถามหลินหว่านอย่างระวังคำพูด อวิ๋นซีกลัวหลินหว่านจะรับไม่ได้กับเหตุการณ์เคราะห์ซ้ำกรรมซัดแบบนี้ พอปัญหาทุกอย่างระดมเข้ามาพร้อมๆ กัน คนส่วนมากก็มักจะล้มเป๋จนทำอะไรไม่ถูก และตอนนี้หลินหว่านกำลังต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้เอง
เพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นห่วง หลินหว่านพอได้ฟังคำพูดอวิ๋นซีจึงฝืนยิ้มเงยหน้าขึ้นสบตากับเธอ แต่ที่หลินหว่านไม่รู้คือ ยิ่งเธอทำเป็นเข้มแข็งแบบนี้ อวิ๋นซีก็ยิ่งเป็นกังวล
อวิ๋นซีกับหลินหว่านนั่งบนโซฟาด้วยกัน เธอพูดเสียงเบาว่า “หลินหว่าน งานของเธอในตอนนี้และก่อนหน้าถูกยกเลิกไปทั้งหมดแล้ว อยู่ดีๆ ก็ยกเลิกเฉยเลย เธอรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ในฐานะที่ฉันเป็นผู้จัดการของเธอ ฉันรู้สึกละอายมากที่ปกป้องงานของเธอไว้ไม่ได้ ฉันยังมึนเอามากๆ แต่ไม่รู้ว่าจะไปหาต้นตอเรื่องนี้จากที่ไหน ขอแค่พวกเราหาสาเหตุเจอก็จะหาวิธีแก้ไขได้เอง ถ้าเธอรู้สาเหตุละก็ บอกฉันได้ไหม”
คำพูดของอวิ๋นซีทำให้หลินหว่านจมอยู่กับความเงียบงันอีกครั้ง เธอรู้สึกว่าตอนนี้ทำอะไรไม่ได้แล้ว หลินหว่านรู้สึกเจ็บปวดทรมานอย่างมาก
หลินหว่านสงบใจลง มองอวิ๋นซีแล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่าทำไมจู่ๆ งานของฉันก็ถูกยกเลิก คราวที่แล้วตอนฉันออกจากบ้าน เจอเข้ากับพ่อของเซียวจิ่งสือ เขาให้ฉันออกห่างจากเซียวจิ่งสือ บอกว่าถ้าฉันไม่รับปาก เขาจะให้ฉันอยู่ในวงการบันเทิงไม่ได้อีก แต่ฉันไม่ได้ตอบพ่อของเซียวจิ่งสือไปตรงๆ ฉันว่าเซียวจิ่งสือน่าจะมีความคิดของตัวเอง จากนั้นก็เป็นแบบนี้ งานของฉันถูกยกเลิกทั้งหมดน่าจะมาจากฝีมือพ่อของเซียวจิ่งสือล่ะมั้ง!”
อวิ๋นซีตกใจมาก เธอคิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวพันกับพ่อของเซียวจิ่งสือ ถ้าหลินหว่านยังคิดงัดข้อกับพ่อของเซียวจิ่งสือต่อไปละก็ บางทีจะเป็นอย่างที่เขาพูด ทำให้หลินหว่านอยู่ในวงการบันเทิงต่อไปไม่ได้จริงๆ
หลินหว่านเห็นอวิ๋นซีกำลังหมกมุ่นครุ่นคิด คิ้วขมวดยุ่งไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ จึงพูดขึ้นอีกว่า “เซียวเฉียงพ่อของเซียวจิ่งสือน่าจะอยากใช้การแต่งงานของเซียวจิ่งสือมาเสริมอำนาจให้กับวั่นหย่ากรุ๊ปของตัวเอง คราวที่แล้วก็เพราะเรื่องนี้เซียวจิ่งสือทะเลาะกับเขาเสียใหญ่โต จากนั้นเขาก็ตัดแหล่งเงินทั้งหมดของเซียวจิ่งสือ”
หลินหว่านพูดจบก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ เธอพยายามดิ้นรนอย่างยากลำบากในวงการอยู่ตั้งนานสองนาน แต่กลับเพราะเรื่องนี้ทำให้เธอต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ อีกทั้งระยะนี้ยังมีเรื่องราวมากมายที่กดดันหลินหว่านจนแทบหายใจไม่ออก หลินหว่านอยากจะโยนเรื่องหนักใจพวกนี้ทิ้งไปเอามากๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่อดทนอยู่เงียบๆ
อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นมองหลินหว่านแล้วพูดว่า “หลินหว่าน เมื่อครู่ฉันมาคิดดูแล้ว ฉันว่าพวกเราน่าจะทำใจให้สงบแล้วหันหน้ามาปรึกษากันสักครั้ง ฉันเป็นผู้จัดการของเธอมาระยะหนึ่งแล้ว และฉันก็เข้าใจว่าเซียวจิ่งสือเป็นคนที่ดีต่อเธอมาก เขามีข้อดีมากมายที่ก่อนหน้านี้ฉันชื่นชมเขาอย่างมาก แต่หลินหว่าน…ฉันหวังว่าเธอจะรู้ถึงความเลวร้ายของสถานการณ์ เธอไม่สามารถต่อต้านเซียวเฉียงได้หรอก นั่นเป็นการตัดเส้นทางอนาคตของตัวเอง”
