ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 126.3
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่คิดเลยว่าจะมียายรองชั้นเลิศเช่นนี้ มาอาศัยกินอาศัยดื่มไม่ว่า ยังกล้าวางแผนจะมาดองกับพวกเขา
พ่อจางจู้กลับเข้าบ้านไปอย่างเศร้าสร้อย
มิ่งชื่อคิดจะเข้าไปพูดโอ้โลม
แม่จางจู้รั้งนางไว้ พูดว่า “ไม่ต้องไปสนพ่อเจ้า ไม่กี่วันก็ดีเอง แม่ต้องอดกลั้นมานานหลายปี ในที่สุดก็ได้ปลดปล่อยแล้ว ไป แม่จะไปทำบะหมี่ให้พวกเจ้า เด็กๆ ยังไม่ได้กินข้าวเลย”
เมิ่งชื่อจำต้องเดินตามเข้าไปในครัว
ภรรยาจางจู้และภรรยาจางเกินนวดแป้งเสร็จแล้ว แม่จางจู้นำเขียงมาวาง เริ่มลงมือคลึงเส้นบะหมี่ เมิ่งชื่อคิดจะทำ แม่จางจู้อย่างไรก็ไม่ยอม บอกว่าวันนี้ตนเองมีความสุข จะทำบะหมี่ให้บุตรสาวกินด้วยตัวเอง
จางจู้และจางเกินรวมถึงเมิ่งเอ้ออิ๋นเดินเข้ามาในบ้าน เห็นพ่อจางจู้ที่ดูไม่มีความสุข ไม่รู้ว่าควรพูดสิ่งใด
พ่อจางจู้ถอนหายใจพูดขึ้น “เมื่อก่อนพวกเขาจะมาก่อกวนไม่เว้นวัน ข้ากับแม่เจ้าอยากจะตัดความสัมพันธ์กับพวกเขาให้รู้แล้วรู้รอด ตอนนี้ตัดสัมพันธ์จริงๆ แล้ว ข้ากลับรู้สึกใจหวิว บอกไม่ถูก”
เมิ่งเอ้ออิ๋นพูดขึ้น “ท่านพ่อตา ขอโทษด้วย เรื่องเกิดเพราะเด็กๆ โดยแท้ ทำให้ท่านต้องลำบากใจ”
พ่อจางจู้โบกมือ “ต้องขอบใจเด็กๆ ที่มีส่วนช่วยในครั้งนี้ ไม่เช่นนั้นอย่างไรข้าก็ไม่มีทางตัดใจตัดความสัมพันธ์กับพวกเขาได้ เช่นนี้ดีแล้ว เลี่ยงไม่ให้พวกเขารู้ว่าบ้านเรามีเงินแล้ว คอยมาก่อกวนที่บ้านทุกวัน สร้างหายนะที่ร้ายแรงกว่านี้”
ภรรยาจางจู้และภรรยาจางเกินเก็บกวาดบ้านเสร็จ เดินมาห้องครัว แม่จางจู้คลึงบะหมี่เสร็จแล้ว ทั้งสองเติมน้ำติดไฟ ไม่นานบะหมี่ร้อนกรุ่นก็ออกจากเตา
ภรรยาจางจู้จัดวางถ้วยตะเกียบใหม่ ร้องเรียก “กินข้าวแล้ว เด็กๆ รีบมากินข้าวได้แล้ว”
เด็กๆ เดินเฮโลออกมา นั่งประจำที่บนเก้าอี้
ภรรยาจางจู้พูดกระเซ้า “โยวเอ๋อร์และอี้เซวียนยังไม่ได้กินข้าว พวกเจ้าตามมาทำอะไรด้วย”
จางเชาตอบ “ท่านแม่ พวกเขากินข้าวแบบนั้น พวกเราเห็นแล้วสะอิดสะเอียน หาได้กินอิ่มไม่”
ภรรยาจางจู้ไม่พูดอีก ตักบะหมี่ให้เด็กๆ คนละถ้วย
เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งอี้เซวียนหิวมากจริงๆ ต่างก้มหน้ากินคำโต
แม่จางจู้เข้ามาพอดี เห็นเด็กๆ ในสภาพหิวโหย ดวงตาแดงเรื่อ ก่นด่า “มื้ออาหารที่ดีถูกพวกเขาก่อกวนจนพัง ไม่สมควรให้เงินสามสิบตำลึงแกพวกเขานัก”
