ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 124.2
เมิ่งต้าจินและภรรยา เมิ่งเอ้ออิ๋นและภรรยารวมถึงเมิ่งซานถงและภรรยาต่างมีสีหน้าเหยเก เมิ่งเชี่ยนโยวพูดโอ้โลม “ลุงใหญ่ ป้าใหญ่ อาสาม อาสะใภ้สาม ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ พวกเขาทำตัวเช่นนี้ ข้าว่าใกล้จะหมดวาระการเป็นผู้ใหญ่บ้านของพวกเขาแล้ว”
เมิ่งชื่อมองดูคนที่ออกมาสวัสดีปีใหม่ที่เดินไปมาขวักไขว่ รีบเข้าไปห้ามปราม “โยวเอ๋อร์ อย่าพูดซี้ซั้ว หากคำพูดไปถึงหูภรรยาผู้ใหญ่บ้าน ไม่รู้ว่านางจะอาละวาดเช่นไรอีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวแค่นเสียงหึ ในใจคิด อาละวาดยิ่งดี ข้ากลัวเขาจะไม่อาละวาดนะสิ
เมิ่งต้าจินนำคนทั้งสกุลมาสวัสดีปีใหม่ผู้อาวุโสในหมู่บ้านอีกสองสามคน ทั้งสามครอบครัวถึงแยกย้าย ไปสวัสดีปีใหม่คนที่ตัวเองถูกอัธยาศัย
เมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งชื่อนำเด็กๆ มาบ้านหลี่ต้าฉุยและภรรยาก่อน
หลี่ต้าฉุยและภรรยารออยู่ที่บ้านนานแล้ว เห็นคนทั้งหมดเดินเข้ามา รีบออกไปต้อนรับ พาทุกคนเข้ามาในบ้าน
เมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งชื่อจะโขกหัวคำนับทั้งสองคน หลี่ต้าฉุยและภรรยาไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอม ยับยั้งสุดชีวิต หลี่ต้าฉุยและภรรยาจำยอมจำนน
เมิ่งเสียนกลับเป็นผู้นำน้องๆ คุกเข่า สวัสดีปีใหม่หลี่ต้าฉุยและภรรยา
หลี่ต้าฉุยและภรรยาดีใจเป็นอย่างยิ่ง หยิบอั่งเปาที่เตรียมไว้มอบให้เด็กทุกคน
เมิ่งเชี่ยนโยวบีบดู รู้สึกว่าซองของตัวเองมีเงินไม่น้อย ลอบคิด พวกเขาสองสามีภรรยาคงไม่ได้เอาเงินเก็บยามชราทั้งหมดมาใส่อั่งเปาให้พวกเขาหรอกนะ
หลังจากสวัสดีปีใหม่หลี่ต้าฉุยและภรรยา สุดท้ายทั้งหมดก็มาบ้านป้าหวัง
หวังเหลียงก็กลับมาฉลองปีใหม่ที่บ้าน เห็นเมิ่งเอ้ออิ๋นและครอบครัวเข้าสวัสดีปีใหม่ก็ดีอกดีใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวมองโดยรอบ ไม่เห็นหวังหู่ เอ่ยปากถาม “อาหวัง พี่หูจื่อไม่ได้กลับมาฉลองปีใหม่หรือ”
หวังเหลียงตอบ “ก่อนปีใหม่หูจื่อส่งข่าวมา บอกว่าเหลาจวี้เสียนงานยุ่งมาก หลงจู๊ไม่ยอมให้ลา หลังปีใหม่ถึงจะให้เสี่ยวเอ้อผลัดกันกลับบ้าน”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
ป้าหวังให้อั่งเปาเด็กทุกคนอย่างมีความสุข “รับไปนะ เงินไม่มาก ปีใหม่แล้ว มีความสุขก็พอ”
คนทั้งหมดรับมา ทยอยกันกล่าวขอบคุณ
หลังจากสวัสดีปีใหม่ป้าหวัง สองสามีภรรยาเมิ่งก็พาคนทั้งหมดกลับบ้าน เปิดประตูใหญ่ จัดเตรียมขนมขบเคี้ยว เพื่อต้อนรับคนที่จะมาสวัสดีปีใหม่
