รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 215 คาดไม่ถึง
เซียวจิ่งสือพาอินเสี่ยวเสี่ยวไปร้านอาหารเดียวกับที่บ่ายวันนี้เขาเพิ่งไปกับอี้อวิ๋นฉัง ไม่ใช่เพราะอะไรอื่น แค่เพราะมันอยู่ใกล้
เซียวจิ่งสือกับอินเสี่ยวเสี่ยวเข้าห้องทานอาหารห้องหนึ่ง ตอนพนักงานเอาเมนูมาให้ ก็ยิ้มกับเซียวจิ่งสือแล้วพูดว่า “คุณลูกค้าคะ พวกคุณรักกันดีจังนะคะ ตอนเย็นเพิ่งจะมาเอง ตอนดึกก็มาอีกแล้ว”
“คุณเข้าใจผิดแล้ว เธอไม่ใช่แฟนผม” เซียวจิ่งสือได้ฟังก็พูดเสียงเรียบ
“ง…งั้นเหรอคะ?” พนักงานบริการมองดูอินเสี่ยวเสี่ยว ผู้หญิงคนที่เซียวจิ่งสือพามาเมื่อตอนเย็นชัดๆ หน้าตาก็แบบนี้นี่นา แค่มีผ้าก๊อซปิดหน้าเท่านั้นเอง
แต่ถ้ามองให้ดีแล้วก็รู้สึกว่าไม่เหมือนกันอยู่บ้างจริงๆ พนักงานรีบขอโทษเซียวจิ่งสือ “ขอโทษจริงๆ ค่ะ คุณลูกค้า ฉันจำผิดไปค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ” เซียวจิ่งสือพูดอย่างไม่ได้ถือสาอะไร จากนั้นสั่งอาหารไปสองอย่าง แล้วยื่นเมนูให้อินเสี่ยวเสี่ยว ให้เธอสั่งอาหาร
พอพนักงานจากไปแล้ว ภายในห้องเงียบกริบไปครู่หนึ่ง แล้วอินเสี่ยวเสี่ยวเอ่ยปากว่า “คุณเซียวคะ คุณกับคุณหลินรักกันจังนะคะ”
พูดจบ อินเสี่ยวเสี่ยวก็สะดุ้งเฮือกอย่างตกใจตัวเอง น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยการตัดพ้อต่อว่า
แต่เซียวจิ่งสือกลับฟังไม่ออก เข้าใจว่าอินเสี่ยวเสี่ยวแค่ทักขึ้นเท่านั้น จึงตอบว่า “ก็ดีครับ หว่านหว่านเป็นคนที่น่าคบหาคนหนึ่ง”
อินเสี่ยวเสี่ยวได้ฟังก็อึ้งไปชั่วขณะ ความรู้สึกหึงหวงปนกับความเจ็บปวดสลับกันเข้ามายึดครองพื้นที่ในใจเธอ ทำให้เธอทุกข์ทรมานยิ่งขึ้นไปอีก จะว่าไปเซียวจิ่งสือเป็นผู้ชายที่ดีมากคนหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนของเธอ
“งั้นเหรอคะ? ดูท่าว่าคุณหลินเป็นคนที่ดีมากคนหนึ่งจริงๆ ทำให้คุณเซียวรักเธอได้มากมายขนาดนี้” นิ่งไปครู่หนึ่ง อินเสี่ยวเสี่ยวก็พูดขึ้น ใบหน้าเธอประดับด้วยรอยยิ้ม ปิดบังความรู้สึกสับสนในใจ
พอพูดถึงหลินหว่าน มุมปากเซียวจิ่งสือก็ประดับด้วยรอยยิ้ม เหมือนนึกถึงความหลังอะไรบางอย่าง พูดว่า “เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ดีมากจริงๆ เธอใจดีมีเมตตา เข้มแข็ง กล้าหาญและก็มุ่งมั่นอย่างมากด้วย เป็นคนที่ถ้าคุณได้รู้จักแล้วจะอดรักเธอไม่ได้เลย”
อินเสี่ยวเสี่ยวฟังคำพูดของเซียวจิ่งสือแล้วเหมือนกับจะไม่สบายขึ้นมากะทันหัน ใจดีมีเมตตา เข้มแข็ง กล้าหาญ มุ่งมั่น…นี่เป็นหลินหว่านคนที่ถือมีดมาจะฆ่าเธอจริงๆ เหรอ? แม้ว่าเธอกับหลินหว่านไม่ได้พบเจอกันสักเท่าไร แต่ทำไมเธอจึงรู้สึกว่าคนที่เซียวจิ่งสือพูดถึงนี้ไม่เหมือนกับหลินหว่านที่เธอเจอเลยสักนิดนะ หรือว่าในสายตาคนรักทุกอย่างย่อมสวยสดงดงามไปหมด…ในสายตาของเซียวจิ่งสือเห็นแต่ด้านดีของ ‘หลินหว่าน’ เท่านั้น?
