รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 203 คุณเป็นใคร
เรื่องที่อินเสี่ยวเสี่ยวคือหลินหว่าน มีเพียงเซียวจิ่งสือกับเลขาของเขาสองคนเท่านั้นที่รู้ คนอื่นๆ ในบริษัทแค่รู้ว่าอินเสี่ยวเสี่ยวกับหลินหว่านหน้าตาเหมือนกันเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าที่จริงแล้วเธอเป็นคนเดียวกัน
ดังนั้นเมื่อเขากลับถึงบริษัท พอได้ฟังคนของบริษัทบอกว่าหลินหว่านกลับมาแล้วนั้น เขานิ่งอึ้งไปครู่จากนั้นไม่มีทีท่าอะไร เพราะเขาไม่เชื่อเลยต่างหาก อินเสี่ยวเสี่ยวก็คือหลินหว่าน ในโลกนี้ จะมีหลินหว่านสองคนได้อย่างไรกัน
แต่ว่าเมื่อเขาเปิดประตูห้องทำงานเข้ามา เห็นว่าคนคนนั้นหน้าเหมือนหลินหว่านราวกับเป็นคนเดียวกัน เขาก็ตกตะลึงอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง หรือว่าอินเสี่ยวเสี่ยวฟื้นความทรงจำแล้ว มาเซอร์ไพรส์เขาหรือไงกัน
“หว่านหว่าน?” พอนึกถึงตรงนี้ เขาก็ร้องเรียก ‘หลินหว่าน’ อย่างตื่นเต้นดีใจ
“จิ่งสือ ฉันกลับมาแล้วค่ะ!” อี้อวิ๋นฉังพอเห็นเซียวจิ่งสือที่หน้าประตูห้องทำงาน ก็เดินก้าวเข้ามาตรงหน้าเขา พูดพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นนุ่มนวล
อี้อวิ๋นฉังตั้งใจเลียนแบบท่าทางของหลินหว่าน แม้ว่าเธอกับหลินหว่านจะพบกันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ในความทรงจำของเธอแล้ว หลินหว่านน่าจะเป็นผู้หญิงที่ดูนุ่มนิ่มอ่อนแอ พูดจานุ่มนวลอ่อนโยนประเภทนั้น
ดังนั้น หลินหว่านคงอาศัยบุคลิกท่าทางแบบนี้ ตกเบ็ดเซียวจิ่งสือมาได้ล่ะมั้ง
คิดแบบนี้แล้ว อี้อวิ๋นฉังก็ยิ่งทำท่าทางออดอ้อนต้องการคนดูแล อิงร่างเข้าหาเซียวจิ่งสือ พร้อมกับจับแขนเขาไว้ อิงศีรษะกับอกของเซียวจิ่งสือ พูดว่า “จิ่งสือ คุณรู้ไหมคะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันคิดถึงคุณมากเลยนะคะ”
เธอไม่ใช่หลินหว่าน! พริบตาที่เธออิงร่างเข้ามาเซียวจิ่งสือก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง คว้ามือเธอดึงออกจากแขนเขา
อี้อวิ๋นฉังมองเขาอย่างตกตะลึง ใบหน้านี้ที่อยู่ตรงหน้าดูไปแล้วบอกได้เลยว่าแทบจะเหมือนกับหลินหว่านทุกประการ แต่เซียวจิ่งสือรู้ว่าเธอไม่ใช่หลินหว่านและยิ่งไม่ใช่อินเสี่ยวเสี่ยว เธอแค่มีใบหน้าที่เหมือนกับหลินหว่านเท่านั้น
ถ้าเป็นคนอื่น อาจจะถูกเธอหลอกเอาได้ เพราะท่าทางของเธอกับหลินหว่านเหมือนกันมาก
แต่เซียวจิ่งสือกับหลินหว่านอยู่ด้วยกันมานาน เขาแทบจะรู้ตัวทันทีเลยว่าเธอกับหลินหว่านต่างกัน เพราะปกติหลินหว่านจะไม่ใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับเขาเด็ดขาด
เซียวจิ่งสือล็อคประตูห้องแล้วก้าวเข้าหาหญิงสาวตรงหน้าทีละก้าว ต้อนเธอจนติดกำแพง แล้วถามเธอด้วยสายตาเย็นเฉียบ “คุณเป็นใคร?”
