ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 130.2
เมิ่งเสียน เมิ่งฉีเข้าไปประคองนางลุกขึ้น ไปนั่งบนเตียง
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับเมิ่งเอ้ออิ๋น “ท่านพ่อ ดูแลท่านแม่ให้ดี อย่าให้นางก่อเรื่องอะไรขึ้นเด็ดขาด”
เมิ่งเอ้ออิ๋นพยักหน้าพูด “รู้แล้ว พ่อจะเฝ้าแม่เจ้าไม่ให้คลาดสายตา”
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับเมิ่งเสียนและคนที่เหลือ “พี่ใหญ่ ตอนนี้ฟ้ายังไม่สาง พวกท่านไปพักเสียหน่อยเถอะ”
เมิ่งเสียนพูด “หากยังไม่เจอน้องเล็ก พวกเราจะหลับลงได้อย่างไร”
“นอนไม่หลับก็ต้องนอน เก็บแรงเอาไว้ เมื่อฟ้าสางหากได้ข่าวอะไร พวกเรายังต้องไปตามหาน้องเล็ก” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดด้วยน้ำเสียงเน้นหนัก
เมิ่งเสียนพยักหน้า พาเมิ่งฉีและเมิ่งอี้เซวียนกลับห้อง
เมิ่งเชี่ยนโยวหันมองสองสามีภรรยาเมิ่ง พาเมิ่งชิงกลับมาห้องข้างๆ เงียบๆ
เมิ่งชิงถึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นสะอื้น “ท่านพี่ เจี๋ยเอ๋อร์หายไปหรือ ถูกคนลักพาตัวไปใช่หรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวอุ้มเขาไปนั่งบนเตียง จ้องตาเขาพูดว่า “พี่ขอรับประกันกับเจ้า เจี๋ยเอ๋อร์จะต้องได้กลับมา”
เมิ่งชิงพูดอย่างรู้ความ “ข้าเชื่อท่านพี่”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกล่อม “ชิงเอ๋อร์ ไม่ดื้อ นอนหลับนะ”
เมิ่งชิงเอนตัวลงบนเตียงอย่างว่านอนสอนง่าย เมิ่งเชี่ยนโยวห่มผ้าห่มให้เขา ชั่วอึดใจเด็กตัวน้อยก็เข้าสู่ห้วงฝัน
เมิ่งเชี่ยนโยวเอนตัวลงบนเตียง ครุ่นคิดทบทวน รู้สึกลางๆ ว่ามีตรงไหนผิดปกติ กลับคิดไม่ออก จึงฝืนบังคับตัวเองให้หลับตา นอนพัก
ฟ้าสว่างแจ้ง แขกที่มาเข้าพักในโรงเตี๊ยมทยอยกันคืนห้อง เมิ่งเชี่ยนโยวพลันลืมตาตื่น เดินออกมาด้านนอก เห็นเจ้าหน้าที่สองนายหน้าประตูกำลังตรวจสอบการเข้าออกของแขกทุกคนอย่างละเอียด
เมิ่งเสียน เมิ่งฉีและเมิ่งอี้เซวียนก็เดินมาด้านนอก ถลึงตาโตจับจ้องมองแขกทุกคนที่พกกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ออกไป
กระทั่งแขกในโรงเตี๊ยมจากไปหมดแล้ว ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร
เมิ่งเสียนและน้องๆ ใจร้อนดั่งไฟ ถามขึ้น “น้องสาว จะทำอย่างไรดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ “รอก่อน ทำใจรออย่างสงบ รอให้คนที่ลักพาตัวเจี๋ยเอ๋อร์ไปส่งข่าวมายื่นข้อเสนอเรียกค่าไถ่ หรือไม่ก็รอให้ใต้เท้าเปาส่งคนมาแจ้งข่าวดี”
เมิ่งฉีร้อนรนถาม “รอเช่นนี้ไม่ใช่วิธีที่ดี สู้พวกเราออกไปหาเองดีกว่า”
เมิ่งเชี่ยนโยวถาม “อำเภอใหญ่โต แถมพวกเราก็ไม่คุ้นชิน จะไปหาที่ไหน วิธีที่ดีที่สุดก็คือรออยู่ในโรงเตี๊ยม รอให้คนส่งข่าวมา”
เมิ่งฉีรู้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวพูดถูกต้อง อำเภอใหญ่เช่นนี้พวกเขาไม่อาจทำอะไรได้เลย จำต้องรออย่างกระวนกระวายใจอยู่ตรงที่เดิม
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับเมิ่งอี้เซวียน “อี้เซวียน ชิงเอ๋อร์ยังไม่ตื่น เจ้าเข้าไปดูแลเขา ข้าไม่ร้องเรียก พวกเจ้าห้ามออกมาเด็ดขาด”
เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า กลับไปที่ห้อง
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอีก “พี่ใหญ่ พี่รองพวกเราไปรอที่ห้องท่านแม่เถอะ”
เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีพยักหน้า ทั้งสามคนกลับมาที่ห้อง
เมิ่งชื่อยังคงคร่ำครวญไม่หยุด “เพราะข้าเอง! เพราะข้าคนเดียว!” พอเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวและคนที่เหลือเข้ามา พลันโผเข้าถามอย่างดีใจ “โยวเอ๋อร์ ได้ข่าวเจี๋ยเอ๋อร์แล้วใช่ไหม”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า
เมิ่งชื่อฝืนทนต่อไปไม่ไหว หมดสติล้มพับไปกับพื้นทันใด
เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีตกใจร้องเรียกพร้อมกัน “ท่านแม่”
เมิ่งเอ้ออิ๋นก็ตกใจไม่น้อย เขย่าตัวเมิ่งชื่อ ปากร้องถามไม่หยุด “แม่ เจ้าเป็นอะไร เจ้าฟื้นสิ!”
“เร็ว แบกท่านแม่ไปวางไว้บนเตียงก่อน” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับทุกคนอย่างสุขุม
คนทั้งหมดยกตัวเมิ่งชื่อมาที่เตียง
เมิ่งเชี่ยนโยวแตะชีพจรเมิ่งชื่อ
เมิ่งเอ้ออิ๋นกระวนกระวายถาม “โยวเอ๋อร์ แม่เจ้าเป็นอะไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวจับชีพจรให้เมิ่งชื่อเสร็จ พูดอย่างโล่งใจ “ไม่เป็นไร ท่านแม่เพียงจิตใจร้อนรุ่มจนเป็นลมไม่ได้สติไปเท่านั้น”
เมิ่งเอ้ออิ๋นร้อนรนถาม “เช่นนั้นพวกเจ้าเฝ้าดูแม่ไว้ พ่อจะให้เสี่ยวเอ้อช่วยไปตามหมอมา”
เมิ่งเชี่ยนโยวห้ามเขา ใช้นิ้วกดจุดกึ่งกลางใต้จมูกเมิ่งชื่อ
เมิ่งชื่อค่อยๆ ได้สติคืนกลับมา พอลืมตาก็ร้องไห้คร่ำครวญ “เพราะแม่เอง เป็นความผิดของแม่ แม่ไม่ควรให้เจี๋ยเอ๋อร์ออกไป”
เมิ่งเอ้ออิ๋นกำลังจะปลอบประโลม เมิ่งชื่อก็ลุกพรวดขึ้นจากเตียง พูดว่า “ไม่ได้ ข้าต้องไปตามหาเจี๋ยเอ๋อร์” พูดจบ ลงจากเตียง เดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะใส่รองเท้า
เมิ่งเอ้ออิ๋นรีบเข้าไปขวางนาง “แม่เอ๊ย อำเภอใหญ่เช่นนี้ เจ้าจะไปหาที่ไหน”
เมิ่งชื่อตื่นตระหนกจนไม่รับรู้อะไรแล้ว ดึงมือเมิ่งเอ้ออิ๋นมาพูด “ข้าได้ยินเสียงเจี๋ยเอ๋อร์ร้องเรียกข้า เจี๋ยเอ๋อร์เอาแต่ร้องเรียกแม่ ข้าจะไปหาเจี๋ยเอ๋อร์ ข้าจะไปหาเจี๋ยเอ๋อร์!”