เมิ่งเสียนและคนอื่นๆ กลับเข้าห้อง นำเงินในซองอั่งเปาออกมานับอย่างมีความสุข แต่ละคนได้ยี่สิบกว่าตำลึง
เมิ่งเชี่ยนโยวตาโตอ้าปากค้าง ชั่วขณะหนึ่งถึงพูดขึ้น “ถึงว่าเด็กๆ ชอบปีใหม่ ที่แท้ปีใหม่ครั้งหนึ่งจะได้เงินมากถึงขนาดนี้”
เมิ่งเสียนหัวเราะพูด “พูดอะไรของเจ้า ประหนึ่งว่าเจ้าไม่ใช่เด็กอย่างนั้น”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “เดิมข้าก็ไม่ใช่เด็ก”
เมิ่งเสียนนึกว่านางพูดเล่น จึงพูดหยอกเย้า “เจ้าไม่ใช่เด็ก แล้วเป็นอะไร”
“ข้าเป็น…” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดถึงตรงนี้ก็หยุดชะงัก
เมิ่งอี้เซวียนมองนางอย่างสงสัย
เมิ่งเสียนพูดเย้าแหย่ต่อ “เจ้าเป็นอะไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวแค่นเสียงหึ พูดว่า “สรุปคือข้าไม่ใช่เด็ก”
เมิ่งเสียนหัวเราะลั่น “ใช่ เจ้าไม่ใช่เด็ก พ้นปีใหม่ เจ้าก็จะอายุสิบสามปี เป็นสาวแรกรุ่นแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวถลึงตาเกรี้ยวกราดใส่เขา พร้อมกับโน้มตัวไปเบื้องหน้าเขาพูดลึกๆ ลับๆ “พี่ใหญ่ ท่านว่าพวกเราพากันไปสวัสดีปีใหม่บ้านคนอื่น กลับมาพวกเราจะรวยหรือไม่”
เมิ่งเสียนหัวเราะ “จะรวยหรือไม่ข้าไม่รู้ แต่จักต้องทำคนอื่นตกใจอย่างแน่นอน”
เมิ่งเชี่ยนโยวชะงักงัน
เมิ่งเสียนและคนอื่นๆ หัวเราะร่วน
เมิ่งชื่อเพิ่งจะเตรียมของเสร็จ ผู้คนก็ทยอยกันเข้ามาสวัสดีปีใหม่ คนที่มาแรกๆ คือเหล่าคนงานที่ทำงานในโรงงาน แต่ละคนมาพร้อมรอยยิ้ม กล่าวแต่วาจาเป็นสิริมลคล เมิ่งชื่อนำของที่เตรียมไว้ต้อนรับพวกเขาออกมา บรรดาผู้ใหญ่ต่างปฏิเสธไม่แตะต้อง เด็กๆ ที่มาด้วยก็หยิบมาชิมไม่กี่ชิ้นพอเป็นพิธี เมิ่งชื่อหยิบกำใหญ่ใส่มือเด็กๆ ผู้ใหญ่ของแต่ละบ้านรีบห้ามปราม “ไม่ต้องๆ ปีนี้บ้านพวกข้าซื้อมาแล้ว พวกเขากินพอแล้ว”
ผู้ใหญ่พูดเช่นนี้ เด็กๆ กลับยื่นมือออกมา เมิ่งชื่อวางขนมใส่มือพวกเขา พูดพร้อมรอยยิ้ม “รับไปเถอะ อย่างไรก็เป็นเด็ก มีแค่ไหนก็กินไม่พอ”
บรรดาผู้ใหญ่ให้เด็กๆ กล่าวขอบคุณ
เมิ่งชื่อก็หยิบอั่งเปาที่เตรียมไว้ออกมา มอบให้เด็กทุกคน
บรรดาผู้ใหญ่ตกใจตัวลอย รีบร้อนพูด “เช่นนี้ไม่ได้” พูดจบ ก็คิดจะดึงอั่งเปาในมือเด็กๆ กลับคืนเมิ่งชื่อ เด็กๆ กลับจับแน่นไม่ยอมปล่อย
เมิ่งชื่อพูด “ให้เด็กๆ รับไว้เถิด เงินไม่มาก ปีใหม่แล้ว มีความสุขก็พอ”
บรรดาผู้ใหญ่ถลึงตาเคืองขุ่นใส่ลูกหลานตัวเอง หันไปยิ้มแย้มกล่าวขอบคุณเมิ่งชื่อ
ต่อมาเป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้ทำงานในโรงงานแล้ว แย่งกันกล่าววาจาเป็นสิริมงคล หวังให้เมิ่งชื่อจดจำตัวเองได้ ยามที่บ้านพวกเขารับสมัครคนอีก จะได้นึกถึงพวกเขา