“ฉันคือหลินหว่านไงคะ จิ่งสือ คุณเป็นอะไรไป คุณแกล้งทำเป็นไม่รู้จักฉัน เพราะไม่ต้องการฉันแล้วใช่ไหมคะ” อี้อวิ๋นฉันเห็นแบบนี้แล้วขมวดคิ้ว พูดโดยทำท่ากระเง้ากระงอดอย่างน่าสงสาร
พอเห็นเช่นนี้ เซียวจิ่งสือก็แน่ใจได้เลยว่าเธอไม่ใช่หลินหว่าน เขาถามอีกว่า “คุณคือหลินหว่านจริงเหรอ”
“แน่นอนสิคะ จิ่งสือ คุณสงสัยฉันด้วยหรือไงคะ” อี้อวิ๋นฉังถามพลางสบสายตาเซียวจิ่งสือตรงๆ
อี้อวิ๋นฉังมั่นใจอย่างมาก เธอเรียนเทคนิคการแสดงจากต่างประเทศ ตอนทำศัลยกรรมใบหน้าก็สืบค้นทำความเข้าใจกับชีวิตความเป็นอยู่ของหลินหว่านอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นเธอจึงไม่วิตกกังวลเลยกับการเลียนแบบท่าทางของหลินหว่าน
แต่เธอไม่รู้ว่า ทุกคนต่างก็มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครอยู่ ไม่ว่าคนคนหนึ่งจะลอกเลียนบุคลิกท่าทางของอีกคนได้เหมือนแค่ไหน เธอก็ยังเป็นตัวเธออยู่นั่นเอง ไม่ใช่คนอื่นไปได้ และในระหว่างการเลียนแบบนั้น ก็มักจะมีพิรุธเกิดขึ้นได้ พิรุธชนิดนี้ เมื่อมีคนที่รู้จักเข้าใจคนคนนั้นเป็นอย่างดีแล้ว ก็จะยิ่งพบพิรุธได้โดยง่าย
เซียวจิ่งสือมองดูผู้หญิงตรงหน้า ต่อให้เธอมีใบหน้าเหมือนกับหลินหว่านเป็นพิมพ์เดียวกัน แต่เขากลับยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกแปลกหน้า คนตรงหน้านี้นอกจากหน้าตาเหมือนหลินหว่านแล้ว อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรที่เหมือนกับหลินหว่านเลย เพราะในร่างกายของเธอไม่ได้มีจิตวิญญาณของหลินหว่าน
แต่เซียวจิ่งสือกลับแปลกใจมาก ผู้หญิงตรงหน้านี้เป็นใครกันแน่ ทำไมเธอต้องปลอมตัวเป็นหลินหว่าน เธอเข้าหาเขาเพราะมีวัตถุประสงค์อะไรงั้นเหรอ
“ไม่ใช่หรอกครับ ผมแค่รู้สึกเหลือเชื่อน่ะ นึกไม่ถึงว่าคุณจะยังรอดชีวิตกลับมาได้อีก” เซียวจิ่งสือนิ่งไปครู่ก่อนจะพูดออกมา
เขาตัดสินใจว่าจะยังไม่ฉีกหน้ากากเธอชั่วคราว ดูว่าที่เธอแอบอ้างเป็นหลินหว่าน เพราะต้องการอะไรแน่
“จิ่งสือคะ คุณพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไรกัน คุณไม่อยากให้ฉันกลับมาเหรอคะ” อี้อวิ๋นฉังฟังแล้วถามโพล่งออกมาอย่างขุ่นเคือง
“เปล่านะ ผมแค่อยากรู้น่ะ คุณตกลงไปในทะเลแล้วกลับมาได้อย่างไรกันนะ” เซียวจิ่งสือคล้อยตามเธอแล้วตะล่อมถามต่อ
“ฉันตกลงไปในทะเลแล้ว พอดีมีชาวประมงที่ออกมาจับปลาช่วยไว้ค่ะ แต่พอฟื้นขึ้นมาพบว่าร่างกายได้รับบาดเจ็บ ข้าวของทุกอย่างจมหายไปในทะเลหมด จึงติดต่อคุณไม่ได้แต่ยังดีนะคะ พอฉันหายดีจากอาการบาดเจ็บแล้วก็หาวิธีกลับมานี่ค่ะ” อี้อวิ๋นฉังพูดด้วยสีหน้าท่าทางเป็นปกติที่สุด
อันที่จริง เมื่อคืนเธอซ้อมฉากที่เธอจะพบกับเซียวจิ่งสือไว้ก่อนแล้ว และเตรียมคำตอบสำหรับปัญหาที่เซียวจิ่งสืออาจถามเธอไว้หมดแล้วด้วย ดังนั้นตอนนี้เธอจึงไม่มีทีท่าว่าโกหกเลยแม้แต่น้อย
