วาสนาบันดาลรัก - ตอนที่ 385 เป็นกับตาย
สาวใช้ที่คอยรับใช้เยียนเหนียงอึ้งงันไปทันที แล้วรีบเข้ามาห้าม สาวใช้ที่หัวไวสักหน่อยผู้หนึ่งรีบวิ่งออกไปด้านนอก
ทว่านางเถียนกลับเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว นางจึงร้องขึ้นว่า “ขวางนางไว้!”
สาวใช้ที่นางนำมาล้วนร่างใหญ่แรงเยอะ แค่ใช้แขนเพียงแขนเดียวก็สามารถขวางสาวใช้น้อยผู้นั้นได้แล้ว
สาวใช้น้อยเห็นเยียนเหนียงถูกกดลงในน้ำเช่นนั้นก็ตกใจจนร้องไห้ออกมา “อี๋เหนียง…”
หลังจากเยียนเหนียงคลอดคุณชายแปด นายท่านรองรบเร้าไม่หยุด ในที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าก็ยอมเอ่ยปากยกนางขึ้นเป็นอี๋เหนียงเพราะเห็นแก่คุณชายแปด
ชั่วขณะที่เยียนเหนียงถูกกดลงไปในน้ำ เดิมนางก็ดิ้นรนขัดขืนแต่เมื่อได้ยินเสียงร้องของสาวใช้นางกลับหยุดแน่นิ่งไปทันที
ความจริงนางไม่กลัวตายมาตั้งนานแล้ว
ยามนี้นางได้ล้างแค้นให้ตระกูลแล้ว เรื่องที่เขารับปากนางไว้นับว่าทำสำเร็จแล้ว เช่นนั้นอดีตอันขมขื่นกับฐานะในยามนี้มีอันใดให้นางต้องเสียดายเล่า
ยังมีบุตรชายของนางอีก หากวันใดความจริงเปิดเผย เขาควรอยู่ในตำแหน่งใดเล่า หากนางตายตอนนี้ เช่นนั้นเรื่องสกปรกโสมมเหล่านี้คงตกตายไปตามนางและถูกจมลึกอยู่ใต้อ่างน้ำเล็กๆ ใบนี้ตลอดไปใช่หรือไม่
หากเป็นเช่นนั้น บุตรชายของนางก็จะได้เติบใหญ่ตามปกติอย่างเด็กน้อยทั่วไปแล้วกระมัง
เยียนเหนียงหยุดขัดขืน ลำคอเรียวระหงประดุจหงส์ฟ้าแสนงามสง่ากำลังก้มผลุบๆ โผล่ๆ ในน้ำใสที่ไม่ลึกมากนักแต่กลับมีกลิ่นคาวปลานั้น ผมยาวดำขลับลอยกระจายประดุจสาหร่าย กวนวนจนผืนน้ำกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น คล้ายว่านางเป็นทัศนียภาพหนึ่งในอ่างน้ำที่ใสและตื้นนี้
สาวใช้ร่างใหญ่ที่กดบ่าของเยียนเหนียงไว้ต่างหันไปมองหน้ากันด้วยความแปลกใจกับท่าทีโอนอ่อนผ่อนตามของนาง เบื้องลึกในดวงตามีความตกใจหวาดหวั่นที่ทำอย่างไรก็ไม่มลายหายไปเสียที
หากเยียนเหนียงยอมตายด้วยดีทั้งที่ได้รับความไม่เป็นธรรมเช่นนี้ คงมิกลายเป็นผีร้ายมาทวงคืนชีวิตกับพวกนางกระมัง
เมื่อคิดได้เช่นนี้มือไม้ก็พลันอ่อนลงไปโดยไม่รู้ตัว
ฟองอากาศลอยขึ้นมาติดต่อกัน เยียนเหนียงรู้สึกว่าหนังตาตนยิ่งหนักอึ้งลงทุกที
“หยุดเดี๋ยวนี้!” เมื่อนายท่านรองสกุลหลัวที่ไม่ทราบมาถึงตั้งแต่เมื่อใดเห็นเหตุการณ์นี้เข้าก็โกรธเสียจนใบหน้าบิดเบี้ยวไปหมด รีบวิ่งเข้าไปทันที
“ท่านพี่…” นางเถียนทำอันใดไม่ถูกไปทันที นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดนายท่านรองจึงกลับมาในเวลานี้ได้
