รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 218 ยาเสพติด
ผู้หญิงเวลาที่ร้ายกาจขึ้นมานั้น ย่อมทำได้ทุกอย่างโดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่ตามมา เพื่อจับผู้ชายคนหนึ่งไว้ให้อยู่หมัด อี้อวิ๋นฉังก็เป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจสุดๆ คนนั้น
ในช่วงวันเวลาที่เธอสวมรอยเป็นหลินหว่าน ยิ่งนานวันเข้าอี้อวิ๋นฉังก็ยิ่งรู้สึกว่าระดับความน่าเชื่อถือในตัวเธอสำหรับเซียวจิ่งสือลดลงไปเรื่อยๆ เธอมีตรงไหนที่เลียนแบบได้ไม่เหมือนรึไงนะ? อี้อวิ๋นฉังไม่มีทางรู้ได้เลย เธอรู้ว่าตัวเองได้พยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว ที่จะแสดงเป็นหลินหว่าน
แต่ว่าความรู้สึกหวาดระแวงได้ก่อตัวขึ้นในใจของอี้อวิ๋นฉังแล้ว ถึงแม้จะแสดงได้สมบูรณ์พร้อมขนาดไหน ก็อาจถูกเปิดโปงได้สักวันหนึ่ง อี้อวิ๋นฉังจะยอมให้ตัวเองต้องสูญเสียสิ่งที่ได้มาอย่างยากลำบากทั้งหมดในตอนนี้ได้ยังไงกัน? ดังนั้น ทางเดียวก็คือทำให้เซียวจิ่งสือไม่สามารถทิ้งเธอไปได้
ถ้าเช่นนั้นต้องใช้วิธีอะไรกันนะจึงจะทำให้เซียวจิ่งสือไม่สามารถไปจากเธอได้ตลอดกาล? อี้อวิ๋นฉังขยับแก้วไวน์ในมือไปพลางครุ่นคิดอย่างจริงจังอยู่ในความมืดตามลำพัง ความรักรึ? หึ เอาแน่เอานอนไม่ได้ เซียวจิ่งสืออาจไม่รักเธอเลยตลอดกาล หรือต่อให้รักก็เถอะ ใจผู้ชายนึกจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน เชื่อในความรัก ยังเชื่อได้ยากยิ่งกว่าเชื่อว่าตัวเองจะร่ำรวยได้ในชั่วข้ามคืนซะอีก
คนที่อยู่ในเงามืดก็ย่อมจะคิดถึงแต่เรื่องที่มืดมน ดังนั้นในหัวของอี้อวิ๋นฉังจึงมีคำว่า ‘ยาเสพติด’ แวบขึ้นมา อี้อวิ๋นฉังนึกได้ว่า เธอมีพี่ชายที่สนิทสุดๆ อยู่คนหนึ่ง ทำการค้ายาเสพติดที่ผิดกฎหมาย และพี่ชายคนนี้เคยบอกกับเธอว่า ขอเพียงเธอต้องการ อี้อวิ๋นฉังก็มาเอาของจากเขาได้ตามสบายเลย
อี้อวิ๋นฉังรู้ว่าถ้าหากเล่นของประเภทนี้แล้ว ทั้งชีวิตก็อาจเลิกจากมันไม่ได้อีกเลย ตัวเธอเองนั้นไม่กล้าจะลองหรอก เพราะถ้าลองไปแล้ว ชั่วชีวิตนี้เธออาจไปจากพี่ชายที่แสนดีนั่นไม่ได้อีกเลยก็ได้ สัญญาขายตัวแบบนี้ คนอย่างอี้อวิ๋นฉังไม่โง่พอที่จะเซ็นผูกมัดตัวเองหรอก
แต่ตอนนี้ นี่จะเป็นอาวุธชั้นเลิศที่จะทำให้เซียวจิ่งสือไม่อาจไปจากเธอได้ตลอดชีวิตพอดีเลยไม่ใช่รึไง? อี้อวิ๋นฉังแอบนึกดีใจ ตกลงใจว่าจะใช้วิธีการสุดติ่งนี้เพื่อรั้งให้เซียวจิ่งสืออยู่กับเธอ
