ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 131.3
เปาชิงเหอเดินมาตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว กล่าวขึ้น “แม่นางเมิ่ง ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เจ้าก็ไม่ควรทำร้ายชีวิตคน ไม่ว่าเรื่องใดทางการจะเป็นผู้ตัดสินเอง”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ “เช่นนั้นดี ท่านไต้เท้าเปาช่วยใช้วาจาสุภาพถามแทนข้า ว่าน้องชายข้าถูกพวกเขาขายไปอยู่ที่ไหน ดูว่าพวกเขาจะบอกท่านหรือไม่”
เปาชิงเหอขมวดคิ้วย่นยู่ กำลังจะว่ากล่าวนาง
เปาอีฝานก็เดินขึ้นหน้า บอกเรื่องที่เมิ่งเจี๋ยถูกคนของเฉียวหมิ่นลักพาตัวไป จากนั้นเวรยามก็นำเขาไปขายให้พวกค้ามนุษย์
เปาชิงเหอตกใจหนักถามขึ้น “มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น”
เปาอีฝานพยักหน้า
เปาชิงเหอพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “บ้านเมืองมีขื่อมีแป กลับกระทำเรื่องไรมนุษยธรรมเช่นนี้ได้ ข้าไม่มีวันอภัยให้พวกมันเด็ดขาด”
บิดามารดาเฉียวหมิ่นได้ยินรายงานจากบ่าวรับใช้ วิ่งพรวดพราดออกมา เห็นเปาชิงเหอนำกำลังเจ้าหน้ามายืนอยู่หน้าประตู ผวาตกใจ รีบเข้าไปทำความเคารพแล้วถาม “ไม่ทราบว่าไต้เท้าเปามาจวนเฉียวยามวิกาลเช่นนี้ มีเรื่องอันใด”
เปาชิงเหอแค่นเสียงหึ พูดขึ้น “รีบส่งตัวบุตรสาวของพวกเจ้าออกมา นางกระทำเรื่องชั่วช้าสามานย์ ข้าจะกุมตัวนางไปสอบสวนบัดเดี๋ยวนี้”
พ่อเฉียวไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พูดอย่างไม่เข้าใจ “บุตรสาวผู้น้อยไปจวนจู ยังไม่กลับมา ไม่ทราบว่านางกระทำสิ่งใดให้ไต้เท้าเปาต้องบันดาลโทสะเช่นนี้”
ไม่รอให้เปาชิงเหอเอ่ยปาก เวรยามนายหนึ่งก็ร้องเรียกเสียงสั่น “นายท่าน!”
พ่อเฉียวถึงสังเกตเห็นเหล่าเวรยามต่างนอนเนื้อตัวสะบักสะบอมอยู่บนพื้น กำลังจะตะคอกใส่พวกเขา เวรยามคนนั้นกลับชี้คนที่นอนไม่ไหวติงอีกคนบนพื้นพูดว่า “คุณหนูอยู่ตรงนี้”
พ่อเฉียวแม่เฉียวต่างตกตะลึง ลุกลนเข้าไปประคองคนผู้นั้น พลิกกลับมาดู เป็นเฉียวหมิ่นบุตรสาวของพวกตนจริงๆ
แม่เฉียวปวดใจสลบไปทันใด สาวรับใช้ข้างๆ รีบเข้าประคองนาง พ่อเฉียวเองก็ร่างกายโงนเงน ฝืนถามขึ้นเสียงเกรี้ยว “หมิ่นเอ๋อร์ ใครทำเจ้าบาดเจ็บถึงขั้นนี้”
เฉียวหมิ่นสลบไม่ได้สติไปแล้ว จึงตอบไม่ได้
พ่อเฉียวรีบร้องตะโกน “ยังไม่รีบไปตามหมอมา!”
เวรยามคนหนึ่งตะเกียกตะกายลุกขึ้นวิ่งออกไป
พ่อเฉียวเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวถือมีดใหญ่มีเลือดไหลหยด เข้าใจฉับพลัน ใช้นิ้วชี้หน้านางพูดอย่างเดือดดาล “พวกเราไม่มีความแค้นต่อกัน เหตุใดต้องลงมือกับบุตรสาวข้าเ**้ยมโหดเช่นนี้”
จูหลาน เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนนั่งรถม้าเพิ่งมาถึงจวนเฉียว ต่างรีบร้อนลงจากรถ
พ่อเฉียวเห็นจูหลาน ลนลานพูด “หลานเอ๋อร์ เจ้ารีบมาดู หมิ่นเอ๋อร์ถูกนังตัวดีคนนี้ทำร้ายจนไม่เหลือแล้ว เจ้าจะต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้นาง”
จูหลานชะงักฝีเท้าครู่หนึ่ง ถึงเดินไปยืนข้างพ่อเฉียวกล่าวว่า “ข้าทราบแล้ว”
พ่อเฉียวถลึงตาโต ถามอย่างไม่เชื่อ “เจ้ารู้แล้ว”
จูหลานพยักหน้า
พ่อเฉียวชี้หน้าเขาอย่างไม่รู้ว่าโกรธหรือร้อนใจ พูดอะไรไม่ออก
เมิ่งเชี่ยนโยวยกมีดชี้เวรยามนายนั้นถามขึ้น “เฉียวต้าและเฉียวเอ้อดื่มเหล้าอยู่ที่ไหน”
เวรยามนายนั้นเห็นมีดมีเลือดไหลหยด ขดตัวอย่างหวาดกลัว ตอบกลับเสียงสั่น “อยู่หอชุ่ยชุน”
เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังเดินออกไป
เปาอีฝานรั้งนางไว้ “หอชุ่ยชุนเป็นหอนางโลม ให้เจ้าหน้าที่ไปเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดชะงักฝีเท้า
เปาชิงเหอสั่งการเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง “พวกเจ้ารีบไปหอชุ่ยชุน จับกุมเฉียวต้าและเฉียวเอ้อมาดำเนินคดี”
เจ้าหน้าที่เหล่านั้นรับคำสั่งแล้วจากไป
หมอวิ่งกระหืดกระหอบตามเจ้าหน้าที่มา เห็นสภาพน่าสังเวชของเฉียวหมิ่น พลันตกใจไม่รู้ควรทำอย่างไร
แม่เฉียวเห็นเขานิ่งอึ้ง กระวีกระวาดร้องเรียก “ยังจะนิ่งอึ้งอะไร ยังไม่รีบดูอาการให้หมิ่นเอ๋อร์อีก!”
หมอเดินขึ้นหน้า ย่อตัวลง มองดูใบหน้า บาดแผลใหญ่น้อยนับไม่ถ้วนบนตัวเฉียวหมิ่น พูดได้เพียงว่า “ฮูหยินเฉียว ให้คนทำความสะอาดเนื้อตัวให้คุณหนูเฉียวก่อนเถิด สภาพเช่นนี้ของนางข้าไม่อาจลงมือได้”
แม่เฉียวรีบร้อนสั่งหญิงรับใช้พาเฉียวหมิ่นเข้าไปในบ้าน ช่วยกันทำความสะอาดบาดแผลให้นาง
พ่อเฉียวได้สติคืนกลับมาแล้ว ถามจูหลานอย่างเกรี้ยวกราด “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
จูหลานบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด
พ่อเฉียวยืนมึนงงถามขึ้นอย่างไม่เชื่อ “หมิ่นเอ๋อร์กระทำเรื่องไร้มนุษยธรรมเช่นนั้นจริงๆ”
จูหลานพยักหน้า “นางยอมรับสารภาพหมดแล้ว”
พ่อเฉียวพูดอย่างฉุนเฉียว “ข้าจะไปถามว่านางกระทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร”
พูดจบหันหลังจะกลับเข้าไปถามเฉียวหมิ่นในบ้าน
เปาชิงเหอยับยั้งเขา “ตอนนี้เฉียวหมิ่นยังไม่ได้สติ เจ้าไปถามก็ไม่ได้ความ สู้รอเจ้าหน้าที่นำตัวเฉียวต้าและเฉียวเอ้อมา ถามให้รู้แจ้งเถอะ”
พ่อเฉียวตอบ “ได้ ข้าจะรอยู่ที่นี่ หากพวกเขาทำจริงๆ ข้าไม่มีวันปล่อยพวกเขาไป หากมีคนให้ร้ายบุตรสาวข้า ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ข้าก็ต้องทวงคืนความยุติธรรมให้นางให้ได้”
หน้าประตูบ้านสงัดเงียบฉับพลัน
หลังจากเจ้าหน้าที่ไปถึงหอชุ่ยชุน พบเฉียวต้าและเฉียวเอ้อกำลังร่ำสุราเคล้านารี
พอทั้งสองเห็นเจ้าหน้าที่เข้ามา ตกใจหน้าถอดสี เตรียมจะวิ่งหนี กลับถูกเหล่าเจ้าหน้าที่ประสานกำลังจับกุม ใส่กุญแจมือ นำตัวกลับมา
พ่อเฉียวเห็นทั้งสองคนถูกเจ้าหน้าที่กุมตัวกลับมา ร้องตะวาดเสียงลั่น “เจ้าเดรัจฉาน ยังไม่รีบสารภาพเรื่องที่พวกเจ้ากระทำออกมา”
เฉียวต้าและเฉียวเอ้อตกใจ คุกเข่าลงกับพื้นดัง “พลั่ก” พูดวิงวอน “นายท่าน ไว้ชีวิตด้วย ทั้งหมดนี้คุณหนูเป็นคนสั่งให้พวกเราไปทำขอรับ!”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินขึ้นหน้า ถีบเฉียวต้าล้มคว่ำไปกับพื้น เค้นถามอย่างเ**้ยมอำมหิต “พวกเจ้าทำอะไรกับน้องชายข้า”
เฉียวต้าเห็นมีดใหญ่ในมือนาง กลืนน้ำลายอึกใหญ่ พูดเสียงสั่นรัว “เดิมคุณหนูให้พวกเราคิดหาวิธีนำเด็กน้อยนั่นไปขายต่างเมือง แต่ประตูเมืองตรวจตราแน่นหนา พวกเราจึงไม่กล้าออกไป รอจนวันนี้บ่ายพวกเราถึงลองผ่านประตูเมืองออกไป แต่กลัวไปต่างเมืองจะกลับมาไม่ทัน ทำให้นายท่านและฮูหยินสงสัย จึงเปลี่ยนความผิดกะทันหัน ขายเด็กนั่นให้พวกค้ามนุษย์ในตำบลข้างๆ”
พอได้ยินว่าเมิ่งเจี๋ยยังไม่ถูกฆ่า ทุกคนต่างโล่งใจ
เปาอีฝานถามขึ้น “ตอนนี้พวกค้ามนุษย์อยู่ที่ไหน”
เฉียวต้าตอบกลับ “พวกเราก็พบเข้าโดยบังเอิญ ที่อยู่เป็นหลักแหล่งของพวกเขา พวกเราก็ไม่รู้ว่าคือที่ไหน”
เมิ่งเชี่ยนโยวยกมีดกวัดแกว่ง
เฉียวต้าหลับตาปี๋ เฉียวเอ้อลนลานพูดเสียงดัง “พวกเขาน่าจะยังอยู่ในตำบลข้างๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขา
เฉียวเอ้อพูดอย่างหวาดผวา “ตอนพวกเขาให้เงิน ข้าได้ยินพวกเขาพูดว่า เทศกาลโคมไฟปีนี้จับเด็กมาได้ไม่กี่คน พวกเขาต้องคิดหาวิธีจับมาเพิ่ม ถึงค่อยนำไปขายที่อื่น จากคำพูดพวกเขา เหมือนหลายวันนี้จะยังไม่ไปจากตำบลใกล้ๆ นี้”
“เจอพวกเขาอย่างไร”