ที่นางตัดสินใจลงมือทำเช่นนี้เพราะคิดว่าการชิงลงมือก่อนย่อมได้เปรียบ ส่วนเรื่องการสอบถามความจริงนั้นมิจำเป็นแม้แต่น้อย เพราะไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นใด ผู้ที่เสียหายล้วนเป็นบุตรชายของนางทั้งสิ้น มีเพียงต้องกำจัดสตรีมหาภัยผู้นี้ให้รวดเร็วที่สุดจึงจะเรียกว่าเป็นการกระทำที่ฉลาดหลักแหลม
“หลบไป!” เมื่อเห็นนางเถียนเข้ามาขวางไว้ นายท่านรองก็ยกเท้าขึ้นถีบที่ยอดอกของนางทันที
นางเถียนร้องอั่กคราหนึ่งแล้วร่วงลงไปกองกับพื้น
“ฮูหยิน…”
ความวุ่นวายเกิดขึ้นในเรือนทันที แต่นายท่านรองกลับมิได้หันไปมองนางเถียนแม้เพียงหางตา เขารีบปรี่ไปที่อ่างน้ำ กระชากสาวใช้สองคนออกแล้วดึงเยียนเหนียงขึ้นมา
“เยียนเหนียง!” นายท่านรองอุ้มเยียนเหนียงวิ่งเข้าไปในห้องพลางร้องตะโกนว่า “รีบไปเชิญท่านหมอมาเร็วเข้า!”
เสียงร้องของทารก เสียงฝีเท้าอันลนลานของบ่าวไพร่และเสียงร้องโหวกเหวกของนายท่านรองทำให้เรือนเล็กๆ อันเงียบสงบนี้คึกคักขึ้นมาเป็นพิเศษ
“หา ฮูหยินรองหมดสติยังไม่ฟื้น?” ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจยกใหญ่
ขอบตาสาวใช้ผู้นั้นแดงก่ำ “ท่านหมอตรวจแล้วบอกว่าอาการไม่ใคร่สู้ดีนัก ต้าไหน่ไหน่จึงให้บ่าวมาเรียนท่านเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าพลันสะดุกกึกในใจขึ้นมา
ตั้งแต่นางล้มป่วยครานั้นก็ไม่มีผู้ใดเอาเรื่องต่างๆ ในจวนมารายงานให้นางต้องคิดมากอีก หากแม้แต่หลานสะใภ้ใหญ่ยังไม่ทราบจะตัดสินใจเช่นไร ถึงขั้นให้สาวใช้มาเชิญนางไปดูอาการก็หมายความว่านางเถียนอาการหนักจริงๆ
“ประคองข้าไปเร็ว” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยกำชับหงฝู
คนกลุ่มหนึ่งจึงเดินไปที่เรือนซินหยวน เห็นว่าคนแต่ละเรือนต่างก็มารวมกันที่นี่หมดแล้ว
เจินเมี่ยวเดินเข้าไปหาทันที “ท่านย่า ท่านมาแล้ว”
“พูดมา ที่แท้เรื่องราวเป็นเช่นไรกันแน่” ฮูหยินผู้เฒ่ายื่นมือออกมาข้างหนึ่งให้เจินเมี่ยวประคองตามใจ
เจินเมี่ยวมิได้คิดจะปิดบังเรื่องราวเพื่อช่วยบุรุษชั่วช้าเช่นนายท่านรองอยู่แล้ว นางประคองฮูหยินผู้เฒ่าเดินเข้าไปข้างในพลางเอ่ยด้วยเสียงต่ำแผ่วว่า “หลานสะใภ้สอบถามมาแล้วได้ความว่าท่านอารองถีบเจ้าค่ะ ทั้งยังถีบเข้าที่ยอดอกจนถึงกับกระอักเลือดออกมาตอนนั้นเลยเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าฟังแล้วโมโหอย่างยิ่ง จึงยกไม้เท้าหัวมังกรกระแทกลงไปบนพื้นโดยแรง แล้วเอ่ยอย่างแค้นเคืองว่า “เจ้าคนจัญไร!”
“ท่านหมอ สะใภ้ข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ท่านหมอมีสีหน้าเคร่งเครียด แล้วเอ่ยเสียงขรึมว่า “เดิมฮูหยินรองก็ร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว ยามนี้หัวใจ ร่างกายต่างได้รับการกระทบกระเทือนไม่น้อย ดั่งตะเกียงที่น้ำมันใกล้หมดมีแต่จะมอด!”
