รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 208 นักข่าวรุมล้อม
เมื่อครู่อินเสี่ยวเสี่ยวดื่มเหล้าไปไม่น้อย ตอนนี้เธอจึงรู้สึกมึนงง เดินไม่ค่อยจะตรงทาง ต้องอาศัยฮั่วเทียนอวี่พยุงเอาไว้ แต่กระนั้นก็ยังโอนเอนไปมาอยู่ดี
“เสี่ยวเสี่ยว ระวังนะอย่าหกล้มไปล่ะ” ฮั่วเทียนอวี่พาตัวอินเสี่ยวเสี่ยวออกมาจากห้องงานเลี้ยง มาถึงหน้าประตูโรงแรม
ฮั่วเทียนอวี่กำลังจะพาตัวอินเสี่ยวเสี่ยวจากไป ทันใดนั้นก็เห็นนักข่าวกลุ่มใหญ่แห่แหนกันเข้ามาจากทุกทิศทาง พวกเขาถูกพวกนักข่าวที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ไหนบ้างล้อมกรอบไว้ซะแล้ว
พวกนักข่าวรุมล้อมพวกเขาไว้เป็นชั้นๆ ปิดกั้นทางออกไปจากโรงแรมของพวกเขา จากนั้นแย่งกันยื่นไมค์เข้ามาถามปัญหาสารพัดกับพวกเขา
“คุณอิน ไม่ทราบว่าที่เมื่อวานคุณหลินบอกว่าคุณเป็นตัวแทนของเธอเป็นความจริงหรือไม่? คุณเป็นตัวสำรองที่ท่านประธานเซียวหามาแทนคุณหลินหลังจากที่เธอหายสาบสูญไปจริงหรือไม่ครับ?”
คุณหลินที่นักข่าวพูดถึงคืออี้อวิ๋นฉังที่สวมรอยเป็นหลินหว่าน เมื่อวานเธอปรากฏตัวในฐานะหลินหว่าน พูดต่อหน้าทุกคนว่าอินเสี่ยวเสี่ยวเป็นเพียงตัวสำรองของเธอ เป็นตัวปลอมคนหนึ่ง
ผู้คนมากมายได้เห็นเหตุการณ์นี้ อินเสี่ยวเสี่ยวจึงตกเป็นเป้าสายตาของสาธารณชน สังคมออนไลน์พากันพูดถึงเธอกันมากมาย
พวกนักข่าวเห็นว่าอินเสี่ยวเสี่ยวมีเรื่องให้ขุดคุ้ย พอรู้ว่าคืนนี้เธอมาร่วมทานอาหารกับสวี่ม่อที่นี่ จึงมารอเธอที่หน้าประตูโรงแรม เพื่อจะได้ ‘สัมภาษณ์’ อินเสี่ยวเสี่ยวซะหน่อย
ถ้าพวกเขาได้ข่าวนี้ พรุ่งนี้ต้องได้ขึ้นหน้าหนึ่งแน่ พาดหัวข้อข่าวว่า ‘ตะลึง! ตัวประกอบหญิงระดับปลายแถวเป็นตัวแทนสาวไฮโซ หน้าเหมือนหลินหว่านแฟนสาวที่มีข่าวก็อดซิปกับท่านประธานเซียวเป๊ะ’ แค่นี้ก็ได้ยอดคนดูถล่มทะลายแล้ว
“คุณอินคะ ไม่ทราบว่าคุณรู้สึกอย่างไรที่คุณหลินบอกว่าคุณเป็นตัวสำรองของเธอ คุณกับท่านประธานเซียวมีความสัมพันธ์แบบนั้นจริงหรือเปล่าคะ คุณเข้าไปแทรกกลางระหว่างท่านประธานเซียวกับหลินหว่านจริงหรือไม่คะ”
“ได้ยินว่าท่านประธานเซียวกับคุณหลินอยู่ด้วยกันแล้ว คุณอิน คุณมีความเห็นอย่างไรบ้างคะ คุณจะถอนตัวออกมาจากความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนหรือไม่คะ”
……
นักข่าวถามไม่หยุดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขาสามคน
ฮั่วเทียนอวี่ฟังคำถามของพวกนักข่าวแล้วสีหน้าคร่ำเครียด มือที่ประคองอินเสี่ยวเสี่ยวไว้ดึงตัวเธอให้เข้าสู่อ้อมกอดของเขา ฝ่ามืออีกข้างกางปิดใบหน้าของอินเสี่ยวเสี่ยว เขากระชากเสียงอย่างโกรธจัดใส่พวกนักข่าวว่า “พวกคุณอยากรู้เรื่องพวกนี้ก็ไปถามเซียวจิ่งสือนั่นสิ เธอไม่ใช่หลินหว่านซะหน่อย ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเซียวจิ่งสือสักนิด พวกคุณไม่ต้องถามอีกแล้ว!”