“คุณบาดเจ็บตรงไหนเหรอ สาหัสไหมครับ?” เซียวจิ่งสือได้ฟังก็ถามอีกว่า “ให้ผมเรียกหมอมาตรวจดูไหมครับ”
อี้อวิ๋นฉังมีบาดแผลที่ไหนกัน เธอใจหายวาบรีบพูดเสียงปกติว่า “ไม่ต้องหรอกค่ะ จิ่งสือ นั่นมันก็ผ่านไปแล้ว บาดแผลของฉันก็หายดีแล้ว ฉันไม่อยากพูดถึงมันอีกค่ะ”
ดวงตาของเซียวจิ่งสือเป็นสีเข้มขึ้นวูบ แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก
อี้อวิ๋นฉังรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “จิ่งสือคะ ฉันกลับมาเพราะอยากจะมาเซอร์ไพรส์คุณ เป็นอย่างไรคะ คุณดีใจหรือเปล่า”
“ดีใจครับ” เซียวจิ่งสือตอบด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก จากนั้นพูดต่อว่า “เอาล่ะ ตอนนี้ผมยังต้องจัดการกับงานเอกสารอีก ผมจะให้คนขับรถส่งคุณกลับบ้านก่อนนะ”
“ไม่นะ จิ่งสือ เราอุตส่าห์ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกแล้วทั้งที ฉันไม่อยากไปจากคุณค่ะ” อี้อวิ๋นฉังพูด “ฉันอยากจะอยู่ข้างๆ คุณนะคะ จิ่งสือ”
“ตามใจคุณ” เซียวจิ่งสือพูดจบก็กลับไปจัดการกับงานบนโต๊ะ
อี้อวิ๋นฉังถือว่าเซียวจิ่งสือยอมรับคำขอร้องของเธอ จึงอยู่รอเซียวจิ่งสือที่ห้องทำงานตลอดบ่าย และยังชงกาแฟให้เขาเป็นครั้งคราวอีกด้วย
แต่เซียวจิ่งสือแค่มองดูกาแฟถ้วยนั้นด้วยสายตาเย็นชา เขาไม่รู้ว่าเธอแอบอ้างเป็นหลินหว่านด้วยจุดประสงค์อะไร ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ดื่มกาแฟที่เธอชงแม้แต่คำเดียว
เพียงเวลาไม่ถึงครึ่งวัน ทุกคนในบริษัทก็รู้ว่าหลินหว่านกลับมาแล้ว พวกเขาเริ่มพากันซุบซิบเรื่องนี้ ด้วยไม่มีใครคิดว่าหลินหว่านจะสามารถกลับมาได้อีก และยิ่งคิดไม่ถึงว่าหลินหว่านพอกลับมาก็อยู่กับท่านประธานเซียวในห้องทำงานตลอดบ่าย ดูเหมือนว่าจะเป็นที่โปรดปรานยิ่งกว่าเดิมซะอีก
ตอนนั้นเอง พวกเขาก็นึกถึงอินเสี่ยวเสี่ยวขึ้นมาได้ พากันทอดถอนใจว่าอยงไรแล้ว ‘ตัวจริง’ ก็เป็น ‘ตัวจริง’ ส่วนตัวสำรองอย่างไรก็เป็นตัวสำรองอยู่ดี
นับแต่นั้นมา อี้อวิ๋นฉังก็มักจะปรากฏตัวที่ห้องทำงานของเซียวจิ่งสือ และยังทำอาหารฝีมือตัวเอง หรือไม่ก็ซื้อของทานเล่นหรือขนมร้านดังมาฝากเขาเป็นประจำ แต่เซียวจิ่งสือไม่เคยทานเลยแม้แต่คำเดียว
แต่อี้อวิ๋นฉังก็ไม่ยอมแพ้ ในเมื่อตอนนี้เธอเป็นหลินหว่านแล้ว เธอไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะเอาชนะใจเซียวจิ่งสือไม่ได้
กลับกลายเป็นว่าคนทั้งบริษัทพากันตั้งตารอดู ‘หลินหว่าน’ กับอินเสี่ยวเสี่ยวพบหน้ากัน ถึงตอนนั้น คนสองคนที่หน้าตาเหมือนกันเป๊ะได้มาเจอกัน ไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไรบ้างสิ