ท่ามกลางความมืดมิด อี้อวิ๋นฉังเผยรอยยิ้มย่ามใจ จิบไวน์แดงคำหนึ่ง แม้จะต้องใช้ใบหน้าของหลินหว่าน อยู่เคียงข้างเซียวจิ่งสือไปตลอดเธอก็ยอม
สำหรับกับเซียวจิ่งสือ ไม่มีคำว่ารัก แค่ให้ได้มาซึ่งฐานะและอำนาจของเขาก็เท่านั้น เพื่อให้ตัวเองได้กลายเป็นหญิงสูงศักดิ์เป็นที่นับหน้าถือตาคนหนึ่ง จึงต้องอยู่ข้างกายเซียวจิ่งสือ เป็นคู่รักที่ทุกคนยอมรับเพียงหนึ่งเดียว ดังนั้นวิธีการนี้จะส่งผลร้ายต่อเซียวจิ่งสืออย่างไรนั้น เรื่องนี้อี้อวิ๋นฉังไม่สนเลยสักนิด และไม่ได้คำนึงถึงเลยด้วย
ในเมื่อตัดสินใจแล้ว อี้อวิ๋นฉังก็เริ่มดำเนินการทันที ส่วนค่าตอบแทนของแผนดำเนินการครั้งนี้แน่นอนว่าเธอต้องตกเป็นเครื่องเล่นของพี่ชายที่แสนดีนั่นจนหนำใจ เสียตัวแค่นี้สำหรับอี้อวิ๋นฉังไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย นึกถึงเมื่อก่อน สมัยที่เธอยอมอยู่กับพวกผู้กำกับผู้อำนวยการสร้างนั่นก็ไม่รู้จักเท่าไหร่ไปแล้ว
แต่ทำยังไงจึงจะให้เซียวจิ่งสือกินของพวกนี้ลงไปโดยไม่รู้ตัวได้นะ? อี้อวิ๋นฉังตั้งใจว่าจะลงมือกับอาหารและเครื่องดื่มประจำวันของเซียวจิ่งสือ
ตอนเธอสวมรอยเป็นหลินหว่านกลับมานั้น ก็ตามน้ำเข้ามาอยู่ในบ้านของเซียวจิ่งสือ ส่วนเซียวจิ่งสือนั้นเพื่อจะดูว่าหลินหว่านตัวปลอมนี้ต้องการอะไรกันแน่ จึงย่อมจะไม่ได้พูดอะไรมากนัก (เนื้อหาส่วนนี้ขัดแย้งกับตอนที่ 212 บอกว่ากลับไปอยู่บ้านพักเดิมที่หลินหว่านเคยอยู่ – ผู้แปล)
เซียวจิ่งสือเป็นคนมีระเบียบมาก ต้องทานอาหารเช้าที่บ้านแล้วจึงไปทำงานที่บริษัท อาหารกลางวันทานที่บริษัท ส่วนอาหารเย็นนั้นไม่แน่นอน บางครั้งก็ที่บริษัท บางครั้งทานที่บ้าน บางครั้งต้องไปงานเลี้ยง ดังนั้นอี้อวิ๋นฉังจึงตื่นเช้าทุกวัน แอบใส่ยาลงในอาหารเช้าของเซียวจิ่งสือ
ตอนแรก เซียวจิ่งสือไม่ได้ระวังตัว จึงทานอาหารเช้าตามปกติทุกวัน ไปทำงานเลิกงานตามปกติ แต่ว่าหลังจากนั้นประมาณหนึ่งสัปดาห์ เซียวจิ่งสือก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองผิดปกติไป
หลายวันมานี้ เซียวจิ่งสือจู่ๆ ก็ง่วงเหงาหาวนอนขึ้นมาเฉยๆ บางครั้งยังเกิดภาพหลอนอีกด้วย หนักหน่อยก็ถึงกับแน่นหน้าอกและคลื่นไส้อาเจียน เซียวจิ่งสือมีสุขภาพดีมากมาตลอด จู่ๆ ก็เกิดมีอาการเช่นนี้ขึ้น ทำให้เขาสงสัยว่าจะมีคนทำอะไรกับเขาซะแล้ว
พอดีกับระหว่างทานอาหารเช้าวันหนึ่ง เซียวจิ่งสือคุยกับน้าที่ดูแลงานครัวว่า
