วาสนาบันดาลรัก - ตอนที่ 470 ไม่เสียใจ
เจินเมี่ยวลุกขึ้นมานั่งกอดเข่าตัวเองไว้ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงลงจากเตียงแล้วไปยืนอยู่ริมหน้าต่างที่หลัวเทียนเฉิงปิดเอาไว้เพื่อเปิดมันออก จากนั้นนางจึงมองออกไปด้านนอก
ความมืดมิดทอดตัวยาว ดวงดาราพร่างพราวเต็มฟ้า ลมเย็นพัดโชย ทำเอาเสื้อผ้าบางๆ ของนางปลิวไสว
นางมีลางสังหรณ์บางอย่างว่าหลัวเทียนเฉิงไปหาเยียนเหนียง
เขาจะฆ่าปิดปากเยียนเหนียงหรือ ความคิดนี่ผ่านเข้ามาแต่นางก็พยายามห้ามความคิดนั้นไว้
นางรู้มาตลอดว่าหลัวเทียนเฉิงไม่ใช่คนใจดีมีเมตตา นางนึกถึงเรื่องราวเมื่อชาติก่อน แม้ว่าจะไม่รู้ว่าลุงรองกับครอบครัวทำอะไรเขาไว้ แต่นางก็ทำใจไม่ได้อยู่ดี นางไม่ได้ต่อต้านการแก้แค้น แต่สุดท้ายแล้วนางก็มีขีดจำกัดของตัวเอง หากพ้นขีดจำกัดนี้ไป แม้ว่าจะเป็นคนที่นางชอบและเขาเองก็ชอบนาง แต่นางเองก็ยังหวาดหวั่นใจ
บางครั้ง การรักใครสักคนทำให้เราใจกว้างกับเขาเป็นพิเศษ ทำให้เรารู้สึกว่าฟันเขี้ยวของเขาช่างน่ารัก เวลาที่เขาโกรธก็ดูหล่อเหลากว่าคนอื่น หรือแม้กระทั่งความตระหนี่ของเขาก็ถือว่าเป็นความตรงไปตรงมาอย่างหนึ่ง และในทางเดียวกัน ในเรื่องบางเรื่องกลับกลายเป็นปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ไป อย่างเช่นพฤติกรรมบางอย่าง หรือความซื่อสัตย์
เจินเมี่ยวกลัดกลุ้มใจ หากหัวใจของนางยังไม่หายไปก็คงดี หากเป็นเช่นนั้นนางคงไม่สนใจว่าเขาจะเลวร้ายขนาดไหน และไม่สนใจว่าเกิดเรื่องอะไร นางคงให้ความหมายคำว่าสามีภรรยาเป็นเพียงเพื่อนคู่คิดเท่านั้น และจะใช้ชีวิตโดยหลับตาข้างหนึ่งและลืมตาเพียงข้างหนึ่ง
ทว่า…
เจินเมี่ยวเท้าคางแล้วถอนใจเบาๆ
จากคนที่เคยปฏิบัติต่อกันอย่างคนรัก ใครจะอยากให้ความสัมพันธ์กลายเป็นคนที่ปฏิบัติต่อกันอย่างเช่นนายบ่าวเล่า
เจินเมี่ยวกลัดกลุ้มอย่างยิ่ง
นางรู้ดีว่าซื่อจื่อของนางเป็นคนเลว แต่นางไม่คิดว่าจะเลวเช่นนี้! ถึงขั้นหาโฉมสะคราญมาล่อลวงพ่อลูกทั้งสามคน เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จก็ฆ่านางทิ้ง!