เมิ่งเอ้ออิ๋นตกใจขวัญผวา “แม่เอ๊ย ยังหาเจี๋ยเอ๋อร์ไม่เจอ เจ้าจะได้ยินเสียงเจี๋ยเอ๋อร์ร้องเรียกแม่ได้อย่างไร”
เมิ่งชื่อสะบัดมือเมิ่งเอ้ออิ๋น หันหลังเดินออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวรีบเดินขึ้นหน้า ใช้ฝ่ามือตีต้นคอเมิ่งชื่อ
ร่างของเมิ่งชื่ออ่อนระทวยล้มพับไปอีกครั้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวโอบอุ้มนางไว้ หันไปร้องเรียกเมิ่งเสียนและเมิ่งฉี “พี่ใหญ่ พี่รองพวกเท่านมาช่วยพาท่านแม่ไปวางไว้บนเตียง”
เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีรีบเข้าไปแบกเมิ่งชื่อขึ้นไปวางบนเตียง
เมิ่งเอ้ออิ๋นถามอย่างร้อนรน “โยวเอ๋อร์ เจ้าทำสิ่งใดกับแม่เจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “ตอนนี้ท่านแม่มีอาการเพ้อ ข้าทำให้นางสลบ ให้นางได้พักผ่อนให้เต็มที่”
เมิ่งเอ้ออิ๋นถึงวางใจลง ห่มผ้าห่มให้เมิ่งชื่ออย่างเอาใจใส่
หลังจากเปาอีฝานและจูหลานกลับถึงบ้าน ทำการพักผ่อนเล็กน้อย เมื่อฟ้าสาง ตรงมาที่หน้าประตูเมืองพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เข้าตรวจค้นผู้คนและรถที่ออกจากเมืองพร้อมเจ้าหน้าที่อย่างถี่ถ้วน เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนที่ได้รับแจ้งข่าวเร่งรุดมาช่วยเหลือ ผ่านไปครึ่งวันเช้า กลับไม่พบสิ่งผิดปกติใด
ทั้งสี่คนเริ่มมีสีหน้าว้าวุ่นใจ
เปาอีฝานพูดกับทุกคน “ไป พวกเราไปดูที่โรงเตี๊ยม หากมีคนจับเด็กไปเรียกค่าไถ่จริงๆ ไม่แน่ว่าแม่นางเมิ่งจะได้รับแจ้งข่าวแล้ว”
คนทั้งหมดพยักหน้า
เปาอีฝานกำชับเจ้าหน้าที่ให้ตรวจตราอย่าละเอียดต่อไป จากนั้นทั้งสี่ก็แยกย้ายไปขึ้นรถม้าตัวเอง มุ่งหน้ามาที่โรงเตี๊ยม
เจ้าหน้าที่ยังยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูโรงเตี๊ยม เห็นเปาอีฝานเข้ามา เอ่ยเรียกอย่างนอบน้อม “คุณชายใหญ่”
เปาอีฝานพยักหน้าถามขึ้น “เป็นอย่างไรบ้าง”
เจ้าหน้าที่ส่ายหน้าตอบ “วันนี้พวกเราตรวจค้นแขกที่คืนห้องอย่างละเอียดอีกครั้ง ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใด”
เปาอีฝานถามอีก “แม่นางเมิ่งที่อยู่ข้างบนได้รับแจ้งข่าวใดหรือไม่”
เจ้าหน้าที่ตอบกลับ “ครอบครัวแม่นางเมิ่งเอาแต่อยู่ข้างบน ยังไม่ได้ยินว่าได้รับแจ้งข่าวใด”
ทั้งสี่หันหน้ามองกัน หัวใจกระตุกวูบ
ทั้งหมดขึ้นมายังชั้นสอง เปาอีฝานเคาะประตูห้อง
เมิ่งฉีเปิดประตู เห็นคนทั้งหมดร้องถามอย่างยินดี “คุณชายเปา เจอน้องชายข้าแล้ว”
คนในห้องได้ยินหันมองไปที่พวกเขา เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นยืนอย่างกระสับกระส่าย
เปาอีฝานส่ายหน้า
คนในห้องพลันไร้เรี่ยวแรง
เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูเมิ่งชื่อที่ยังคงนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง หันไปพูดกับเปาอีฝาน “พวกเราไปห้องข้างๆ”
ทั้งสี่คนพยักหน้า ตามเมิ่งเชี่ยนโยวมานั่งยังห้องข้างๆ เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีก็ตามเข้ามาด้วย ยืนคอยข้างเมิ่งเชี่ยนโยว
ในห้องพลันเงียบสงัด
ครู่หนึ่งเปาอีฝานถึงพูดขึ้น “พวกเราตรวจค้นรถที่ออกจากประตูเมืองทุกคันอย่างละเอียดแล้ว ไม่พบสิ่งผิดปกติข้อสงสัยใด พวกเรานึกว่าแม่นางเมิ่งจะได้รับแจ้งข่าวจากคนร้ายเรียกค่าไถ่แล้ว จึงเข้ามาดู ตอนนี้ดูท่า แม่นางจะยังไม่ได้รับแจ้งข่าวใด”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “พวกเราอยู่ที่โรงเตี๊ยมตลอดทั้งเช้า ยังไม่ได้รับแจ้งข่าวใดๆ ทั้งสิ้น”
เซี่ยเจียงเฟิงพูดขึ้น “ไม่น่าเป็นไปได้ หากมีคนคิดจะเรียกค่าไถ่จริงๆ ข่าวน่าจะส่งมาถึงได้แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “บางทีพวกเราอาจจะตรวจค้นเข้มงวดเกินไป ข่าวส่งเข้ามาไม่ถึง”
เปาอีฝานพยักหน้า “ข้าจะไปสั่งให้เจ้าหน้าที่หน้าประตูถอนกำลัง เพื่อเปิดทางให้คนส่งข่าวเข้ามา”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ขอบคุณคุณชายเปา”
เปาอีฝานโบกมือพูด “เวลาไหนกันแล้ว ไยต้องเกรงใจอีก” พูดจบ เดินออกไปจากห้อง สั่งการเจ้าหน้าที่ด้านล่าง เจ้าหน้าที่รับคำสั่งล่าถอยออกไป
เปาอีฝานกลับเข้ามานั่งนิ่งในห้องอีกครั้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดขึ้นต่อ “คุณชายเปา ท่านให้ใต้เท้าเปาออกประกาศได้หรือไม่ บอกว่าน้องชายข้าหายตัวไป หากผู้ใดพบเห็นให้มาแจ้งข่าว พวกเรามีเงินรางวัลให้หนึ่งพันตำลึง หากพาพวกเราไปพบได้ จะให้รางวัลหนึ่งหมื่นตำลึง”
เปาอีฝานถามกลับ “หากพวกเราทำเช่นนี้ จะไม่เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหรือ ถึงตอนนั้นเจี๋ยเอ๋อร์จะเป็นอันตรายได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเสียงเข้ม “ที่ข้าต้องการก็คือแหวกหญ้าให้งูตื่น ไม่ว่าจะเป็นพวกค้ามนุษย์หรือโจรเรียกค่าไถ่ ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่มีโอกาสไปจากเมืองนี้ หากมีประกาศนี้ออกมา พวกเขาจะต้องยิ่งไม่กล้าทำสิ่งใดบุ่มบ่าม ขอเพียงเจี๋ยเอ๋อร์ยังอยู่ในเมือง พวกเราจะต้องคิดหาวิธีหาเขาจนพบให้ได้”
เปาอีฝานลุกขึ้นยืน ขานรับคำ “ได้ ข้าจะกลับจวนบอกให้ท่านพ่อออกประกาศ”
จูหลาน เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนลุกขึ้นยืนพูด “พวกเราก็จะกลับไป ให้คนงานในร้านและบ่าวรับใช้ในบ้านออกไปช่วยกันสืบหา”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ขอบคุณทุกท่านมาก”
คนทั้งหมดโบกมือ เดินออกไปจากห้อง
เมิ่งเชี่ยนโยว เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีเดินมาส่งคนทั้งสามที่หน้าประตู
เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกมา คนงานบังคับรถม้าของจูหลานกะพริบตาปริบ ก้มหน้าหลบตาอย่างร้อนตัว ลืมแม้กระทั่งเปิดม่านบังรถให้จูหลาน
จูหลานตวาดเขา “จั่วซื่อ ทำอะไรของเจ้า”
จิ่วซื่อลนลานเงยหน้าขึ้น เปิดม่านบังรถออกให้จูหลานขึ้นรถม้า
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาอย่างไม่ใส่ใจแวบหนึ่ง
จิ่วซื่อรีบปิดม่านบังรถลง บังคับรถม้าจากไปอย่างลุกลี้ลุกลน
เมิ่งเชี่ยนโยวมุ่นหัวคิ้ว รู้สึกเหมือนมีบางอย่างแล่นผ่านเข้ามาในสมอง กำลังจะคว้าไว้ กลับถูกเสียงเป็นห่วงของเมิ่งเสียนพูดแทรกเข้ามา “น้องสาว นี่ก็ล่วงมานานแล้ว ท่านแม่ยังไม่ฟื้น คงไม่เกิดเรื่องอะไรนะ”
สิ้นเสียง เสียงคลุ้มคลั่งของเมิ่งชื่อจากชั้นบนก็ดังขึ้น “ไม่ต้องมาห้ามข้า ข้าจะไปหาเจี๋ยเอ๋อร์”
คนทั้งหมดสบตากัน รีบวิ่งขึ้นไปบนห้องชั้นสอง เห็นเมิ่งชื่อกำลังยืนเท้าเปล่าอยู่ข้างประตู พยายามสะบัดการเกาะกุมมือของนางจากเมิ่งเอ้ออิ๋นสุดชีวิต