ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 130.1
บ่าวรับใช้ผลุนผลันวิ่งออกไป
เปาอีฝานที่หลังจากส่งเมิ่งเชี่ยนโยวแล้ว ยังกลับไปเดินชมโคมไฟกับซุนฮุ่ยอีกรอบ กระทั่งงานชมโคมไฟเลิก ทั้งสองจึงกลับมาที่จวนผู้ว่า หลังจากล้างหน้าล้างตา เพิ่งจะล้มตัวลงนอน กลับได้ยินเสียงกลองใหญ่ดังขึ้น รีบร้อนสวมเสื้อผ้าออกมาถามขึ้น “ท่านพ่อ กลองใหญ่ด้านนอกดังขึ้นยามวิกาลเช่นนี้ เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
เปาชิงเหอตอบอย่างฉุนเฉียว “พ่อก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น พ่อให้บ่าวไปนำตัวคนที่กล้ามาตีกลองใหญ่โดยพลการเข้ามาแล้ว”
สิ้นเสียง จูหลานและเมิ่งเชี่ยนโยวก็เดินตามบ่าวเข้ามาในจวน
เปาอีฝานตกใจถาม “เหตุใดถึงเป็นพวกเจ้า เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
จูหลานลนลานพูด “น้องชายคนเล็กของแม่นางเมิ่งเพิ่งจะหายตัวไปจากโรงเตี๊ยม”
เปาอีฝานตกตะลึง ถามขึ้นทันควัน “เป็นไปได้อย่างไร”
ตนเองดำรงตำแหน่งนี้มาสิบกว่าปี ปกครองอย่างเที่ยงตรงยุติธรรม ไม่เคยเกิดคดีปล้นชิงใหญ่ๆ สักครั้ง ตอนนี้พอได้ยินจูหลานพูดว่ามีเด็กหายตัวไป เปาชิงเหอก็ตะลึงค้าง รีบถามกลับ “ที่พวกเจ้าพูดเป็นความจริง”
ปกติจูหลานเจอเปาชิงเหอจะขานเรียกว่าท่านลุง แต่วันนี้พอเสียงกลองดัง เปาชิงเหอพลันคว้าชุดเจ้าหน้าที่ทางการมาสวมออกมายังห้องโถงด้านหน้า จูหลานเห็นเช่นนั้น ประสานมือตอบกลับ “กราบเรียนใต้เท้าเปา เป็นความจริงทุกประการ คนในครอบครัวแม่นางเมิ่งค้นหาทั่วทั้งโรงเตี๊ยมแล้ว ก็หาไม่เจอ พวกเราถึงได้รีบร้อนมาแจ้งความ ทุบประตูใหญ่หน้าจวนพักหนึ่งเห็นไม่มีความเคลื่อนไหว จำต้องตีกลองส่งสัญญาณรวมพลฉุกเฉินใบนั้น”
เปาชิงเหอขมวดคิ้วมุ่น ถามขึ้น “หายไปได้อย่างไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทั้งสองคนฟังอีกรอบ
เปาอีฝานฟังจบก็ขมวดคิ้วยุ่งพูดว่า “พวกเจ้าเข้าอำเภอมาเพื่อชมโคมไฟ ไม่มีความแค้นกับใคร จะมีคนลักพาตัวเมิ่งเจี๋ยได้อย่างไร จะต้องเป็นเมิ่งเจี๋ยที่แอบหนีไปเที่ยวเล่นที่ไหนเอง พวกเจ้าหาในโรงเตี๊ยมทั่วแล้วหรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ “ทั้งชั้นบนชั้นล่าง ที่พอจะแอบซ่อนคนได้พวกเราหาหมดแล้ว ก็ไม่เจอเจี๋ยเอ๋อร์ ถึงวิ่งแจ้นมาแจ้งความ หวังว่าใต้เท้าเปาจะช่วยพวกเรานำกำลังเจ้าหน้าที่ไปช่วยค้นหาในห้องของแขกที่มาเข้าพักอีกรอบ”
เปาอีฝานพูดว่า “หากน้องชายเจ้าถูกคนลักพาตัวไปจริงๆ ตอนที่เจ้าออกมา พวกเขาจะต้องพาเขาออกไปแล้ว ต่อให้พวกเรานำกำลังคนไปค้นหาก็ไม่มีประโยชน์”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ตอนข้าออกมาได้กำชับหลงจู๊ของโรงเตี๊ยม และพวกพี่ใหญ่พี่รองไว้แล้ว ให้พวกเขาเฝ้าประตูหน้าประตูหลังให้ดี ห้ามให้มีคนเล็ดลอดออกไปได้แม้แต่คนเดียว ขอเพียงน้องชายข้ายังอยู่ในโรงเตี๊ยม จะต้องตามหาเขาเจอ”
