ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 125.2
ยายรองชั้นเลิศ
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับทุกคนอีกเล็กน้อย ตอนที่กำลังจะโน้มน้าวพวกเขาให้กลับบ้าน น้าสะใภ้ของจางจู้ก็ถือไก่ที่เพิ่งฆ่าเสร็จเข้ามา เดินไปพลางร้องเอ็ดตะโร “หลีกๆๆ เดี๋ยวเลือดไก่กระเด็นถูกตัว”
คนทั้งหมดพลันแยกออกเป็นทาง
หญิงนางนั้นหิ้วไก่มาเบื้องหน้าจางจู้ “จางจู้ ข้าเพิ่งกลับไปบ้านให้อารองเจ้าฆ่าไก่ตัวหนึ่ง เจ้ารีบเอาเข้าครัว ให้ภรรยาเจ้าทำอาหารให้ครอบครัวหลานเอ๋อร์กิน”
จางจู้ปฏิเสธ “อาสะใภ้รอง ไม่ต้องแล้ว ดูเถิดชาวบ้านส่งของมาให้มากมาย พวกเรากินไม่หมดแล้ว ท่านเอากลับไปให้เด็กๆ กินเถอะ”
หญิงนางนั้นมีน้ำโห พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “โย่ ตอนนี้พวกเจ้ารวยแล้ว ดูแคลนอาสะใภ้รองแล้วใช่หรือไม่ คนอื่นให้ของเจ้ารับ ข้าให้ของเจ้ากลับไม่รับ”
จางจู้โบกมือ “อาสะใภ้รอง ไม่ใช่อย่างที่ท่านคิด คนส่งของมาให้มากเกินไป กินไม่หมดแล้วจริงๆ ถ้าเสียไปจะเสียดายของ”
หญิงนางนั้นดึงดั้นยัดเยียดไก่ใส่มือจางจู้ “อากาศเย็นเช่นนี้ เก็บหลายวันก็ไม่เสีย อีกอย่าง ข้าพูดกับอารองเจ้าแล้ว ข้าจะมาทำอาหารก่อน อีกประเดี๋ยวครอบครัวชิงเอ๋อร์น้องสาวเจ้ามา จะเรียกครอบครัวพี่จางเถี่ยให้มากินข้าวกับครอบครัวหลานเอ๋อร์ด้วย”
จางจู้ตกใจจนไก่ในมือร่วงสู่พื้น ไม่ทันได้สนใจเก็บ ลนลานพูด “อาสะใภ้รอง ไม่ต้องแล้ว น้องสาวน้องเขยไม่ใช่คนอื่นไกล ไม่ต้องให้พวกเขามากินข้าวด้วย”
หญิงนางนั้นตอบ “ได้อย่างไรกัน ตอนนี้ครอบครัวหลานเอ๋อร์มั่งคั่งแล้ว ไม่มีคนมากินข้าวด้วยขายหน้าคนอื่นแย่ เจ้าไม่ต้องยุ่งแล้ว ให้ว่าตามนี้ ข้าจะไปช่วยทำอาหารก่อน อีกประเดี๋ยวครอบครัวชิงเอ๋อร์น้องสาวเจ้าก็มา กินข้าวเสร็จพวกเขายังต้องรีบกลับไป” พูดจบ ไม่รอให้จางจู้พูด หันหลังเดินเข้าไปในครัว
เมิ่งเชี่ยนโยวมุ่นหัวคิ้ว
จางจู้มองดูไก่ที่หล่นลงพื้น แล้วมองหญิงนางนั้นที่เดินเข้าไปในครัว ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรฉับพลัน
คนทั้งหมดเห็นเหตุการณ์ ทยอยกันขอตัวลากลับบ้าน
ภรรยาจางจู้เดินออกมาจากในครัว ระเบิดอารมณ์พูดกับจางจู้ต่อหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว “เจ้ารับปากให้คนในครอบครัวนางมากินข้าวได้อย่างไร พวกเขามาผสมโรง อาหารมื้อนี้พวกเราจะยังกินได้อย่างสงบสุขหรือ”
จางจู้เผยอปาก พูดไม่ออก