เมิ่งชื่อพูดโน้มน้าว “ท่านแม่ เงินก็ให้ไปแล้ว หนังสือรับรองตัดขาดความสัมพันธ์ก็ทำแล้ว ต่อไปพวกเขาไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา มาก่อกวนไม่ได้อีกแล้ว ท่านอย่าโมโหอีกเลย”
เมิ่งเชี่ยนโยวกลืนบะหมี่ในปาก พูดกับท่านยาย “ท่านยาย บะหมี่ที่ท่านทำอร่อยจริงๆ”
แม่จางจู้ยิ้มหน้าบาน พูดอย่างดีใจ “อร่อยก็กินเยอะๆ ไม่พอเดี๋ยวยายจะไปทำให้อีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ก้มหน้ากินบะหมี่ต่อ
เด็กทั้งหมดกินบะหมี่กระทะใหญ่ ภรรยาจางจู้ตาโตอ้าปากค้าง ถามภรรยาจางเกินอย่างเป็นกังวล “เด็กๆ จะจุกหรือไม่”
ภรรยาจางเกินหัวเราะ “พี่สะใภ้ใหญ่ ตอนนี้เป็นเวลาไหนแล้ว เด็กๆ ต่างหิวกันนานแล้ว กินเยอะหน่อยไม่เป็นไร”
ภรรยาจางจู้ยังคงไม่วางใจ เดินเข้าไปดูในบ้าน เห็นเด็กๆ พูดคุยสรวลเสเฮฮา ไม่มีอาการว่ากินเยอะเกินไป ถึงได้วางใจ เรียกผู้ใหญ่ออกมากินข้าว
คนทั้งหมดต่างก็หิวแล้ว แต่ละคนจึงกินไปไม่น้อย
หลังจากกินข้าวเสร็จ ภรรยาจางจู้และภรรยาจางเกินเก็บกวาดถ้วยชาม แม่จางจู้นั่งบนเตียงคุยสัพเพเหระกับบุตรสาว
เด็กทั้งหมดเข้าไปในห้องจางเชา รุมล้อมถามเมิ่งฉีว่าลูกเตะเมื่อครู่เขาทำอย่างไร เมิ่งฉีเกาหัวเก้อเขิน หันมองไปที่เมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า เมิ่งฉีเข้าใจทันที พูดขึ้น “ข้าเห็นเขาตีพี่ใหญ่ เตะออกไปด้วยความโมโห ข้าก็ไม่รู้ว่าเตะอย่างไร”
จางเชาและคนอื่นๆ รู้สึกผิดหวัง แต่ก็ลองเลียนแบบท่าเตะของเมิ่งฉี ถามเขาว่าถูกต้องหรือไม่ เมิ่งฉีพยักหน้า คนทั้งหมดดีใจลิงโลด
หลังจากภรรยาจางจู้และภรรยาจางเกินเก็บกวาดเสร็จ ก็กลับเข้ามาในบ้านพูดคุยกับแม่จางจู้และเมิ่งชื่ออย่างสนิทสนมเป็นกันเอง
“พี่จางจู้อยู่บ้านหรือไม่” มีคนถามขึ้นจากลานบ้าน
จางจู้ออกไปดู เห็นคนรู้จักในหมู่บ้านเดียวกันรีบร้อนพูด “พวกเจ้ามาแล้ว รีบเข้ามาในบ้านเถอะ”
คนทั้งหมดโบกมือ พูดขึ้น “ไม่ต้องแล้ว พวกเราเพียงแค่แวะมาถาม โรงงานบ้านน้องสาวเจ้ายังรับสมัครคนงานหรือไม่ พวกเราอยากตามไปทำงานด้วย”
จางจู้ตอบ “เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้ ข้าจะช่วยถามให้” พูดจบ ร้องตะโกนเรียก “โยวเอ๋อร์ เจ้าออกมาหน่อย”
เมิ่งเชี่ยนโยวรับคำเดินออกมา ถามด้วยรอยยิ้ม “ท่านลุงใหญ่ มีเรื่องอันใด”