ครั้นวาจานี้เอ่ยออกมา คนทั้งหลายในห้องต่างสูดปากขึ้นไปตามๆ กัน เถียนเสวี่ยถึงกับร้องไห้ออกมา “ท่านอา…”
ฮูหยินผู้เฒ่าผ่านมรสุมทุกอย่างมาหมดแล้วจึงนับว่าสุขุมที่สุด “รบกวนท่านหมอจัดเทียบยาให้ด้วยเถิด”
กระทั่งหมอหลวงออกไปแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าจึงกวาดตามองคนทั้งหลายแล้วถามว่า “นายท่านรองกับคุณชายรองเล่า”
ในที่สุดก็มีสาวใช้ผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบอันน่าอึดอัดนี้ “เรียนฮูหยินผู้เฒ่า วันนี้คุณชายรองดื่มยาที่ท่านหมอจัดให้จึงยังคงนอนหลับอยู่ ส่วนนายท่านรอง…”
เมื่อเห็นใบหน้าที่เงียบสงบดุจน้ำของฮูหยินผู้เฒ่าแสดงท่าทีหงุดหงิดออกมา สาวใช้ผู้นั้นจึงกัดฟันเอ่ยว่า “ยามนี้นายท่านรองอยู่ที่เรือนฝั่งตะวันตกกับอี๋เหนียงเจ้าค่ะ!”
ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนมือสั่น จึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่”
บ่าวไพร่ในห้องต่างคุกเข่าก้มหน้าลงพื้น ไม่มีผู้ใดกล้าพูดสักคำ โดยเฉพาะสาวใช้ร่างใหญ่ที่ลงมือทำร้ายคนเหล่านั้นล้วนตัวสั่นงันงกดุจตำข้าวก็มิปาน
เจินเมี่ยวเห็นเช่นนั้นก็เข้าไปกระซิบข้างหูฮูหยินผู้เฒ่าว่า “ท่านย่า หลานสอบถามแล้วได้ความว่าอาสะใภ้รองพาคนไปที่เรือนฝั่งตะวันตกแล้วกดศีรษะอี๋เหนียงลงอ่างน้ำ บังเอิญว่าท่านอารองกลับมาพอดีจึงได้ถีบอาสะใภ้รองจนสลบไปเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากุมหน้าอกตนแล้วสูดหายใจเข้าออกโดยแรง
นางในยามนี้ไม่รู้ว่าควรจะด่าผู้ใดก่อนดี แต่เมื่อหันไปมองนางเถียนที่นอนหน้าซีดราวกระดาษอยู่บนเตียงแล้วจึงเอ่ยว่า “ไปเรียกนายท่านรองมาหาข้าเดี๋ยวนี้!”
นางชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อว่า “เรียกคุณชายรองมาด้วย แค่สอบไม่ผ่าน ความผิดพลาดเล็กน้อยแค่นี้กลับไปจมจ่อมกับมัน มิใช่วิสัยของคุณชายจวนกั๋วกงแม้แต่น้อย!”
มิทันรอให้ฮูหยินผู้เฒ่าพูดต่อ เจินเมี่ยวก็เอ่ยขึ้นว่า “ท่านย่า ท่านพี่นั้นข้าได้ให้คนไปเรียกเขาเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
ต้าโจวให้ความสำคัญกับความกตัญญูเป็นหลัก นางเถียนเป็นอาสะใภ้นับเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่ง ไม่ว่าอย่างไร เจินเมี่ยวย่อมมิอาจให้คนมานินทาลับหลังกับเรื่องนี้ได้
สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าจึงมีสีหน้าดีขึ้นมาเล็กน้อย
ไม่นานนายท่านรองสกุลหลัวก็มาถึง ยังมิทันได้เอ่ยปากอันใด ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยกไม้เท้าฟาดใส่เขาทันที
นายท่านรองงุนงงไปทันที เมื่อรู้สึกเจ็บจึงหลบไปอีกด้านตามสัญชาตญาณ “ท่านแม่ ท่านทำอันใด”
ฮูหยินผู้เฒ่ากลับมีโทสะมากขึ้นกว่าเดิม นางพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้วฟาดไม้เท้ารัวเร็วดุจห่าฝน “เจ้าหลบหรือ ถ้าเก่งจริงเจ้าก็ถีบยายเฒ่าอย่างข้าเสียเลยสิ!”
