รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 91
หลินหว่านมาปรากฏตัวที่ร้านอาหารแห่งนี้เพราะเซียวจิ่งสือได้ข่าวว่า หนังของซวี่กวงพอหนังเปิดกล้องเข้ากองถ่ายแล้วจะออกมาอีกไม่ได้ เขาจึงมานัวเนียอยู่กับเธอทุกวัน
“หว่านหว่าน ทำไมคุณช้านักล่ะ” เซียวจิ่งสือเห็นหลินหว่านหายตัวไปห้องน้ำนานนักก็ถามอย่างขัดใจ
“เอ้อ ไม่มีอะไรหรอก เราเริ่มทานกันเถอะค่ะ” หลินหว่านเห็นแล้วก็ได้แต่ยิ้มพลางพูดปลอบเขา
เมื่อครู่ตอนเธอออกจากห้องน้ำเดินชนเข้ากับคนสองคน เธอรีบเอ่ยขอโทษพวกเขาแล้วตรงดิ่งกลับมาเลย ด้วยความรีบร้อนจึงไม่ได้มองหน้าพวกเขาเลยด้วยซ้ำ แต่หลินหว่านก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเซียวจิ่งสือ
หลังอาหารเย็น เซียวจิ่งสือส่งหลินหว่านกลับบ้าน
วันรุ่งขึ้นหลินหว่านก็ได้รับแจ้งว่าทางกองถ่ายมีแผนจะถ่ายตัวอย่างหนังเรื่องนี้ก่อน ดังนั้นจึงขอให้นักแสดงหลักทั้งหมดเข้ากองถ่ายก่อนกำหนด
หลินหว่านได้รับแจ้งแล้วรู้สึกสงสัยทั้งอยากรู้ แต่เธอก็รีบจัดเก็บสัมภาระของตัวเองแล้วตรงเข้ากองถ่ายไปทันที
สถานที่ถ่ายทำตัวอย่างหนังอยู่ที่เมืองจำลองแห่งหนึ่ง ทางกองถ่ายจัดให้นักแสดงทั้งหมดกับทีมงามแยกกันเข้าพักในโรงแรมที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
หลินหว่านมาถึงโรงแรมที่พัก เห็นข้างหน้าเป็นเงาร่างคุ้นตาเธอจึงตามไปดูก็พบว่าเป็นซวี่กวง
หลินหว่านรีบทักทายเขา “ผู้กำกับซวี่ สวัสดีค่ะ บังเอิญจังนะคะ พวกเราได้พักที่โรงแรมเดียวกัน”
คิดไม่ถึงว่าซวี่กวงพอเห็นหลินหว่านกลับมองเธออย่างสำรวจครู่หนึ่งแล้วส่งเสียง “อืม” รับเบาๆ จากนั้นสาวเท้าจากไป
หลินหว่านมองดูร่างของซวี่กวงที่ห่างออกไป เธอนิ่งไปพักหนึ่งพร้อมกับคิดในใจว่าผู้กำกับซวี่นี่ช่าง
เย็นชาเสียจริงเลย จากนั้นเธอก็กลับเข้าโรงแรมเพียงลำพังเข้าห้องพักของตัวเอง
เพิ่งกลับถึงห้องพัก เสียงมือถือของหลินหว่านก็ดังขึ้น เธอเห็นว่าเป็นสายจากอวิ๋นซีจึงกดรับสาย “อวิ๋นซี มีอะไรเหรอคะ”
“หว่านหว่าน เธออยู่บ้านหรือเปล่า บ่ายวันนี้มีถ่ายงานโฆษณาชิ้นหนึ่ง เธอเตรียมตัวนะฉันจะส่งคนไปรับ” อวิ๋นซีพูด
“แต่…แต่อวิ๋นซี ฉันเข้ากองถ่ายแล้ว…” หลินหว่านได้ฟังก็พูดขึ้น
“อะไรนะ หลินหว่าน เธอเข้ากองถ่ายไปแล้วเหรอ” อวิ๋นซีฟังแล้วก็อดประหลาดใจไม่ได้
วันนี้เธอออกมาทำงานข้างนอกจึงไม่รู้เรื่องที่ทางกองถ่ายแจ้งกับหลินหว่าน
“ใช่แล้วค่ะ…” จากนั้นหลินหว่านก็บอกเรื่องที่ทางกองถ่ายจะถ่ายโฆษณาหนังให้อวิ๋นซีทราบ
