รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 262 คืนสติ
ขณะที่เพื่อนร่วมงานกำลังคิดอยู่นั้น หลินหว่านก็พูดกับเขาเรื่องนี้ เธอเล่าที่มาที่ไปของเรื่องให้เขาตั้งตั้งแต่ต้นจนจบ
เพื่อนร่วมงานฟังแล้ว พูดปลอบว่า “เขาต้องไม่เป็นไรแน่ ถึงยังไงก็จะรู้ผลอยู่แล้วนี่”
หลินหว่านผงกศีรษะ ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดอยู่ รถก็แล่นมาถึงที่อยู่ของอี้อวิ๋นฉัง พวกเขาจอดรถอยู่ห่างๆ เห็นแค่บ้านหลังหนึ่ง นั่นก็คือสถานที่ที่พวกเขากำลังจะไป
ที่อยู่ของอี้อวิ๋นฉังเป็นบ้านที่อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองด้านนอกมีสวนดอกไม้ มีต้นไม้ใบหญ้าจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ ดูจากภายนอกแล้วดูน่าอยู่มาก อันที่จริงหลินหว่านก็ชอบอยู่กับต้นไม้ใบหญ้า แต่หลินหว่านไม่ทันได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ เพราะเธอมีเรื่องสำคัญต้องไปทำ รถยังไม่ทันจอดสนิท กุญแจรถยังไม่ดึงออก เธอก็รีบร้อนลงจากรถไปแล้ว
แต่พอเธอผลักประตูเปิดจะบุกเข้าไปนั้น เพื่อนร่วมงานที่มากับหลินหว่านรั้งตัวเธอไว้ “ถ้าคุณยังคิดจะรู้ความจริง พวกเราก็อย่าเพิ่งบุกเข้าไปแบบนี้ ถึงยังไงซะก็รู้แน่แล้วว่าเขาอยู่ที่นี่ เราก็ไม่ต้องร้อนใจแล้ว แค่อีกนิดเดียว”
พอหลินหว่านได้ฟังคำของเพื่อนร่วมงาน ก็ไม่ได้ลุยเข้าไป “คุณมีวิธีอะไรไหม?”
สามารถมองผ่านหน้าต่างเข้าไปข้างในได้ แต่ภาพที่เห็นทำให้เธอสิ้นหวัง เซียวจิ่งสือกับอี้อวิ๋นฉังไม่รู้ว่าหลินหว่านจะมา ดูเหมือนทั้งคู่จะนอนอยู่ด้วยกัน
“พวกเราเห็นแล้วว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันข้างใน ผมคิดได้วิธีหนึ่ง พวกเราใช้วิธีหลอกซ้ายโจมตีขวากัน?” เพื่อนร่วมงานเสนอความคิดขึ้น
“งั้นเอาอย่างนี้นะ คุณไปทางด้านนั้น ฉันไปด้านนี้” หลินหว่านชี้นิ้วบอกทิศทาง
“ได้เลย”
พวกเขาใช้วิธีหลอกซ้ายจู่โจมขวา ช่วยเซียวจิ่งสือออกมาได้ในที่สุด
พอเซียวจิ่งสือได้สติ “ผมออกมาได้ยังไงเนี่ย?” เขายังอึ้งๆ อยู่ ต่อมารู้ว่าหลินหว่านฟื้นความทรงจำแล้ว ก็ดีใจมาก
“คุณได้ความทรงจำกลับมาแล้ว! เป็นเรื่องที่ดีมากจริงๆ คุณจำได้ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?” เซียวจิ่งสือถามหลินหว่านอย่างตื่นเต้นดีใจ
“บอกมาเร็วสิ! นั่นหมายความว่าตอนนี้คุณจำเรื่องเมื่อก่อนของเราได้แล้ว!” เซียวจิ่งสือเขย่าหัวไหล่หลินหว่านอย่างตื่นเต้น
แต่หลินหว่านกลับนั่งเงียบไม่พูดจาอยู่ที่นั่น เหมือนกับเซียวจิ่งสือเป็นอากาศธาตุ มีเพียงสายตาที่เหม่อลอยจ้องตรงไปยังกำแพงสีขาวตรงหน้า
“คุณเป็นอะไรไป?” จู่ๆ เซียวจิ่งสือก็พบว่าเขาพูดมาตั้งมากมาย แต่หลินหว่านกลับไม่พูดเลยสักคำ
เขาคิดว่าหลินหว่านคงจะมีเรื่องอะไรสักอย่าง จึงโกรธเขา หรือว่าเมื่อครู่เขาทำอะไรผิดไปกระมัง?
