รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 93
วันรุ่งขึ้น การถ่ายทำหนังตัวอย่างก็เปิดกล้องอย่างเป็นทางการ
หลินหว่านให้ความสำคัญกับหนังเรื่องนี้มาก เธอจึงมาถึงสถานที่ถ่ายทำแต่เช้า
พอหลินหว่านมาถึงก็พบว่าซวี่กวงอยู่ที่นี่แล้ว เธอรีบเข้าไปทักทายเขาอย่างกระตือรือร้น “ผู้กำกับซวี่ สวัสดีค่ะ คุณก็มาแต่เช้าเลยนะคะ”
“อื้ม” แต่ที่ไหนได้ ซวี่กวงมองเธอแล้วก็แค่ส่งเสียงรับทีหนึ่ง จากนั้นก็ยุ่งกับงานของเขาต่อไป
หลินหว่านเริ่มคุ้นเคยกับท่าทีเย็นชาของซวี่กวงแล้ว เธอจึงพูดต่อว่า “ผู้กำกับซวี่คะ เมื่อวานขอบคุณ
นะคะที่ยอมให้ฉันลาหยุดช่วงบ่าย เดี๋ยวฉันจะตั้งใจแสดงให้เต็มที่เลยค่ะ”
ซวี่กวงได้ยินแล้วก็มองหลินหว่านแวบหนึ่ง พูดว่า “อืม คุณไปแต่งหน้าเปลี่ยนชุดก่อนเถอะ”
สีหน้าของซวี่กวงไม่แสดงอารมณ์อะไรเลย หลินหว่านดูไม่ออกว่าเขารู้สึกรำคาญเธอหรือว่ารู้สึกอย่างอื่นกันแน่ จึงได้แต่ผละจากมาอย่างจ๋อยๆ
หลินหว่านแต่งหน้าเสร็จ เปลี่ยนมาสวมชุดที่จะใช้ถ่ายทำ แล้วนักแสดงคนอื่นๆ ในกองถ่ายจึงค่อยๆ มาถึงสถานที่ถ่ายทำ
หลินหว่านเข้าไปทักทายพวกเขาทุกคนอย่างอบอุ่น ยังพอมีเวลาก่อนเริ่มเปิดกล้องอีกนิดหน่อย
เหล่านักแสดงที่แต่งหน้าเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วพากันว่างจึงจับกลุ่มพูดคุยกัน
“พวกคุณรู้หรือเปล่า ได้ยินว่าไอดอลอันก็พักที่โรงแรมใกล้ๆ กับกองถ่ายของพวกเรานี่เอง เมื่อคืนฉันออกมากินมื้อดึกเหมือนจะเห็นเขาด้วยล่ะ ไม่รู้ว่าใช่เขาจริงหรือเปล่าสิ”
นักแสดงบทหญิงสองในหนังเรื่องนี้พูดขึ้น เธอกับหลินหว่านพักที่โรงแรมเดียวกัน หลินหว่านกับเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีพอควร
“ผมก็ได้ยินมาล่ะ เพื่อนผมคนหนึ่งบอกนะ น่าเสียดายที่ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จนี่สิ” นักแสดงบทชายสี่พูดขึ้นอีกคน
“เป็นความจริงล่ะ เมื่อวานฉันกับผู้กำกับซวี่…” หลินหว่านที่รับฟังอยู่ด้านข้าง อยากจะเข้าร่วมวงมาคุยด้วย แต่เพิ่งเอ่ยปาก ก็ถูกซวี่กวงพูดขัดขึ้น
“หลินหว่าน คุณมานี่หน่อย”
น้ำเสียงของซวี่กวงเย็นชาเหมือนเคย แต่ในตอนนี้หลินหว่านกลับรู้สึกได้ว่าในคำพูดของเขาแฝงด้วยความโกรธอยู่หลายส่วน
คำพูดของซวี่กวงทำให้สายตาทุกคู่ในที่นั้นต่างพุ่งมาที่ร่างของหลินหว่าน พวกเขารู้สึกว่าซวี่กวงพุ่งเป้าระบายอารมณ์มาที่หลินหว่าน ถึงอย่างไรข่าวก็บอกว่าซวี่กวงไม่ใช่คนอารมณ์ดีอยู่แล้ว
หลินหว่านรีบมาที่ด้านข้างซวี่กวง ถามอย่างไม่สบายใจนักว่า “ผู้กำกับซวี่ มีอะไรเหรอคะ”
“ไปช่วยผมเอาบทมา” ซวี่กวงเห็นหลินหว่านเข้ามาหาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ
หลินหว่านอึ้งไปขณะหนึ่ง แล้วก็เห็นว่าบนโต๊ะที่อยู่ไม่ห่างไปนักมีสิ่งของสีขาวกองหนึ่งดูเหมือนจะเป็นบทหนังนั่นเอง เธอรีบวิ่งเข้าไปหยิบมาแล้วยื่นส่งให้ซวี่กวงอย่างระมัดระวัง “ผู้กำกับซวี่ นี่ค่ะบทของคุณ…”
ซวี่กวงรับเอามาแล้วกลับไม่พูดอะไรอีก จากนั้นประกาศกับทุกคนว่าให้เริ่มเปิดกล้องถ่ายหนังตัวอย่างกันได้
ตลอดเช้าที่ถ่ายทำมาจนตอนพักเที่ยง หลินหว่านก็ยังสงสัยกับพฤติกรรมของซวี่กวงไม่หาย
ตอนทานข้าว ทุกคนคุยเรื่องไอดอลอันกันอีก จู่ๆ หลินหว่านก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ หรือว่าซวี่กวงไม่อยากให้ทุกคนรู้เรื่องของเขากับไอดอลอัน ดังนั้นเขาจึงจงใจพูดขัดขึ้นตอนที่เธอกำลังจะบอกกับทุกคน
หลินหว่านยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเป็นไปได้ว่าซวี่กวงเก็บเนื้อเก็บตัวขนาดนั้น ข่าวเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเขาบนอินเทอร์เน็ตหาดูได้น้อยมากจนน่าสงสาร นี่อาจเป็นเพราะซวี่กวงไม่ชอบให้คนอื่นพูดถึงเรื่องส่วนตัวของเขาก็ได้ ดังนั้นเมื่อครู่เขาจึงไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับอันลั่วเฉิง
แน่ล่ะ ถ้าหากมีข่าวว่าอันลั่วเฉิงปรากฏตัวที่ห้องของซวี่กวงละก็ เป็นต้องเกิดข่าวลือที่ไม่ดีขึ้นแน่นอน
หลินหว่านยิ่งคิดก็ยิ่งแน่ใจ ขณะเดียวกันเธอก็รับรู้ด้วยความเศร้าใจว่าเธอเพิ่งจะทำให้ซวี่กวงโกรธโดยไม่ตั้งใจ
ถ่ายตัวอย่างหนังวันแรกก็ล่วงเกินผู้กำกับเสียแล้ว หลินหว่านยิ่งคิดก็ยิ่งหวั่นกังวล หลังกินข้าวเสร็จ เธอมาที่สตูดิโอถ่ายหนัง เห็นซวี่กวงกำลังอ่านบทอยู่
หลินหว่านเข้าไปหาเขาอย่างหวาดๆ แล้วรวบรวมความกล้าพูดขึ้นว่า “ผู้กำกับซวี่ ขอโทษค่ะ…”
พูดจบ หลินหว่านก็แอบมองซวี่กวงแวบหนึ่ง เห็นว่าเขาไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอะไรกับคำพูดเธอเลย จึงพูดขึ้นอีกว่า “ผู้กำกับซวี่ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะบอกทุกคนเรื่องของคุณกับไอดอลอัน…”
แต่หลินหว่านยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นว่าซวี่กวงพับบทหนังเก็บแล้วลุกขึ้นเดินจากไป โดยไม่หันมาแลเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
หลินหว่านมองตามเงาหลังที่ห่างออกไปของซวี่กวง เธอนิ่งอึ้งอยู่กับที่ ก่อนนี้ซวี่กวงแม้จะเย็นชากับเธอยังไง แต่ก็ไม่ถึงกับเดินจากไปโดยไม่พูดด้วยสักคำ ไม่มองเธอสักนิดเลยนี่นา…
หรือว่าเธอทำให้ซวี่กวงโกรธมากจนไม่ยอมให้อภัยเลยเหรอ หลินหว่านคิดอย่างกลัดกลุ้ม
ไม่รู้ว่าต่อไปตอนถ่ายหนังซวี่กวงจะเล่นงานเธอหรือเปล่า หลินหว่านคิดหนักอย่างเป็นกังวล
ดังนั้น ระหว่างการถ่ายทำในช่วงบ่าย หลินหว่านจึงตั้งใจแสดงบทบาทของเธออย่างเต็มที่สุดๆ
แต่ยังดีที่ตอนถ่ายทำหลินหว่านสังเกตซวี่กวงแล้วพบว่า ถึงแม้เขาจะเฉยชากับเธอมากกว่าเมื่อก่อน แต่เขาก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะเล่นงานเธอแต่อย่างใด
หลินหว่านถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก
แต่แล้วในตอนนั้นเองหลินหว่านก็ถูกคนกระแทกเข้ามาจากด้านหลัง เธอไม่ทันระวังตัวจึงล้มลงกับพื้นอย่างไม่สวยนัก
“หลินหว่าน คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” ผู้คนรอบข้างที่พบเห็นพากันห้อมล้อมเข้ามาไต่ถาม
“ขอโทษค่ะ ขอโทษ…” คนที่ชนหลินหว่านกล่าวขอโทษเธออย่างไม่สบายใจนัก เธอเป็นผู้ช่วยตัวเล็กๆ คนหนึ่งในทีมอุปกรณ์ประกอบฉาก กำลังอุ้มกล่องใบหนึ่งที่ขนาดสูงกว่าคนเสียอีก เมื่อครู่เธอไม่ทันเห็นว่ามีคนอยู่ข้างหน้าจึงชนเข้ากับหลินหว่านโดยไม่ตั้งใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ…” หลินหว่านถูกพยุงขึ้นมานั่งที่ด้านข้าง เธอพูดกับผู้ช่วยนั้นพร้อมกับส่ายศีรษะ
ตอนนั้นเองหลินหว่านรู้สึกว่าหัวเข่าเธอปวดแปลบขึ้น พอดึงชุดที่สวมอยู่ขึ้นก็เห็นว่าที่หัวเข่าเธอมีรอยเขียวช้ำจากการหกล้มเมื่อครู่
ผู้ช่วยของหลินหว่านเห็นแล้วก็รีบวิ่งไปหายานวดแก้ช้ำบวม ส่วนผู้ช่วยผู้กำกับเห็นแล้วก็อุทานอย่างตกใจว่า “ผู้กำกับซวี่ จะทำอย่างไรดีล่ะทีนี้”
เนื่องจากฉากต่อไปของหลินหว่านต้องถ่ายฉากโหนตัวบนสลิงด้วย
หลินหว่านหันมาทางซวี่กวง อยากรู้ว่าเขาจะให้เธอถ่ายต่อด้วยเหตุผลว่าบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยหรือเปล่า
ซวี่กวงมองรอยช้ำที่หัวเข่าหลินหว่านแค่แวบเดียว ไม่มองเธอด้วยซ้ำ จากนั้นทิ้งคำพูดเสียงเย็นไว้ว่า “พรุ่งนี้ค่อยถ่ายต่อ” แล้วเดินจากไป
หลินหว่านค่อยวางใจลงได้จริงๆ ดูท่าว่าซวี่กวงคงไม่ ‘เอาคืนเป็นการส่วนตัว’ กับเธอที่กองถ่ายนี้แน่
วันต่อมา เซียวจิ่งสือก็มาเยี่ยมกองถ่าย พร้อมกันนั้นเขายังนำข่าวที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับหลินหว่านมาด้วย
“คุณจะบอกว่า เฉิงเฉิงตอนนี้โดน ‘แช่แข็ง’ งั้นเหรอคะ แล้วยังเป็นคำสั่งจากพ่อเขาเองอีก?” หลินหว่านฟังคำพูดของเซียวจิ่งสือแล้วประหลาดใจสุดขีด “คุณคงไม่หลอกฉันใช่ไหมคะ”
เซียวจิ่งสือได้ยินแล้วไม่พอใจมาก “หว่านหว่าน คุณไม่เชื่อผมก็แล้วกันไปเถอะ”
คราวก่อน หลินหว่านเอ่ยถึงเฉิงเฉิงขึ้นมา เซียวจิ่งสือจึงไปสืบเรื่องของเฉิงเฉิงอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก ดังนั้นพอได้เรื่องเขาจึงรีบมาบอกหลินหว่าน ถึงแม้เรื่องที่ติดตามมาได้ก็เหนือความคาดหมายเขาอยู่ไม่น้อย
“เชื่อสิคะ ฉันเชื่อก็ได้ค่ะ” ถึงแม้ว่าหลินหว่านจะมึนงงกับข่าวที่ได้ทราบ แต่เธอก็ยังเลือกที่จะเชื่อเซียวจิ่งสือ