รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 221 แก้ข่าว
ผู้กำกับสั่งให้ผู้ช่วยคนหนึ่งไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนอินเสี่ยวเสี่ยว อินเสี่ยวเสี่ยวเพิ่งออกจากกองถ่าย อี้อวิ๋นฉังก็ส่งคลิปที่เธอเพิ่งถ่ายไว้ลงเน็ต
อี้อวิ๋นฉังจงใจตั้งชื่อหัวข้อให้เกิดข้อพิพาทโต้เถียงได้ง่ายอย่าง ‘ตัวแสดงแทนหลินหว่านตกจากลวดสลิงค์ ปฏิเสธไม่ยอมแสดงแทนอีก’
ในคลิปนี้อี้อวิ๋นฉังไม่ได้ถ่ายให้เห็นตอนที่อินเสี่ยวเสี่ยวร่วงลงมา ดังนั้นในคลิป จึงมีแค่ภาพอินเสี่ยวเสี่ยวหลังจากตกลงมาแล้ว เกิดข้อโต้แย้งกับผู้กำกับเพราะเกิดความกลัวขึ้นจึงไม่อยากถ่ายทำต่อ
ภาพคลิปเพิ่งโพสต์ลงเน็ตก็ดึงความสนใจจากชาวเน็ตให้มาเข้าชมได้เป็นจำนวนมาก
พอได้เห็นภาพคลิปที่ตัดหัวตัดหางแล้ว พวกชาวเน็ตก็ไม่สนใจที่มาที่ไปอะไรทั้งนั้น เกิดกระแสรุมด่าอี้อวิ๋นฉังขึ้น
‘สมัยนี้สตั๊นท์นี่ใหญ่มากขนาดนี้แล้วเหรอ? นึกจะไม่แสดงก็ไม่แสดง คิดว่าเธอเป็นใครกัน! ก็แค่หน้าตาเหมือนหลินหว่าน เป็นตัวแสดงแทนของหลินหว่านเท่านั้นเอง ไม่ใช่ตัวจริงซะหน่อย’
‘หึๆ ตัวแสดงแทนแค่ได้รับบาดเจ็บนิดหน่อยยังต้องไปโรงพยาบาล ไม่สนคิวกองถ่ายว่าจะเป็นยังไงเลยเหรอ? แค่หน้าเหมือนหลินหว่านแล้วจะคิดว่าตัวเองเป็นหลินหว่านได้งั้นสิ! นี่ก็อีกคนไม่ได้เป็นเจ้าหญิง แต่คิดจะทำตัวเป็นเจ้าหญิง ไม่รู้จักดูเงาหัวตัวเองเลยว่าก็แค่คนเดินดินกินข้าวแกงเท่านั้น! ’
‘แม่นี่ไม่มีฝีมือแสดงแถมไม่รับผิดชอบอีก ยังได้เป็นสตั๊นท์ของหลินหว่าน? ขอเสนอคนแรกให้กองถ่ายเปลี่ยนตัวแม่สตั๊นท์นี่ไปเลย! อย่าปล่อยให้คนแบบนี้มาเป็นตัวถ่วงกองถ่ายอีก! ’
‘เห็นด้วยกับความคิดเห็นข้างบน! สองเสียง เปลี่ยนเลย! ’
‘สามเสียง เปลี่ยนตัวเลย! ’
‘หมื่นเสียง! ’
……
ภายในโรงพยาบาล “คุณครับ หัวเข่าคุณทำไมเป็นอย่างนี้ครับ?” คุณหมอเห็นหัวเข่าอินเสี่ยวเสี่ยวเขียวช้ำปนม่วงเป็นแถบก็ร้องอย่างตกใจว่า “คุณอย่าขยับนะครับ ทนหน่อย ผมจะใส่ยาให้ครับ”
พูดจบ คุณหมอก็ทายาที่หัวเข่าให้อินเสี่ยวเสี่ยว จากนั้นพันผ้าพันแผลไว้ สั่งย้ำกับเธอว่าระยะนี้ต้องระวังการเคลื่อนไหว ห้ามออกกำลังกายอะไรทั้งนั้น
อินเสี่ยวเสี่ยวไปแผนกสมองตรวจอาการบาดเจ็บภายนอกที่ศีรษะ คุณหมอบอกว่า “คุณครับ อาการบาดเจ็บบริเวณศีรษะของคุณไม่เป็นอะไรมาก แต่จะกระทบกระเทือนสมองหรือไม่นั้น จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อรอดูอาการสักสองสามวัน”
เมื่อเป็นเช่นนี้ อินเสี่ยวเสี่ยวจึงแอดมิดเข้าโรงพยาบาล ส่วนผู้ช่วยที่มาโรงพยาบาลกับเธอนั้นไม่สนใจหรอกว่าเธอจะเป็นอย่างไร พออินเสี่ยวเสี่ยวแอดมิดอยู่โรงพยาบาลเธอก็แวบหายตัวไป
อินเสี่ยวเสี่ยวอยู่ในห้องพักผู้ป่วยเบื่อๆ จึงเปิดมือถือขึ้นมาอ่านดูข่าวสารในเวยปั๋ว