ถ้าไม่ต่อต้านเซียวเฉียงก็คือเชื่อฟังเขาออกห่างจากเซียวจิ่งสืองั้นเหรอ เรื่องนี้หลินหว่านหักใจทำไม่ได้จริงๆ หลินหว่านขมวดคิ้ว ไม่เชื่อว่ามีแค่วิธีนี้เพียงวิธีเดียว
“ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้เหรอ ฉันไม่อยากขัดแย้งกับใครก็ตามในวงการบันเทิง ฉันพยายามอย่างที่สุดแล้วที่จะอยู่กับคนพวกนี้ให้ได้ แต่ก็ยังไม่วายมีเรื่องกระทบกระทั่งเข้าโดยไม่ตั้งใจอยู่ดี ซึ่งเรื่องพวกนี้ฉันก็ไม่มีทางจะไปคาดเดาได้หรอก ดังนั้นฉันอยากจะถนอมน้ำใจคนที่คอยอยู่เคียงข้างฉัน ดีกับฉันมากๆ ฉันไม่อยากเสียสละน้ำใจไมตรีแบบไหนไปทั้งนั้น อย่างนั้นฉันจะทุกข์ทรมานยิ่งกว่าเสียงานไปเป็นร้อยเท่า เธอยังมีวิธีอื่นที่ดีกว่าไหม” เสียงของหลินหว่านสั่นสะท้าน เธอรู้สึกอัดอั้นตันใจยิ่งขึ้นทุกที
อวิ๋นซีลูบผมหลินหว่านอย่างอ่อนโยน เธอรู้สึกเห็นใจหลินหว่านที่ต้องเจอกับเรื่องเจ็บปวดมากมายขนาดนี้ทั้งที่เธอยังอายุเพียงเท่านี้เอง แต่ในสังคมนี้เป็นสังคมของปลาใหญ่กินปลาเล็ก เธอจำต้องเสียสละบางอย่างและทำในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากทำ…บางเรื่องให้เธอรู้ไว้ก็ดี
“หลินหว่าน ฉันรู้ว่าระยะนี้เธอต้องเจอกับเรื่องกวนใจมากมาย เธอมักจะเก็บซ่อนไว้ ไม่ยอมพูดออกมา ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอดี ระหว่างทางสู่เป้าหมายของทุกคนล้วนยากลำบากกันทั้งนั้น แต่หลินหว่าน เธอต้องเข้าใจนะว่าบางครั้งเราก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง ฉันอยากจะพูดกับเธอให้ชัดเจนกันไปเลย ฉันไม่สามารถใกล้ชิดสนิทสนมกับเซียวจิ่งสือเกินไป และฉันก็หวังว่าเธอจะออกห่างจากเขา ไม่อย่างนั้นสุดท้ายคนที่บาดเจ็บก็คือเธอ ฉันไม่อยากเห็นเธอต้องถูกทำร้ายอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุแบบนี้อีก แต่เรื่องนี้ฉันก็ทำได้แค่บอกเธอเท่านั้น ฉันไม่สามารถตัดสินแทนเธอได้” อวิ๋นซีพูดโดยคิดแล้วคิดอีก
หลินหว่านเหมือนจะรู้ว่าตัวเธอเองก็ไม่มีวิธีอื่นใดอีก แต่สำหรับหลินหว่านแล้วเธอไม่อาจออกห่างจากเซียวจิ่งสือ ช่วงเวลายาวนานที่ผ่านมานี้เซียวจิ่งสือได้กลายเป็นหลักยึดของหลินหว่านไปแล้ว ถ้าจะบอกว่าเป็นที่พึ่งพิงให้ยึดเกาะ น่าจะบอกว่าเกิดประกายแห่งความรักจะดีกว่า
หลินหว่านหวนนึกถึงวันคืนที่เธอกับเซียวจิ่งสืออยู่ด้วยกันก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เธอประสบความยากลำบาก หรือว่าเธอเกิดความกดดันในใจ หรือพบเรื่องยุ่งยากในการทำงาน เซียวจิ่งสือมักจะพยายามมาอยู่ข้างกายเธอคอยปลอบโยนเธอในทันทีที่ทำได้ เมื่อมีเซียวจิ่งสือคอยอยู่เคียงข้างทำให้หลินหว่านมักจะสามารถข้ามผ่านอุปสรรคหลายครั้งไปได้อย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งตอนที่เซียวจิ่งสือโกรธเธอก็เป็นเพราะเธอไม่ดูแลรักษาสุขภาพตัวเอง
หลินหว่านส่ายหน้าปฏิเสธไม่ยอมรับคำพูดโน้มน้าวของอวิ๋นซี นี่เป็นความคิดในใจที่แท้จริงของเธอ ถ้าหากหลินหว่านไปจากเซียวจิ่งสือจริงๆ เธอจะต้องเจ็บปวดทรมานไปชั่วชีวิต
หลินหว่านไม่ท้อแท้หมดหวังเหมือนเมื่อครู่อีก สายตามองตรงไปเบื้องหน้า เหมือนกับว่าในใจได้ตัดสินใจเลือกสิ่งหนึ่งไปแล้ว
“หลินหว่าน เธอต้องคิดให้ดีนะ ถ้าอยู่กับเซียวจิ่งสือ เซียวเฉียงย่อมจะหาเรื่องสร้างความลำบากให้เธอแน่ และธุรกิจของเขานั้น พวกเราไม่มีทางสู้ได้เลย บางทีต่อไปเส้นทางในวงการบันเทิงคงจะไม่ราบรื่นอีกต่อไป อาจถึงกับ…ฉันว่าเธอน่าจะเข้าใจได้ ฉันพูดได้แค่นี้ล่ะ ที่เหลือเธอก็เลือกเองแล้วกัน” อวิ๋นซีหน้าเศร้ามองดูหลินหว่าน เธอนึกลุ้นแทนหลินหว่านอยู่ในใจ