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ยังคงมีคนมาไม่ขาดสาย แม้แต่คนในสกุลอื่นก็ส่งคนเข้ามา เมิ่งชื่อยิ้มแข็งเกร็งไปหมดแล้ว ลูบคลำอั่งเปาที่เหลือสองใบในอก กระวีกระวาดเดินไปหาเมิ่งเสียนและน้องๆ พูดอย่างร้อนรน “เร็วเข้า พวกเจ้าช่วยแม่ห่อซองอั่งเปาเพิ่มหน่อย”
เมิ่งเชี่ยนโยวตกใจ “อั่งเปาสามสิบซองยังไม่พอหรือ”
เมิ่งชื่อตอบ “แม่ก็ไม่คิดว่าคนจะมาเยอะเช่นนี้ ที่แม่ยังเหลืออั่งเปาอีกสองซอง หากมีคนมาอีก จะไม่พอได้ พวกเจ้ารีบช่วยแม่ห่อซองอั่งเปาเถอะ”
พี่น้องทั้งหมดรีบนำกระดาษแดงแผ่นใหญ่มา ตัดเป็นอั่งเปาได้ยี่สิบซอง แต่ละซองยังคงใส่เงินสองอีแปะ เมิ่งเชี่ยนโยวรีบนำอั่งเปาไปให้เมิ่งชื่อ
เมิ่งชื่อแจกอั่งเปาในมือหมดพอดี เห็นบุตรสาวนำมาให้อีกจำนวนหนึ่ง ก็โล่งอก
ตอนที่ใกล้จะถึงเวลาเที่ยง ถึงไม่มีคนมาสวัสดีปีใหม่แล้ว เมิ่งชื่อเหนื่อยจนนอนแผ่อยู่บนเตียงเตา หันไปพูดกับเมิ่งเอ้ออิ๋น “ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่า ปีใหม่จะเหนื่อยเช่นนี้”
เมิ่งเอ้ออิ๋นก็เหนื่อยไม่น้อย ตอบว่า “ปีก่อนๆ ไม่มีคนพวกนี้ เหตุใดปีนี้ถึงมีคนมามากเช่นนี้”
เมิ่งชื่อพูด “ก็เพราะบ้านเราเปิดโรงงานหลายแห่ง ใครๆ ก็อยากมาทำงานด้วย ไม่เช่นนั้นจะมีคนมาสวัสดีปีใหม่เยอะเช่นนี้หรือ”
เมิ่งเอ้ออิ๋นถึงเข้าใจแจ่มแจ้ง
ทั้งสองพักผ่อนครู่หนึ่ง เตรียมตัวทำอาหารเที่ยง
ตอนบ่าย ไม่มีคนมาสวัสดีปีใหม่แล้ว เมิ่งชื่อพักผ่อนอีกครู่หนึ่ง ถึงไปนั่งเล่นบ้านป้าหวัง
เมิ่งเชี่ยนโยวและคนอื่นๆ ไม่มีอะไรทำ จึงมายังท่อนไม้ในลานบ้าน ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้
เมิ่งเสียนและน้องๆ ร่ำเรียนมาได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว บวกกับได้ซ้อมมือกับเมิ่งเชี่ยนโยวทุกวัน ทำให้ทุกคนพอจะมีพื้นฐานประมาณหนึ่ง
หลังจากที่เมิ่งเชี่ยนโยวประลองเป็นรายตัวกับทุกคน ก็พยักหน้าพึงพอใจ พูดว่า “พวกท่านเรียนศิลปะป้องกันตัวได้พอประมาณแล้ว ต่อไปขอเพียงแค่หมั่นฝึกฝนก็พอ วันนี้ไม่มีอะไรทำ ข้าจะสอนวิธีการต่อสู้แบบใหม่—ศิลปะคว้าจับ”
พูดจบ หันไปพูดกับเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ ท่านเข้ามา ข้าจะสาธิตให้พวกเขาดู”
เมิ่งเสียนเดินไปตรงหน้านาง
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดขึ้น “ท่านยื่นมือออกมาตีข้า ออกแรงด้วย” เมิ่งเสียนตีเข้ามาเต็มแรง
เมิ่งเชี่ยนโยวเบี่ยงตัวหลบ จับแขนเมิ่งเสียน บิดไปด้านหลัง เมิ่งเสียนร้องเสียงดังลั่น “น้องสาว เจ็บๆๆ!”
