ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 129.2
จูหลานปล่อยเฉียวหมิ่น หยิบหน้ากากอันหนึ่งหันไปพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างคึกคัก “แม่นางเมิ่ง ข้าคิดว่าหน้ากากเหมาะกับเจ้า เจ้าลองใส่ดูสิ”
เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา ครอบใบหน้า หันไปทำหน้าทะเล้นใส่พวกเขา
คนทั้งหมดไม่เคยเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวในด้านที่เป็นเด็กน้อยเช่นนี้ ต่างตะลึงงัน
ซุนฮุ่ยหัวเราะพูด “แม่นางเมิ่งยังเยาว์วัย พอใส่หน้ากากนี้ ทำให้ดูสดใสขึ้นมาก”
เปาอีฝานเห็นพ้อง พูดว่า “ครั้งนี้สายตาจูหลานใช้ได้ เลือกหน้ากากได้เหมาะสมกับแม่นางเมิ่งมาก”
จูหลานพูดอย่างลำพอง “แน่นอน ข้าสนิทกับแม่นางเมิ่งเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไรว่านางเหมาะกับหน้ากากแบบไหน”
เฉียวหมิ่นสะท้อนแววตา
เปาอีฝานหยิบหน้ากากอีกอันขึ้นจากแผง พูดกับซุนฮุ่ย “เจ้าลองดูว่าชอบอันนี้หรือไม่”
ซุนฮุ่ยรับมาอย่างยินดี ครอบกับใบหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดชื่นชม “คุณชายเปาสายตาแหลมคม มองผาดเดียวก็เลือกหน้ากากที่เหมาะสมให้พี่ฮุ่ยได้”
ซุนฮุ่ยหน้าแดง ใส่หน้ากากแล้วหันไปพูดกับจูหลาน “จูหลาน เจ้าก็เลือกให้หมิ่นเอ๋อร์บ้างเถอะ”
จูหลานโบกมือพูด “ไม่ต้อง ปีก่อนๆ ข้าซื้อให้นางไม่เคยเอา”
เฉียวหมิ่นหน้าเปลี่ยนสี
เปาอีฝาน เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนรวมถึงจูหลานเข้ามาเลือกหน้ากากที่ตัวเองชอบ มีแต่เมิ่งฉีที่ยืนอยู่หน้าแผง มองหน้ากากทั้งหมดอย่างละเอียดถี่ถ้วน
เมิ่งเชี่ยนโยวนึกว่าเขามองจนตาลาย จึงชี้หน้ากากรูปสัตว์อันหนึ่งพูดกับเขา “พี่รอง หน้ากากนี้ดูมีสีสัน ท่านลองใส่อันนี้เถอะ”
เมิ่งฉีดึงหน้ากากลงมาอย่างเชื่อฟัง ครอบที่ใบหน้าตัวเอง
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าพูด “น่าสนุกจริงๆ เจี๋ยเอ๋อร์และชิงเอ๋อร์เห็น รับรองว่าจะต้องลิงโลดยกใหญ่”
เมิ่งฉีดึงหน้ากากออก ขยี้หัว หันไปพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “น้องสาว ข้าอยากซื้อหน้ากากเพิ่มอีก ให้พี่ใหญ่และน้องเล็ก”
เมิ่งเชี่ยนโยวรับคำ “ได้ พวกเราเลือกไปอีก” พูดจบเดินขึ้นหน้าไปเลือกหน้ากากพร้อมเมิ่งฉี
จูหลานก็เสนอหน้าเข้าหา ช่วยทั้งสองคนเลือกอย่างกระตือรือร้น
หลังจากเลือกหน้ากากได้อีกสี่อัน เมิ่งเชี่ยนโยวก็พูดกับเจ้าของแผง “พวกเราต้องการหน้ากากพวกนี้ ทั้งหมดราคาเท่าใด”
เจ้าของแผงเห็นว่าขายหน้ากากได้มากเช่นนี้ในคราเดียวก็ดีใจมาก รีบตอบกลับ “ที่พวกท่านเลือกล้วนเป็นหน้ากากดี อันละยี่สิบอีแปะ ทั้งหมดสองร้อยยี่สิบอีแปะ พวกเจ้าซื้อเยอะ จ่ายมาเพียงสองร้อยอีแปะก็พอ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเตรียมจะจ่ายเงิน จูหลานเข้ามาขวางนาง “ข้าจ่ายเอง” พูดจบก็ล้วงเงินสองร้อยอีแปะจ่ายให้เจ้าของแผง