จางจู้ตอบ “พวกเขาเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน แวะมาถามว่าโรงงานพวกเรายังรับสมัครคนงานหรือไม่ พ้นปีใหม่ พวกเขาอยากไปทำงานด้วย”
เมิ่งเชี่ยนโยวย่นหัวคิ้ว
จางจู้รีบพูดต่อ “วางใจเถอะ พวกเขาล้วนเป็นคนทำงานแข็งขัน ตอนที่พวกเรารับสมัครคน พวกเขาไปทำงานต่างถิ่นพอดี จึงมาไม่ทัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าพูดว่า “หลังจากปีใหม่ อากาศอบอุ่น กุนเชียงและเนื้อรมควันจะขายได้น้อยลง โรงงานของเรายังอาจต้องปลดคนงานบางส่วนออก”
คนทั้งหมดแสดงสีหน้าผิดหวัง
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “แต่ว่า ข้าอาจจะมีงานอื่นที่ต้องจ้างคนมาทำ ส่วนจะรับคนมากเท่าไหร่ยังไม่ได้กำหนด หากถึงตอนนั้นพวกท่านยังไม่มีงานทำ ให้มาทำงานได้”
คนทั้งหมดแย่งกันกล่าวขอบใจ เดินแยกย้ายกลับไป
จางจู้ถามขึ้น “โยวเอ๋อร์ หลังปีใหม่เจ้ายังมีงานอะไรต้องใช้คน คิดจะใช้คนจำนวนเท่าใด”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “ท่านลุงใหญ่ ข้าคิดจะซื้อภูเขาร้างหลายลูก ปลูกของบางอย่าง ถึงตอนนั้นจะต้องหาคนจำนวนมากมาหักล้างถางพง”
จางจู้เป็นเดือดเป็นร้อน “ภูเขาร้างจะปลูกอะไรขึ้นได้อย่างไร สู้เจ้าซื้อที่อุดมสมบูรณ์สำหรับเพาะปลูกจะดีกว่า”
เมิ่งเชี่ยนโยวเอนตัวเข้าหาเขา พูดกระซิบกระซาบ “ลุงใหญ่ ข้าต้องการปลูกสมุนไพรจำพวกหนึ่ง มีแต่บนเขาที่จะเจริญเติบโตได้”
จางจู้เข้าใจพลัน
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อ “ผ่านไปสักสองสามวันหากท่านไม่มีอะไรทำ ก็ไปสืบถามจากผู้ใหญ่บ้านให้ข้าหน่อย ว่าภูเขาร้างขายอย่างไร ถ้าขายไม่แพง ข้าจะซื้อเพิ่มอีกหลายลูก”
จางจู้พยักหน้า “ไม่มีปัญหา เป็นหน้าที่ลุงใหญ่เอง ลุงใหญ่จะต้องสืบได้ความมาให้เจ้า”
“ขอบคุณลุงใหญ่” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว
จางจู้พูด “ขอบใจอะไร เจ้าช่วยลุงใหญ่ตั้งมากมาย ลุงใหญ่ช่วยเจ้าแค่นี้เทียบกันไม่ได้เลย”
ทั้งสองกลับเข้าบ้าน
ภรรยาจางจู้ถามขึ้น “พวกเจ้าคุยอะไรกัน ดีอกดีใจเช่นนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “ข้าอยากให้ลุงใหญ่ช่วยซื้อภูเขาร้างให้ข้าสองสามลูก ลุงใหญ่บอกว่าเดี๋ยวเขาจัดการให้เอง ข้าก็เลยดีใจมาก”
ภรรยาจางจู้ถามด้วยอารามตกใจ “ภูเขาร้างปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น เจ้าจะซื้อไปทำสิ่งใด”