อวิ๋นซีฟังแล้วก็พูดอย่างร้อนใจว่า “แล้วงานโฆษณาตอนบ่ายจะทำอย่างไรดี สัญญาก็เซ็นไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ยกเลิกไม่ได้เสียด้วยสิ…”
อวิ๋นซีรู้ว่าหนังของซวี่กวงหลังเปิดกล้องแล้ว ไม่สามารถออกจากกองถ่ายได้อีก ดังนั้นเธอจึงร้อนใจอย่างมาก
หลินหว่านเงียบไปพักหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “เอาอย่างนี้ ฉันจะไปปรึกษากับคุณซวี่กวงดูก่อนแล้วกัน ตัวอย่างหนังดูเหมือนจะเริ่มถ่ายพรุ่งนี้ ฉันจะขอลาช่วงบ่าย เขาน่าจะยอมนะ”
อวิ๋นซีกลับพูดอย่างกังวลใจว่า “แต่ว่า หว่านหว่าน ได้ยินว่าคุณซวี่กวงนี่พูดยากอยู่นะ ไม่งั้น…”
ไม่งั้นก็แล้วกันไปเถอะ ผิดสัญญาก็ต้องผิดสัญญาแล้วล่ะ อวิ๋นซีคิดในใจ
หลินหว่านกลับพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะ อวิ๋นซี ฉันจะลองไปพูดดูนะ”
“งั้น…งั้นก็เอาเถอะ หว่านหว่าน ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ” อวิ๋นซีพูด
พูดจบอวิ๋นซีก็วางสายไป
หลังจากวางสายแล้ว หลินหว่านก็ออกจากห้องพักมาที่เคาน์เตอร์หน้าโรงแรม ถามเบอร์ห้องพักของ
ซวี่กวง
มาถึงหน้าห้องของซวี่กวง หลินหว่านเคาะประตูด้วยความตึงเครียด แต่ไม่ได้ยินเสียงขานรับ เธอจึงเคาะประตูอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีใครขานรับอยู่ดี
หรือว่าซวี่กวงไม่อยู่ที่ห้อง หลินหว่านคิด เธอลองบิดลูกบิดประตูหน้าห้อง คิดไม่ถึงว่าประตูห้องจะเปิดออกจริงๆ ซะด้วย
หลินหว่านผลักประตูเปิดออก จากนั้นเดินเข้าห้องไปอย่างแผ่วเบา เธอกวาดตามองดูรอบหนึ่ง เห็นว่าที่ระเบียงมีเงาร่างหนึ่งดูเหมือนซวี่กวงจะยืนอยู่ที่นั่น
หลินหว่านปิดประตูแล้วเดินไปที่ระเบียงพร้อมกับพูดว่า “ผู้กำกับซวี่คะ สวัสดีค่ะ ฉันหลินหว่าน…”
แต่แล้วเธอก็ต้องชะงักค้างทั้งที่ยังพูดไม่จบ เนื่องจากร่างที่ยืนอยู่บนระเบียงนั่น พอได้ยินเสียงเธอก็หันกลับมา แล้วหลินหว่านก็พบว่าเขาไม่ใช่ซวี่กวง!
“สวัสดีครับ คุณคือหลิน…หว่าน?” ชายหนุ่มหันกลับมามองหลินหว่านอย่างสำรวจรอบหนึ่งแล้วถามขึ้น
หลินหว่านพอเห็นใบหน้าของชายคนนั้นแล้วตกใจเหมือนมีระเบิดลงที่กลางใจเลยทีเดียว
ข…เขาๆๆ…เขาคือนักร้องชื่อดังอันลั่วเฉิง!
ไอดอลอันลั่วเฉิงที่ได้ชื่อว่าหล่อสุดๆ ร้องเพลงได้ไพเราะมากๆ แถมยังมีแฟนคลับผู้หญิงมากมายล้นหลามคนนั้น!
เขาอยู่ในห้องของซวี่กวง แล้วตอนนี้ยังยืนอยู่ต่อหน้าเธอเลยด้วย!