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ได้ยื้ดยุด ส่งหน้ากากทั้งสี่อันให้เมิ่งฉี
ซุนฮุ่ยพูดขึ้น “ซื้อหน้ากากเสร็จแล้ว พวกเราเดินชมโคมไฟกันต่อเถอะ ข้าเห็นโคมไฟในมือน้องโยวเอ๋อร์งดงามนัก ข้าก็อยากซื้อสักอันกลับไป”
คนทั้งหมดพยักหน้า เตรียมไปซื้อโคมไฟ
จูหลานหันไปพูดกับเฉียวหมิ่น “พวกเราไปทางนั้นเถอะ เจ้าพักผ่อนก่อน เมื่อร่างกายฟื้นตัวดีขึ้นพวกเราค่อยไปรวมตัวกับพวกเขา”
เฉียวหมิ่นฝืนยิ้มให้เขา พูดว่า “ตอนนี้ข้ารู้สึกล้าไปทั้งร่าง คงไม่หายดีในชั่วเวลาประเดี๋ยวประด๋าว ท่านให้คนงานพาข้าไปส่งบ้านเถอะ อย่ารบกวนความสุขในการชมโคมไฟของคนอื่นๆ เลย”
จูหลานได้ฟังพูดอย่างเป็นกังวล “เจ้าไม่เป็นอะไรนะ พวกเราไปโรงหมอดูอาการดีไหม”
เฉียวหมิ่นส่ายหน้า ยิ้มพูด “ข้าไม่เป็นอะไรมาก กลับไปพักที่บ้านสักคืนก็หายแล้ว ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้า อยู่เป็นเพื่อนแม่นางเมิ่งและพวกเขาเถอะ”
จูหลานเพ่งมองสีหน้านาง รู้สึกไม่เหมือนจะมีปัญหาอะไร จึงพยักหน้าตกลง “ได้ พวกเราเดินไปที่รถม้า ให้คนงานส่งเจ้ากลับไป”
พูดจบหันไปพูดกับคนอื่นๆ “พวกเจ้าชมโคมไฟกันไปก่อน ข้าไปส่งหมิ่นเอ๋อร์ขึ้นรถม้าแล้วจะตามพวกเจ้าไป”
ซุนฮุ่ยกำชับเฉียวหมิ่นอย่างห่วงใยสองสามคำ ให้พอนางกลับถึงบ้านจะต้องพักผ่อนให้มากๆ พรุ่งนี้หากนางมีเวลาจะเข้าไปเยี่ยมนาง
เฉียวหมิ่นส่งยิ้มกล่าวขอบใจ
คนทั้งหมดถึงหันหลังเดินไปยังที่ที่คนพลุกพล่าน
จูหลานประคองเฉียวหมิ่น ค่อยๆ เดินมายังสถานที่ที่จอดรถม้า มองดูนางขึ้นรถม้า สั่งกำชับคนงาน “หมิ่นเอ๋อร์ไม่สบาย เจ้าต้องบังคับรถช้าๆ อย่าให้กระทบกระเทือนนางเด็ดขาด”
คนงานยืนข้างรถม้า รับคำอย่างนอบน้อม
จูหลานหันไปพูดกับเฉียวหมิ่นต่อ “หากเจ้ากลับบ้านแล้วยังรู้สึกไม่สบายตัว ก็ให้แม่ข้าไปเชิญหมอ ห้ามฝืนทนเด็ดขาด อีกประเดี๋ยวพอส่งแม่นางเมิ่งกลับไปแล้ว ข้าจะรีบตรงกลับบ้าน”
เฉียวหมิ่นพยักหน้า พูดอย่างอ่อนหวาน “ข้าไม่เป็นอะไร ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้า ไปเดินเป็นเพื่อนแม่นางเมิ่งชมโคมไฟให้สบายใจเถอะ กลับดึกหน่อยก็ไม่เป็นไร”
จูหลานพูด “กลับไม่ดึก เมื่อครู่เจ้าก็ได้ยินแล้ว แม่นางเมิ่งและบิดามารดานางนัดเจอกันที่โรงเตี๊ยมในอีกหนึ่งชั่วยามให้หลัง ตอนนี้ใกล้จะครึ่งชั่วยามแล้ว อีกครึ่งชั่วยามพวกเราก็กลับแล้ว”
เฉียวหมิ่นสะท้อนแววตาประหลาด ยิ้มพูด “ท่านไม่พูดข้าเกือบลืมไปแล้วว่าแม่นางเมิ่งนัดเวลากับบิดามารดานางไว้แล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ หลังจากส่งแม่นางเมิ่งกลับโรงเตี๊ยมแล้ว ท่านก็รีบกลับบ้านเถอะ อย่าให้ท่านป้าต้องเป็นกังวล”