ตอนนั้นเอง คลิปที่อี้อวิ๋นฉังโพสต์ขึ้นเน็ตก็ถูกกระแสแรงด่าจากชาวเน็ตทั้งหลายดันขึ้นเป็นอันดับหนึ่งข่าวฮอตในเวยปั๋ว แฮชแท็กว่า ‘ตัวแสดงแทนหลินหว่าน’ เต้นหราฮอตติดชาร์ตอยู่อันดับต้นๆ
อินเสี่ยวเสี่ยวเห็นคลิปที่ตัดหัวตัดท้ายนั่นแล้วก็เข้าไปดูคอมเมนต์ เห็นว่าในกล่องความคิดเห็นพวกชาวเน็ตต่างพากันรุมด่าเธอ ก็รู้สึกเสียใจมาก
แม้ว่าเธอจะหน้าเหมือนหลินหว่าน แต่ไม่เคยทำตัวเป็นหลินหว่าน เธอเป็นตัวเองมาตลอด แต่ดูเหมือนในสายตาคนอื่น ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ล้วนแต่เป็นการเลียนแบบหลินหว่านไปทั้งนั้น
พอมาคิดดูแล้ว อินเสี่ยวเสี่ยวก็โพสต์ข้อความหนึ่งลงเวยปั๋ว ‘ฉันไม่เคยพูดสักคำว่าตัวเองเป็นหลินหว่าน และไม่เคยเลียนแบบหลินหว่าน ฉันแค่เป็นตัวเอง หวังว่าทุกคนจะทำความเข้าใจความจริงของเรื่องเสียก่อน จะได้ไม่กล่าวให้ร้ายฉันอีก’
ไม่นานนักโพสต์นี้ก็ถูกชาวเน็ตโจมตี ‘เฮอะ ถ้าไม่ใช่เพราะหลินหว่านใครจะไปรู้จักเธอ! ’
‘เธอจะมาเทียบชั้นเปรียบกับหลินหว่านได้ไง? เธอมันแค่สตั๊นท์ของหลินหว่าน! แค่ตัวแสดงแทน รู้ไว้ซะ! ’
‘ทุกคนไม่ต้องไปสนหล่อน หล่อนตั้งใจใช้หลินหว่านมาเรียกความสนใจ! พี่น้องอย่าไปหลงกลล่ะ! ’
……
อินเสี่ยวเสี่ยวเห็นคอมเมนต์พวกนี้แล้ว ยิ่งเศร้าใจหนักขึ้นอีก
ที่กองถ่าย หลังจากอินเสี่ยวเสี่ยวไปแล้ว ผู้กำกับก็เริ่มถ่ายฉากที่สอง ฉากที่สองเป็นฉากของอี้อวิ๋นฉัง คนที่แสดงร่วมกับเธอเป็นตัวประกอบชายอันดับN
เดิมทีเป็นฉากที่ง่ายมากฉากหนึ่ง แต่อี้อวิ๋นฉังกลับเทคไปสามรอบก็ยังไม่ผ่าน
ผู้กำกับรำคาญขึ้นมาบ้าง ไหนบอกว่าหลินหว่านฝีมือการแสดงดีมากไง? นี่มันอะไรกัน
ดังนั้น ผู้กำกับจึงได้แต่พูดปลอบอี้อวิ๋นฉังอย่างอดทน “คุณหลิน คุณผ่อนคลายหน่อย เข้าให้ถึงบทแล้วเรามาเริ่มกันใหม่อีกครั้ง”
อี้อวิ๋นฉังฟังแล้ว สีหน้าค้างแข็งไปชั่ววูบ แม้เธอจะเคยไปเรียนต่อด้านการแสดงจากต่างประเทศ แต่ไม่ได้มีประสบการณ์แสดงจริงมาก่อน จึงไม่รู้จริงๆ ว่าต้องทำอย่างไร เธอพูดว่า “ขอโทษนะคะผู้กำกับ วันนี้ฉันไม่ค่อยสบายน่ะ เลยพลอยทำให้ทุกคนเสียเวลาไปด้วยเลย”
ยังดีที่ ต่อจากนั้นอี้อวิ๋นฉังแสดงอีกครั้งแล้วผ่านไปได้ แม้ว่าฉากนี้จะผ่านแล้ว แต่อี้อวิ๋นฉังรู้ว่า ปัญหาเรื่องฝีมือการแสดงของเธอจะเผยพิรุธออกมาไม่ช้าก็เร็ว
ถ้าหากเธอยังแสดงต่อไป พอถึงตอนหนังออกฉาย เธอต้องถูกพวกผู้ชมด่าว่าฝีมือการแสดงห่วยแน่
เนื่องด้วยปัญหานี้ ตอนบ่าย อี้อวิ๋นฉังจึงมาที่โรงพยาบาลเพื่อมาหาอินเสี่ยวเสี่ยว
พอมาถึงห้องพักของอินเสี่ยวเสี่ยว ก็พบว่าภายในห้องมีแค่อินเสี่ยวเสี่ยวเพียงลำพัง อี้อวิ๋นฉังล็อกประตูห้องฉับ
อินเสี่ยวเสี่ยวเห็นอี้อวิ๋นฉังเข้ามา ก็ถามอย่างระวังตัวว่า “หลินหว่าน คุณมานี่ทำไม?”