นายท่านรองเจ็บแต่กลับมิกล้าหลบ ได้แต่ยกมือขึ้นกุมศีรษะตนไว้อย่างน่าเวทนาพลางร้องว่า “ท่านแม่ มีวาจาใดก็พูดดีๆ เถิด ลูกหลานในห้องนี้ต่างมองอยู่กันเต็มไปหมด”
ลูกหลานที่อยู่ในห้องนั้นต่างมองดูฮูหยินผู้เฒ่าที่แกว่งไม้เท้านั้นด้วยสายตาสับสน ในใจก็กล่าวว่าท่านลงมือทุบตีคนได้คล่องแคล่วปานนี้ แต่กลับซ่อนมันไว้อย่างมิดชิดถึงเพียงนั้นจะมิให้คนได้ระแวดระวังตัวเลยหรือไร!
ส่วนเรื่องที่ฮูหยินผู้เฒ่าทุบตีบุตรชายจนใจแทบแตกปอดแทบแตก คนทั้งหลายกลับเพียงมองดูเงียบๆ ไม่มีผู้ใดคิดได้ว่าต้องไปห้ามสักนิด
ในที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าก็ตีจนเหนื่อย ไม้เท้าในมือจึงหลุดร่วงลงพื้น นางยื่นมืออกมา “หลานสะใภ้ใหญ่ เจ้ามาประคองย่าหน่อย ยามนี้อายุมากแล้ว มิได้ขยับกายครู่เดียวก็ก้าวเท้าไม่ออกแล้ว”
เจินเมี่ยวหลุบม่านตาลง แล้วเดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย แต่ในใจกลับกล่าวว่าผู้เฒ่าที่เดินเร็วดุจบินได้เมื่อครู่คือผู้ใดกัน
นายท่านรองสกุลหลัวถูกคนประคองเข้ามาด้วยความเงียบงัน ท่าทีคล้ายวิญญาณหลุดลอยไปแล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าขมวดคิ้วขึ้น แล้วเอ่ยตำหนินายท่านรองต่อหน้าเจินเมี่ยวและคนทั้งหลายอย่างไม่สนสิ่งใด “เดิมข้าคิดว่าคนในบ้านรักใคร่ปรองดอง เรื่องนับหมื่นย่อมเบิกบาน เจ้ามีเยียนอี๋เหนียงแล้วจะได้เลิกฟุ้งซ่าน คอยออกไปนอกบ้านก่อเรื่องก็ดีเช่นกัน แต่ไม่คิดว่าเจ้าจะถึงขั้นรักใคร่อนุจนทำร้ายภรรยา ช่างเลอะเลือนเสียจริงๆ!”
นายท่านรองเงยหน้าขึ้นทันใดแล้วเอ่ยอย่างไม่ยินยอมว่า “ท่านแม่ มิใช่ลูกรักใคร่อนุทำร้ายภรรยา แต่สตรีผู้นั้นจิตใจโหดเ**้ยมยิ่ง กลางวันแสกๆ ยังคิดจะฆ่าเยียนเหนียง หากมิใช่เพราะลูกกลับมาทัน ยามนี้เยียนเหนียงคงกลายเป็นศพไปแล้ว!”