เปาชิงเหอกล่าวชื่นชม “แม่นางน้อยจัดการได้อย่างรัดกุม”
เปาอีฝานหันไปพูดกับเปาชิงเหอ “ท่านพ่อ นางก็คือแม่นางเมิ่ง เมิ่งเชี่ยนโยวที่ข้าเคยเอ่ยถึง”
เปาชิงเหอตกตะลึงเล็กน้อย มองประเมินนางขึ้นลง กล่าวว่า “ที่แท้เจ้าก็คือแม่นางเมิ่ง”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาอย่างงุนงง
เปาชิงเหอเพิ่งรู้ตัวว่าพลั้งปากไป รีบพูดกลบเกลื่อน “ข้าเคยได้ยินฝานเอ๋อร์เอ่ยถึงเจ้า รู้ว่าเจ้าอายุยังน้อยก็มีความสามารถเกินคน จู่ๆ ก็ได้พบเจ้ากะทันหัน อดที่จะตกใจไม่ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวสะกดกลั้นความคับข้องใจนี้
เจ้าหน้าที่ที่อาศัยอยู่รอบจวนได้ยินเสียงกลองดัง รู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่ ตะลีตะลานสวมใส่เสื้อผ้า วิ่งกระหืดกระหอบมาที่จวน
เปาชิงเหอรอให้เจ้าหน้าที่มาโดยพร้อมหน้าถึงพูดเสียงดัง “เมื่อครู่แม่นางน้อยผู้นี้มาแจ้งความ บอกว่าน้องชายของนางหายตัวไปกะทันหัน พวกเจ้ารีบตามข้าไปที่โรงเตี๊ยม ทำการตรวจค้นอย่างละเอียด”
เจ้าหน้าที่ทั้งหมดขานรับคำสั่ง
เปาชิงเหอนั่งบนเกี้ยว เจ้าหน้าที่เดินตามหลัง เร่งรุดเดินทางมายังโรงเตี๊ยม
เปาอีฝาน จูหลานและเมิ่งเชี่ยนโยวนั่งรถม้ารั้งท้ายตามติดมา
เปาชิงเหอมาถึงโรงเตี๊ยม หลงจู๊กุลีกุจอเข้าไปแสดงความเคารพ เปาชิงเหอโบกมือกล่าวว่า “เรื่องเร่งด่วน ไม่ต้องมีพิธีรีตอง เจ้าจงให้เสี่ยวเอ้อไปแจ้งข่าวแขกทุกคน ให้พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย และออกมารอด้านนอก เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้น”
หลงจู๊ปาดเม็ดเหงื่อที่หน้าผาก รีบให้เสี่ยวเอ้อไปทำตามคำสั่ง
แขกชั้นสองรู้เรื่องที่เมิ่งเจี๋ยหายตัวไปแล้ว ได้ยินเสี่ยวเอ้อมาบอกว่าเจ้าหน้าที่ทางการจะเข้ามาตรวจค้นห้องหับ ต่างทยอยลุกขึ้นแต่งกาย แล้วเดินออกมา ส่วนแขกที่มานอนพักชั้นหนึ่งไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ได้ยินเสี่ยวเอ้อบอกว่ามีคนจะขอเข้าทำการตรวจค้น ก็ต่อต้านไม่ยินยอม
รอจนแขกออกมาเกือบหมดแล้ว เปาชิงเหอโบกสะบัดมือ เจ้าหน้าที่สี่นายเดินขึ้นไปชั้นสอง ทำการตรวจค้นทีละห้องอย่างละเอียด แม้แต่ห้องพักทั้งสามห้องของบ้านเมิ่งก็ไม่ละเว้น แต่ก็ยังคว้าน้ำเหลว
เปาชิงเหอให้เจ้าหน้าที่อีกสี่นายตรวจค้นห้องพักชั้นหนึ่ง ก็ไม่พบสิ่งใด
เจ้าหน้าที่ที่เหลือทำการตรวจค้นหลังโรงเตี๊ยมอย่างละเอียด แม้แต่ห้องพักของหลงจู๊และบรรดาเสี่ยวเอ้อก็ไม่เว้น แต่ก็ยังคงไม่พบสิ่งใด
เปาชิงเหอขมวดคิ้วยุ่ง หันไปพูดกับหลงจู๊ “วันนี้เสี่ยวเอ้อคนไหนเข้าเวร ข้าจะสอบปากคำเขา”