จางจู้พูด “โยวเอ๋อร์อยากซื้อย่อมต้องมีเหตุผลของนาง เจ้าจะถามมากไปทำไม”
ภรรยาจางจู้หุบปาก
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะไม่ได้พูดอะไร
ทั้งครอบครัวพูดคุยอย่างสนุกสนานเป็นกันเอง กระทั่งบ่ายคล้อย เมิ่งเอ้ออิ๋นเห็นว่าฟ้าใกล้จะมืดแล้ว ถึงพูดขึ้น “ท่านพ่อตาแม่ยาย พวกเราควรกลับแล้ว”
แม่จางจู้มองท้องฟ้า รู้ว่าหากบุตรสาวยังไม่กลับ ฟ้าก็จะมืด พูดอย่างอาลัยอาวรณ์ “วันนี้พวกเจ้าทั้งหมดอย่าไปเลย ค้างที่นี่สักคืน พรุ่งนี้ค่อยกลับ”
เมิ่งชื่อหัวเราะตอบว่า “ท่านแม่ เหรินเอ๋อร์บุตรชายพี่สะใภ้ใหญ่จะหมั้นหมายวันที่สิบ สิ่งของทุกอย่างยังไม่ได้ซื้อหา ข้ารับปากพี่สะใภ้ใหญ่แล้ว จะเข้าเมืองไปซื้อของหมั้นพร้อมนาง เรื่องนี้จะให้ล่าช้าไม่ได้”
แม่จางจู้ได้ฟัง รู้ว่าเรื่องนี้จะให้ล่าช้าไม่ได้ จึงไม่ดึงรั้งอีก
เมิ่งเอ้ออิ๋นตระเตรียมรถม้า ทั้งครอบครัวบอกลาครอบครัวบ้านแม่เมิ่งชื่อ เดินทางกลับบ้านอย่างมีความสุข
ตอนที่มาถึงบ้าน ฟ้ามืดสนิทแล้ว หลังจากลงจากรถม้า เมิ่งชื่อเปลี่ยนกลับมาใส่เสื้อผ้าปกติ เข้าครัวไปทำอาหาร
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้าห้อง หยิบยาขวดน้อยเข้ามาในห้องเมิ่งเสียน พูดกับเมิ่งเสียนว่า “พี่ใหญ่ ท่านใช้ยานี้ทาใบหน้า พรุ่งนี้ก็จะดีขึ้น”
เมิ่งเสียนรับขวดยามา ดึงจุกออก ใช้นิ้วมือแตะๆ บรรจงทาถูใบหน้า
วันถัดมา ใบหน้าที่บวมแดงของเมิ่งเสียนก็ยุบตัวลง
เมิ่งชื่อกินข้าวเสร็จ ก็มาที่บ้านใหญ่เมิ่ง หญิงชราเมิ่งและภรรยาเมิ่งต้าจินกำลังปรึกษากันเรื่องของหมั้นหมาย
คนทั้งหมดตั้งวงปรึกษา สุดท้ายได้บทสรุปว่า ผ้าเนื้อละเอียดสองพับ ผ้าไหมเนื้อดีสองพับ ขนมชั้นเลิศสองกล่องและเนื้อหมูยี่สิบจิน สำหรับเครื่องประดับให้ซื้อกำไลเงินน้ำงามหนึ่งคู่และต่างหูอีกหนึ่งคู่
หลังจากปรึกษาเสร็จ ภรรยาเมิ่งต้าจินก็เร่งเร้าเมิ่งต้าจินให้ไปบังคับรถเทียมเกวียน เพื่อไปซื้อของในเมือง
เมิ่งชื่อส่งยิ้มพูด “พี่สะใภ้ อย่าเพิ่งใจร้อน บ้านพวกเรามีผ้าเนื้อละเอียดที่คุณชายจูและคุณชายเซี่ยให้มาเป็นของขวัญปีใหม่ ท่านไปลองดูก่อน หากมีที่เหมาะสมก็เลือกมาสองพับ”
ภรรยาเมิ่งต้าจินโบกมือ “น้องสะใภ้ ได้อย่างไรกัน ผ้าแพรพรรณพวกนั้นมอบให้กับพวกท่าน พวกเราจะเอามาใช้ได้อย่างไร เจ้าช่วยเข้าเมืองไปซื้อเป็นเพื่อนข้าเถอะ”
