รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 209 จับตัว
เซียวจิ่งสือเห็นข่าวบนอินเทอร์เน็ตแล้วก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง เขาอยากปลอบโยนอินเสี่ยวเสี่ยว แต่พอโทรหาเธอกลับไม่รับซะงั้น
ด้วยความว้าวุ่นใจ เซียวจิ่งสือโยนมือถือไว้บนโต๊ะอย่างหงุดหงิด คว้าหูโทรศัพท์ที่อยู่ด้านข้าง โทรสายในเรียกให้เลขามาหา
“ท่านประธานเซียว คุณต้องการอะไรเหรอครับ” เลขามาที่ห้องทำงานของเซียวจิ่งสือ รอรับคำสั่งจากเขา
เซียวจิ่งสือพูดเสียงเย็นกับเลขาด้วยสีหน้าบูดบึ้งอย่างโมโหว่า “ให้คนของเราไปจัดการกับข่าวของอินเสี่ยวเสี่ยว ต่อไปอย่าให้ผมเห็นข่าวพวกนี้อีก”
“ครับ ท่านประธานเซียว ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลย” เลขาเห็นเซียวจิ่งสือโกรธขนาดนี้ก็รีบรับคำ
“รอเดี๋ยว” เซียวจิ่งสือเรียกตัวเลขากำลังจะหมุนตัวออกไป เขานึกถึงเรื่องของผู้กำกับนั่น พูดอย่างโมโหว่า “หาหนังดีๆ ให้อินเสี่ยวเสี่ยวสักเรื่อง ไม่ต้องให้เธอไปแสดงหนังของผู้กำกับชั้นปลายแถวพวกนั้น”
“ครับ ท่านประธาน” เลขาเห็นเซียวจิ่งสือไม่มีเรื่องอื่นอีก ก็จากไป
ภายในคอนโดของอี้อวิ๋นฉัง เธอใช้มือถืออัพเดทข่าวของอินเสี่ยวเสี่ยวอย่างสะใจ
จะไม่ให้สะใจได้อย่างไรกัน เมื่อคืน เธอเป็นคนแอบปล่อยข่าวที่อินเสี่ยวเสี่ยวไปร่วมทานข้าวกับสวี่ม่อให้กับนักข่าวเอง ทำให้อินเสี่ยวเสี่ยวต้องเจอนักข่าวรุมล้อม
วันนี้พอเห็นรายงานข่าวเรื่องของอินเสี่ยวเสี่ยวกับเสียงก่นด่าเธอจากชาวเน็ตและเสียงเรียกร้องให้เธอไสหัวไปจากวงการบันเทิง แน่นอนว่าเธอย่อมจะดีใจมากเลย
ตอนนั้นเอง มือถือมีสายหนึ่งเข้ามา อี้อวิ๋นฉังพอเห็นว่าเป็นสายจากแพทย์เฉพาะทางด้านสมองที่เธอติดต่อจากต่างประเทศก็รับสาย
“สวัสดีค่ะ คุณหมอมาร์ติน …จริงเหรอคะ คุณมีวิธีดึงความทรงจำจากส่วนลึกของสมองได้จริงเหรอ”
“คุณอยู่ในประเทศแล้วเหรอคะ ฉันจะให้คนรถไปรับคุณนะคะ…ได้ค่ะ แล้วเจอกันค่ะ…”
ที่แท้หมอเฉพาะทางด้านสมองที่เธอติดต่อไว้เดินทางมาถึงแล้ว อี้อวิ๋นฉังโทรเรียกให้คนขับรถของเธอไปรับเขาที่สนามบินแล้ว ก็มาที่บริษัทของเซียวจิ่งสือ
เลขาเพิ่งออกจากห้อง อี้อวิ๋นฉังก็มาถึงห้องทำงานของเซียวจิ่งสือ
“จิ่งสือ คุณทำอะไรอยู่คะ” อี้อวิ๋นฉังเห็นเซียวจิ่งสือก็ทักเสียงใสอย่างเริงร่า
“เธอมาทำไมน่ะ” เซียวจิ่งสือมองดูผู้หญิงที่แอบอ้างเป็นหลินหว่านตรงหน้านี้ กับใบหน้าที่เหมือนกับหลินหว่านแล้วยิ่งโมโห ถามเสียงเย็น
“ฉันก็อยากมาเจอหน้าคุณสิคะ จิ่งสือ” อี้อวิ๋นฉังเห็นเซียวจิ่งสือสีหน้าไม่ดีก็ชะงักกึก แล้วพูดขึ้น
“ผมกำลังยุ่ง คุณเห็นแล้วก็ไปได้แล้ว” เซียวจิ่งสือไม่พูดอะไรกับเธออีก มุ่งความสนใจไปที่เอกสาร
อี้อวิ๋นฉังได้ฟังก็โมโหมาก เธอรู้แล้วว่าที่เซียวจิ่งสือเย็นชากับเธอมาตลอด เป็นเพราะยังไม่เชื่อในตัวเธอแน่ๆ
บางทีเขาอาจรู้ดีอยู่แล้วตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอเป็นตัวปลอม เพียงแต่ไม่ได้ลงมือจัดการตัวปลอมอย่างเธอเท่านั้นเอง…
พอนึกถึงตรงนี้ เธอก็รู้สึกขัดใจ โมโหและโกรธแค้น ทำไมนะหัวใจของเซียวจิ่งสือจึงมีเพียงหลินหว่านคนเดียว เธอกับหลินหว่านเหมือนกันทุกอย่าง ทำไมเขาไม่ชอบเธอ!