เสี่ยวเอ้อเดินตัวสั่นเข้ามา
เปาชิงเหอถามขึ้น “เจ้าเห็นมีเด็กเดินออกไปเองหรือไม่”
เสี่ยวเอ้อส่ายหน้า
เปาชิงเหอถามอีก “เช่นนั้นเจ้าเห็นมีใครอุ้มเด็กออกไปจากโรงเตี๊ยมหรือไม่”
เสี่ยวเอ้อยังคงส่ายหน้า
เปาชิงเหอพูด “เช่นนั้นก็แปลกแล้ว เด็กตัวใหญ่ขนาดนั้นจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้อย่างไร”
เปาอีฝานพูดขึ้น “หรือจะมีคนร้ายเข้ามาอุ้มเมิ่งเจี๋ยออกไป”
หลงจู๊รีบพูดทันควัน “ไม่มีทาง จะมีคนร้ายที่ไหนกล้าหาญ กล้าเข้ามาอุ้มเด็กออกไปจากโรงเตี๊ยม จะต้องเป็นน้องชายของแม่นางน้อยฉวยโอกาสที่เสี่ยวเอ้อไม่ทันสังเกตวิ่งออกไปเอง” เปาชิงเหอพยักหน้าเห็นพ้อง “เด็กน่าจะยังเล่นไม่เต็มอิ่ม ฉวยโอกาสนี้แอบวิ่งออกไป”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดค้านเสียงแข็ง “ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นเด็ดขาด เจี๋ยเอ๋อร์เชื่อฟังพวกเรามาตลอด หากไม่ได้รับการอนุญาตจากผู้ใหญ่ ไม่มีทางออกไปเล่นซุกซกตามอำเภอใจเด็ดขาด”
เปาชิงเหอถามขึ้น “หากเป็นอย่างที่เจ้าพูด น้องชายเจ้าจักต้องถูกคนอุ้มไป”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “จะต้องถูกคนอุ้มไป”
เปาชิงเหอขมวดคิ้วยู่ย่น “เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็แปลกประหลาดนัก พวกเราค้นทั่วทั้งโรงเตี๊ยมก็หาไม่เจอ ทั้งเสี่ยวเอ้อก็บอกว่าไม่เห็นมีใครออกไป หากมีคนอุ้มน้องชายเจ้าไปจริงๆ เช่นนั้นเขาจะหลบซ่อนอยู่ที่ไหน”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ในโรงเตี๊ยมไม่มี แสดงว่าเขาจะต้องถูกพาตัวออกไปแล้ว”
หลงจู๊พูดขึ้น “ไม่มีทาง เสี่ยวเอ้อไม่เห็นมีใครออกไปสักคน”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเสี่ยวเอ้อแวบหนึ่ง เสี่ยวเอ้อก้มหน้าอย่างกินปูนร้อนท้อง
เมิ่งเชี่ยนโยวเริ่มสงสัย เดินไปตรงหน้าเสี่ยวเอ้อ ถามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าเห็นมีคนอุ้มเด็กออกไปหรือไม่”
เสี่ยวเอ้อลนลานส่ายหน้า พูดว่า “ไม่เห็น ไม่เห็นจริงๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวถามอีก “เช่นนั้นหลังจากพวกเรากลับเข้าโรงเตี๊ยม มีใครน่าสงสัยตามพวกเราเข้ามาหรือไม่”
เสี่ยวเอ้อครุ่นคิดแล้วส่ายหน้า “ไม่มี ตอนนั้นเหล่าคุณชายเป็นคนส่งแม่นางกลับมา ข้าเพ่งมองหลายครั้ง ก็ไม่เห็นมีคนที่ไม่รู้จักตามหลังพวกท่านมา”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดต่อ “เจ้าลองคิดให้ถี่ถ้วน ตั้งแต่ช่วงเวลาที่พวกเรากลับเข้าโรงเตี๊ยมจนถึงตอนที่ข้าวิ่งลงมาบอกเจ้าว่าน้องชายข้าหายตัวไป มีใครที่ไม่ใช่แขกของที่นี่เข้ามาหรือไม่”