“มันเรื่องอะไรกันแน่? พวกเราไม่ได้เจอหน้ากันมาตั้งนาน ไม่คิดถึงผมเลยรึไง? ผมยังคิดถึงคุณเลย” เซียวจิ่งสือพูดอย่างน้อยใจ
“ถ้าคุณมีเรื่องอะไรก็พูดสิ อย่าเก็บไว้ไม่สบายใจคนเดียวแบบนี้” เซียวจิ่งสือร้องขอ
“ไม่มีอะไรจริงๆ” หลินหว่านตอบ
“หรือว่าระหว่างเรายังมีเรื่องอะไรที่พูดไม่ได้อีก? ถ้าผมทำอะไรผิดไปจริงๆ ก็หวังว่าคุณจะพูดออกมา” เซียวจิ่งสือพูดย้ำซ้ำคำพูดนี้ไปหลายรอบ เขาหวังว่าหลินหว่านจะพูดกับเขาได้ทุกเรื่อง
“ไม่มีนี่ คุณคิดมากไปเอง” หลินหว่านพูดพร้อมกับส่งยิ้มปลอมๆ ให้
“ทำไมเอาแต่มองกำแพงตลอด คุณไม่ยอมมองผมเลยนี่นา? ผมทำผิดอะไรไป หรือพูดผิดอะไร คุณบอกกับผมตรงๆ ด้วยความสัมพันธ์ของเราสองคน คุณไม่ต้องเก็บความโมโหไว้ มันไม่ดีต่อสุขภาพคุณนะ” เซียวจิ่งสือพูดอย่างไม่สบายใจ เขายังไม่ทันรู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น รู้สึกว่าเธอเหมือนมีเรื่องปิดบังอะไรอยู่ ทำไมตั้งแต่เขาพบกับหลินหว่าน เธอจึงดูอึดอัดไม่มีความสุขตลอดเลย
“งั้นทำไมตั้งแต่เจอหน้ากันคุณถึงเย็นชากับผมนักล่ะ?” เซียวจิ่งสือพูดพลางขยับเข้าหาหลินหว่าน โอบไหล่ของเธอไว้
“ฉันไม่เป็นไร จะมีเรื่องอะไรได้ ถ้ามีเรื่องฉันก็บอกคุณไปแต่แรกแล้วนี่ใช่ไหม?” หลินหว่านพูดกลบเกลื่อนไปโดยไม่พักจะคิดสักนิด จากนั้นก็ขยับห่างออกมาจากเซียวจิ่งสือ
“ใช่ มีเรื่องอะไรคุณก็บอกกับผมแต่แรก ถ้าไม่มีเรื่อง ทำไมคุณถึงทำท่าไม่อยากเข้าใกล้ผมแบบนี้ล่ะ”
“อย่าอยู่ห่างผมอย่างนี้ มันไม่เหมือนกับที่เราเคยอยู่ด้วยกันมาเลย ความรู้สึกมันบอกผมว่าคุณต้องโกรธอยู่แน่เลย” เซียวจิ่งสือขยับเข้าใกล้หลินหว่านอีก
“งั้นก็ได้ ผมจะไปเทน้ำให้คุณนะ ดูแล้วระยะนี้ผิวคุณดูไม่ดีเลย เป็นเพราะคุณนอนดึกไปหรือเปล่า? หรือว่างานบริษัทยุ่งมากเกินไป คุณเลยไม่สบายใจ” เซียวจิ่งสือพูดพลาง เดินไปเทน้ำให้หลินหว่านแก้วหนึ่ง
เขายื่นน้ำอุ่นให้หลินหว่าน หลินหว่านคิดว่าไหนๆ เขาก็เทมาให้แล้ว ก็อย่าปฏิเสธเขานักเลย อีกอย่างเรื่องในตอนนี้ยังไม่กระจ่างชัดเลย
“คุณดื่มคำหนึ่งนะ ผมจะได้แน่ใจว่าคุณไม่ได้โกรธผมแล้ว” เซียวจิ่งสือพูด
หลินหว่านรับแก้วน้ำมาแล้วดื่มลงไปอึกใหญ่ “ได้รึยังคะ?” เธอพูดพร้อมกับมองเซียวจิ่งสืออย่างอ่อนใจ
