ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 127.2
พอเห็นว่าไม่มีอะไรต้องซื้อแล้ว เมิ่งต้าจินก็บังคับรถม้าเดินทางกลับ ตอนที่มาถึงหน้าประตูเมืองกำลังจะเลี้ยวรถ เสียงแคลงใจหนึ่งก็ดังขึ้น “พี่ต้าจิน”
เมิ่งต้าจินหยุดรถม้า มองจ้องเขม็ง ที่แท้ก็เป็นหลิวอี้หมิง
โรงเรียนในเมืองยังไม่เปิดเรียน หลิวอี้หมิงใช้เวลาว่างนี้เข้ามาดูหนังสือในร้านหนังสือในเมือง เพิ่งจะมาถึงทางเลี้ยว ก็เห็นรถม้าเลี้ยวมา กำลังจะหลบทางให้ กลับรู้สึกว่าคนที่บังคับรถม้าคลับคล้ายกับเมิ่งต้าจิน จึงลองหยั่งเชิงเอ่ยปากเรียก ไม่คิดว่าจะใช่เขาจริงๆ
หลิวอี้หมิงดวงตาเปล่งประกาย เดินหน้าพูดด้วยรอยยิ้ม “เป็นพี่ต้าจินจริงๆ ข้านึกว่าตัวเองจำคนผิดเสียแล้ว ไม่ทราบว่าพี่ต้าจินเข้าเมืองมาด้วยเรื่องอันใด มีสิ่งใดต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่”
เมิ่งต้าจินตอบกลับ “อีกสองวันบุตรชายคนโตของข้าจะไปหมั้นหญิงสาว วันนี้พวกเรามาซื้อของหมั้นหมาย ไม่มีสิ่งใดให้น้องอี้หมิงต้องช่วยเหลือ ขอบใจมาก”
หลิวอี้หมิงมองรถม้าแวบหนึ่ง แย้มสรวล “เป็นอย่างนี้เอง เช่นนั้นข้าขอแสดงความยินดีกับพี่ต้าจินก่อน เอาไว้ตอนที่หลานคนโตแต่งงานท่านจักต้องบอกข้า ข้าจะได้ไปดื่มเหล้ามงคลแสดงความยินดี”
เมิ่งต้าจินตอบตามมารยาท “แน่นอนๆ วันนี้อากาศค่อนข้างเย็น ข้าขอตัวกลับก่อน”
หลิวอี้หมิงพยักหน้า หลีกทางพลางพูดอย่างเป็นมิตร “พี่ต้าจินเดินทางปลอดภัย”
เมิ่งต้าจินพยักหน้า บังคับรถม้าจากไปโดยไว
หลิวอี้หมิงมองรถม้าที่จากไปไกลแล้ว ถึงก้าวเท้าเดินไปร้านหนังสือ
คนทั้งหมดกลับมาถึงหมู่บ้าน บังคับรถม้ามาที่บ้านใหญ่ก่อน
ภรรยาเมิ่งต้าจินและเมิ่งชื่อรวมถึงเมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้า เมิ่งต้าจินและเมิ่งเหรินจัดการขนถ่ายสิ่งของลงจากรถม้าไปไว้ในห้องหญิงชราเมิ่ง ให้นางดูสิ่งของทีละอย่าง
พอหญิงชราเมิ่งเห็นต่างหูดอกกล้วยไม้หยกงดงามคู่นั้น ก็อุทานว่าแพงเกินไป การหมั้นหมายมีใครซื้อของดีเช่นนี้กัน
ภรรยาเมิ่งต้าจินบอกนางว่าเมิ่งเชี่ยนโยวเป็นคนซื้อ จ่ายเงินไปยี่สิบตำลึง
หญิงชราเมิ่งรู้สึกปวดใจ กล่าวว่าใช้จ่ายเงินมากเกินไป บ้านอื่นแต่งภรรยาเข้าบ้านยังใช้เงินไม่ถึงยี่สิบตำลึง
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะพูด “ท่านย่า ข้าเห็นหญิงสาวที่เราจะหมั้นหมายด้วยแล้ว ยังได้พูดคุยกับนางเล็กน้อย ข้าชอบนิสัยของนางมาก ต่างหูนี้ถือเป็นน้ำใจที่ข้ามอบให้นางก็แล้วกัน”