เมิ่งเชี่ยนโยวอธิบาย “ป้าใหญ่ ไม่ใช่ลุงใหญ่ชวนให้นางมากิน แต่เป็นนางที่หิ้วไก่มาตัวหนึ่งหน้าด้านหน้าทนจะมากินข้าวบ้านพวกเราให้ได้ ยังบอกว่าอีกเดี๋ยวคนทั้งครอบครัวจะตามมา คนผู้นี้เป็นใคร เหตุใดถึงไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนนอกบ้าง”
ภรรยาจางจู้ทอดถอนใจ “นางเป็นอาสะใภ้รองของลุงใหญ่เจ้า หรือก็คือยายรองของพวกเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ถึงว่าหัวรั้นได้เช่นนี้”
ภรรยาจางจู้มุ่นหัวคิ้ว “จะทำอย่างไรดี หากไล่นางออกไป วันปีใหม่เช่นนี้นางได้อาละวาดบ้านแตกเป็นแน่”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเกลี้ยกล่อม “อาหารเพียงมื้อเดียวเท่านั้น อยากมากินก็มาเถอะ คนเยอะจะได้คึกคัก”
ภรรยาจางจู้ตอบ “ไม่ใช่ไม่อยากให้พวกเขามากินข้าว แต่ว่า… ช่างเถอะ ข้าไม่พูดแล้ว อีกประเดี๋ยวกินข้าวเจ้าก็รู้เอง” พูดจบเดินเข้าครัวไปด้วยใบหน้ากลัดกลุ้ม
จางเกินเดินออกมาจากในบ้าน ถามเสียงเบา “พี่ใหญ่ อาสะใภ้รองมาขอกินข้าวด้วยอีกแล้วหรือ”
จางจู้พยักหน้า “ไม่ใช่แค่อาสะใภ้รอง เห็นว่าอีกเดี๋ยวครอบครัวชิงเอ๋อร์และครอบครัวจางเถี่ยก็จะมาด้วย”
จางเกินร้องเสียงหลง “อะไรนะ”
จางจู้พูดอย่างแหนงหน่าย “นางบอกว่าเมื่อครอบครัวน้องสาวมาถึง พวกเขาจะมาอยู่กินข้าวเป็นเพื่อน”
จางเกินพูดอย่างเกรี้ยวกราด “พวกเราสองพี่น้องอยู่ที่บ้าน ต้องให้พวกเขามาอยู่เป็นเพื่อนหรือ ข้าว่าพวกเขาคิดจะมากินเปล่าดื่มเปล่าต่างหาก”
จางจู้แกว่งไก่ที่ยังมีเลือดหยดในมือ พูดว่า “ครั้งนี้ไม่ได้มากินเปล่าดื่มเปล่า อย่างน้อยก็เอาไก่มาด้วยตัวหนึ่ง”
จางเกินยิ่งเดือดดาล “พวกเขารวมกันแล้วมีสิบกว่าชีวิต เอาไก่มาแค่ตัวเดียว ยังไม่นับว่ากินเปล่าดื่มเปล่าอีกหรือ ไม่ได้ ข้าต้องไปบอกท่านพ่อท่านแม่ คิดหาวิธีไล่นางไป” พูดจบกลับเข้าไปบอกสองผู้เฒ่าในบ้าน
จางจู้ถอนใจ เก็บข้าวของที่กลุ่มคนนำมาให้ในลานบ้าน เมิ่งเชี่ยนโยวรีบเข้ามาช่วย
ทั้งสองเก็บของทั้งหมดไปวางไว้อีกด้าน จึงเดินเข้าบ้าน
แม่จางจู้ได้ยินจางเกินบอกว่า อีกประเดี๋ยวคนในครอบครัวน้องรองจะมากินข้าว โมโหกระเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียง คิดจะเดินเข้าครัวไปไล่น้องรอง
พ่อจางจู้ห้ามนาง “ช่างเถอะ วันปีใหม่ อยากมากินข้าวก็มากิน ครอบครัวหลานเอ๋อร์ก็อยู่ด้วย หากนางอาละวาดขึ้นมา พวกเราจะยิ่งไม่ได้อยู่เป็นสุข อย่างมาก พอกินข้าวเสร็จ ให้พวกเขารีบกลับไปก็ได้แล้ว”
แม่จางจู้พูดอย่างหงุดหงิด “เจ้าพูดเสียน่าฟัง หากนางกินเสร็จแล้วไม่ยอมไป เกิดคิดอะไรแผลงๆ ออกมา พวกเราไม่ยิ่งโมโหหรือ”
พ่อจางจู้เกลี้ยกล่อม “ไม่หรอก ปกตินางก็แค่ตะกละตะกลาม ไม่ทำเรื่องที่เกินเหตุหรอก”