ตอนนั้นเอง บริกรยกอาหารที่พวกเขาสั่งนำมาเสิร์ฟ เซียวจิ่งสือพบว่า คนตรงหน้านี้ไม่ใช่แค่หน้าตาเหมือนหลินหว่าน อาหารที่สั่งก็คล้ายกับหลินหว่านมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้ตอนเขาพาหลินหว่านมาทานข้าวที่นี่ หลินหว่านก็สั่งอาหารไม่กี่อย่างนี่เหมือนกัน แต่เขาไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้นัก
“คุณเซียวคะ เมื่อก่อนฉันเคยดูหนังที่คุณหลินแสดง ฝีมือการแสดงของเธอโดดเด่นมาก ฉันชื่นชมเธอมาก แต่ฉันก็แปลกใจมากด้วยเช่นกัน ในชีวิตจริงของคุณหลิน เธอเป็นคนอย่างไรกันแน่คะ?” อินเสี่ยวเสี่ยวถามอ้อมๆ เรื่องของหลินหว่านกับเซียวจิ่งสือ
เซียวจิ่งสือคิดใคร่ครวญดูแล้วตอบช้าๆ ว่า “ร้านอาหารนี้ ตอนเธอได้รับรางวัลที่สำคัญมากครั้งแรกในชีวิตผมพาเธอมาที่นี่ วันนั้นเธอมีความสุขมาก ผมยังจำรอยยิ้มของเธอได้จนบัดนี้ เธอรักการแสดงมากจริงๆ เธอสามารถอ่านศึกษาบทละครจนดึกดื่น ยอมสละเวลาไปฝึกวิชาการต่อสู้เพื่อแสดงบทการต่อสู้ให้ดี เพราะอยากให้ภาพออกมาดีเธอยอมขึ้นสลิงห้อยโหนโดยไม่ใช้ตัวแทน เธอจึงเป็นคนที่มุ่งมั่นและจริงจังมากคนหนึ่งอย่างไรล่ะ”
พูดจบ เซียวจิ่งสือก็รู้ตัวว่าตัวเองพูดออกนอกเรื่อง จึงพูดอีกว่า “ในชีวิตจริง บางครั้งเธอนิ่งเงียบมาก บางครั้งก็ร่าเริงมีชีวิตชีวามากด้วย พอได้รู้จักคุ้นเคยกันแล้ว คุณจะรู้สึกได้ว่าเธอเป็นคนใจดีและน่าสนใจมากคนหนึ่ง สรุปแล้ว การได้อยู่กับเธอ ทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้นได้ก็แล้วกัน”
“ง…งั้นเหรอคะ?” อินเสี่ยวเสี่ยวได้ฟังแล้ว ตัวแข็งทื่อไปเลย ในหัวใจของเซียวจิ่งสือ ภาพลักษณ์ของหลินหว่านเป็นเช่นนี้เองเหรอ? ทำไมเธอจึงไม่รู้สึกแบบเดียวกันเลยสักนิดนะ
ตอนนั้นเอง มือถือของเซียวจิ่งสือก็ดังขึ้น เขาหยิบมือถือขึ้นดู เห็นว่าเป็นสายของ ‘หลินหว่าน’ จึงรับสาย
“จิ่งสือคะ ตอนนี้คุณอยู่ไหนคะ” พอเซียวจิ่งสือรับสาย อี้อวิ๋นฉังก็รีบถามทันที
พออินเสี่ยวเสี่ยวหนีไปแล้ว อี้อวิ๋นฉังเข้าห้องใต้ดินไปดู นึกไม่ถึงว่าจะเจอกับมาร์ตินที่กำลังมีอาการอยากยา เธอก่นด่ามาร์ตินเป็นชุด พวกสวะ แค่อินเสี่ยวเสี่ยวคนเดียวยังเฝ้าไว้ไม่ได้ ปล่อยให้เธอฉวยโอกาสหลบหนีไปจากห้องใต้ดินจนได้
อี้อวิ๋นฉังจัดการกับบาดแผลบนร่างตัวเองแล้ว ก็ออกมาตามหาตัวอินเสี่ยวเสี่ยว เนื่องจากเธอกลัวว่าหลังจากอินเสี่ยวเสี่ยวหนีไปแล้ว จะไปหาเซียวจิ่งสือปูดเรื่องที่เธอทำลงไปทั้งหมด อย่างนั้นทุกอย่างที่เธอแสดงต่อหน้าเซียวจิ่งสือก็จะเปล่าประโยชน์ทั้งหมด เธอจะให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
