รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 253 เผยพิรุธ
ดังนั้นตอนนี้เธอจึงไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี เธอได้แต่พยายามเต็มที่ที่จะไม่แสดงทีท่าชัดแจ้งนัก ในเมื่ออันจี๋ถิงคีบพริกเขียวมาใส่ชามของเธอแล้ว เธอก็ใส่มันเข้าปากตัวเองซะ
แต่พออันจี๋ถิงเห็นภาพนี้เข้า กลับทำให้เธอตกใจอยู่บ้าง ตอนหลินหว่านยังเป็นเด็กเธอเกลียดพริกเขียวที่สุด แต่เมื่อครู่อี้อวิ๋นฉังกลับทำทุกอย่างตรงกันข้ามหมด เธออดที่จะตื่นตัวสงสัยขึ้นมาบ้างไม่ได้
อี้อวิ๋นฉังกลับไม่รู้เลยสักนิดว่าแม่ของหลินหว่านทดสอบเธอ ยังคงทานอาหารต่อไปเรื่อยๆ แต่ตอนนั้นเองอันจี๋ถิงยังไม่ยอมเชื่อ เธอยังอยากจะทดสอบเธอต่อไปอีก
“เพื่อนสมัยเด็กที่ลูกเล่นด้วยกันบ่อยๆ ยังได้ติดต่อกันรึเปล่า? แม่จำได้ว่าพวกเธอสนิทกันออก แม่จะเรียกให้กลับบ้านมาทำการบ้านก็ไม่ยอมกลับ จะอยู่เล่นกับเพื่อนคนนั้น” อันจี๋ถิงพูดยิ้มๆ ที่จริงแล้วเป็นยิ้มซ่อนมีด ดูแล้วชวนให้ขนลุกมากๆ
“อ่าฮ่า หรือคะ? เรื่องตอนเป็นเด็กหนูลืมไปหมดแล้ว นึกไม่ออกแล้วค่ะ ผ่านเรื่องราวมาตั้งมากมาย ใครยังจะไปจำได้คะ” อี้อวิ๋นฉังพอฟังก็หัวใจตกวูบ แต่เธอรีบปรับสีหน้าท่าทางเป็นปกติ เฉไฉพูดเรื่องอื่นไป
เธอนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าอันจี๋ถิงจะรับมือยากขนาดนี้ ถามปัญหามากมายที่เธอไม่รู้ ทำให้เธอทำตัวไม่ถูก ถ้าเธอเอาไม่อยู่ แผนของเธอก็จะพังไม่เป็นท่า สิ่งที่เธอทุ่มเทกำลังและเวลามาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า สุดท้ายยังจะหาเรื่องใส่ตัวเสียอีก
แต่พออี้อวิ๋นฉังนึกถึงเป้าหมายของเธอ ก็คิดอยากจะรู้ข่าวคราวของหลินหว่าน เธอไม่ลืมเป้าหมายแต่แรกที่เธอมานี่เด็ดขาด ตอนนี้เธอจึงรีบแต่งบทพูดในสมอง รอจังหวะโอกาสดีที่จะถามอันจี๋ถิง
“เอ่อใช่แล้ว แม่คะ ตอนนี้อินเสี่ยวเสี่ยวอยู่ที่ไหนหรือคะ? ตั้งนานแล้ว ทำไมเธอยังไม่มีข่าวคราวอะไรเลยล่ะ มันเป็นไปได้หรือคะ?” อี้อวิ๋นฉังแกล้งถามขึ้น เธอไม่อยากให้อันจี่ถิงรู้จุดหมายของเธอ จึงถามเหมือนไม่ตั้งใจนัก พยายามไม่ให้อันจี๋ถิงมองออก