หญิงชราเมิ่งยังคงรู้สึกปวดใจ กล่าวว่า “เช่นนั้นก็ยังแพงเกินไป อีกอย่าง เจ้าซื้อต่างหูดีเช่นนี้ให้นาง นางก็ไม่กล้าใส่ไปข้างนอก หากทำหายไป คงปวดใจแย่”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะไม่ได้พูดอะไร
เมิ่งชื่อพูดเกลี้ยกล่อม “ท่านแม่ โยวเอ๋อร์ก็ซื้อมาแล้ว ท่านเลิกปวดใจได้แล้ว อีกอย่าง รอถึงตอนที่เหรินเอ๋อร์แต่งงาน ต่างหูนี้จักต้องใส่กลับมา อย่างไรก็เป็นทรัพย์สินของครอบครัวเรา”
หญิงชราเมิ่งคิดแล้วก็เห็นด้วย จึงไม่โอดครวญอีก
หลังจากดูผ้าเนื้อละเอียดและขนมหวานเสร็จ หญิงชราเมิ่งก็พูดว่า “ของขวัญสำหรับหมั้นหมายนี้ ถือว่าดีที่สุดในหมู่บ้านใกล้เคียงนี้แล้ว พวกเรานำไป รับประกันว่าคนในหมู่บ้านพวกนางจะต้องอิจฉาตาร้อนผ่าว”
ภรรยาเมิ่งต้าจินหัวเราะพูด “ตอนนั้นข้าก็คิดเช่นนี้ จึงไม่ได้ยับยั้งโยวเอ๋อร์ซื้อต่างหูดีเช่นนั้น ข้าคิดว่า เราให้ของหมั้นหมายที่ดีเช่นนี้ หากพวกเราเสนอให้นางกับเหรินเอ๋อร์แต่งงานกันหลังจากนี้สองเดือนให้หลัง พ่อแม่ของเด็กสาวจะต้องตกลง”
หญิงชราเมิ่งตกตะลึง “เร็วเช่นนั้นเลย”
ภรรยาเมิ่งต้าจินตอบกลับ “ท่านแม่ เหรินเอ๋อร์อายุสิบแปดแล้ว เด็กอายุสิบแปดบ้านอื่นมีลูกวิ่งได้แล้ว พวกเราจัดการยิ่งเร็วก็ยิ่งดี”
เมิ่งชื่อพยักหน้า “เช่นนี้ก็ดี รอให้เสร็จเรื่องงานหมั้น ค่อยให้สะใภ้ซุนไปถามไถ่ ดูว่าอีกสองเดือนให้หลังแต่งงานได้หรือไม่ หากว่าได้ พวกเราจะได้ลงมือเตรียมตัว”
เมิ่งเหรินที่ไม่พูดไม่จามาตลอดร้อนรนเอ่ยปาก “ท่านแม่ เร็วเกินไปหน่อยแล้ว พวกเรายังไม่หมั้นหมาย เหตุใดถึงโยงไปเรื่องแต่งงานแล้ว ข้ายังไม่ได้คิดเรื่องแต่งงาน”
เมิ่งเชี่ยนโยวมุ่นหัวคิ้ว
ภรรยาเมิ่งต้าจินนึกว่าบุตรชายเขินอาย แย้มยิ้มพูดว่า “ไม่เร็ว แม่ยังคิดว่าช้าไปด้วยซ้ำ แม่แทบอยากจะแต่งลูกสะใภ้เข้ามาเสียวันนี้พรุ่งนี้แล้ว”
เมิ่งเหรินทวีความร้อนรน ลนลานพูดขึ้น “แต่ปีนี้ข้ายังต้องเข้าสอบคัดเลือกขุนนาง ไหนเลยจะมีใจคิดเรื่องแต่งงาน”
หญิงชราเมิ่งกล่าวว่า “ฤดูใบไม้ร่วงถึงจะมีการสอบคัดเลือกขุนนาง หากแต่งงานในสองเดือนให้หลังนี้ไม่เสียเวลาการเข้าสอบคัดเลือกขุนนางของเจ้าแน่นอน ไม่แน่ว่าพอเจ้าสอบได้เป็นซิ่วไฉ ภรรยาเจ้าก็ตั้งท้องพอดี เป็นมงคลสองชั้น ดียิ่งแล้ว”
เมิ่งเหรินร้อนรนใบหน้าแดงก่ำ พูดอย่างเร็วรี่ “ท่านย่า ท่านแม่ ข้ายังไม่คิดจะแต่งงานจริงๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม ถามขึ้นอย่างมีนัยแฝง “พี่ใหญ่ไม่ยินยอมแต่งงาน เพราะมีเรื่องอื่นที่บอกไม่ได้ใช่หรือไม่”
