วาสนาบันดาลรัก - ตอนที่ 467 ตัดชื่อออก
“ไปนำตัวคุณชายรอง เยียนเหนียง และลี่ว์เจวียนมาหาข้า!”
ไม่นานนัก คนทั้งสามก็เข้ามาด้วยท่าทีที่แตกต่างกัน
คุณชายรองหลัวเดินตัวเกร็งเข้ามา สีหน้าที่บ้าคลั่งเมื่อครู่นี้ของเขาถูกควบคุมเอาไว้ได้แล้ว ส่วนเยียนอี๋เหนียงนั้นเดินเบาๆ ด้วยท่าทางเหม่อลอย ราวกับร่างไร้วิญญาณที่เดินได้ ส่วนลี่ว์เจวียนเป็นคนเดียวที่มีปฏิกิริยาปกติที่สุดหลังผ่านเหตุการณ์น่าตกใจมา นางที่เคยเป็นสาวใช้คนสนิทของนางเถียน ตอนนี้กลับเดินตัวหดเข้ามาด้านใน
“คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!” ทำร้ายบิดาแท้ๆ ของตน ขืนใจอนุของบิดา ก่อเรื่องราวผิดสามกฎและมรรคห้าที่น่าโมโหเช่นนี้ ทำเอาฮูหยินผู้เฒ่าที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน และมีกำลังภายในค่อนข้างดี ควบคุมตัวเองไม่อยู่อีกต่อไปจนต้องเขวี้ยงถ้วยน้ำชาที่อยู่ใกล้มือออกไปเพื่อระบายความอัดอั้นใจ
ถ้วยน้ำชานั้นแตกละเอียดอยู่ข้างๆ เท้าของคุณชายรองหลัว เศษแก้วกระจายไปทั่ว แต่ฮูหยินผู้เฒ่าเพียงมองดูเงียบๆ ในหัวของนางเวิ้งว้าง หัวใจของนางแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ยิ่งกว่าถ้วยน้ำชาใบนั้นเสียอีก
ฮูหยินผู้เฒ่าคิดว่า นี่คือหลานที่นางเคยโปรดปรานมาก มีอยู่ช่วงหนึ่ง นางถึงขั้นเคยแอบคิดว่า วันข้างหน้าเจ้ารองอาจจะโดดเด่นกว่าเจ้าใหญ่ด้วยซ้ำไป
เหอะๆ นี่เหมือนนางโดนตบหน้าเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้ก็ถือว่าโดดเด่นเหมือนกันไม่ใช่หรือ สิ่งที่เจ้ารองทำ เกรงว่าคงหาคนทำได้ไม่กี่คนในแผ่นดินนี้
สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเขียวคล้ำ พลางจ้องไปที่คุณชายรองหลัวที่คุกเข่าอยู่บนพื้น “เจ้ารอง เจ้าทำจริงหรือ”
คุณชายรองหลัวเงยหน้าขึ้น ดวงตาโค้งมนของเขาน่าหวาดผวา เขาไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใด
ในใจของฮูหยินผู้เฒ่าเกิดความหนาวเหน็บ นางมองไปที่เยียนเหนียงแล้วอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึก
นี่มันตัวซวยชัดๆ!
นางสวมใส่ชุดสีเขียวเข้มธรรมดาในแบบที่คล้ายกับสาวใช้ใส่ แต่วัสดุตกแต่งมีสีสันฉูดฉาดกว่า นางไม่ได้แต่งหน้า ผมเผ้าของนางยุ่งเหยิง สีหน้าของนางราวกับอุโมงค์เวิ้งว้างไร้หนทาง แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ในมุมมองของหญิงชราอย่างฮูหยินผู้เฒ่าที่อยู่มาเกินครึ่งชีวิตแล้ว ยังต้องยอมรับว่า สตรีที่งดงามลึกล้ำแต่กลับมีความเย็นชาเป็นเกราะห้อมล้อมร่างกายของนางเอาไว้อย่างหนาแน่นเช่นนี้ ทำให้เกิดความขัดแย้งที่เป็นความงามน่ามองอย่างไม่อาจละสายตา
“เยียนอี๋เหนียง พูดออกมาให้หมด!”