แม่จางจู้กลับไปนั่งบนเตียง ยังคงพูดอย่างเคืองขุ่น “เจ้าเป็นคนพูดเองนะ หากวันนี้นางกล้ามาก่อความวุ่นวาย ต่อไปเจ้าต้องตัดขาดความสัมพันธ์กับพวกเขา”
เมิ่งชื่อกอดแขนมารดา โน้มน้าวเสียงแผ่ว “ท่านแม่ แค่อาหารมื้อเดียวเท่านั้น พวกเขาอยากมากินก็มากินเถอะ ตอนนี้บ้านเราไม่ต้องสนใจเรื่องเล็กน้อยนี้แล้ว”
แม่จางจู้ตบมือเมิ่งชื่อ พูด “หลานเอ๋อร์ เจ้าไม่รู้อะไร หลายปีมานี้อาสะใภ้รองเจ้า…” พูดถึงตรงนี้ คิดได้ว่าเมิ่งเอ้ออิ๋นยังอยู่ในบ้าน จึงไม่ได้พูดต่อ เพียงแค่ถอนหายใจยาวพูดขึ้น “หวังว่าปีนี้นางจะอยู่อย่างสงบ”
“ท่านลุงใหญ่ ท่านป้าใหญ่ ครองครัวชิงเอ๋อร์มาสวัสดีปีใหม่ท่านแล้ว” ชายคนหนึ่งยืนร้องเรียกอยู่ในลานบ้าน
ทั้งครอบครัวรีบออกไปต้อนรับ โฮ๊ะ อารองของจางจู้ ครอบครัวจางเถี่ย ครอบครัวชิงเอ๋อร์ มากันพร้อมหน้าพร้อมตา เมื่อครู่คนที่ร้องตะโกนน่าจะเป็นจางเถี่ย แม่จางจู้พูดอย่างไม่ค่อยเป็นมิตร “ชิงเอ๋อร์มาแล้ว เดินทางมาหนาวหรือไม่ เข้ามานั่งในบ้านก่อน”
ชิงเอ๋อร์และสามีนางพูดพร้อมกัน “ท่านลุงใหญ่ ท่านป้าใหญ่ สวัสดีปีใหม่” พูดจบ หันไปพูดกับลูกทั้งสามคนของตนเอง “ยังไม่รีบเรียกอีก”
เด็กสาวอายุสิบสี่สิบห้าปีคนหนึ่งและเด็กชายเด็กกว่าอีกสองคนพูดอย่างมีมารยาท “ท่านตา ท่านยายสวัสดีปีใหม่”
พ่อแม่จางจู้พยักหน้า หญิงชราจางพูดขึ้น “รีบเข้ามาในบ้านเถอะ อีกประเดี๋ยวอาหารก็ทำเสร็จแล้ว”
ชิงเอ๋อร์พยักหน้า พาเด็กๆ เข้าบ้าน เด็กผู้ชายที่อายุน้อยที่สุดกลับไม่ขยับเขยื้อน หันไปพูดเสียงดังกับชิงเอ๋อร์ “ท่านแม่ ท่านบอกว่าบ้านท่านตาร่ำรวยแล้ว พวกเรามาสวัสดีปีใหม่จะต้องได้อั่งเปาไม่ใช่หรือ พวกเราสวัสดีปีใหม่แล้ว เหตุใดยังไม่ให้พวกเราอีก”
แม่จางจู้หน้าใบหน้านิ่งขรึม
ชิงเอ๋อร์ก้มหน้าพูดโอ้โลมเสียงเบา “ลูกรัก เข้าบ้านก่อนเดี๋ยวท่านยายก็ให้อั่งเปาเอง”
แม่จางจู้บันดาลโทสะแล้ว กำลังจะพูดถากถางพวกเขา เมิ่งชื่อพลันคว้านางไว้ ส่งสัญญาณให้นางระงับโทสะ จากนั้นหันไปพูดกับชิงเอ๋อร์ “น้องชิงเอ๋อร์มาแล้ว ไม่รู้ว่าเจ้าได้นำสิ่งของใดมาสวัสดีปีใหม่ท่านลุงใหญ่ท่านป้าใหญ่ด้วย”
ชิงเอ๋อร์หน้าแดงก่ำ พูดขึ้น “พี่หลานเอ๋อร์ ข้าไม่เหมือนท่าน เปิดโรงงานใหญ่หลายแห่ง มีเงินให้กินใช้ไม่หมด บ้านพวกเราตลอดทั้งปีไม่เคยได้กินข้าวอิ่มท้อง จะมีเงินไปซื้อของให้ท่านลุงท่านป้าได้อย่างไร แม้แต่บ้านฝ่ายแม่ข้า ข้ายังซื้อเพียงขนมสองกล่องให้นางเท่านั้น”
เมิ่งชื่อหัวเราะตอบ “เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่รู้ว่าอาสะใภ้รองเตรียมเงินแต๊ะเอียไว้ให้เด็กๆ เท่าใด”