“ในเมื่อคุณดื่มน้ำที่ผมยื่นให้ งั้นมีเรื่องอะไรคุณก็พูดกับผมมาตรงๆ เลยเถอะ คุณชอบปิดผมแบบนี้เรื่อยเลย ผมก็รู้สึกไม่ดีนะ คุณว่าใช่ไหมล่ะ?” เซียวจิ่งสือตื้อเอากับหลินหว่าน
“ไม่มีอะไรจริงๆ นี่คะ คุณแค่คิดมากไปเองเท่านั้น” หลินหว่านยิ้มให้เซียวจิ่งสือ แต่เซียวจิ่งสือทำไมจะไม่เข้าใจหลินหว่าน? จากรอยยิ้มของเธอก็เห็นได้ว่าเธอไม่ได้สบายใจจริงๆ แค่กลบเกลื่อนไปพอเป็นพิธีเท่านั้น
“งั้นถ้าคุณไม่มีอะไรจริงๆ คุณมองตาผมสิ แล้วบอกผมว่าคุณไม่ได้โกรธผม” เดิมทีหลินหว่านไม่ได้หันหน้าไปทางเขาด้วยซ้ำ จึงถูกมือทั้งคู่ของเซียวจิ่งสือจับให้หันกลับมา
แต่หลินหว่านจะ “ยอมแพ้” ง่ายๆ ได้ยังไงกัน? หลินหว่านก็ดึงดันหันศีรษะกลับไป เพราะเธอรู้ว่าไม่มีทางจะพูดประโยคนั้นออกมา
“คุณมองตาผมแล้วบอกผมว่าคุณไม่ได้โกรธผม” เซียวจิ่งสือคิดว่าในเมื่อเธอหันศีรษะไป งั้นเขาก็จะไปอยู่ตรงหน้าเธอซะเลย เซียวจิ่งสือลุกขึ้นจากโซฟา สองมือจับไหล่หลินหว่านเอาไว้ สบตาหลินหว่านพูดด้วยน้ำเสียงเอาจริง
“ได้ ฉันบอกคุณก็ได้ว่าฉันไม่ได้โกรธคุณ” หลินหว่านคิดว่าอีกเดี๋ยวเธอยังมีงานต้องทำ จึงไม่คิดจะพัวพันกับเซียวจิ่งสืออยู่ที่นี่ต่อไป เธอจับมือเซียวจิ่งสือยกออกจากบ่าของตัวเอง หลินหว่านในตอนนี้รู้สึกรังเกียจสัมผัสจากเซียวจิ่งสือ
ถ้าเธอยังอารมณ์บูดต่อไป คิดว่าเซียวจิ่งสือคงไม่สบายใจไปด้วยกระมัง ที่สุดแล้วหลินหว่านยังคำนึงถึงเซียวจิ่งสืออยู่ดี นาทีนี้ใจของหลินหว่านสับสนยุ่งเหยิงไปหมด เธออยากจะบอกเรื่องนี้กับเขา อยากจะถามเซียวจิ่งสือว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
แต่สุดท้ายเธอต้องกลืนคำพูดลงท้องไป หลินหว่านเลือกที่จะไม่พูด เธอยังชอบเก็บทุกอย่างไว้ในใจ หลินหว่านคิดดูแล้ว ในเมื่อเซียวจิ่งสือเธอยังหาตัวกลับมาได้ อย่างนั้นก็น่าจะได้เวลาติดต่อฮั่วเทียนอวี่แล้ว
“ฉันยังมีธุระต้องออกไปข้างนอก คุณพักผ่อนเถอะค่ะ” หลินหว่านคิดแล้วลุกขึ้นยืนพูดกับเซียวจิ่งสือ
“ธุระอะไรเหรอ? อยากให้ผมไปด้วยกันไหม” เซียวจิ่งสือพูด
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไปเองคนเดียวก็ได้ค่ะ” หลินหว่านพูด
“โอเค งั้นคุณกลับมาเร็วๆ นะ” เซียวจิ่งสือยิ้มให้เธอ