“แต่เจ้าก็ไม่ควรลงมือโหดเ**้ยมเช่นนี้ต่อภรรยา!” ฮูหยินผู้เฒ่ากำลังพูดอยู่ แต่เมื่อเห็นหมอหลวงเดินเข้ามาจึงหยุดพูดไปทันใด
หมอหลวงยกมือขึ้นคารวะแล้วเอ่ยว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า ข้าได้เขียนเทียบยาให้แล้ว ฮูหยินรองป่วยเรื้อรังจากภายใน มิใช่โรคที่เพิ่งเกิดขึ้น เกรงว่าจะทนได้ไม่นานเท่าใดนัก”
“หา ท่านว่าอันใดกัน” คุณชายรองเอ่ยปากขึ้นทันที
นายท่านรองเองก็อึ้งงันไปเช่นกัน
เขาแค่ถีบนางเถียนไปเพียงครั้งเดียวเพราะโทสะ แล้ววาจาเช่นนี้ของหมอหลวงหมายความว่าเช่นใดกัน
เกิด แก่ เจ็บ ตาย ท่านหมอล้วนเห็นมามากแล้ว จึงเพียงหลุบม่านตาลงเอ่ยว่า “หากเร็วก็สิบวันหรือครึ่งเดือน หากนานหน่อยก็สามถึงห้าเดือน อย่างไรจวนท่านก็ควรเตรียมการไว้ล่วงหน้าจะเป็นการดีที่สุด ข้าน้อยขอลาแล้ว”
ท่านหมอจากไปสักพักแล้ว แต่คุณชายรองยังคงมองฮูหยินผู้เฒ่าด้วยความตะลึงลาน “ท่านย่า ที่ท่านหมอพูดหมายความเช่นใดหรือ”
ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกผิดหวังอย่างยิ่ง
นางเสียบุตรชายไปในวัยกลางคน ยามชราสามีก็เสียสติ ความเจ็บปวดใดๆ นางล้วนผ่านมาหมดแล้ว กระทั่งอายุปูนนี้แล้ว ยังต้องหญิงชราอายุใกล้ถูกฝั่งกลบดินต้องคอยปลอบใจคนหนุ่มสาวที่กำลังเติบใหญ่เช่นนั้นหรือ
นอกจากต้าหลังแล้ว เขาเป็นหลานชายที่นางภูมิใจมาตลอด แต่ที่แท้กลับมิอาจทนรับความผิดหวังใดๆ ได้เลยด้วยซ้ำ
ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจออกมา “พวกเจ้าทั้งสองคอยดูแลมารดาให้ดีแล้วกัน”
นางหันไปถลึงตาใส่นายท่านรองคราหนึ่ง แล้วหันไปสั่งสาวใช้ที่คอยรับใช้นางเถียนว่า “พวกเจ้าตามข้าไปที่เรือนฝั่งตะวันตก”
เจินเมี่ยวประคองฮูหยินผู้เฒ่าไว้ตลอด เมื่อเห็นว่านางมิได้เอ่ยสิ่งใดจึงเดินตามไปเงียบๆ
ฮูหยินผู้เฒ่านั่งอยู่บนเก้าอี้หลัวฮั่นข้างหน้าต่างพลางใช้สายตาอันดุดันจ้องมองบ่าวไพร่ที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นไปทีละคน “เหตุใดจู่ๆ ฮูหยินรองจึงไปหาเรื่องเยียนอี๋เหนียงถึงเรือนฝั่งตะวันตกได้”
นางเชื่อว่านางเถียนจะต้องเจอเรื่องอันใดที่ร้ายแรงบางอย่างเป็นแน่ เพราะตอนที่เยียนเหนียงเข้าจวนมาในแรกๆ นางทนได้ เยียนเหนียงตั้งครรภ์อยู่เป็นเวลานาน นางก็ทนได้ แต่เมื่อถึงเวลานี้กลับพุ่งเข้าไปทำร้ายคนโต้งๆ หากมิใช่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น คนที่มีความคิดที่ใดจะทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้เล่า
นางเถียนดูแลจวนมาสิบกว่าปีไม่มีความผิดพลาดร้ายแรงใดๆ เกิดขึ้น เห็นชัดว่ามิใช่คนไร้ความคิด
แม้ปกติฮูหยินผู้เฒ่าจะมิได้ดูแลจัดการจวน แต่บ่าวไพร่ทั้งหลายกลับให้ความเคารพนบน้อมจากใจ สาวใช้ร่างใหญ่ทั้งหลายจึงโขกศีรษะลงพื้นแล้วเอ่ยว่า “พวกบ่าวไม่ทราบอันใดเลยเจ้าค่ะ ฮูหยินเรียกพวกเราไป พวกเราก็แค่ตามไปเจ้าค่ะ”
ลี่ว์เจวียนสาวใช้คนสนิทของนางเถียนที่อยู่ในกลุ่มบ่าวไพร่กลับค่อยๆ หน้าซีดลง
เรื่องการถกเถียงวิวาทกันในเรือนฮั่นต้านที่เกิดขึ้นวันนี้ นางก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่นางไหนเลยจะกล้าพูด!
ฮูหยินผู้เฒ่าสายตาคมกริบยิ่งจึงมองเห็นลี่ว์เจวียนผู้หน้าขาวซีดได้อย่างรวดเร็ว นางจึงโบกมือไล่ให้ทุกคนออกไปแล้วเอ่ยถามว่า “เจ้าเป็นคนสนิทของฮูหยินรอง คงรู้แน่ว่าเหตุใดฮูหยินรองถึงได้ไปหาเรื่องเยียนอี๋เหนียงใช่หรือไม่”