ชิงเอ๋อร์ยิ้มตาหยี “ตอนข้ามา ท่านแม่ไม่อยู่บ้าน ยังไม่ได้ให้เงินแต๊ะเอีย แต่ปีก่อนๆ จะให้ยี่สิบอีแปะ”
แม่จางจู้โมโหจะพูดอีก เมิ่งชื่อแย่งพูดขึ้นก่อน “ข้ารู้แล้ว วันนี้ไม่รู้พวกเจ้าจะมาสวัสดีปีใหม่ ไม่ได้เตรียมอั่งเปาไว้ อีกประเดี๋ยวพอเข้าไปในบ้าน พวกเราจะไปเตรียม เมื่อกินข้าวเสร็จค่อยมอบให้เด็กๆ”
ชิงเอ๋อร์ยินดีปรีดา พาเด็กๆ ตามแม่จางจู้และเมิ่งชื่อเข้าไปในบ้าน
จางจู้ จางเกิน จางเถี่ย พ่อจางจู้ อารองจางจู้ตามเมิ่งเอ้ออิ๋นและสามีของชิงเอ๋อร์ไปนั่งคุยกันอีกห้องหนึ่ง
เมิ่งเชี่ยนโยวไปนั่งคุยกับพี่น้องในห้องจางเชา
ลูกสองคนของชิงเอ๋อร์โวยวายจะออกไปเล่นในลานบ้าน ชิงเอ๋อร์กำชับพวกเขาห้ามเล่นซุกซน จากนั้นก็ให้พวกเขาออกไป
เมิ่งเจี๋ยออกมาพอดี เห็นลานบ้านมีเด็กที่อายุไล่เลี่ยกับตนเอง ก็วิ่งเข้าหาอย่างยินดี ตรงเข้าไปเล่นกับพวกเขา
เมิ่งเชี่ยนโยวออกมามองดูแวบหนึ่ง เห็นพวกเขาเล่นกันดี ก็วางใจกลับเข้ามาในบ้าน คุยกับจางเชาและพี่น้องคนอื่นๆ
ตอนที่ทุกคนกำลังคุยกันออกรส ด้านนอกก็มีเสียงเด็กร้องไห้ดังแว่วมา คนทั้งหมดวิ่งออกมาจากบ้าน เห็นเมิ่งเจี๋ยกับเด็กชายที่โตกว่าหน่อยกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงตีกัน เด็กที่เล็กกว่าอีกคนร้องไห้อยู่ข้างๆ
คนที่อยู่ในครัวและที่กำลังนั่งคุยอยู่ในบ้านได้ยินเสียงร้องไห้ก็รีบวิ่งออกมา เห็นเมิ่งเจี๋ยกับเด็กชายที่โตกว่าหน่อยกำลังซัดกันนัว อาสะใภ้รองของจางจู้ไม่พอใจ เข้าไปคว้ามือเมิ่งเจี๋ยออกมาอย่างปวดใจพูดว่า “อายุแค่นี้ก็ร้ายกาจเช่นนี้แล้ว เห็นหรือไม่ว่าหน้าของต้าเป่าเป็นลายพร้อยไปหมดแล้ว”
มือเมิ่งเจี๋ยถูกแยกออก ต้าเป่าฉวยโอกาสนี้ตีเขา โดนใบหน้าเมิ่งเจี๋ยพอดี ใบหน้าน้อยๆ ของเมิ่งเจี๋ยพลันบวมแดง
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่น
เมิ่งชื่อคิดจะเดินเข้าหา เมิ่งเชี่ยนโยวยับยั้งเขา
เมิ่งชื่อไม่พอใจแล้ว พูดขึ้น “อาสะใภ้รอง เด็กทะเลาะกัน ท่านเข้ามายุ่งอะไรด้วย”
อาสะใภ้รองของจางจู้ชี้ใบหน้าลายพร้อยของต้าเป่าตอบกลับ “หลานเอ๋อร์ คำโบราณกล่าวไว้ดี ตีคนไม่ตีหน้า เจ้าสั่งสอนลูกของเจ้าอย่างไร ข่วนหน้าต้าเป่าของพวกเราจนกลายเป็นเช่นนี้แล้ว หากทิ้งรอยแผลเป็นไว้ ภายหน้าหากเข้าร่วมการสอบคัดเลือกขุนนางไม่ได้ ต้าเป่าของพวกเราก็จบสิ้นแล้ว”
เมิ่งชื่อใบหน้าเคร่งขรึมลง
ชิงเอ๋อร์รีบเข้าไปประนีประนอม “ต้าเป่า เข้าลงมือลงไม้กับน้องได้อย่างไร รีบขอโทษน้องเร็ว”
“เขาตีข้าก่อน” ต้าเป่าพูดอย่างไม่ยอม