เฉียวเอ้อตอบ “ตอนพวกเราแลกเปลี่ยนสินค้ากับพวกเขา ทำกันในบ้านเก่าแห่งหนึ่ง ไม่รู้ว่าพวกเขาจะย้ายไปแล้วหรือยัง”
เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังเดินออกไป เปาอีฝานจับตัวเฉียวเอ้อตามติดออกมา
เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนเดินตามออกมา
จูหลานก็หันหลังเดินออกมา
พ่อเฉียวร้องเรียก “หลานเอ๋อร์ แล้วหมิ่นเอ๋อร์เล่าจะทำอย่างไร”
จูหลานหันหลัง พูดอย่างราบเรียบ “หากน้องชายแม่นางเมิ่งไม่เป็นอะไร ข้าจะขอร้องนางไว้ชีวิตหมิ่นเอ๋อร์ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น ท่านก็ให้นางตายส่งศพตามไปด้วยเถอะ” พูดจบหันหลังสาวเท้าก้าวตามออกไป
พ่อเฉียวตะลึงค้าง
เปาชิงเหอสั่งการเจ้าหน้าที่ “ล้อมจวนเฉียวให้ดี เมื่อคนร้ายฟื้น ให้จับกุมตัวส่งไปส่งไปดำเนินคดีที่ศาลาว่าการ”
เจ้าหน้าที่รับคำอย่างพร้อมเพรียง ยืนตัวตรงข้างสองประตูใหญ่
คนทั้งหมดเดินออกมาจากประตูใหญ่ เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับพวกเขา “พวกเจ้าไปดูแลคนในครอบครัวข้าที่โรงเตี๊ยม บอกพวกเขาอีกไม่นานข้าจะพาเจี๋ยเอ๋อร์กลับมา ให้พวกเขารออย่างสบายใจ”
เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนพยักหน้า
จูหลานยืนหยัดจะตามไปด้วย “ข้าจะต้องไปกับพวกเจ้าด้วย เรื่องทั้งหมดเกิดเพราะข้า หากไม่ได้เห็นน้องชายเจ้าอยู่รอดปลอดภัย ข้าคงอยู่ไม่เป็นสุข”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาแวบหนึ่ง ไม่พูดสิ่งใด กระโดดขึ้นหลังม้า
เปาอีฝานยกเฉียวเอ้อกระโดดขึ้นหลังม้าเช่นกัน
จูหลานมองรถม้าของตัวเอง ร้อนใจแทบคลั่ง
เมิ่งเชี่ยนโยวบังคับม้ามาที่หน้ารถเขา ตวัดมีดตัดเชือกคล้องรถกับตัวม้าของเขาออก
จูหลานยิ้มดีใจ ปีนขึ้นหลังม้าได้อย่างเหนื่อยยาก ภายใต้การช่วยเหลือของคนงาน
เปาอีฝานขี่นำมาถึงหน้าประตูเมือง
ประตูเมืองปิดสนิทแล้ว ทหารยามที่เฝ้าประตูเห็นม้าตะบึงฮ้อตรงมา กำลังจะร้องคำราม เปาอีฝานก็ล้วงป้ายออกนอกเมืองในอกเสื้อออกมา
ทหารยามผลุนผลันเปิดประตูเมืองให้ คนทั้งหมดจากไปด้วยความเร็วสูง มุ่งหน้าตรงไปยังตำบลข้างๆ
ชั่วเวลาหนึ่งก้านธูปก็มาถึงตำบลข้างๆ
เปาอีฝานถามเฉียวเอ้อ “บ้านเก่านั่นอยู่ที่ใด”
เฉียวเอ้อโคลงเคลงบนรถม้าจนวิงเวียนมึนงง ครู่หนึ่งถึงปรับตัวได้ จำแนกทิศทาง ชี้ถนนสายหนึ่งพูดขึ้น “ไปตามถนนสายนี้จนสุดทางก็จะเจอ”
ทั้งสามขี่ม้าไปสุดถนน เห็นบ้านเก่าหลังหนึ่ง
เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดรถม้า พลิกตัวลงจากหลังม้า วิ่งตรงไปบ้านนั้นอย่างไม่รอรี
เปาอีฝานก็พลิกตัวลงมา โยนเฉียวเอ้อไปบนพื้น ตะคอกใส่ “รออยู่ตรงนี้เงียบๆ ห้ามส่งเสียง” จากนั้นทะยานตามเมิ่งเชี่ยนโยวไป
จูหลานงกๆ เงิ่นๆ ลงจากหลังม้า วิ่งโซซัดโซเซตามไป
เมิ่งเชี่ยนโยวและเปาอีฝานมาถึงหน้าประตูบ้าน แอบมองลอดแสงที่ส่องออกมาจากประตูบ้านซ่อมซ่อ พบชายสองคนเดินไปมาอยู่หน้าประตู ในบ้านยังมีเงาคนจำนวนหนึ่งเคลื่อนไหวไปมา
หนึ่งคนในนั้นพูดเสียงเบาขึ้น “ครั้งนี้ไม่เป็นไปตามแผน เพิ่งจับเด็กมาได้แค่สามคน ยังห่างไกลจากที่พวกเรารับปากอีกฝ่ายไว้อีกเจ็ดคน ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้พวกเราจะยังจับตัวมาได้อีกหรือไม่”
อีกคนก็พูดเสียงเบาขึ้น “พี่ใหญ่บอกแล้ว วันนี้ที่ประตูเมืองตรวจค้นเข้มงวด มีหลายคนที่ได้ตัวเด็กแต่ออกมาไม่ได้ รอพรุ่งนี้ลดความเข้มงวดลง พวกเขาก็จะส่งเด็กมาได้”
คนแรกถามเสียงเบาขึ้นอีก “เจ้าว่าวันนี้ในอำเภอตรวจตราอย่างเข้มงวด แต่พวกเขาส่งตัวเจ้าเด็กคนนั้นมาได้อย่างไร”
คนหลังตอบกลับ “เจ้าดูไม่ออกหรือไร วันนี้พวกเขาบังคับรถม้ามา เห็นก็รู้แล้วว่าพวกเขาไม่ได้ทำงานสายนี้โดยตรง คงเป็นความขัดแย้งภายในของเจ้าบ้าน จึงแอบนำตัวลูกของอีกฝ่ายมาขายทิ้ง”
คนแรกหัวเราะแหะๆ พูดว่า “ข้าว่าเจ้าเด็กนั่นก็ไม่เหมือนเด็กบ้านนอกทั่วไป ผิวละเอียดเนื้อนุ่ม พอพวกเรากลับไป จะต้องขายได้ราคางาม”
เมิ่งเชี่ยนโยวถีบประตูใหญ่เปิดอ้า
ชายสองคนที่หน้าประตูสะดุ้งตกใจ ตะคอกถาม “พวกเจ้าเป็นใคร”
แสงไฟในห้องถูกเป่าดับฉับพลัน ด้านในไม่มีเสียง
เมิ่งเชี่ยนโยวยกมีดเดินเข้าหา ชายสองคนที่หน้าประตูตกใจหนีกระเจิง
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจพวกเขา เดินตรงมาที่ประตูบ้าน ใช้เท้าถีบประตูออก
คนในบ้านทั้งสามคนกระโจนเข้าหาพร้อมกัน
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกสะบัดมีดในมือ คนคนหนึ่งถูกฟัน ส่งเสียงร้องโหยหวน
อีกสองคนไม่สนใจเขา ยืนเงียบในความมืดไม่ส่งเสียง คอยหาโอกาสลงมือ
เมิ่งเชี่ยนโยวกลั้นลมหายใจ ฟังเสียงจำแนกตำแหน่ง ย่องเข้าใกล้ชายทั้งสอง
ทั้งสองคนจู่โจมกะทันหัน เมิ่งเชี่ยนโยวเอี่ยวตัวหลบ ใช้มีดฟันฉับ
ชายคนหนึ่งถูกฟัน กรีดร้องอย่างโหยหวน
อีกคนที่เหลือหลบหนีออกมา กลับถูกเปาอีฝานสะกัดขาล้มกลิ้งไม่เป็นท่า ตะคอกถามเสียงเ**้ยม “เด็กที่พวกเจ้ารับซื้อมาวันนี้อยู่ที่ไหน”