บางครั้งที่เธอเห็นสายตาของอันจี๋ถิง ไม่รู้ว่าตาฝาดไปรึเปล่า บางครั้งรู้สึกเหมือนสายตาเธอคมกริบดุดันมาก ทำเอาเธอสะดุ้งตกใจทีเดียว ทำให้เธอไม่กล้าพูดคำพูดที่เตรียมจะพูดออกมา คงต้องบอกว่าอันจี๋ถิงมีออร่ารอบตัวแรงมาก คนธรรมดาทั่วไปเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอจึงต้องระวังตัวไม่กล้าทำตัวตามสบาย
อันจี๋ถิงพอได้ยินอี้อวิ๋นฉังจู่ๆ ก็ถามแบบนี้ จึงเกิดสนใจขึ้นมา เธอพยายามจะไม่ไปขัดการแสดงของอี้อวิ๋นฉัง จะดูซิว่าถ้าปล่อยให้เธอแสดงไปเรื่อยๆ จะเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เอ๋ ทำไมจู่ๆ ลูกก็ถามถึงเธอล่ะ? ลูกมีธุระกับเธอรึไง? ตอนนี้เธอยังสบายดี!” อันจี๋ถิงแกล้งพูดขึ้น ตอนเธอพูดก็ไม่ลืมที่จะโปรยยิ้มอย่างอบอุ่นนุ่มนวล แต่บางครั้งแม้ใบหน้าเธอจะยิ่งยิ้มแย้ม ก็ยิ่งแสดงว่าในใจเธอมีเรื่องต้องคิด
“ค่ะ หนูอยากเจอเธอมาก หนูอยากให้เธอกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีกับเขา ไม่ดีหรือคะ? หนูก็เลยรู้สึกว่าต้องพูดกับเธอนะคะ” อี้อวิ๋นฉังพูดด้วยรอยยิ้ม ทำท่าเหมือนใจดีมีเมตตาเอามาก คนที่ไม่รู้ก็จะนึกว่าเธอเป็นเด็กสาวที่มีใจบริสุทธิ์สะอาดมากคนหนึ่ง
“ลูกนี่ช่างใจกว้างจริงๆ นะ ถ้าเธอรู้ว่าลูกมีใจให้เธอขนาดนี้ เธอคงต้องซาบซึ้งใจตายเลย แต่ลูกเองก็ต้องระวังนะ แม่กลัวว่าเธอจะทำเรื่องไม่ดีกับลูกนะสิ!” อันจี๋ถิงพูด อันที่จริงเธอก็ไม่แคร์ถ้าจะบอกที่อยู่ของหลินหว่านให้เธอรู้
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ที่จริงพวกเราสองคนก็นับว่ามีวาสนาต่อกันนะคะ หน้าก็เหมือนกันมาก ไม่ว่าเธอจะทำหน้ามาหรือไม่ แต่ทำจนหน้าเหมือนลูกขนาดนี้ อย่างน้อยลูกกับเธอก็คงมีวาสนาต่อกัน” อี้อวิ๋นฉังพูดอย่างเสแสร้ง เธอพูดโกหกได้ง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปากอย่างไรอย่างนั้น แถมไม่กระพริบตาเลยด้วย
อันจี๋ถิงพอฟังเธอพูดแบบนี้ก็แค่หัวเราะออกมา แล้วบอกที่อยู่ของหลินหว่านให้เธอรู้ อี้อวิ๋นฉังพอฟังจบก็แอบหัวเราะในใจ คิดว่าเป้าหมายเธอสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ตอนนี้ขาดอีกก้าวเดียวก็จะได้ในสิ่งที่เธอต้องการแล้ว
อันจี๋ถิงเห็นท่าทางกระหยิ่มใจของอี้อวิ๋นฉังแล้วกลับรู้สึกเย็นเยือกไปทั้งหัวใจ เธอไม่อยากคิดเลยว่าเรื่องที่เธอคาดเดาไว้ก่อนหน้านี้จะเป็นจริง ถ้าเป็นอย่างนั้นจะทำให้เธอเสียใจมาก ความรู้สึกที่ให้ความหวังกับเธอแล้วทำให้ความหวังเธอพังทลาย เธอทนไม่ได้จริงๆ