เมิ่งชื่อพูดขึ้น “พี่สะใภ้ใหญ่ มีมากมายนัก พวกเราใส่ไม่ทัน วางไว้ก็เกะกะเปล่าๆ เจ้าไม่ต้องเกรงใจแล้ว รีบตามข้าไปเลือกสักสองพับ” พูดจบ ดึงแขนภรรยาเมิ่งต้าจินเดินออกไป
ภรรยาเมิ่งต้าจินสู้แรงไม่ได้ จำต้องเดินตามออกมา เดินไปพูดไป “น้องสะใภ้ ครอบครัวพวกเราอาศัยประโยชน์จากพวกเจ้ามากมายแล้ว จะเอาผ้าแพรพรรณจากพวกเจ้ามาอีกได้อย่างไร”
เมิ่งชื่อหัวเราะพาภรรยาเมิ่งต้าจินมาถึงบ้านตนเอง
เมิ่งเชี่ยนโยวกำลังอยู่ในลานบ้าน เห็นภรรยาเมิ่งต้าจินเข้ามา ส่งยิ้มทักทาย “ท่านป้าใหญ่ ท่านมาแล้ว”
ภรรยาเมิ่งต้าจินหัวเราะแก้เก้อ
เมิ่งชื่อหันไปพูดกับนาง “แม่กับท่านย่าเจ้าและป้าใหญ่ปรึกษากันแล้ว ตอนหมั้นหมายจะเตรียมผ้าละเอียดสองพับ ผ้าไหมสองพับให้แม่หนูคนนั้น ป้าใหญ่เจ้าคิดจะเข้าไปซื้อในเมือง แม่คิดว่าบ้านของพวกเรามีอยู่ จึงให้ป้าใหญ่มาเลือกหาไป”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างไม่สนใจ “คุณชายจูและคุณชายเซี่ยส่งมาให้ตั้งมาก ท่านกับป้าใหญ่เลือกตามสบาย พอใจแบบไหนก็เอาไปเถิด”
ภรรยาเมิ่งต้าจินยังยืนหยัดพูดต่อ “นี่เป็นงานหมั้นของเหรินเอ๋อร์ จะมาเอาสิ่งของจากบ้านพวกเจ้าได้อย่างไร ข้าเข้าไปซื้อในเมืองดีแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาตรงหน้านาง พูดสัพยอก “ป้าใหญ่ ผ้าที่คุณชายจูและคุณชายเซี่ยส่งมาให้ล้วนเป็นผ้าชั้นดี มีราคาสูงลิบ หากท่านนำผ้าเช่นนี้ไปหมั้นหมาย รับรองจะต้องเป็นที่โจษจัน ท่านแน่ใจว่าไม่ต้องการ”
ภรรยาเมิ่งต้าจินได้ยินนางพูด ยิ่งรู้สึกไม่ดี พูดขึ้น “ผ้าเนื้อดีเช่นนั้น ป้ายิ่งไม่ควรเอา พวกเจ้าเก็บไว้ตัดเสื้อผ้าใส่เองเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่คิดว่าจะได้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม พลันพูดไม่ออก
เมิ่งชื่อฝืนลากภรรยาเมิ่งต้าจินเข้าไปในบ้าน ชี้กองผ้าในห้องพูดกับนาง “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านดูผ้ามากขนาดนี้ พวกเราไม่มีทางใส่หมด ท่านเลือกไปสักสองพับเถอะ”
ภรรยาเมิ่งต้าจินมองดูสิ่งของเต็มห้องถึงกับเดาะลิ้น เลือกผ้าเนื้อละเอียดสีแดงออกมาหนึ่งพับ ผ้าไหมสีชมพูหนึ่งพับ
ทั้งสองเลือกผ้าเสร็จ ก็กลับมาบ้านใหญ่เมิ่ง หญิงชราเมิ่งเห็นผ้าสองพับ พูดอย่างยินดี “สะใภ้ใหญ่ หากพวกเรานำผ้าสองพับนี้ไปหมั้นหมาย ในละแวกใกล้เคียงนี้คาดว่าไม่มีใครเทียบพวกเราได้ ถึงตอนนั้นจักต้องมัดใจแม่หนูให้ยอมแต่งเข้าบ้านเราได้อย่างหน้าชื่นตาบาน”