เมิ่งเหรินกะพริบตาปริบ พูดอย่างกินปูนร้อนท้อง “จะมีเรื่องอื่นอันใด ข้าเพียงแค่ไม่อยากแต่งงานเร็วเช่นนี้เท่านั้น”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อ “คืนวันส่งตัวเข้าหอ ผู้มีชื่อบนแผ่นทองคำ[1] ตั้งแต่โบราณมาล้วนเป็นสิ่งที่เหล่าชายเฝ้าปรารถนาที่สุด ตอนนี้พี่ใหญ่กลับบอกปัดไม่ยอมแต่งงานครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด”
ภรรยาเมิ่งต้าจินก็มองเมิ่งเหรินอย่างคลางแคลงใจ ถามขึ้น “เหรินเอ๋อร์ เจ้าคงไม่ได้มีเรื่องใดปิดบังแม่จริงๆ หรอกนะ”
เมิ่งเหรินลุกลนโบกมือ “ท่านแม่ ไม่มีจริงๆ ข้าเพียงต้องการสอบคัดเลือกให้ผ่านถึงค่อยแต่งงาน”
ภรรยาเมิ่งต้าจินถึงวางใจลง “ไม่มีก็ดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงพูดกับเมิ่งเหรินต่อ “พี่ใหญ่ ข้าเห็นหลานสาวสะใภ้ซุนแล้ว เป็นหญิงสาวที่ร่าเริงสดใสมากคนหนึ่ง หากพี่ใหญ่ไม่ยินดี เราฉวยโอกาสที่ทั้งสองหมู่บ้านยังไม่มีใครรู้เรื่อง พวกเราไปทำการขอขมา เรื่องนี้ให้จบเพียงเท่านี้ แต่หากพวกเราหมั้นหมายแล้ว พี่ใหญ่เกิดมีความคิดไม่สมควรอันใด จะเป็นการทำลายหญิงสาวนางนั้นไปทั้งชีวิต ดังนั้นพี่ใหญ่จะต้องคิดให้ดีๆ การหมั้นนี้จะให้มีหรือไม่มี”
เมิ่งเหรินร้อนรนพูด “น้องโยวเอ๋อร์ ข้าหาได้มีความคิดอื่นจริงๆ”
“พี่ใหญ่แน่ใจ” เมิ่งเชี่ยนโยวถามอย่างเย็นเยียบ
เมิ่งเหรินพยักหน้า “จริงๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ “พี่ใหญ่ร่ำเรียนวิถีแห่งขงจื่อและเมิ่งจื่อมานานหลายปี ควรจะรู้หลักการวิญญูชนพูดคำไหนคำนั้น เมื่อพี่ใหญ่พูดเช่นนี้ ข้าก็จะเชื่อท่าน หากภายหน้าท่านกระทำเรื่องที่ผิดต่อพี่สะใภ้ใหญ่ ข้าจะเป็นคนแรกที่ไม่ปล่อยท่านไว้”
เมิ่งเหรินกลับมาหลายวันแล้ว ย่อมได้ยินเรื่องของเมิ่งเชี่ยนโยวมาไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะเมิ่งเสียวเถี่ยที่อยู่ตรงหน้า เป็นตัวอย่างอย่างชัดแจ้งที่สุด ตอนนี้ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ หน้าผากมีเหงื่อซึมออกมาไม่หยุด เอาแต่พูดรับประกัน “น้องโยวเอ๋อร์ ข้าเพียงแค่ไม่อยากแต่งงานเร็วจริงๆ นอกจากที่ข้าอยากสอบคัดเลือกให้ผ่าน อีกอย่างก็คือในบ้านยังไม่มีบ้านช่องให้เป็นเรือนหอของข้า”