จูหลานพยักหน้าพูดว่า “ข้ารู้แล้ว”
คนงานบังคับรถม้ามุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์จูช้าๆ
จูหลานเห็นรถม้าไปไกลแล้ว ถึงหันหลังกลับไปหาพวกเปาอีฝาน
เฉียวหมิ่นนั่งในรถม้า รู้สึกว่ารถม้าห่างออกมาไกลแล้ว จึงล้วงเงินห้าตำลึงออกมาจากชายเสื้อ ยื่นให้คนบังคับรถม้า พูดเสียงเบา “รีบพาข้ากลับไปส่งบ้าน จำไว้ เรื่องนี้ห้ามบอกใครเป็นอันขาด”
คนงานรับเงินมา น้อมรับคำสั่ง ผลุนผลันหักเลี้ยวรถ กระตุกบังเ**ยนรีบรุดกลับไปบ้านเฉียวหมิ่น
จูหลานหาพวกเมิ่งเชี่ยนโยวพบโดยไว เดินชมโคมไฟพร้อมพูดคุยหยอกเย้าไปด้วยกัน
ซุนฮุ่ยมีความสุขจนหน้าแดงเป็นลูกท้อ
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับซุนฮุ่ย “คุณชายเปารักใคร่พี่ฮุ่ยมากเช่นนี้ ภายหน้าเมื่อตบแต่งกันแล้วพี่ฮุ่ยจะมีแต่ความผาสุข”
ซุนฮุ่ยเขินหน้าแดงจนคั้นเป็นเลือดได้แล้ว
จูหลานและเพื่อนอีกสามคนพูดแซวเปาอีฝานสองสามคำ
เปาอีฝานยิ้มตาหยีมองซุนฮุ่ย ไม่ได้โต้แย้ง
คนทั้งหมดเดินอีกพักหนึ่ง ก็ถึงเวลาที่นัดกับสองสามีภรรยาเมิ่งไว้ที่โรงเตี๊ยม
คนทั้งหมดพาเมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉีมาส่งหน้าประตูโรงเตี๊ยม
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณทุกคนอย่างชื่นบาน ถือโคมไฟกลับขึ้นชั้นบน
สองสามีภรรยาเมิ่งก็เพิ่งกลับมา กำลังนั่งพักอยู่ในห้อง เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉีกลับมา ถามอย่างมีความสุข “โยวเอ๋อร์ ฉีเอ๋อร์พวกเจ้ากลับมาแล้ว เที่ยวสนุกหรือไม่”
ทั้งสองคนตอบพร้อมกัน “สนุก”
เมิ่งชื่อพูดต่อ “พวกเราก็สนุกมาก แม่อายุปูนนี้แล้ว ไม่เคยเห็นโคมไฟมากเท่านี้มาก่อน”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ถ้าท่านแม่ชอบ เอาไว้เทศกาลชมโคมไฟปีหน้า พวกเรามากันอีก”
เมิ่งชื่อพยักหน้าพูดว่า “ดี ปีหน้าครอบครัวพวกเรามาด้วยกันอีก แต่ว่า จะให้พวกคุณชายจูสิ้นเปลืองอีกไม่ได้แล้ว พวกเรามาก่อนหนึ่งวันจัดการกันเองพอ”
เมิ่งเชี่ยนโยวรับคำ “ได้ แล้วแต่ท่าน ปีหน้าพวกเรามาให้เร็วขึ้น”
เมิ่งฉีหยิบหน้ากากเดินมาหยุดข้างเมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงที่ยังยืนชะเง้อคอมองออกไปนอกหน้าต่าง พูดกับทั้งสองคนว่า “พวกเจ้าทายสิ พี่ซื้อของเล่นอะไรมาให้พวกเจ้า”
เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงพอได้ยินเมิ่งฉีพูดว่าซื้อของเล่นมาให้ตัวเอง ก็ดีใจลิงโลด ถามขึ้นพร้อมกัน “พี่รอง ท่านซื้อของเล่นอะไรมาให้พวกเรา”
เมิ่งฉีพูดโยกโย้ “พวกเจ้าทาย”
เมิ่งเจี๋ยพูด “กังหันลม”
เมิ่งฉีส่ายหน้า
เมิ่งชิงทาย “โคมไฟ”
เมิ่งฉียังคงส่ายหน้า
เด็กน้อยทั้งสองพูดอย่างว้าวุ่นใจ “พี่รอง คือสิ่งใด ท่านรีบบอกพวกเราเถอะ!”