เมิ่งเชี่ยนโยวคลายมือ หันไปพูดกับทั้งสามคน “สิ่งสำคัญของศิลปะคว้าจับคือ วิธีการต่อสู้ที่รวดเร็วฉับพลันชนิดหนึ่ง โดยระหว่างที่ต่อสู้ให้พลิกบิดข้อต่อ หักกระดูกเส้นเอ็นของอีกฝ่าย หากเรียนได้แล้ว สามารถเข้าจู่โจมโดยที่อีกฝ่ายคาดไม่ถึง เพียงกระบวนท่าเดียวก็ทำให้อีกฝ่ายไร้กำลังโต้กลับได้”
ทั้งสามคนพยักหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อ “แต่ศิลปะคว้าจับมีจุดบกพร่องหนึ่ง คือตอนที่เราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีวรยุทธ์สูงหรือต่ำ อย่าใช้เคล็ดวิชานี้ประลองกับอีกฝ่ายโดยง่าย เพราะหากอีกฝ่ายมีวรยุทธ์สูงกว่า เราจะถูกอีกฝ่ายควบคุมได้ง่าย กลายเป็นนำภัยมาสู่ตนเอง”
“เช่นนั้นยามที่พวกเราประมือกับอีกฝ่ายควรหยั่งเชิงวรยุทธ์ของอีกฝ่ายก่อนใช่หรือไม่” เมิ่งฉีพยักหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “ทางที่ดีควรเป็นเช่นนั้น ทว่า ไม่ว่าจะเป็นศิลปะการต่อสู้หรือศิลปะคว้าจับล้วนเป็นการจู่โจมระยะประชิด หากคิดจะประลองกับยอดฝีมือได้อย่างแท้จริง พวกท่านจักต้องมีประสาทสัมผัสที่ไวและแข็งแกร่งกว่านี้ ถึงจะไม่ถูกอีกฝ่ายควบคุมได้โดยง่าย”
เมิ่งเสียนพยักหน้า “รู้แล้ว ต่อไปทุกเช้าพวกเราจะเริ่มการฝึกซ้อมให้หนักขึ้น”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ตอนนี้ ข้าจะสอนศิลปะการคว้าจับให้ทุกคน”
พูดจบยังคงให้เมิ่งเสียนเข้ามา สาธิตการคว้าจับในกระบวนท่าต่างๆ บนร่างเขาช้าๆ หนึ่งรอบ
พอเมิ่งฉีและเมิ่งอี้เซวียนดูเสร็จ ก็ฝึกซ้อมด้วยกัน เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับพวกเขาจะต้องออกแรงอย่างระวัง ไม่เช่นนั้นข้อต่อจะแตกหักได้
เมิ่งเสียนมองตาเป็นมัน รอจนเมิ่งฉีและเมิ่งอี้เซวียนฝึกซ้อมเสร็จ ขอให้เมิ่งฉีมาฝึกกับเขาอีกรอบ
เมิ่งฉีย่อมยินดี ฝึกซ้อมกับเมิ่งเสียนอีกครั้ง เมิ่งเชี่ยนโยวคอยให้คำแนะนำข้างๆ ชี้ข้อผิดพลาดของพวกเขา
คนทั้งหมดฝึกซ้อมได้หนึ่งชั่วยาม หน้าผากก็เต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดโต
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “พวกท่านพอจะจับหลักได้แล้ว พวกเรากลับไปพักผ่อนในบ้านก่อน ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องรีบ”
คนทั้งหมดต่างก็เหนื่อยแล้ว พยักหน้าเห็นพ้อง เดินกลับเข้าบ้าน
เมิ่งชื่อยังไม่กลับมา คนทั้งหมดถกเถียงหัวใจหลักของศิลปะคว้าจับอย่างเมามัน