พูดพลางเขายึดตัวอินเสี่ยวเสี่ยวไว้แน่น แล้วทะลวงฝ่าวงล้อมของพวกนักข่าวออกมา เพื่อไปจากที่นั่น
แต่เขาไม่รู้เลยว่า ตอนที่นักข่าวห้อมล้อมกันเข้ามานั้น อินเสี่ยวเสี่ยวได้ยินเสียงวุ่นวายดังสับสน ขณะมึนงงอยู่นั่นได้เห็นแสงไฟแฟลชจากกล้องถ่ายภาพสว่างวาบไม่หยุด อาการมึนเมาก็ค่อยๆ สร่างคลายลงไปมาก
พอเธอได้ยินคำถามของพวกนักข่าว หัวใจก็เจ็บปวดราวกับถูกเข็มทิ่มแทงจนพรุนไปหมด จนสุดท้ายเมื่อเธอได้ยินข่าวว่าเซียวจิ่งสือกับ ‘หลินหว่าน’ อยู่ด้วยกันแล้ว ภายใต้ฝ่ามือกว้างใหญ่ของฮั่วเทียนอวี่นั้น แววตาของอินเสี่ยวเสี่ยวก็แจ่มใสขึ้น อาการมึนเมาของเธอสร่างหายไปเป็นปลิดทิ้ง
ฮั่วเทียนอวี่พาตัวอินเสี่ยวเสี่ยวฝ่าวงล้อมของพวกนักข่าวออกมาได้แล้ว ก็ดึงให้อินเสี่ยวเสี่ยวเดินตรงไปข้างหน้า
พวกนักข่าวยังตามติดอยู่ด้านหลังอย่างไม่ลดละ ถามต่อไปว่า “คุณอินคะ ไม่ทราบว่าคุณกับผู้ชายที่อยู่ข้างๆ นี้เป็นอะไรกัน? บอกหน่อยได้ไหมคะ”
“คุณคะ ช่วยบอกหน่อยได้ไหมคะว่าคุณกับคุณอินมีความสัมพันธ์…”
“คุณอินคะ ได้ยินว่าเมื่อครู่คุณได้ร่วมโต๊ะทานอาหารกับผู้กำกับสวี่ม่อ ไม่ทราบว่าในเร็ววันนี้คุณมีแผนจะร่วมงานกับผู้กำกับสวี่ม่อหรือไม่คะ”
……
ฮั่วเทียนอวี่พาอินเสี่ยวเสี่ยวขึ้นรถแท็กซี่มาที่โรงแรมแห่งหนึ่ง โดยไม่รู้ว่าพวกนักข่าวตามพวกเขามาตลอดทาง และยังถ่ายภาพที่พวกเขาเข้าโรงแรมไปด้วยกันเอาไว้ด้วย
“เอาล่ะ เสี่ยวเสี่ยว เราสลัดหลุดคนพวกนั้นได้แล้ว วันนี้คุณคงเหนื่อยแล้ว พักผ่อนแต่หัวค่ำเถอะนะ” ภายในโรงแรม ฮั่วเทียนอวี่พูดกับอินเสี่ยวเสี่ยว
“พี่เทียนอวี่คะ วันนี้ขอบคุณนะคะ ขอบคุณที่ไปที่โรงแรมได้ทันเวลา แล้วก็…ยังช่วยฉันหนีจากนักข่าวพวกนั้นอีก” อินเสี่ยวเสี่ยวกล่าวขอบคุณฮั่วเทียนอวี่อย่างจริงใจ
ฮั่วเทียนอวี่เห็นสภาพของอินเสี่ยวเสี่ยวก็รู้ว่าเธอสร่างเมาแล้ว พูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก เสี่ยวเสี่ยว เธอก็รีบอาบน้ำนอนซะนะ เรื่องในวันนี้อย่าเอามาใส่ใจ ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป”
ฮั่วเทียนอวี่พูดจบก็ออกไปจากห้องของอินเสี่ยวเสี่ยว ส่วนอินเสี่ยวเสี่ยวหลังอาบน้ำเสร็จก็นอนลงบนเตียง นึกถึงคำพูดของพวกนักข่าว ทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ
เธอทำผิดอะไร? เธอกับฮั่วเทียนอวี่เติบโตมาจากหมู่บ้านด้วยกัน แต่เพราะเธอหน้าตาเหมือนหลินหว่านจึงถูกเซียวจิ่งสือพากลับมาที่นี่
แค่เพราะเธอหน้าเหมือน ‘หลินหว่าน’ เธอไม่ได้มีอะไรกับเซียวจิ่งสือเลย ก็ถูกคนเรียกหาว่าเป็นตัวสำรอง กล่าวหาว่าเธอเป็นมือที่สามเข้าไปแทรกกลางความรักของคนอื่น