เสี่ยวเอ้อตอบ “หลังจากแม่นางกลับเข้ามา แขกของโรงเตี๊ยมก็ทยอยกันกลับเข้ามา ข้าอยู่รอจนโคมไฟทุกห้องดับสนิท ถึงฟุบหน้างีบหลับบนโต๊ะคิดเงิน” เสี่ยวเอ้อพูดจบ ถึงได้สติว่าตัวเองพูดอะไรออกไป ใบหน้าขาวซีดพลัน
หลงจู๊ร้องถามเสียงแหลม “เอ้อร์จื่อ เจ้าว่าอะไรนะ เมื่อครู่เจ้านอนหลับไป”
เสี่ยวเอ้อตกใจคุกเข่าลงกับพื้นดัง “พลั่ก” พูดด้วยเสียงสั่นเทา “หลงจู๊ เพราะข้าเหนื่อยมากจริงๆ จึงฟุบหน้างีบหลับไปครู่หนึ่ง”
หลงจู๊โมโหถีบใส่เขาหนึ่งที ตวาดถาม “เหตุใดเมื่อครู่เจ้าถึงไม่พูด”
เสี่ยวเอ้อถูกถีบจนล้มกลิ้ง ไม่สนใจความเจ็บปวด รีบลุกขึ้นมา คุกเข่าใหม่อีกครั้งแล้วพูด “พอได้ยินว่าน้องชายของแม่นางหายไป ข้าก็ขวัญกระเจิง กลัวท่านจะตำหนิโทษ จึงไม่กล้าพูดออกมา”
หลงจู๊โมโหถีบเขาไปเต็มรักอีกครั้ง ร้องก่นด่า “เจ้าสวะ เกือบจะทำให้เสียเรื่องใหญ่ ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่”
เสี่ยวเอ้อคุกเข่าอย่างยอมรับผิดอยู่อีกด้าน ไม่กล้าปริปาก
เปาอีฝานพูดขึ้น “เมื่อเป็นเช่นนี้ จะต้องมีคนฉวยโอกาสตอนที่เสี่ยวเอ้อหลับ แอบอุ้มน้องชายแม่นางเมิ่งไป”
หลงจู๊ถามเสียงสั่น “จากความคิดเห็นคุณชาย ใครกันที่จะกล้าเข้ามาอุ้มเด็กในโรงเตี๊ยม”
เปาอีฝานวิเคราะห์ “มีความเป็นไปได้สองอย่าง หนึ่งคนร้ายฉวยโอกาสตอนที่เสี่ยวเอ้อหลับ แอบย่องเข้ามา ขืนใจอุ้มเมิ่งเจี๋ยไป สองครอบครัวแม่นางเมิ่งถูกคนจับตาดู พวกเขาแอบลักพาตัวเมิ่งเจี๋ยไป เพื่อจะเรียกเงินค่าไถ่”
เมิ่งเสียนร้อนใจถามขึ้น “เช่นนั้นตอนนี้จะทำอย่างไร”
เปาอีฝานหันไปพูดกับเปาชิงเหอ “ท่านพ่อ จากช่วงเวลาเมื่อครู่ ประตูเมืองได้ปิดลงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพวกค้ามนุษย์หรือลักพาตัวเด็กไปเรียกค่าไถ่ คืนวันนี้ยังออกไปจากเมืองนี้ไม่ได้ ท่านสั่งการเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังประตูเมืองให้ดี พรุ่งนี้ฟ้าสาง ให้ตรวจสอบคนที่เดินทางออกจากประตูเมืองอย่างเข้มงวด ใครที่ดูน่าสงสัยห้ามปล่อยให้เล็ดลอดไปได้เด็ดขาด”
เปาชิงเหอพยักหน้า สั่งให้เจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติตาม
เปาอีฝานหันไปพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวต่อ “แม่นางเมิ่ง เรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเราคงได้แต่ให้ฟ้าสางก่อน”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าสีหน้าเคร่งขรึม
เปาชิงเหอมองนางแวบหนึ่ง สั่งการเจ้าหน้าที่สองสามนาย “พวกเจ้าเฝ้าประตูหน้าและหลังของโรงเตี๊ยมให้ดี เมื่อฟ้าสางให้ตรวจค้นคนเข้าออกอย่างละเอียด”
เจ้าหน้าที่ขานรับคำ แยกกันไปยืนเฝ้าข้างประตูหน้าและหลัง