เมื่อเยียนอี๋เหนียงได้ยินเช่นนั้น ขนตาของนางพลันสั่นเบาๆ นางเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่หลัวเทียนเฉิงอย่างลึกซึ้ง นางปกปิดได้อย่างดี หลังจากมองเขาแล้วก็รีบเคลื่อนสายตาไปที่เจินเมี่ยว สุดท้ายจึงหันไปมองใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่า ราวกับนางเพียงมองผ่านๆ เท่านั้น ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติอะไร และแม้แต่หลัวเทียนเฉิงเองก็ไม่ได้สนใจว่าการมองนั้นมีความหมายอะไร
เขาเข้าใจว่า เยียนเหนียงต้องการที่จะดูท่าทีของเขาเพื่อตัดสินใจว่าควรจะตอบคำถามของฮูหยินผู้เฒ่าอย่างไร
ในตอนนั้นหลัวเทียนเฉิงรู้สึกประหลาดใจ ในความคิดของเขา การทำลายอนาคตของคุณชายรองหลัว การทำให้พ่อลูกและพี่น้องต้องแตกคอ เยียนเหนียงถือว่าทำภารกิจของนางสำเร็จแล้ว ตอนนี้นางตั้งใจหันมามองเขาเพื่อฟังคำสั่งของเขา ความเคยชินของคนมันแก้ยากเช่นนี้เลยหรือ
เขาไม่ได้คิดมากอะไรหรืออาจกล่าวได้ว่า หลัวซื่อจื่อผู้ที่ไม่เข้าใจความคิดอ่านของสตรีมากนักมองสายตาสงสัยนี้เป็นเรื่องของความเคยชินของมนุษย์
ทว่าเจินเมี่ยวผู้ที่นั่งถัดจากฮูหยินผู้เฒ่ากลับสะท้านหัวใจขึ้นมา
นางไม่ได้เป็นคนมองอะไรง่ายๆ ไปเสียทุกอย่าง ในโลกที่ทำให้นางเคว้งคว้างเช่นนี้ การต่อสู้ในหลายปีที่ผ่านมาค่อยๆ ทำให้นางมีคุณสมบัติเป็นภรรยาที่เหมาะสมได้ แต่นางรู้ตัวดีว่าตัวเองคงทำได้เพียงเหมาะสมเท่านั้น
นางไม่อยากนำตัวเองเข้าไปสู่การต่อสู้ในจวนหลัง ประสบการณ์สามารถสั่งสมได้ แต่นิสัยสะสมไม่ได้ นางไม่มีทางคุ้นชินกับการชิงดีชิงเด่นในจวนหลัง ไม่มีทางแก่งแย่งชิงดีเพื่อประโยชน์น้อยใหญ่ทั้งปวง
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่านางโง่ หรืออาจกล่าวได้ว่า ในบางเรื่อง นางเป็นคนที่มองทุกอย่างอย่างหลักแหลมทะลุปรุโปร่งมากกว่าสตรีผู้ว่าง่ายพวกนั้นด้วยซ้ำ
สายตาของเยียนเหนียงเมื่อครู่นั้น คนที่หลักแหลมเช่นฮูหยินผู้เฒ่ากลับไม่ได้สังเกตเห็นคลื่นใต้น้ำที่ซ่อนอยู่ในนั้น แต่คล้ายเป็นภาพที่ทิ่มแทงหัวใจของเจินเมี่ยวอย่างไร้สุ้มเสียง
คล้ายโดนผึ้งต่อยลงไปที่หัวใจ แม้ว่าจะเป็นรอยแผลเล็กๆ ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากคมมีดคมดาบ แต่เพราะแผลนี้เกิดขึ้นในส่วนที่อ่อนแอที่สุดอย่างหัวใจจึงทำให้นางเจ็บปวดเป็นพิเศษ
เจินเมี่ยวก้มหน้าแล้วจ้องไปที่ปลายเท้าของตัวเอง
บนรองเท้าของนางปักลายกลีบดอกบัวที่เพิ่งโผล่พ้นน้ำ ใจกลางกลีบดอกมีไข่มุกชั้นดีติดเอาไว้ สีชมพูอ่อนๆ ของมันนั้นส่งประกายวาววับที่อาจมองเห็นแม้มีหมอกหนาๆ บังไว้
ไข่มุกเม็ดนี้เป็นไข่มุกที่ซื่อจื่อเป็นคนให้นาง มีอยู่หนึ่งกล่อง เขามักจะหาของเล่นที่สตรีชอบมาเพื่อปลอบนางได้ทุกที
นางกำลังคิดว่า สายตาของเยียนเหนียงที่หันมามองซื่อจื่อโดยสัญชาตญาณหลังจากฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยจบนั้นมีความหมายว่าอย่างไร
นับว่าเป็นสตรีที่ฉลาดยิ่งนัก หลังจากที่เหลือบมองซื่อจื่อแล้วจึงหันมามองนางคล้ายไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น จากนั้นจึงหันไปมองคุณชายรองหลัว และถึงขั้นหันไปมองลี่ว์เจวียนด้วย ทำให้คนอื่นเข้าใจว่านางอยากสังเกตสถานการณ์คร่าวๆ เท่านั้น
นี่ดูคล้ายเป็นปฏิกิริยาธรรมชาติ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดหัวใจของนางจึงเย็นยะเยือก
เจินเมี่ยววางมือทั้งสองข้างไว้บนขาของตน จากนั้นจึงกุมหมัดแน่น นางอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเยียนเหนียงอีกครั้ง
นางรู้สึกว่าตนเองค่อนข้างโง่เขลา ทั้งที่รู้มาตลอดว่าเยียนเหนียงรูปโฉมงดงามและไม่ใช่ความงามราวรูปสลักที่ทำให้ผู้คนเพียงรู้สึกชื่นชม แต่เป็นความงามที่ทำให้รู้สึกอยากทุบน้ำแข็งแล้วเข้าไปคว้านางเอามาไว้ในมือ
ที่ผ่านมานางไม่เคยคิดด้านนี้มาก่อน แต่เมื่อนางบังเอิญค้นพบความสัมพันธ์บางๆ ระหว่างเยียนเหนียงกับซื่อจื่อ เจินเมี่ยวถึงจะได้สติ
ซื่อจื่อ…เขาเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งเช่นกัน!