เธอไม่ได้ทำผิดต่อ ‘หลินหว่าน’ เลยชัดๆ แต่ ‘หลินหว่าน’ กลับพุ่งเป้าความเกลียดชังและความขัดแย้งทั้งหมดมาที่เธอ บอกว่าเธอเป็นตัวปลอม เป็นตัวสำรองของเธอ…
วันรุ่งขึ้น เรื่องของอินเสี่ยวเสี่ยวกลายเป็นข่าวปั้นจากเหล่านักข่าว ส่วนพวกชาวเน็ตก็เข้าไปด่าสาดเสียเทเสียเธอที่ข้างล่างหน้าข่าวของเธอ
‘อินเสี่ยวเสี่ยวเลี่ยงตอบปัญหาตัวสำรอง’ ข่าวนี้มุ่งประเด็นไปยังท่าทีของอินเสี่ยวเสี่ยวต่อสถานะการเป็นตัวสำรอง ชาวเน็ตซึ่งเดิมทีให้ความสนใจอินเสี่ยวเสี่ยวก็เพราะเรื่อง ‘ตัวสำรอง’ พอเห็นว่าเธอไม่ตอบอะไรกับเรื่องนี้เลย ก็พากันเข้ามาด่า ว่าเธอเป็นโจรใจหวาดที่เป็นมือที่สามทำลายความรักของคนอื่น แล้วยังคิดจะสร้างความสนใจด้วยใบหน้าของตัวเองอีก…
‘อินเสี่ยวเสี่ยวไปร่วมทานอาหารกับผู้กำกับสวี่ม่อ อีกไม่นานทั้งสองอาจร่วมมือกัน’ โพสต์ด้านล่างข่าวนี้ชาวเน็ตเห็นว่าเธอคิดจะดังโดยยอมเอาตัวเข้าแลก เนื่องจากคนในวงการบันเทิงต่างก็รู้ดีว่าสวี่ม่อมีฉากหน้าเป็นสุภาพชน แต่แท้จริงแล้วเป็นผู้กำกับขี้หลีและเจ้าชู้ไม่เลือกหน้า ชอบเคลมดาราสาวๆ เป็นที่สุด
ถ้าอินเสี่ยวเสี่ยวร่วมงานกับเขา แน่ใจได้เกินครึ่งว่าเธอขึ้นเตียงกับเขาไปแล้ว
ส่วนหัวข้อข่าวอื่นๆ ทำนองว่า ‘อินเสี่ยวเสี่ยวกับหนุ่มลึกลับค้างคืนในโรงแรมด้วยกัน’ ‘อินเสี่ยวเสี่ยวตามติดใกล้ชิดชายหนุ่มลึกลับ’ นั้น ชาวเน็ตต่างพากันเข้าไปด่าว่าอินเสี่ยวเสี่ยวเป็น ‘นังแพศยา’ ฯลฯ สารพัดคำหยาบคาย
ด้วยกระแสข่าวที่พวกนักข่าวเติมไฟใส่เชื้อเข้ามา อินเสี่ยวเสี่ยวจึงกลายเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงของสังคมไป เพียงแต่ไม่ใช่เป็น ‘คนดี’ เท่านั้นเอง กระแสความนิยมของชาวเน็ตทำให้อินเสี่ยวเสี่ยวติดคำค้นยอดนิยม เพียงแต่ด้านหลังตามมาด้วยแฮชแท็ก ‘ไสหัวไปจากวงการบันเทิงซะ’
อินเสี่ยวเสี่ยวนั้น วันรุ่งขึ้นหลังออกจากโรงแรมกับฮั่วเทียนอวี่แล้ว ก็เห็นคำวิพากษ์วิจารณ์บนอินเทอร์เน็ตด้วยเช่นกัน
ฮั่วเทียนอวี่รู้สึกขุ่นเคืองมาก ทั้งเสียดายที่เมื่อคืนไม่ได้ตะบันหน้าพวกนักข่าวฝูงนั้น เขาได้แต่พูดปลอบอินเสี่ยวเสี่ยวว่า “เสี่ยวเสี่ยว พวกเขาไม่รู้ความจริง คุณอย่าเก็บเอาเรื่องพวกนี้มาคิดเด็ดขาดเลยนะ”
อินเสี่ยวเสี่ยวส่ายหน้า “ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่เทียนอวี่อย่าห่วงไปเลย”
“งั้นก็ดีแล้ว ฉันจะไปทำงานก่อนนะ เธอมีอะไรก็โทรหาฉันแล้วกัน” ฮั่วเทียนอวี่สั่งย้ำแล้วย้ำอีก
“ค่ะ” หลังฮั่วเทียนอวี่ไปแล้ว อินเสี่ยวเสี่ยวก็กดสายของเซียวจิ่งสือที่โทรมาทิ้งไปด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก