รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 96
“หลินหว่าน อีกเดี๋ยวคุณไปทดสอบเสียงที่ห้องอัดก่อนเลยนะ พวกเขาเอาจริงเอาจังเรื่องนี้มากเลย ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับตัวคุณเองแล้วล่ะ พอคุณร้องเสร็จโปรดิวเซอร์จะเป็นคนตัดสินว่าเธอได้รับเลือกหรือเปล่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่ตัวคุณเอง ผมพูดได้เท่านี้ ต่อไปก็ต้องดูความสามารถของคุณแล้ว” ซวี่กวงพูดกับเธอด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
หลินหว่านได้ฟังคำของซวี่กวงแล้วกลับสงบใจขึ้นมาก ไม่ว้าวุ่นเป็นกังวลเหมือนก่อนหน้านี้ แต่เธอยังคิดตลอดว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเองการแสดงออกดียิ่งขึ้น เธอคอยจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเองบ่อยๆ แม้ว่าตัวเองจะสะอาดสะอ้านเรียบร้อยและดูดีมากแล้ว หลินหว่านอยากให้ตัวเธอในสายตาคนอื่นดูสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ นั่นคือเป้าหมายของเธอ
คนที่เข้ามาทดสอบเสียงเช่นเดียวกับหลินหว่านยังมีศิลปินหญิงอีกสองคน บางทีอาจเป็นเพราะพวกเธอมีความรู้และประสบการณ์ทางดนตรีมากกว่าหลินหว่านมาก ทั้งสองจึงไม่ได้มีทีท่าว่าจะเข้ามาทักทายกับหลินหว่านแต่อย่างใด
หลินหว่านก็ได้แต่มองดูหญิงสาวทั้งสองที่มาทดสอบเสียงพร้อมกับเธอ เปรียบกับหลินหว่านแล้วพวกเธอทั้งสองยิ่งดูมั่นใจไม่หวั่นไหวจนเป็นเสน่ห์ของพวกเธอ อย่างไรก็ตามมีคนจำพวกหนึ่งที่ดูหยิ่งยโสถือดี ทำให้รู้สึกไม่อยากเข้าใกล้ แต่หลินหว่านก็ยังชื่นชมในความกล้าของเขา หลินหว่านคิดว่าคงต้องสู้กันที่ความสามารถกันจริงๆ แล้ว หลินหว่านค่อยๆ สงบใจลงได้ รอคอยการมาถึงของโปรดิวเซอร์
“หลินหว่าน ดื่มน้ำสักหน่อยเถอะ เมื่อครู่เธอมัวแต่ฝึกออกเสียง ตอนนี้น่าจะพักสักหน่อยนะ อีกเดี๋ยวตอนทดสอบเสียงจะได้ร้องรวดเดียวเลย ฉันเชื่อว่าเธอทำได้อยู่แล้ว เสียงเธอเพราะออก แล้วยังขยันฝึกซ้อมอีก โอ้โห เธอก็อย่าตื่นเต้นเกินไปล่ะ ต้องผ่อนคลายเข้าไว้ แม้จะพลาดโอกาสครั้งนี้ก็ถือซะว่าเป็นบทเรียน เป็นการเรียนรู้ อย่าคิดแต่ว่าต้องสำเร็จเท่านั้น อย่างนั้นจะยิ่งทำให้เธอกดดันตัวเองมากเกินไป” อวิ๋นซีมองหลินหว่านอย่างเห็นใจ เนื่องจากเมื่อคืนหลินหว่านนอนดึกเกินไป แถมยังตื่นเต้นตึงเครียดอีก สีหน้าเธอจึงดูไม่ดีเท่าไหร่นัก
หลินหว่านเองก็คิดเสมอว่าอยากให้ตัวเองมองเรื่องพวกนี้ด้วยใจที่เป็นปกติ เธอรู้สึกเหมือนกันว่าบางครั้งเธอกดดันตัวเองมากเกินไปหน่อย จนถึงกับทำให้ทั้งกายและใจเหนื่อยล้าเป็นบางครั้ง แต่ว่าโอกาสอยู่ตรงหน้า เธอจะทุ่มเทพลังทั้งหมดอย่างไม่สนอะไรอื่นอีกเสมอเพื่อให้ตัวเองประสบความสำเร็จ ซึ่งทั้งหมดนี้เธอต้องแลกมาด้วยสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ต้องรับมันให้ได้
“ทราบแล้วค่ะ เดี๋ยวก็ถึงคราวฉันเข้าไปทดสอบเสียงแล้ว ฉันไม่ตื่นเต้นแล้วค่ะ นิ่งสงบดีมากเลย ตอนนี้ฉันจะร้องเพลงด้วยจิตใจที่เป็นปกติ ฉันได้พยายามแล้ว โชคชะตาจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ฟ้ากำหนดเถอะ” หลินหว่านถอนหายใจเฮือก พูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่
หลินหว่านกับอวิ๋นซีต่างนิ่งเงียบไม่พูดกันอีก หลินหว่านพร่ำบอกตัวเองในใจตลอดว่าอย่าคอยนึกแต่ว่าจะต้องได้โอกาสนี้มา ซึ่งนี่เป็นการปลอบใจตัวเองล่วงหน้าเพราะหลินหว่านเกรงว่าอีกเดี๋ยวจะแพ้ในการแข่งขัน แต่เมื่อหลินหว่านได้พูดคำพูดนั้นออกมานั่นแสดงว่าในใจของเธอยังคงใส่ใจอย่างมากกับโอกาสที่ได้มาไม่ง่ายครั้งนี้อยู่ดี
“หลินหว่าน เข้าไปเถอะ ถึงคราวเธอแล้ว” ครูเพลงเรียกหลินหว่าน
หลินหว่านวางกระเป๋าในมือให้กับอวิ๋นซีแล้วเข้าห้องบันทึกเสียงไป ภายในห้องสะอาดมาก แม้แต่เนื้อเพลงที่หลินหว่านต้องใช้ ท่อนไหนที่ต้องร้องล้วนมีการระบุเอาไว้อย่างเป็นระเบียบชัดเจน หลินหว่านนั่งลงบนเก้าอี้ที่ค่อนข้างสูงเงยหน้ามองตรงไป แล้วพบว่าครูเพลงกับโปรดิวเซอร์คอยฟังเสียงเธออยู่ด้านนอกผนังกระจก
หลินหว่านรู้สึกปลื้มปริ่มมาก ทั้งห้องบันทึกเสียงใช้ในการทดสอบเสียงของพวกเธอ ด้านในมีแค่เธอเพียงลำพังคนเดียว ทำให้สามารถแสดงศักยภาพได้ดียิ่งขึ้น หลินหว่านชอบการร้องเพลงอย่างมากอยู่แล้ว ตั้งแต่ได้ร้องเพลงเอกของภาพยนตร์แล้ว เธอก็สนใจอยากจะเข้าสู่วงการเพลง
หลินหว่านค่อยๆ เผยอปากกว้างขึ้น ร้องเพลงอย่างเข้าถึงอารมณ์ ดวงตาหรี่ปรือลง เผยรอยยิ้มน้อยๆ สายตาของผู้คนด้านนอกกระจกมองเธอราวกับเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ แสงไฟสลัวในวันนี้ทำให้เธอมีเสน่ห์ตราตรึงใจ ท่าทีที่เคลิบเคลิ้มไปกับเสียงเพลงยิ่งเสริมให้ดูน่าทะนุถนอมยิ่งขึ้น
หลินหว่านร้องเสร็จก็เดินออกมาจากห้องด้านใน เธอยังมั่นใจในตัวเองอย่างเปี่ยมล้น เนื่องจากหลินหว่านที่ดูธรรมดาไม่มีอะไรโดดเด่นได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้ และโอกาสในการร่วมงานกับอันลั่วเฉิงตกเป็นของหลินหว่าน
หลินหว่านทำอะไรก็มักจะมีใจมุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จเสมอ แต่ตอนที่โปรดิวเซอร์แจ้งผลกับเธอนั้น หลินหว่านยังตื่นเต้นดีใจมากอยู่ดี เธอไม่ค่อยอยากจะเชื่อนักว่าโอกาสนี้ได้กลายเป็นของตัวเองแล้ว
“อวิ๋นซี ฉันทำได้แล้ว ฉันจะได้ร่วมงานกับอันลั่วเฉิงแล้ว ฉันว่าแล้วความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จก็ต้องอยู่ที่นั่นสินะ! นี่เป็นเพราะสวรรค์ช่างเมตตาต่อฉัน และเพราะความพยายามของฉันทำให้ได้มา แต่คิดไม่ถึงจริงๆ เลยว่า โปรดิวเซอร์คนนั้นจะยอมตกลงเลือกฉันทันทีแบบนี้ จนถึงตอนนี้ฉันยังรู้สึกเหลือเชื่ออยู่เลย โอกาสที่ได้มาด้วยการแข่งขันนี้ตอนนี้มันเป็นของฉันแล้วล่ะ”
อวิ๋นซีก็คิดไม่ถึงว่าผลการตัดสินจะออกมารวดเร็วขนาดนี้ เธอดีใจกับหลินหว่านมาก ตอนนี้อวิ๋นซีรู้สึกทึ่งในตัวหลินหว่านจากใจจริง เธอเป็นผู้หญิงที่ดูเหมือนต้องการได้รับการปกป้องคุ้มครองอย่างมาก แต่กลับมีพลังในตัวเองที่เข้มแข็งอย่างยิ่ง
“ฉันว่าแล้วเธอต้องทำได้ ฉันดูคนไม่ผิดจริงๆ เธอต้องไม่ทำให้คนที่รักเธอต้องผิดหวังแน่ ครั้งนี้โอกาสอันดีนี้จึงเป็นของเธอ”
หลังจากนั้นหลินหว่านต้องเจอกับเรื่องราวที่ตามติดมาอีกเพียบ ซึ่งมีสาเหตุเกี่ยวเนื่องมาจากเรื่องราวครั้งนี้เอง
หลินหว่านพอได้รับคัดเลือกแล้วก็ฝึกเสียงตลอดทั้งวัน เธอระวังเรื่องอาหารการกินอย่างมาก จนผู้จัดการอย่างอวิ๋นซียังต้องบอกว่าเธอน่าจะเพิ่มน้ำหนักได้แล้ว
หลินหว่านกลับเข้ากองถ่ายอีกครั้ง ชีวิตกลับคืนสู่ความสงบ หมกมุ่นอยู่กับงานตลอดเหมือนก่อนหน้านี้ แต่หลินหว่านคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องหนึ่งขึ้นในเวลาต่อมา
อวิ๋นซีเดินขมวดคิ้วมุ่นเข้ามาหาหลินหว่านแล้วพูดอย่างลับๆ ว่า “บนอินเทอร์เน็ตมีคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์เธอล่ะ มีบางส่วนก็สนับสนุนบางส่วนก็ต่อต้าน แต่ตอนนี้เรื่องกำลังอยู่ในความสนใจ พวกเราต้องระวังตัวให้มาก บางพวกก็ออกอาการแรงอยู่”
หลายวันนี้หลินหว่านอยู่ระหว่างถ่ายหนัง ยุ่งเสียจนไม่มีเวลาสนใจข่าวคราวในวงการบันเทิง และช่วงนี้เธอยังอยู่แต่ในกองถ่ายตลอด พอได้ฟังคำพูดของอวิ๋นซีก็ตกใจมาก เธอไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
“อวิ๋นซี เธออย่าหลอกให้ฉันตกใจนะ ระยะนี้ฉันอยู่ในกองถ่ายตลอดเลยไม่มีเรื่องอะไรให้เป็นข่าวได้หรอก ยังจะมีเรื่องอะไรมาป้ายสีฉันอีกล่ะนี่” หลินหว่านพูดด้วยท่าทีตกใจ
หลินหว่านหวนนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหลายวันมานี้ นอกจากมีวันหนึ่งออกจากกองถ่ายไปเทสต์เสียงแล้ว นอกนั้นเธอก็อยู่ถ่ายหนังที่นี่ ถ้าจะบอกว่ามีเรื่องสำคัญที่เกิดขึ้นกับเธอเมื่อไม่กี่วันมานี้ ก็มีแค่เรื่องเกี่ยวกับความร่วมมือกับอันลั่วเฉิงเท่านั้นเอง หลินหว่านถึงบางอ้อ
หลินหว่านแย่งมือถือจากมืออวิ๋นซี อ่านข้อความบนเน็ตเกี่ยวกับเธอ เป็นดังที่ว่ามีทั้งคนหนุนและก็มีบางคนเหยียบย่ำทำลายเช่นเคย หลินหว่านอ่านดูด้วยความมึนงง มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? เธอไม่ได้ทำอะไรเลย แต่กลับถูกชาวเน็ตถล่มยับอีกแล้ว