“คุณน้าครับ ทำไมช่วงนี้ข้าวต้มถึงมีแต่อย่างรสเค็มละครับ เมื่อไหร่เปลี่ยนรสเป็นแบบจืดหน่อย หรืออย่างรสหวานบ้างสิครับ”
“อ้อ คุณหนูคะ คุณหลินเธอสั่งกำชับมาเป็นพิเศษว่าคุณชอบทานแบบรสเค็ม ให้พวกเราทำแบบนี้ค่ะ คุณหลินนี่เธอก็เอาใจใส่คุณเหมือนกันนะคะ ทุกเช้าเลย เธอจะมาดูพวกเราทำอาหารเช้ากัน เธอบอกว่าต้องคุมด้วยตัวเอง ไม่งั้นไม่ไว้ใจค่ะ คุณหนูอยากเปลี่ยนรสบ้างรึคะ งั้นพรุ่งนี้ฉันจะเปลี่ยนให้นะคะ”
ที่แท้อี้อวิ๋นฉังกลัวว่ายาที่ใส่ลงไปจะมีกลิ่นรสผิดปกติ จึงสั่งเป็นพิเศษให้คนครัวทำข้าวต้มเค็มทุกเช้า คิดจะให้รสของข้าวต้มกลบกลิ่นรสที่อาจผิดแปลกไป
“น้าว่ายังไงนะ? คุณหลินที่อยู่ที่นี่ ทุกเช้าตื่นขึ้นมาดูพวกน้าทำอาหารเช้างั้นรึ?”
“ใช่ค่ะ ไม่ใช่แค่ดูนะคะ ยังตักข้าวให้คุณทุกวันเลยด้วย เธอบอกว่าต้องตักให้เต็ม คุณจะได้ทานจนอิ่ม มีเรี่ยวแรงทำงานไปทั้งวันยังไงคะ ช่างหาได้ยากจังนะคะ ฉันว่าคุณหลินเธอเป็นห่วงคุณหนูมากเลยนะคะ”
“งั้นเหรอ เธอทำแบบนี้มานานเท่าไรแล้ว เมื่อไหร่กันที่เธอเริ่มสนใจอาหารเช้าของผม?”
“เอ้อ ประมาณเมื่ออาทิตย์ที่แล้วกระมังคะ พูดกันจริงๆ ตอนแรกฉันยังเข้าใจว่าคุณหลินจะสนใจแค่ไม่กี่วัน คงจะแค่สองวันก็เบื่อแล้ว คิดไม่ถึงเลยค่ะ เธอทำติดต่อกันมาได้ตั้งอาทิตย์หนึ่งแล้ว ยังมีอีกนะคะ ฉันดูว่าคุณหลินยังไม่มีทีท่าว่าจะย่อท้อเลยค่ะ คงจะยังทำต่อไปแน่เลยค่ะ”
“อืม เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้ว ไม่เป็นไรนะครับ คุณน้า พรุ่งนี้เป็นต้นไปก็เปลี่ยนรสข้าวต้มให้ผมก็แล้วกัน”
เธองั้นรึ? เมื่อไหร่กันที่เธอมาสนใจอาหารเช้าของฉัน? หรือว่า เธอเป็นคนลงมือ? เซียวจิ่งสือพูดกับคุณน้าคนครัวแล้วก็อดรู้สึกสงสัยขึ้นมาไม่ได้
เพื่อให้แน่ใจ ว่าเป็นฝีมือผู้หญิงที่อยู่ในบ้านเขาหรือเปล่ากันแน่ เซียวจิ่งสือแอบติดตั้งกล้องไว้ในบ้าน หลังจับตาดูมาสองวัน ก็เห็นว่าทุกเช้าอี้อวิ๋นฉังจะใส่บางอย่างลงในข้าวต้มของเขา เซียวจิ่งสือเข้าใจปรุโปร่งในทันที ของที่อี้อวิ๋นฉังใส่ให้เขา ต้องเป็นพวกยาเสพติดแน่ ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีปฏิกิริยาทางร่างกายที่ชัดเจนขนาดนี้
จากเรื่องนี้เอง เซียวจิ่งสือยิ่งเชื่อมั่นว่าคนที่อยู่ข้างกายเขา ผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนกับหลินหว่านเป็นพิมพ์เดียวกันนี้ ไม่ใช่หลินหว่านอย่างเด็ดขาด!