แต่การหาตัวคนคนหนึ่งโดยไร้จุดหมายนั้น มันง่ายซะที่ไหนกันล่ะ อี้อวิ๋นฉังหาตั้งนานแล้วยังไม่เจอตัวอินเสี่ยวเสี่ยว สุดท้าย เธอก็คิดขึ้นได้ เธอก็แค่ไม่ต้องการให้อินเสี่ยวเสี่ยวเปิดโปงเรื่องของเธอทั้งหมดกับเซียวจิ่งสือ อย่างนั้นเธอก็ไปหาเซียวจิ่งสือซะก็หมดเรื่อง
ถ้าหากอินเสี่ยวเสี่ยวไปหาเซียวจิ่งสือจริงๆ เธอจะได้หาโอกาสขัดขวางซะ ถ้าเธอไม่ได้ไปหาเซียวจิ่งสือ นั่นก็จะเป็นการดีที่สุด
นี่ก็คือสาเหตุที่เธอโทรศัพท์มาหาเซียวจิ่งสือ
“ผมทานข้าวอยู่ที่ร้านอาหารที่ตอนเย็นนี้พวกเรามากันไง” เซียวจิ่งสือตอบลงในโทรศัพท์
“จิ่งสือ คุณอยู่คนเดียวหรือเปล่าคะ” อี้อวิ๋นฉังรีบถาม
เซียวจิ่งสือมองอินเสี่ยวเสี่ยว พูดว่า “ไม่ครับ วันนี้ตอนครู่มีเรื่องนิดหน่อย นอกจากผมแล้วยังมีอีกคนหนึ่ง”
อี้อวิ๋นฉังหัวใจเต้นแรง รู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี เธอรีบถามว่า “จิ่งสือคะ ค…คนนั้นเป็นใครคะ”
“แค่คนแปลกหน้าน่ะ ทำไมเหรอ หว่านหว่าน?” เซียวจิ่งสือพูดเสียงไร้ความรู้สึก
“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันไปหาคุณนะคะ จิ่งสือ” อี้อวิ๋นฉังโล่งอก
“ครับ” พอวางสายแล้ว เซียวจิ่งสือก็พูดกับอินเสี่ยวเสี่ยวว่า “อีกสักครู่หลินหว่านก็จะมาที่นี่ คุณอยากรู้ว่าเธอเป็นคนยังไงไม่ใช่เหรอ? อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เอง”
“งั้นเหรอคะ? ดีจังเลยค่ะ” อินเสี่ยวเสี่ยวพูดเสียงเรียบ เมื่อครู่จากน้ำเสียงที่เซียวจิ่งสือพูดกับ ‘หลินหว่าน’ อินเสี่ยวเสี่ยวคิดว่า ถ้าตอนนี้เธอบอกเซียวจิ่งสือเรื่องที่ ‘หลินหว่าน’ ทำกับเธอทั้งหมด เขาคงไม่ยอมเชื่อแน่
ชั่วขณะนั้น ภายในห้องทานอาหารกลายเป็นเงียบสงัด ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรอีก
จากนั้น เซียวจิ่งสือก็เล่าเรื่องของหลินหว่านเมื่อก่อนนี้ให้อินเสี่ยวเสี่ยวฟังไม่หยุด อินเสี่ยวเสี่ยวนิ่งฟังอย่างสงบ ขณะที่ในใจปั่นป่วนด้วยความรู้สึกสารพัด จนกระทั่งอี้อวิ๋นฉังปรากฏตัวขึ้น
“จิ่งสือคะ ฉันมาแล้วค่ะ” พออี้อวิ๋นฉังมาถึงห้องทานอาหาร ก็เอ่ยทักเซียวจิ่งสือ แต่พอหันไปเห็นอินเสี่ยวเสี่ยว เธอก็รู้สึกประหลาดใจอย่างแรง
ทำไมอินเสี่ยวเสี่ยวมาอยู่ที่นี่ได้? เซียวจิ่งสือบอกว่าเขาอยู่กับคนแปลกหน้าไม่ใช่หรือไง อินเสี่ยวเสี่ยวบอกเรื่องที่เธอทำให้เซียวจิ่งสือรู้แล้วหรือยังนะ อี้อวิ๋นฉังรู้สึกทั้งสงสัยและหวาดหวั่นวิตกกังวลไปหมด