เปาชิงเหอมองดูท้องฟ้าพลางพูด “ยังมีอีกช่วงเวลาหนึ่งกว่าฟ้าจะสาง เจ้าตามพ่อกลับจวนเถอะ กลับไปแล้วพักผ่อนให้เพียงพอ เก็บแรงให้เต็มที่ รอจนฟ้าสางหากพบคนต้องการเรียกค่าไถ่จริงๆ พวกเราจะได้มีแรงรับมือ”
เปาอีฝานพยักหน้า พูดขึ้น “จูหลาน พวกเรากลับไปพร้อมกันเถอะ”
จูหลานมองเมิ่งเชี่ยนโยวที่มีอาการเซื่องซึมผิดปกติ พยักหน้าตกลง
หลังจากคนทั้งหมดจากไป เมิ่งเชี่ยนโยวก็หันไปพูดกับเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ เมื่อมีเจ้าหน้าที่เฝ้าประตูแล้ว ท่านไปเรียกพี่รองและเมิ่งอี้เซวียนกลับมาเถอะ”
เมิ่งเสียนพยักหน้า เดินไปเรียกทั้งสองคนกลับมา
คนทั้งหมดเดินหน้าเคร่งขรึมกลับไปชั้นสอง
เมิ่งชื่อเห็นคนทั้งหมดกลับมา รีบเข้าไปถามไถ่ “โยวเอ๋อร์ เจอเจี๋ยเอ๋อร์หรือยัง”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า
เมิ่งชื่อสิ้นหวังพังทลาย พูดอย่างอดรนทนไม่ได้ “เพราะแม่เอง! เป็นความผิดของแม่เอง! แม่ไม่ควรให้เขาออกไป”
เมิ่งชิงที่ตกใจตื่นตอนที่เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจค้นห้องจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เห็นเมิ่งชื่อคร่ำครวญโหยไห้ ตกใจผวาเข้าหาอ้อมกอดเมิ่งเชี่ยนโยว ร้องเรียก “ท่านพี่”
เมิ่งเชี่ยนโยวลูบศีรษะเขา
เมิ่งเอ้ออิ๋นก็ถามอย่างร้อนใจ “เหตุใดถึงหาไม่เจอ ดึกเช่นนี้ เจี๋ยเอ๋อร์ไม่มีทางวิ่งไปไหนตามลำพัง จะต้องมีคนแอบเอาเขาไปซ่อน”
เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปาก พูดว่า “ท่านพ่อ เมื่อครู่เสี่ยวเอ้อชั้นล่างฟุบหลับไป จึงไม่เห็นว่าเจี๋ยเอ๋อร์ถูกคนอุ้มไปจริงหรือไม่ คุณชายเปาวิเคราะห์ว่า อาจจะถูกพวกค้ามนุษย์อุ้มไป หรือไม่ก็มีคนจับตาดูพวกเราไว้นานแล้ว ฉวยโอกาสนี้ลักพาตัวเจี๋ยเอ๋อร์ไป เพื่อจะมาเรียกค่าไถ่กับพวกเรา”
เมิ่งเอ้ออิ๋นตกใจสุดขีด ถามอย่างจนปัญญา “เช่นนั้นจะทำอย่างไร ใต้เท้าเปาจะไม่สนใจแล้วหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “ใต้เท้าเปาส่งเจ้าหน้าที่ไปที่ประตูเมืองแล้ว เมื่อฟ้าสางจะตรวจสอบคนเข้าออกเรียงตัว เมื่อได้ข่าวจะมาแจ้งพวกเรา”
เมิ่งชื่อโผเข้ามาจับแขนเมิ่งเชี่ยนโยว ถามอย่างกระสับกระส่าย “หากว่าไม่ได้ข่าวล่ะ เจี๋ยเอ๋อร์จะไม่กลับมาอีกแล้วใช่ไหม”
“ไม่มีทาง มีข้าอยู่ เจี๋ยเอ๋อร์จะต้องกลับมา” เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดยืนยันกับเมิ่งชื่อ
เมิ่งชื่อถามอย่างไม่เชื่อ “จริงๆ นะ เจี๋ยเอ๋อร์จะต้องกลับมาได้จริงๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า พูดรับประกัน “ท่านแม่ วางใจเถอะ เจี๋ยเอ๋อร์จะต้องกลับมา”
เมิ่งชื่อปล่อยแขนนาง พูดพึมพำ “เช่นนั้นพวกเราก็รอ รออยู่ที่นี่ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเสนอเงื่อนไขอะไร พวกเราก็ตกลง”
พูดจบทิ้งก้นนั่งซึมกระทือไปบนพื้น