ตอนนั้นเอง เธอเห็นมือถือของเซียวจิ่งสือที่เขาโยนทิ้งไว้บนโต๊ะทำงาน ซึ่งอยู่ใกล้ตำแหน่งที่เธอยืนอยู่ พลันความคิดหนึ่งแวบเข้ามา
อี้อวิ๋นฉังเดินเข้าไปนิ่งๆ แล้วหยิบมือถือเอาไว้ด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ จากนั้นใช้โต๊ะทำงานบังสายตาเซียวจิ่งสือหย่อนมันลงกระเป๋าถือของตัวเอง จากนั้นพูดกับเซียวจิ่งสืออย่างเป็นธรรมชาติว่า “จิ่งสือ ฉันขอตัวไปห้องน้ำสักครู่นะคะ”
เซียวจิ่งสือมัวสนใจอ่านเอกสาร จึงไม่ทันได้เห็นการกระทำของอี้อวิ๋นฉังเมื่อครู่ เขารับคำง่ายๆ
อี้อวิ๋นฉังเอามือถือมาที่ห้องน้ำ หยิบออกมาเปิดดูก็เห็นว่ามีแต่สายโทรออกถึงอินเสี่ยวเสี่ยวเต็มไปหมด เธอนึกอย่างแค้นใจ และที่ทำให้เธอโมโหยิ่งกว่าคือ อินเสี่ยวเสี่ยวไม่ได้รับเลยสักสายเดียว
พอนึกดูแล้ว อี้อวิ๋นฉังก็ใช้มือถือของเซียวจิ่งสือส่งข้อความถึงอินเสี่ยวเสี่ยวความว่า “เรามาคุยกันหน่อยเถอะ ผมรอคุณอยู่ที่ร้านกาแฟข้างบริษัท”
ตอนอินเสี่ยวเสี่ยวได้รับข้อความ เดิมทีคิดจะไม่สนใจแต่ร่างกายเธอขยับเร็วกว่าสติก้าวหนึ่ง กว่าจะรู้ตัว เธอก็ตอบกลับไปแล้วว่า “ได้ค่ะ”
อินเสี่ยวเสี่ยวคิดว่า ก็ดีเหมือนกัน เธอยังอยากจะถามเขาด้วยตัวเองว่าเซียวจิ่งสือเห็นเธอเป็นตัวสำรองหรือเปล่า นี่เป็นคำถามที่เธอยังไม่ได้ถามเขาต่อหน้า
อี้อวิ๋นฉังได้รับคำตอบอย่างรวดเร็ว พอเห็นว่าอินเสี่ยวเสี่ยวตกลงออกมาพบ เธอก็ยิ้มเย็น จากนั้นลบข้อความทั้งสองจากบันทึกในมือถือ ออกจากห้องน้ำ
พอกลับมาที่ห้องทำงานของเซียวจิ่งสืออีกครั้ง อี้อวิ๋นฉังเห็นว่าเซียวจิ่งสือไม่อยู่ในห้องทำงาน เธอวางมือถือกลับที่เดิมอย่างเงียบกริบ จากนั้นออกไปถามเลขาของเขา เลขาตอบว่าเซียวจิ่งสือไปประชุมแล้ว
อี้อวิ๋นฉังได้ฟังก็บอกว่าไม่อยู่รบกวนเซียวจิ่งสือแล้ว ขอกลับไปก่อน ให้เขาช่วยบอกเซียวจิ่งสือด้วย
พอออกมาจากบริษัทของเซียวจิ่งสือ อี้อวิ๋นฉังก็หยิบมือถือมาโทรออกสายหนึ่ง เธอถามว่า “รับตัวคุณหมอมาหรือยัง”
“รับมาแล้วครับ ตอนนี้อยู่ระหว่างทางกลับไปครับ” เสียงตอบจากปลายสาย