ไม่ ไม่จริง ซื่อจื่อจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร
ความดีและความรักที่เขามีให้นางทุกอย่าง นางสัมผัสได้อย่างชัดเจน
แต่ในใจของนางกลับมีอีกเสียงหนึ่งกำลังพูดว่า เจ้าโง่นัก ซื่อจื่อเป็นผู้ชายที่เกิดในยุคศักดินาเช่นนี้ เมียสาม อนุสี่ สำหรับเขาแล้วคงถือเป็นเรื่องธรรมดา ตอนที่เขาชอบเจ้า เขาก็ไม่เคยให้คำมั่นสัญญากับเจ้าว่าจะไม่มีคนอื่น
นางคิดว่าหากในใจของนางมีคนผู้หนึ่งอยู่ในใจแล้วและได้กลายเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าชายผู้อื่นจะสมบูรณ์แบบเพียงใดก็ไม่มีทางข้องเกี่ยวกับนางได้อย่างแน่นอน
บางทีความสัมพันธ์ของซื่อจื่อที่มีต่อเยียนเหนียงอาจไม่ใช่ความสัมพันธ์เชิงหนุ่มสาว แต่เป็น…การใช้งาน?
ตอนนั้นเจินเมี่ยวพลันรู้สึกว่า ความคิดนี้น่าหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าความคิดแรกด้วยซ้ำ
นางไม่กล้าแม้แต่จะคิดไกลไปมากกว่านี้
จากนั้นจึงได้ยินเยียนเหนียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบว่า “คุณชายรองหลัวมาตอนกลางดึก ตอนที่ข้ากำลังนอนหลับอยู่ เขาได้ฝืนใจข้า โชคดีที่นายท่านรองหลัวมาพอดี คนทั้งสองจึงลงไม้ลงมือกันขึ้นมา จนคุณชายรองหลัวผลักนายท่านไปกระแทกกำแพงจนหมดสติไป
คำพูดนี้ตรงกับคำพูดของลี่ว์เจวียน
เส้นเลือดดำบนหน้าผากของฮูหยินผู้เฒ่าปูดโปนออกมา นางใช้มือดันที่เท้าแขนเก้าอี้เพื่อดันตัวเองลุกขึ้น จากนั้นเดินไปยังคุณชายรองหลัว นางเอ่ยอย่างหมดหวังว่า “เจ้ารอง เหตุใดเจ้าถึงเป็นเช่นนี้ไปได้!”
ไม่มีคำด่าทอ ไม่มีการตะโกน เพียงการเอ่ยเบาๆ เพียงประโยคนี้กลับทำให้คุณชายรองสองสั่นสะท้านพลางเงยหน้าขึ้นมองฮูหยินผู้เฒ่าทันที
ปากของเขาเผยอเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ฮูหยินผู้เฒ่าไม่อยากฟังเขาพูดอะไรอีกต่อไปจึงโบกมือให้เขาหยุด “แม่นมหยาง นำเยียนอี๋เหนียงกับลี่ว์เจวียนออกไป ควรจัดการอย่างไรเจ้าคงจะรู้ดี เจ้ารอง เจ้าคงรู้แล้วว่าการลงมือของเจ้าทำให้บิดาของเจ้าการเป็นอัมพฤกษ์พูดไม่ได้? เจ้าใหญ่ เรื่องนี้ข้ามอบหน้าที่ให้เจ้าเปิดศาลแล้วขับไล่เจ้ารองออกจากตระกูล!”