คนที่ปลายเท้ากระเสือกกระสนจะลุกขึ้น เปาอีฝานเหยียบตัวเขา ถามอีกครั้ง “รีบพูด เด็กอยู่ที่ไหน”
คนผู้นั้นไม่ปริปาก
เปาอีฝานเตะเสยศีรษะเขา คนผู้นั้นหมดสตินอนตัวอ่อนไปกับพื้นพลัน
เปาอีฝานล้วงหินจุดไฟออกมาจากอกเสื้อเขา เดินเข้ามาในบ้าน จุดตะเกียงไฟ
ภาพภายในบ้านนี้สว่างแจ่มชัด นอกจากกล่องใบใหญ่จำนวนหนึ่ง ไม่มีเงาของเด็กเลยสักคน
เมิ่งเชี่ยนโยวเหยียบชายค้ามนุษย์คนหนึ่งที่เอาแต่กุมข้อมือตัวเอง ถามด้วยใบหน้าเ**้ยมเกรียม “เด็กที่พวกเจ้าซื้อมาวันนี้เล่า”
ชายค้ามนุษย์ไม่ตอบ
เมิ่งเชี่ยนโยวเหยียบขยี้บาดแผลเขา
ชายค้ามนุษย์เจ็บจนเกือบหมดสติไป อดทนต่อไปไม่ไหว พูดเสียงสั่นเทา “อยู่ในกล่อง”
เปาอีฝานรีบตรงเข้าไปเปิดกล่องทุกใบออก เมิ่งเจี๋ยและเด็กอีกสองคนปรากฏขึ้นตรงหน้า
จูหลานเข้ามาถึงพอดี เห็นสภาพของเมิ่งเจี๋ยในกล่อง สูดลมหายใจเข้าปาก
เมิ่งเจี๋ยถูกมัดมือทั้งสองข้าง วางอย่างลวกๆ ไว้ในกล่อง สองตาปิดสนิท ทั้งใบหน้าบวมแดง โดยเฉพาะที่ปาก บวมเป่งจนไม่เหลือเค้าเดิม
เปาอีฝานลองใช้นิ้วมือแตะใต้จมูกเมิ่งเจี๋ย อึดใจหนึ่งถึงรับรู้ได้ถึงลมหายใจรวยริน พูดอย่างยินดี “ยังมีชีวิต” พูดจบก็อุ้มเมิ่งเจี๋ยออกมาอย่างระวัง
จูหลานรีบเดินขึ้นหน้า ช่วยแก้มัดเชือก
เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังกลับ มองชายค้ามนุษย์ทั้งสองคนในห้องราวกับมองคนตาย
หนึ่งคนในนั้นร้องตะโกน “จะโทษพวกเราไม่ได้ พอเด็กมาถึงมือเราก็เอาแต่ร้องโวยวาย ยังกัดมือพี่ใหญ่พวกเราไม่ยอมปล่อย พวกเราถึงไม่มีทางเลือก…” ยังพูดไม่จบ ก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวใช้มีดบั่นคอฉับ พลันไร้สิ้นเสียง
ชายค้ามนุษย์อีกคนตกใจถอยหนี เมิ่งเชี่ยนโยวยกมีดในมือขึ้นอย่างไม่ลังเล ปลิดชีวิตชายค้ามนุษย์คนนั้น
เมิ่งเชี่ยนโยวโยนมีดในมือทิ้ง รับเมิ่งเจี๋ยมาอย่างระวัง ก้าวเท้าเดินออกไป
จูหลานเดินตามหลัง
เปาอีฝานอยู่รั้งท้าย คิดจะอุ้มเด็กอีกสองคนออกมา กลับอย่างไรก็อุ้มไม่ขึ้น เงยหน้าจะตะโกนบอกจูหลาน กลับพบว่าชายค้ามนุษย์ที่ถูกตนเองเตะสลบฟื้นได้สติแล้ว กำลังถือกริชเดินเข้าหาเมิ่งเชี่ยนโยว
เปาอีฝานรีบร้องตะโกน “แม่นางเมิ่ง ระวัง!”
เมิ่งเชี่ยนโยวยังไม่ทันได้หันหลังกลับ ชายค้ามนุษย์ก็พุ่งมาที่ด้านหลังนาง หมายจะใช้กริชแทงให้มิดด้าม ปากพร่ำร้องพูด “ข้าจะฆ่าเจ้า แก้แค้นให้พี่ใหญ่ข้า!”
จูหลานตกใจ เบี่ยงตัวขวางแผ่นหลังเมิ่งเชี่ยนโยว
ชายค้ามนุษย์ปักกริชไปที่ตัวจูหลานมิดด้าม
เปาอีฝานตะเบ็งร้องสุดเสียง “จูหลาน!”