อี้อวิ๋นฉังเดินเข้ามาหา มองสำรวจอินเสี่ยวเสี่ยวรอบหนึ่ง บาดแผลบนศีรษะของอินเสี่ยวเสี่ยวดูแล้วไม่หนักหนานัก แค่แต่งหน้าทับก็ดูไม่ออกแล้ว ส่วนอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า ตอนถ่ายทำชุดแสดงที่สวมล้วนแต่เป็นชุดสมัยโบราณ ปิดหมดไม่มีใครเห็นหรอก
พอนึกถึงตรงนี้ อี้อวิ๋นฉังก็ถามจูงใจอินเสี่ยวเสี่ยวว่า “อินเสี่ยวเสี่ยว เธออยากเล่นหนังไหม? ไม่ใช่เป็นตัวแสดงแทน แต่แสดงเป็นนางเอกหนังเรื่องนี้”
อินเสี่ยวเสี่ยวนิ่งงันไป แล้วพูดว่า “คุณหลิน คุณหมายความว่ายังไง? ฉันไม่เข้าใจ”
อี้อวิ๋นฉังพูดตรงๆ ว่า “ความหมายของฉันก็คือ พอดีฉันมีธุระด่วนต้องออกไปข้างนอกระยะหนึ่ง จึงอยากให้เธอมาแสดงบทนางเอกแทนฉัน”
อินเสี่ยวเสี่ยวไม่เข้าใจว่าทำไมอี้อวิ๋นฉังต้องให้เธอแสดงแทนด้วย เข้าใจว่าเธอคงมีแผนร้ายอะไรอีก จึงปฏิเสธไปว่า “ไม่ละค่ะ คุณหลิน ฉันรู้ตัวเองดี ฉันมันแค่สตั๊นท์ จะไปแสดงบทของคุณหลินได้ยังไงกัน?”
“ฮึ เธอมันรู้ตัวเองดี เพียงแต่บทนางเอกเรื่องนี้ ถ้าไม่เพราะฉันมีเรื่องต้องไปทำละก็ จะยอมยกให้เธอเปล่าๆ งั้นเหรอ?” อี้อวิ๋นฉังพูด
“อินเสี่ยวเสี่ยว แค่เธอแสดงหนังเรื่องนี้ให้ดีๆ ฉันจะให้คนเอาคอมเมนต์บนเน็ตพวกนั้นออกให้ แล้วต่อไปก็จะไม่เล่นงานเธออีก ว่าไง” อี้อวิ๋นฉังทั้งข่มขู่และหลอกล่อต่อไป
ถึงแม้อินเสี่ยวเสี่ยวจะอยากรับปากมาก แต่พอเห็นท่าทางคุกคามแกมบีบบังคับของอี้อวิ๋นฉังแล้วก็ตอบไปเสียงเย็นชาว่า “คุณหลิน หนังของคุณคุณก็แสดงเองสิ ฉันไม่สนหรอก”
พอเห็นว่าอินเสี่ยวเสี่ยวยังไม่ตกลงอีก อี้อวิ๋นฉังก็ใช้วิธียั่วยุ “อินเสี่ยวเสี่ยว ตอนนี้มีโอกาสดีขนาดนี้อยู่ตรงหน้าแล้ว เธอไม่ต้องการแน่นะ? หรือว่าเธอไม่เชื่อในฝีมือการแสดงของตัวเอง?”
อินเสี่ยวเสี่ยวไม่พูดอะไร อี้อวิ๋นฉังก็พูดเยาะเย้ยไปอีกว่า “อินเสี่ยวเสี่ยว ถ้าเป็นฉันนะ ฉันต้องแสดงอยู่แล้ว ถึงยังไงฉันก็ไม่อยากแสดงเป็นตัวแสดงแทนที่ไม่มีโอกาสโผล่หน้ากล้องไปชั่วชีวิตหรอก”
คำพูดของอี้อวิ๋นฉังได้ผล อินเสี่ยวเสี่ยวตอบรับว่า “คุณหลิน คุณไม่ต้องพูดแล้ว ฉันแสดงก็แล้วกัน!”