“ดึกแล้วลูกก็พักผ่อนเถอะ หลายวันมานี้แม่เห็นลูกยุ่งเชียว ลูกอยู่บ้านก็อย่าเอาแต่เล่นสนุกล่ะ ต้องดูแลสุขภาพตัวเองด้วย รู้ไหม” พอทานข้าวเสร็จ อันจี๋ถิงก็กำกับดูแลอี้อวิ๋นฉังราวกับแม่ผู้เมตตา จากนั้นขึ้นห้องไปพักผ่อนตามลำพัง
ส่วนอี้อวิ๋นฉังในตอนนี้ กลับนึกย่ามใจเสียจนไม่รู้ว่าอันจี๋ถิงพบพิรุธของเธอเข้าแล้ว เธอยังรู้สึกว่าตัวเองฉลาดล้ำเลิศซะเหลือเกิน หลอกผู้คนได้ตั้งมากมาย ที่จริงเธอก็แค่ถูกผ้าปิดตาตัวเองเท่านั้น
อันจี๋ถิงพอกลับถึงห้องตัวเอง ก็หยิบมือมือขึ้นมาโทรไปที่หมายเลขหนึ่ง คนคนนี้ก่อนหน้านี้ทำงานให้กับเธอบ่อยครั้ง ตอนนี้ก็เช่นกัน ขอเพียงอันจี๋ถิงมีเรื่องที่ต้องสืบอย่างเป็นความลับ เธอก็จะให้คนคนนี้ไปทำ และเขาก็ทำงานได้อย่างดีเยี่ยมเสียด้วย อันจี๋ถิงเชื่อถือเขามากเช่นกัน
“ฮัลโหล หลายวันมานี้คุณช่วยสะกดรอยตามลูกสาวฉันด้วยนะ อย่าให้เธอคลาดสายตาไปเด็ดขาด แล้วกลับมารายงานฉัน ดูว่าเธอไปทำอะไรบ้าง” อันจี่ถิงสั่งการเสียงเครียดไปที่ปลายสายอีกด้าน เธอในตอนนี้กับเมื่อครู่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง คนเมื่อครู่ยังเหมือนเป็นแม่ที่รักลูกคนหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับต่างจากเมื่อครู่ราวกับคนละคน
“ได้ครับ มีข่าวอะไรผมจะรีบรายงานให้คุณทราบทันที” อีกฝ่ายพอฟังจบก็เข้าใจได้ทันที ไม่ได้ถามคำถามมากมายอย่างอื่นอีก ทั้งสองวางสายไป อันจี๋ถิงจัดการเรื่องต่างๆ อย่างเด็ดขาด เธอไม่เคยทำอะไรยืดเยื้อมาก่อน
ส่วนอี้อวิ๋นฉังในตอนนี้อยู่ในห้องของตัวเอง กำลังนึกวางแผนอย่างมีความสุข เธอคิดไม่ถึงเลยว่าอันจี่ถิงจะสงสัยเธอจนส่งคนมาสะกดรอยตามเธอ สังเกตพฤติกรรมเธอทุกการเคลื่อนไหว
ถึงตอนนั้นถ้าหากเธอพบตัวหลินหว่าน เธอจะไม่ออมมือแน่ ถ้าหากสามารถทำให้เธอได้ในสิ่งที่ต้องการในที่สุด เธอก็ไม่สนว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรต้องให้หลินหว่านไม่ได้ไปผุดไปเกิดอีก
อี้อวิ๋นฉังคิดอยู่นาน แล้วเลิกคิดต่อไปอีก เธอขึ้นเตียงเข้านอน คิดว่าพรุ่งนี้เธอจะไปหาหลินหว่านแต่เช้า จัดการให้เรื่องนี้เสร็จสิ้นลงไปซะที
เช้าวันรุ่งขึ้น อี้อวิ๋นฉังลุกขึ้นมาแต่งตัวแต่เช้า เมื่อคืนเธอวางแผนไว้อย่างดีแล้ว