เจินเมี่ยวนั่งตากลมเย็นๆ อยู่ริมหน้าต่าง อารมณ์ของนางยังไม่ดีขึ้นแต่ท้องของนางก็ส่งเสียงร้องออกมา
นางมีกฎอยู่ข้อหนึ่ง นั่นคือไม่มีทางเอาความผิดของคนอื่นมาลงโทษตัวเอง หรืออาจกล่าวได้ว่าต่อให้ลงโทษตัวเองก็ไม่มีทางลงโทษท้องของตัวเอง ดังนั้นนางจึงปิดหน้าต่างแล้วเช็ดหน้าก่อนที่จะออกไปห้องครัวเล็กๆ
เมื่อเข้าไปแล้วจึงได้กลิ่นหอมอบอวล นางมองไปรอบๆ ที่แท้แล้วเป็นกลิ่นที่โชยมาจากเอ็นเนื้อตุ๋นที่อยู่บนเตา สาวใช้คนหนึ่งกำลังนั่งมองไฟอยู่พลางหาวหวอด
เอ็นเนื้อตุ๋นถือเป็นอาหารที่สิ้นเปลืองเวลาเป็นอย่างมาก ไม่แปลกที่ต้องเคี่ยวตอนดึก เพราะเมื่อฟ้าสว่างแล้วจะได้จัดขึ้นโต๊ะอาหารได้ทันที
“ต้าไหน่ไหน่!” เมื่อสาวใช้ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวก็ตกใจลุกขึ้นยืน
เจินเมี่ยวโบกมือ “อย่าเอ็ดไป ข้าหิวก็เลยแวะมาดู เอ็นเนื้อตุ๋นนี้เป็นอย่างไรแล้ว”
“พี่ชิงเกอกำชับบ่าวว่า ต้องเคี่ยวครึ่งชั่วยามเจ้าค่ะ”
“ข้าขอชิมหน่อย” เจินเมี่ยวกินไปสองสามคำ นางรู้สึกว่ายังแข็งอยู่เลยวางตะเกียบลงแล้วไปหาอาหารว่างอย่างอื่นกิน แล้วกำชับสาวใช้ว่า “อย่านั่งสัปหงกอยู่เลย เดี๋ยวไฟจะไหม้เอาได้”
สาวใช้รับคำสั่ง เมื่อเจินเมี่ยวกลับถึงบ้านแล้วก็เช็ดปาก แล้วล้มตัวลงนอน
เมื่อกินอิ่มแล้ว ความง่วงก็คืบคลานเข้ามา นางหลับไปอีกครั้งโดยที่หลัวเทียนเฉิงยังไม่ทันกลับมา
ตอนนี้หลัวเทียนเฉิงอยู่ทางด้านตะวันตกของจวนกั๋วกง เขาไล่องครักษ์ออกไป แล้วเข้าไปในเรือนอย่างไร้สุ้มเสียง
หมากอย่างเช่นเยียนเหนียง เป็นหมากที่เขาไม่อยากเปิดเผยกับผู้ใด ต่อให้เป็นคนสนิทก็ไม่อยากให้พวกเขารู้ ดังนั้นเมื่อถึงตอนที่หมากกำลังจะเปิดเผยตัวออกมา เขาก็ควรจะลงมือจัดการให้พ้นไปซะ
“ซื่อจื่อ?” เยียนเหนียงที่ยังไม่นอนรู้สึกว่ามีคนยืนอยู่ในความมืดและรู้ว่าคนผู้นั้นคือหลัวเทียนเฉิง นางทั้งแปลกใจและดีใจ ดวงตาของนางเปล่งประกายสดใส
หลัวเทียนเฉิงเดินออกมาจากความมืด เมื่อปรากฏตัวออกมาแล้ว ประกายในแววตาของเยียนเหนียงหายไป ริมฝีปากของนางกระตุกเป็นรอยยิ้มแล้วเอ่ยถามว่า “ซื่อจื่อ มาได้อย่างไรหรือ”
หลัวเทียนเฉิงมองเยียนเหนียงที่กำลังยิ้มอย่างสวยสง่าแล้วเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นจึงถอนใจเอ่ยว่า “เยียนเหนียง ข้ารู้ว่าเจ้าทำได้ดี แต่นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะทำได้ถึงขั้นนี้”
นางเถียนป่วยตาย ลุงรองใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าไปวันๆ คุณชายรองหลัวหมดอนาคต นี่คือสิ่งที่เขาอยากได้ หรืออาจกล่าวได้ว่า เมื่อเขายืนอยู่ในตำแหน่งที่สูงเช่นทุกวันนี้และสามารถกำจัดคนที่ทำร้ายเขาเมื่อชาติก่อนได้ เขาก็ไม่มีอะไรต้องสนใจอีก
เมื่อก่อนตอนที่เขาเป็นมด เขาอยากที่จะกำจัดมดอีกตัวที่ทำร้ายเขาให้พ้นทาง เมื่อมดตัวนี้เติบโตกลายเป็นเสือแล้ว ยังต้องใส่ใจหาทางทำร้ายมดตัวนั้นอีกหรือ
หากมองแล้วรู้สึกขวางหูขวางตา เขาเพียงปัดทิ้งก็เท่านั้น หากไม่มาเคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าเขา เหตุใดเขาต้องสนใจด้วย อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ว่างขนาดนั้น
“ซื่อจื่อชมเกินไปแล้ว” เยียนเหนียงจ้องไปที่หลัวเทียนเฉิง สำหรับนางแล้วการได้มองใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาของเขาทำให้หัวใจของนางที่หนาวเหน็บหลุดพ้น
เขามาเพื่อฆ่านางกระมัง แต่ก็ถูกต้องแล้ว สำหรับซื่อจื่อแล้ว ระหว่างเขากับนางเป็นเพียงการทำการค้าขายกันอย่างเป็นธรรมเท่านั้น เขาเคยช่วยนางเอาไว้และแก้แค้นที่เจ็บปวดฝังลึกแทนนาง หากไม่ใช่เพราะคุณชายรองหลัวเกิดคลุ้มคลั่งมาก่อกวนนาง นางก็คงสมปรารถนาและใช้ชีวิตจนแก่เฒ่าไปที่เรือนเล็กๆ แห่งนี้ ขอเพียงได้รู้เรื่องราวของเจ้าแปดบ้าง ก็ถือว่าเป็นจุดจบที่สมบูรณ์แบบสำหรับนางแล้ว
แต่ผู้ใดจะคิดว่าคุณชายรองหลัวจะทำเรื่องหยาบช้าเช่นนั้น นางรู้เรื่องราวต่างๆ มากเกินไป ซื่อจื่อจะวางใจปล่อยนางให้มีชีวิตต่อไปได้อย่างไร
เสียใจหรือไม่?