……
หลินหว่านพยายามสะกดความตื่นเต้นในใจลง เอ่ยปากว่า “ส…สวัสดี…สวัสดีค่ะ คุณไอดอลอัน…”
แต่ด้วยความตื่นเต้น พอเอ่ยปากก็ยังเผยความรู้สึกตื่นตะลึงของตัวเองออกมาจนได้
อันลั่วเฉิงเห็นท่าทีของหลินหว่านแล้วอดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้ พูดว่า “คุณคือหลินหว่านสินะ เรียกผมว่าอันลั่วเฉิงก็ได้”
“ด…ได้ค่ะ อันลั่วเฉิง” หลินหว่านเห็นเขายิ้มออกมาก็คิดว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ไอดอลอันนี่ช่างสมกับที่มีแฟนเพลงเยอะมากแล้วยังมีแฟนคลับหญิงอีกมากมาย
“เอาล่ะ หลินหว่าน ทำไมคุณมานี่ได้ คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า” อันลั่วเฉิงหันมาถามหลินหว่านด้วยน้ำเสียงจริงจัง
พอฟังคำถามของอันลั่วเฉิงแล้วหลินหว่านจึงนึกถึงเรื่องที่จะมาขอลากับซวี่กวงขึ้นมาได้ เธอรีบถามอันลั่วเฉิงว่า “ฉันมาถ่ายตัวอย่างหนังเรื่องหนึ่งกับผู้กำกับซวี่ที่นี่ค่ะ แต่ว่าตอนนี้ฉันมีธุระบางอย่างต้องพบผู้กำกับซวี่ เขาไม่อยู่ห้องเหรอคะ”
อันลั่วเฉิงส่ายศีรษะ พูดว่า “เขาไม่อยู่ในห้องหรอก”
หลินหว่านได้ยินก็ถามอย่างสงสัยว่า “งั้นคุณทราบว่าเขาไปไหนไหมคะ”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนผมเข้าห้องมาก็ยังไม่เจอกับเขาเลย” อันลั่วเฉิงตอบกลับเสียงเรียบ
หลินหว่านอดรนทนไม่ได้หลุดปากถามคำถามที่สงสัยอยู่ในใจออกมา “อ…อันลั่วเฉิงคะ ทำไมคุณมาอยู่ห้องของผู้กำกับซวี่คะ”
เธอจำได้ว่าไม่เคยเห็นข่าวเกี่ยวกับอันลั่วเฉิงกับซวี่กวงทั้งสองคนบนอินเทอร์เน็ตเลย หรือว่าพวกเขาสองคนรู้จักกันด้วย
คนหนึ่งเป็นผู้กำกับปีศาจที่ทำตัวลึกลับ ส่วนอีกคนเป็นไอดอลสายดนตรีที่มีคะแนนนิยมสุดๆ พวกเขาสองคนดูเหมือนไม่น่าจะมีความสัมพันธ์อะไรกันได้เลยนี่นา แต่ว่า ก็ไม่แน่…
ขณะที่ความคิดหลินหว่านกำลังลอยไปไกล อันลั่วเฉิงก็เฉลยข้อสงสัยของเธอ “ผมกับซวี่กวงรู้จักกันครับ ผมมีงานบางอย่างอยู่ที่นี่ พอดีพักอยู่โรงแรมเดียวกันกับเขาจึงมาหาเขาน่ะ”
แต่ว่าอันลั่วเฉิงไม่ได้บอกกับหลินหว่านว่าเขากับซวี่กวงเป็นเพื่อนรักกันมานานหลายปีแล้ว
“อ่า…งั้นเหรอคะ งั้นก็บังเอิญจริงๆ เลย” หลินหว่านถึงบางอ้อ
อันลั่วเฉิงดึงเรื่องกลับมาที่หลินหว่านอีกครั้ง “ใช่แล้ว หลินหว่าน เมื่อก่อนผมเคยได้ยินเรื่องผลงานของคุณ คุณมีพรสวรรค์มากเลยนะ แล้วก็มีความสามารถมากด้วย…”
“จริงเหรอคะ ขอบคุณค่ะ!” พอได้ยินคำชมของอันลั่วเฉิง หลินหว่านก็รู้สึกตื่นเต้นทั้งยินดีเอามากๆ จนโพล่งออกมาอย่างดีใจ