ภรรยาเมิ่งต้าจินเดินเข้ามาในลานบ้านอย่างเบิกบาน ร้องถามเสียงดัง “น้องสะใภ้รอง อยู่หรือไม่”
เมิ่งเสียนรีบเดินออกมา พูดว่า “ป้าใหญ่ แม่ข้าไปนั่งคุยบ้านป้าหวัง ท่านเข้ามารอในบ้านก่อน ข้าจะไปตะโกนเรียกท่านแม่ให้”
ภรรยาเมิ่งต้าจินพยักหน้า เดินเข้าไปในบ้าน เมิ่งเชี่ยนโยวรีบหาเก้าอี้ให้นางนั่ง รินน้ำให้นาง
อึดใจเดียวเมิ่งชื่อก็กลับมา พูดกับภรรยาเมิ่งต้าจิน “พี่สะใภ้ใหญ่ มาหาข้ามีเรื่องอันใด”
ภรรยาเมิ่งต้าจินตอบกลับ “มีเรื่อง มีเรื่องดี”
เมิ่งชื่อถาม “เรื่องดีอันใด”
“วันนี้มีคนมาทาบทามเมิ่งเหริน บอกว่าพรุ่งนี้เมื่อเด็กสาวมาสวัสดีปีใหม่ ให้ไปดูหน้าคาดตากัน” ภรรยาเมิ่งต้าจินตอบ
เมิ่งชื่อดีอกดีใจ “อ๊ายหย่า เป็นเรื่องมงคลจริงๆ” จากนั้นก็ถามเป็นพรวน “ใครที่มาพูดทาบทาม เด็กสาวอายุเท่าใดแล้ว หน้าตาเป็นอย่างไร”
ภรรยาเมิ่งต้าจินตอบ “สะใภ้บ้านซุนเพิ่งเข้ามาพูดเมื่อตอนบ่ายวันนี้ บอกว่าเป็นหลานสาวฝ่ายแม่ของนาง ปีนี้อายุสิบหกปี หน้าตาถือว่าใช้ได้ เพียงแต่ไม่รู้หนังสือ”
เมิ่งชื่อกล่าว “ให้หน้าตาดี รู้จักงานบ้านงานเรือน กตัญญูต่อผู้อาวุโสก็พอแล้ว ส่วนรู้หนังสือหรือไม่ไม่สำคัญ”
ภรรยาเมิ่งต้าจินพยักหน้า “ข้าถามเหรินเอ๋อร์แล้ว เขาบอกว่าเรื่องคู่ครองให้พวกเราตัดสินใจได้เลย”
เมิ่งเชี่ยนโยวตกใจ “พี่ใหญ่ไม่คัดค้าน”
ภรรยาเมิ่งต้าจินพูดขึ้น “คัดค้านอะไร ตั้งแต่อดีตล้วนแต่พ่อแม่ลิขิต แม่สื่อช่วยพูด พวกเราต่างก็ทำกันมาเช่นนี้ อีกอย่าง พี่ใหญ่เจ้าพ้นปีใหม่นี้ก็สิบแปดแล้ว หากยังไม่พูดเรื่องคู่ครอง ก็จะหาภรรยาไม่ได้แล้วจริงๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดาะลิ้น
ภรรยาเมิ่งต้าจินพูดอีก “สะใภ้ซุนและพวกเราคุยกันแล้ว หากพวกเราเห็นดี นางจะได้ส่งข่าวไปที่บ้านฝ่ายแม่ ให้พรุ่งนี้หลานสาวเข้ามาสวัสดีปีใหม่ พวกเราจะได้ลอบดูกันและกัน หากรู้สึกว่าเหมาะสม รอนางกลับไปสวัสดีปีใหม่บ้านแม่จะได้ชี้แจงให้คนในครอบครัวรู้ หากรู้สึกว่าไม่เหมาะสม ก็คิดเสียว่าไม่เคยเกิดเรื่องนี้ขึ้น”
เมิ่งชื่อพูดยินดี “เช่นนี้ดี หากเราเห็นแล้วไม่พอใจ จะได้ไม่ทำลายชื่อเสียงของเด็กสาว”
ภรรยาเมิ่งต้าจินพยักหน้า “ข้าก็คิดว่าทำเช่นนี้ดี ถึงได้มาหาเจ้า พรุ่งนี้พวกเราไปดูด้วยกัน”
เมิ่งชื่อพยักหน้ารับคำ “ได้ พรุ่งนี้พวกเราแสร้งทำเป็นไปนั่งเล่นบ้านพวกเขากัน”
ทั้งสองพูดคุยอย่างออกรสออกชาติอีกครู่หนึ่ง ภรรยาเมิ่งต้าจินถึงจากไปอย่างมีความสุข