อาสะใภ้รองของจางจู้ยินไม่ยอมแล้ว พูดเสียงดัง “พวกเจ้าฟัง พวกเราอุตส่าห์มาสวัสดีปีใหม่ด้วยเจตนาดี แม้แต่เด็กยังถูกคนรังแก”
แม่จางจู้พูดอย่างฉุนเฉียว “เจ้าว่าอะไร ใครไปรังแกลูกหลานเจ้า ต้าเป่าโตกว่าเจี๋ยเอ๋อร์ของเราตั้งกี่ปี เหตุใดไม่พูดว่าเขารังแกเจี๋ยเอ๋อร์”
อาสะใภ้รองของจางจู้เบะปาก พูดเฉไฉ “ข้าไม่สน สรุปคือใบหน้าต้าเป่าของเราถูกข่วนเป็นลายพร้อย อย่างไรก็ต้องชดใช้ให้พวกเรา”
แม่จางจู้แค่นเสียงหึ “ฝันไปเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาตรงหน้าเมิ่งเจี๋ย ย่อตัวถาม “เจี๋ยเอ๋อร์เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
เมิ่งเจี๋ยตาแดงก่ำ พูดอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม “พวกเขาสองคนจะแย่งเงินข้า ข้าไม่ให้ พวกเราก็เลยตีกัน”
อาสะใภ้รองของจางจู้ได้ฟังพูดขึ้น “อายุเท่านี้อย่าพูดเหลวไหล เจ้ามีเงินมาจากไหน”
เมิ่งเจี๋ยล้วงเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากอกพูดขึ้น “เมื่อครู่ตอนที่พวกเราเล่นกัน เงินก็ร่วงลงมาโดยไม่ตั้งใจ พวกเขาสองรีบมาแย่งเงินข้า ข้าไม่ให้พวกเขาแย่ง พวกเราก็เลยตีกัน”
เห็นเมิ่งเจี๋ยมีเงินจริงๆ อาสะใภ้รองของจางจู้ไม่ได้พูดอะไร
เมิ่งเชี่ยนโยวลูบหัวเมิ่งเจี๋ยพูดขึ้น “เจี๋ยเอ๋อร์ทำถูกต้อง มีคนแย่งของเจ้า เจ้าก็ควรจะอัดเขาให้หมอบ”
“เจ้า…” อาสะใภ้รองของจางจู้โมโหจนพูดไม่ออก
อารองจางจู้พูดขึ้น “พอแล้ว เด็กเล่นด้วยกัน ทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมดา อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ รีบไปทำอาหารให้เสร็จ กินเสร็จครอบครัวชิงเอ๋อร์ยังต้องรีบกลับบ้าน”
ชิงเอ๋อร์รีบพูด “ท่านแม่ ท่านพักเถอะ ข้าไปช่วยทำอาหารเอง”
ภรรยาจางจู้รีบพูดดักคออย่างเย็นชา “ไม่ต้องแล้ว อาหารใกล้เสร็จแล้ว พวกเจ้ากินเสร็จก็รีบกลับไปเถอะ”
ชิงเอ๋อร์งึมงำพูดไม่ออก
อาสะใภ้รองของจางจู้แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ก้มหน้าโอ๋ต้าเป่า
จางจู้และจางเกินรีบจัดเตรียมโต๊ะและถ้วยตะเกียบ
เมิ่งเสียนและคนอื่นพาเมิ่งเจี๋ยเข้าไปในบ้าน เมิ่งเชี่ยนโยวลูบใบหน้าทะเล้นของเขาอย่างปวดใจถามขึ้น “เจี๋ยเอ๋อร์ เจ็บหรือไม่”
เมิ่งเจี๋ยพยักหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวชื่นชม “เจี๋ยเอ๋อร์วันนี้ทำได้ดีมาก ครั้งหน้าหากเจอเรื่องเช่นนี้ จะต้องสู้ให้เต็มแรง จนกว่าเขาจะแพ้ราบคาบ”
เมิ่งเจี๋ยพูด “ท่านพี่ ข้ารู้แล้ว”
อาหารเสร็จแล้ว ภรรยาจางจู้ตะโกนเรียกทุกคนกินข้าว