เมิ่งฉีหยิบหน้ากากออกมาจากด้านหลัง
เด็กน้อยทั้งสองร้องอุทานอย่างดีใจพร้อมกัน “หน้ากาก!”
ร้องตะโกนเสร็จพูดวิงวอนเมิ่งฉี “พี่รอง รีบให้หน้ากากพวกเราเถอะ”
เมิ่งฉีหัวเราะหยิบหน้ากากสองอันในนั้นออกมาให้พวกเขา
เด็กน้อยทั้งสองรับมาอย่างดีใจ ครอบใบหน้าอย่างอดใจรอไม่ไหว วิ่งไปตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวพร้อมกัน แหงนหน้าถามขึ้น “ท่านพี่ ดูดีหรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวลูบหัวพวกเขา แย้มยิ้มพูด “ดูดี ดูดีกว่าของพี่เสียอีก”
เมิ่งเจี๋ยถามกลับ “ท่านพี่ก็ซื้อหน้ากาก”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า นำหน้ากากออกมา
เมิ่งเจี๋ยหวีดร้อง “ของท่านพี่ดูดีกว่าอีก ข้าจะใส่อันนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะถอดหน้ากากบนหน้าเขาออก ครอบหน้ากากของตนเองให้เขา
เมิ่งเจี๋ยโยกย้ายศีรษะอย่างสนุกสนาน หันไปพูดกับเมิ่งชื่อ “ท่านแม่ ดูดีหรือไม่”
เมิ่งชื่อตอบ “ดูดี”
สิ้นเสียง หน้ากากก็ลื่นหลุดออกจากใบหน้าเมิ่งเจี๋ย
ทุกคนหัวเราะครื้นเครง
เมิ่งเจี๋ยถอดหน้ากากออก วางใส่มือเมิ่งเชี่ยนโยว พูดว่า “หน้ากากท่านพี่ใหญ่เกินไป ข้าใส่ของข้าดีกว่า”
เมิ่งเชี่ยนโยวลูบหัวเขา พูดอย่างเอ็นดู “เจ้าเด็กแสบ”
พอเมิ่งเจี๋ยใส่หน้ากากของตัวเอง ก็กระโดดโลดเต้นไปมาในห้องกับเมิ่งชิงอย่างมีความสุข
เมิ่งฉีหยิบหน้ากากอีกสองอันที่เหลือออกมาเดินไปตรงหน้าเมิ่งเสียนและเมิ่งอี้เซวียน พูดว่า “พี่ใหญ่ อี้เซวียน นี่เป็นหน้ากากของพวกเจ้า”
ทั้งสองไม่คิดว่าตัวเองก็จะมีหน้ากาก รับมาอย่างยินดี ใส่ครอบศีรษะตัวเอง
เมิ่งชื่อเห็นเด็กๆ ใส่หน้ากากหน้าตาแตกต่างกัน พูดขึ้น “พวกเจ้ารีบถอดหน้ากากออกเถอะ แม่เห็นแล้วใจคอไม่ดี”
เมิ่งเสียนและเมิ่งอี้เซวียนถอดหน้ากากออก วางไว้ในมือ
เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงยังเล่นสนุกอยู่ จึงยังไม่ถอด
เมิ่งเชี่ยนโยวกวักมือเรียกพวกเขาพูดว่า “มานี่ พวกเจ้าสองคนไปเล่นห้องพี่ ให้ท่านแม่ได้พักผ่อน”
เด็กน้อยทั้งสองเดินตามเมิ่งเชี่ยนโยวมาห้องตรงกลางอย่างเชื่อฟัง