“แกพาเค้ามานี่เลย ฉันรออยู่ที่ร้านกาแฟข้างบริษัทของเซียวจิ่งสือ อีกอย่าง แกโทรเรียกคนมาด้วยอีกหลายคน ให้พวกเขารีบมาที่นี่ทันทีนะ” อี้อวิ๋นฉังสั่งเสียงเฉียบขาด
“คุณหนู นี่คุณหนูจะทำอะไร…” คนขับรถรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง
“แกไม่ต้องยุ่ง แกแค่โทรไปเรียกคนที่เชื่อถือได้มาสักหลายคนก็พอ ไม่ต้องเยอะมาก สักสามสี่คนก็แล้วกัน แต่ให้พวกเขาระวังตัวด้วย ไม่งั้นจะกลายเป็นจุดสนใจได้” อี้อวิ๋นฉังขมวดคิ้วสั่งการต่อยาวเหยียด
“ได้ครับ คุณหนู” คนรถตอบ
ผ่านไปครู่หนึ่ง อินเสี่ยวเสี่ยวมาที่ร้านกาแฟข้างบริษัทของเซียวจิ่งสือ กลับพบเข้ากับ ‘หลินหว่าน’
“คุณอิน บังเอิญจังนะ ทำไมคุณก็มานี่ล่ะ” ‘หลินหว่าน’ ทักทายเธอ
อินเสี่ยวเสี่ยวนึกถึงข่าวที่เซียวจิ่งสือกับ ‘หลินหว่าน’ อยู่ด้วยกัน แล้วนึกถึงเซียวจิ่งสือที่นัดเธอมาที่นี่ รู้สึกไม่ชอบใจอยู่บ้าง พูดว่า “บังเอิญน่ะค่ะ แต่ว่าคุณหลินคะ ฉันยังมีธุระอื่นอีก ไม่รบกวนเวลาของคุณแล้วค่ะ”
พูดพลาง อินเสี่ยวเสี่ยวก็เดินผ่านข้างกายอี้อวิ๋นฉังไป แต่ที่ไหนได้ ในเวลานั้นเอง อี้อวิ๋นฉังคว้าแขนอินเสี่ยวเสี่ยวเอาไว้ พูดที่ข้างหูเธอว่า “คุณอินจะรีบไปหาเซียวจิ่งสือเหรอคะ หึหึ ไม่ต้องไปแล้ว เซียวจิ่งสือเขาไม่มารอเธอที่นี่หรอก ฉันเองเป็นคนนัดเธอออกมา”
อินเสี่ยวเสี่ยว หน้าเปลี่ยนสี ถามว่า “คุณ? คุณจะทำอะไรน่ะ?”
“เธอจะรู้เร็วๆ นี้ล่ะ” พูดพลาง อี้อวิ๋นฉังก็ส่งสายตาเป็นสัญญาณกับคนของเธอที่ปลอมตัวเป็นคนที่อยู่โดยรอบ มีหลายคนเข้ามา จับตัวอินเสี่ยวเสี่ยวเอาไว้
“ปล่อยฉัน…” อินเสี่ยวเสี่ยวถูกผู้ชายร่างกำยำหลายคนจับตัวไว้ ดิ้นไม่หลุด เธอถูกดึงตัวขึ้นรถ บนรถ อินเสี่ยวเสี่ยวเห็นคนขับรถคนหนึ่งกับชาวต่างประเทศอีกคน เธอยังไม่ทันได้เห็นครบทุกคน ลูกน้องของอี้อวิ๋นฉังก็จับมัดมือเธอ ปิดตาและปิดเทปที่ปากเธอ จากนั้นก็บึ่งรถออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบว่าไปทางไหน