หลายวันมานี้คนทั้งหมดเอาแต่ดีอกดีใจ ไม่ได้คิดถึงปัญหานี้เลย ตอนนี้พอได้ยินเมิ่งเหรินพูดออกมา ต่างก็นิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น จริงด้วย ไม่มีบ้านว่าง เมิ่งเหรินจะแต่งงานอย่างไร
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเมิ่งเหรินอย่างลุ่มลึกแวบหนึ่ง พูดขึ้น “ขอเพียงพี่ใหญ่มีใจจะแต่งงานด้วยใจจริง เรือนหอไม่ใช่ปัญหา รอให้พ้นปีใหม่ จะให้ลุงใหญ่ไปซื้อที่ดินขนาดใหญ่สักผืน ปลูกบ้านไม่กี่วันก็เสร็จ”
เมิ่งเหรินมองเมิ่งเชี่ยนโยวแวบหนึ่ง ก้มหน้าลงไม่พูดอะไรอีก
หญิงชราเมิ่งได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ ย่อมดีอกดีใจ พูดด้วยรอยยิ้ม “ดี พ้นไปอีกสองสามวันค่อยให้ต้าจินไปซื้อที่ปลูกบ้าน พวกเราปลูกเรือนหลังใหญ่ พวกเราทั้งหมดย้ายไปอยู่กันที่นั่น”
เมิ่งต้าจินคิดว่าครอบครัวตนเองมีเงินเพียงหยิบมือ ฝืนยิ้มแหยๆ ไม่ได้พูดอะไร
บรรยากาศภายในบ้านพลันขุ่นมัว
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะพูด “ท่านย่าพูดถูกต้อง อีกไม่กี่วันให้ลุงใหญ่ไปซื้อที่ปลูกบ้าน ข้าจะปลูกเรือนหลังใหญ่ให้ท่านปู่ท่านย่า ถึงตอนนั้นลุงใหญ่ป้าใหญ่ ยังมีพี่ใหญ่ พี่รอง อาสี่และชิงเอ๋อร์ให้ย้ายไปอยู่ที่นั่น”
เมิ่งเหรินเงยหน้าฉับพลัน มองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างไม่เชื่อ
ภรรยาเมิ่งต้าจินร้องอุทาน “ได้อย่างไรกัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มถาม “เหตุใดถึงไม่ได้ ท่านปู่ท่านย่ามีท่านและลุงใหญ่เลี้ยงดู หากข้าสร้างเรือนให้พวกเขาแล้ว ก็ยังต้องเป็นพวกท่านคอยดูแล พวกท่านไม่เข้าไปอยู่ใครจะไปอยู่”
ภรรยาเมิ่งต้าจินรีบร้อนพูด “โยวเอ๋อร์ เรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ เจ้าซื้อเครื่องประดับสำหรับหมั้นหมาย ป้าก็ทำใจยากแล้ว จะให้เจ้าช่วยสร้างบ้านอีกได้อย่างไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ “ท่านป้าใหญ่ หากท่านทำใจยากจริงๆ รอให้สร้างเรือนเสร็จ ก็มอบเรือนเก่านี้ให้ข้า ข้าต้องการใช้พอดี”
ภรรยาเมิ่งต้าจินขอบตาแดงชื้นกล่าวว่า “โยวเอ๋อร์ เจ้าช่วยเหลือครอบครัวพวกเราทุกอย่าง จะให้ป้าใหญ่พูดอย่างไรดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ป้าใหญ่ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน พูดไปเท่ากับเห็นเป็นคนนอก”
เมิ่งต้าจินยืนอยู่อีกด้านไม่พูดอะไร
เมิ่งจงจวี่และหญิงชราเมิ่งดีใจเป็นล้นพ้น