เยียนเหนียงกุมหน้าอกของตัวเองเอาไว้แล้วส่ายหน้า
แน่นอนว่านางไม่เสียใจเลยสักนิด หากไม่มีซื่อจื่อ ชีวิตของนางก็คงตายตามครอบครัวสิบกว่าคนของนางไปตั้งนานแล้ว นางจะมีชีวิตอยู่ถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร ความแค้นของตระกูลถูกล้างแค้นจนสิ้น แถมนางยัง…ยังให้กำเนิดเด็กน้อยที่เป็นสายเลือดของนางเอาไว้อีกหนึ่งคน ตระกูลของพวกนางไม่ถือว่าไร้ผู้สืบสกุล
หลัวเทียนเฉิงขมวดคิ้ว
สตรีนางนี้แปลกประหลาดนัก เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวส่ายหน้า นางกำลังคิดอะไรอยู่
เขาตัดสินใจเอ่ยสั้นๆ ว่า “ข้ามาเพื่อส่งเจ้า”
“ข้ารู้ว่าซื่อจื่อจะต้องมาส่งข้าเดินทาง การได้พบหน้าซื่อจื่อเป็นครั้งสุดท้าย ข้าพอใจแล้ว เพียงแต่ข้ามีคำขอร้องหนึ่งข้อ”
หลัวเทียนเฉิงขมวดคิ้วแน่นพลางคิดในใจว่า เขารู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้จะต้องวุ่นวาย เขาจะปล่อยนางไปนางยังไม่พอใจ ถึงขนาดมีคำร้องขออีก เหตุใดเขาถึงไม่โหดเ**้ยมกว่านี้หน่อยแล้วฆ่านางทิ้งไปซะ
นั่นเป็นเพราะ…
เจี๋ยวเจี่ยวต้องไม่ชอบให้เขาเป็นคนอย่างนั้นแน่นอน
“ว่ามา!” หลัวเทียนเฉิงพยายามอดกลั้น แล้วกัดฟันเอ่ยคำนี้ออกมา
ดวงตาของเยียนเหนียงแดงก่ำแล้วคุกเข่าลง “ซื่อจื่อได้โปรดดูแลคุณชายแปด ชาติหน้าเยียนเหนียงยินดีเกิดเป็นวัวเป็นม้าตอบแทนท่าน”
หลัวเทียนเฉิงมองนางแล้วเอ่ยอย่างเรียบเฉยว่า “เรื่องนี้เจ้าวางใจเถิด เจ้าแปดถือเป็นเลือดเนื้อของจวนกั๋วกง ทุกคนล้วนต้องดูแลเขาอย่างดี ส่วนเรื่องเกิดเป็นวัวเป็นม้า…
เขายิ้ม “เรื่องนั้นไม่จำเป็น พวกเราแลกเปลี่ยนกันจบสิ้นแล้ว ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์”
เยียนเหนียงตัวหดเกร็ง หัวใจของนางเจ็บปวด
แม้ว่านางจะรู้ว่าระหว่างเขากับนางเหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนค้าขายกัน แต่ระหว่างการแลกเปลี่ยนนี้นางได้สูญเสียหัวใจของนางไปแล้ว นางจะทำอย่างไรดี
หากชาติหน้ามีจริง นางไม่อยากเป็นวัวเป็นม้า นางอยากมาพบเขาในสภาพที่ตนงดงามที่สุด
เยียนเหนียงลุกขึ้นยืนแล้วหลับตา “ซื่อจื่อ ลงมือเถิด”
หลัวเทียนเฉิงพยักหน้า
แม้ว่าสตรีนางนี้จะมีข้อเรียกร้องมากมาย แต่ยังดีที่เป็นคนเข้าใจอะไรง่าย
มีดสั้นของเขาฟันเยียนเหนียงสลบไป ต่อจากนั้นเขาจึงใช้เส้นทางเดิมออกจากที่นี่ เขาปีนกำแพงออกจากเรือนไป แล้วทิ้งเยียนเหนียงไว้ในที่รกร้างในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง พร้อมทั้งทิ้งเงินเอาไว้หนึ่งถุงพร้อมมีดสั้น จากนั้นจึงรีบกลับจวนกั๋วกง
เขาย่องเข้าห้องไปเบาๆ เมื่อเห็นเจินเมี่ยวยังหลับอยู่ หลัวเทียนเฉิงพลันโล่งอก จากนั้นจึงเกิดความข้องใจขึ้น
ปากของเจี๋ยวเจี่ยวมันวาวเช่นนี้ได้อย่างไร?