เมิ่งชื่อพูดกับเมิ่งเสียน “เสียนเอ๋อร์ เจ้าให้โยวเอ๋อร์ดูน้องทั้งสองคนให้ดี ตอนนี้แม่หัวใจเต้นแรงไม่หยุด รู้สึกเหมือนจะมีเรื่องไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้น”
เมิ่งเอ้ออิ๋นพูดขึ้น “พวกเราทั้งหมดอยู่กันที่นี่ จะเกิดเรื่องไม่ดีอะไรได้ ข้าว่าเจ้าคงเหนื่อยแล้ว รีบเอนตัวพักผ่อนเถอะ”
เมิ่งชื่อกุมหน้าอกเอนตัวนอน
เมิ่งเสียน เมิ่งฉีและเมิ่งอี้เซวียนพูดว่า “ท่านแม่ ท่านนอนพักเถอะ พวกเราจะไปดูที่ห้องน้องสาว”
เมิ่งชื่อพยักหน้า พูดกำชับ “กลุ่มคนที่มาชมโคมไฟด้านนอกยังไม่กลับไป พวกเจ้าห้ามออกไปตามลำพังเด็ดขาด และต้องดูเจี๋ยเอ๋อร์และชิงเอ๋อร์ให้ดี อย่าให้พวกเขาไปเล่นซุกซน”
ทั้งหมดพยักหน้า รับคำ “ทราบแล้ว ท่านแม่ วางใจเถอะ”
เมิ่งเสียนและน้องๆ เดินมาที่ห้องกลาง
เมิ่งเชี่ยนโยววางโคมไฟไว้อีกด้านของโต๊ะ กำลังนั่งมัดปมหน้ากากของตัวเองอยู่บนเตียง เอาใส่ให้เมิ่งชิง
พอเห็นพวกเขาเดินเข้ามา เมิ่งเจี๋ยวิ่งไปตรงหน้าพวกเขา ยื่นมือออกมาแล้วพูด “พี่ใหญ่ พี่รอง พี่อี้เซวียน มอบหน้ากากพวกท่านให้ข้า พี่สาวคิดวิธีที่ดีให้พวกเรา หน้ากากของพวกท่านพอเอามาใส่ที่หัวพวกเราก็จะไม่ล่วงหลุดแล้ว”
ทั้งสามคนมอบหน้ากากให้เขา
เมิ่งเจี๋ยดีใจถือหน้ากากไปตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยววัดใบหน้าน้อยของเมิ่งเจี๋ยแล้วมัดปม จากนั้นครอบหน้ากากไปที่หัวเขา
เมิ่งเจี๋ยโยกสะบัดหัว เห็นว่าหน้ากากไม่หลุดแล้ว หันไปพูดกับเมิ่งชิงอย่างยินดี “พวกเรารวยแล้ว มีหน้ากากให้ใส่ได้หกอันแล้ว”
เมิ่งชิงวิ่งเข้ามา ลองนับ มีหกอันจริงๆ จับมือเมิ่งเจี๋ยหมุนเป็นวงกลมพร้อมกับร้องตะโกนอย่างมีความสุข “พวกเรามีหน้ากากให้ใส่ได้หกอันแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับคนทั้งสาม “พี่ใหญ่ พี่รอง อี้เซวียน คืนนี้พวกท่านก็เหน็ดเหนื่อยแล้ว กลับห้องไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะเล่นกับพวกเขาอีกประเดี๋ยว”
เมิ่งเสียนเห็นเด็กน้อยทั้งสองกำลังสนุกสุดขีด รู้ว่าพวกเขาคงไม่สงบได้ง่าย ก็พยักหน้าเห็นพ้อง พาเมิ่งฉีและเมิ่งอี้เซวียนกลับเข้าห้อง