คนทั้งหมดพูดคุยกันอีกครู่หนึ่ง กำหนดคนที่จะไปวันหมั้นหมาย เมิ่งต้าจินถึงบังคับรถม้าพาเมิ่งชื่อและเมิ่งเชี่ยนโยวกลับไปส่งบ้าน
ชั่วพริบตาก็มาถึงวันที่สิบ
คนบ้านใหญ่สกุลเมิ่งตื่นแต่เช้าตรู่ หลังกินอาหารเช้าก็ตระเตรียมของหมั้นหมาย ผ้าไหมสองพับ ผ้าเนื้อละเอียดสองพับ ขนมสองกล่อง ต่างหูเงินหนึ่งคู่และกำไลเงินหนึ่งคู่ ยังมีเนื้อหมูติดมันยี่สิบจินที่เมื่อวานเมิ่งต้าจินเข้าเมืองไปซื้อกลับมา
ครอบครัวเมิ่งเอ้ออิ๋นกินอาหารเช้าเสร็จ บังคับรถม้ามากันทั้งบ้าน
สมาชิกทั้งสี่คนของครอบครัวเมิ่งซานถงก็ไม่ล่าช้า
สะใภ้ซุนกินอาหารเช้าเก็บกวาดเรียบร้อย ถึงมายังบ้านใหญ่เมิ่ง เห็นของหมั้นที่จัดเตรียมไว้ ตกใจจนพูดไม่ออก อึดใจหนึ่งถึงพูดขึ้น “นี่ สิ่งของพวกนี้ดีเกินไปหน่อยแล้ว”
เมิ่งชื่อแย้มยิ้มพลางพูด “เหรินเอ๋อร์เป็นพี่ใหญ่ เรื่องหมั้นหมายย่อมต้องจัดให้เป็นหน้าเป็นตา เจ้าวางใจเถอะ เอาไว้หลานสาวเจ้าแต่งเข้ามาแล้ว พวกเราจะปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี”
สะใภ้ซุนพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว ข้าก็พูดกับพี่ชายและพี่สะใภ้แล้ว หากหลานสาวข้าได้ตบแต่งเข้ามา ภายหน้าจะมีแต่ความผาสุข”
คนทั้งหมดพูดคุยกันอีกเล็กน้อย ภรรยาเมิ่งต้าจินมองดูท้องฟ้า พูดอย่างร้อนรน “พวกเรารีบไปเถอะ ให้ฝ่ายหญิงรอนานจะไม่ดี”
เมิ่งชื่อหัวเราะพูดหยอกเย้านาง “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าว่าเจ้าไม่ได้กลัวฝ่ายหญิงจะรอนาน แต่เป็นเจ้าที่กระวนกระวายใจเอง”
ภรรยาเมิ่งต้าจินยอมรับโดยดุษฎี “ข้ากระวนกระวายใจจะแย่แล้ว ข้าแทบอยากจะเดินก้าวเดียวก็ถึงบ้านหญิงสาว จัดการเรื่องหมั้นหมายให้เสร็จสิ้น เช่นนั้นข้าถึงจะวางใจลงได้”
คนทั้งหมดหัวเราะร่วน
เรื่องการหมั้นหมายจำเป็นต้องให้ผู้หญิงออกหน้า พี่น้องบ้านเมิ่งทั้งสามคนย่อมตามไปด้วยไม่ได้ แม้เมิ่งเหรินจะตามไปด้วยได้ แต่ก็เป็นการไปหมั้นหมาย ดังนั้นการบังคับรถม้าจึงตกเป็นหน้าที่ของเมิ่งเสียน
[1] ระบบการสอบเคอจวี่หรือสอบคัดเลือกขุนนาง แบ่งการสอบเป็นระดับต่างๆ ได้แก่ การสอบระดับภูมิภาค (ผู้สอบจะต้องมีฐานะเป็นซิ่วไฉ เมื่อสอบผ่านแล้วจะได้เป็น “จวี่เหริน”) การสอบระดับประเทศ (ผู้ที่สอบผ่านจะได้เป็น “ก้องซื่อ”) และการสอบในพระราชวัง (ผู้ที่สอบผ่านจะได้เป็น “จิ้นซื่อ”) และจะประกาศรายชื่อบนแผ่นทองคำ ดังนั้นผู้ที่ได้เป็นจิ้นซื่อจึงได้ชื่อว่าเป็น “ผู้มีชื่อบนแผ่นทองคำ”