ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 133.2
เปาอีฝานกินข้าวเช้าเสร็จ ซุนฮุ่ยก็เตรียมของเยี่ยมเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองนั่งรถม้ามาถึงบ้านเซี่ยเจียงเฟิง
เซี่ยเจียงเฟิงเพิ่งจะเตรียมของเยี่ยมเสร็จกำลังจะออกจากบ้าน เห็นทั้งสองคนนั่งรถม้าตรงมา จึงออกเดินทางมาบ้านอันอี่หยวนพร้อมพวกเขาสองคน
อันอี่หยวนรออยู่ในบ้านนานแล้ว เห็นคนทั้งหมดมาถึง ก็ยกของเยี่ยมมายังโรงเตี๊ยมพร้อมกับทุกคน
ลงจากรถม้า เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวยืนอยู่ข้างโต๊ะคิดเงินชั้นล่าง ต่างเข้าไปทักทายอย่างเป็นมิตร
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าพูด “น้องชายข้าเพิ่งตื่น รู้สึกหิว ข้าลงมาให้หลงจู๊ช่วยทำโจ๊กให้เขากิน”
เซี่ยเจียงเฟิงพูดอย่างยินดี “น้องชายเจ้าฟื้นแล้ว เช่นนั้นก็ดีมากจริงๆ”
เปาอีฝานถาม “เป็นอะไรหนักหนาหรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบ “ไม่เป็นอะไรร้ายแรง มีชีวิตชีวาดี”
คนทั้งหมดเชิญครอบครัวเมิ่งเชี่ยนโยวมาชมโคมไฟ กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ทั้งยังเป็นเฉียวหมิ่นที่ก่อขึ้น เปาอีฝานเกรงว่าหากเมิ่งเจี๋ยเป็นอะไรขึ้นมาอีก ทำให้เมิ่งเชี่ยนโยวเกิดความกินแหนงแคลงใจ ต่อไปยากจะไปมาหาสู่กันอีก ตอนนี้ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวบอกว่าเมิ่งเจี๋ยไม่เป็นอะไร ใจที่หวาดหวั่นมาตลอดในที่สุดก็ปล่อยวางลงได้แล้ว พูดอย่างปิติ “เช่นนั้นก็ดี”
ซุนฮุ่ยเข้ามาดึงมือเมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “น้องโยวเอ๋อร์ ตอนที่ได้ยินว่าเกิดเรื่องกับน้องชายเจ้า ข้าก็คิดจะมาหาแล้ว แต่เปาอีฝานบอกว่าข้ามาก็ช่วยอะไรไม่ได้ อาจจะเป็นการเพิ่มภาระให้เจ้า ข้าจึงไม่ได้มา เจ้าไม่ถือโทษข้าหรอกนะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “พี่ฮุ่ยเอ๋อร์ ข้าจะถือโทษท่านได้อย่างไร คุณชายเปาพูดถูกต้องแล้ว หากท่านมาก่อนหน้านี้ ข้าคงไม่มีแรงกำลังต้อนรับท่านจริงๆ”
ซุนฮุ่ยพูด “น้องโยวเอ๋อร์ไม่ตำหนิโทษข้าก็ดีแล้ว วันนี้พวกเรานำของเยี่ยมมาให้น้องชายเจ้า เจ้าดูว่ายังต้องการสิ่งใด อย่าได้เกรงใจเด็ดขาด ขอให้รีบเอ่ยปาก”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ขอบคุณพี่ฮุ่ยเอ๋อร์”
หลงจู๊ยกโจ๊กที่ต้มเสร็จแล้วออกมาอย่างระวัง เมิ่งเชี่ยนโยวกำลังจะยื่นมือรับ เซี่ยเจียงเฟิงกลับพูดว่า “ให้ข้าเองดีกว่า เมิ่งเชี่ยนโยวอายุยังน้อย เดี๋ยวจะลวกมือเอาได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะกล่าวขอบคุณ
เซี่ยเจียงเฟิงนำของเยี่ยมในมือส่งให้เปาอีฝาน ยกโจ๊กที่ต้มเสร็จแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวพาคนทั้งหมดมายังชั้นสอง เดินไปพลางพูดกับคนทั้งหมดว่า “ข้าไม่ได้บอกคนในบ้านว่าใครลักพาตัวเจี๋ยเอ๋อร์ไป พวกเขาต่างคิดว่าเจี๋ยเอ๋อร์ถูกพวกค้ามนุษย์บังเอิญมาจับตัวไป พวกท่านขึ้นไปแล้วห้ามหลุดปากพูดเด็ดขาด”
คนทั้งหมดยิ่งรู้สึกซาบซึ้งใจ เมิ่งเชี่ยนโยวอายุเพียงเท่านี้มีความสามารถจัดการเรื่องราวได้ถึงเพียงนี้ รู้สึกนับถือนางมากยิ่งขึ้น
คนทั้งหมดเดินมาถึงชั้นสอง เมิ่งเชี่ยนโยวผลักประตูห้องออก เดินเข้ามาด้านใน
เซี่ยเจียงเฟิงยกโจ๊กเดินตามหลังมา คนที่เหลือก็เดินตามเข้ามา
เมิ่งเสียนเห็นโจ๊กในมือเซี่ยเจียงเฟิง รีบเข้าไปรับมา เอ่ยปากพูด “คุณชายเซี่ย มอบโจ๊กให้ข้าเถอะ”
เซี่ยเจียงเฟิงยื่นโจ๊กให้เขาอย่างระวัง
คนทั้งหมดกล่าวทักทายสองสามีภรรยาเมิ่งอย่างมีมารยาท “ท่านลุง ท่านป้า”
สองสามีภรรยาเมิ่งรับคำอย่างประดักประเดิด
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูดกับพวกเขา “ท่านพ่อ ท่านแม่ คุณชายทั้งหลายมาเยี่ยมน้องเล็ก ทั้งยังนำของเยี่ยมมาให้ไม่น้อย”
สองสามีภรรยาเมิ่งกล่าวขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับเมิ่งเจี๋ย “น้องเล็ก คุณชายทั้งหลายมาเยี่ยมเจ้า เจ้าสมควรทักทายพวกเขาหรือไม่”
เมิ่งเจี๋ยร้องเรียกอย่างมีมารยาท “ท่านพี่ชาย พี่สาวสวัสดี”
ซุนฮุ่ยหัวเราะพูด “น้องโยวเอ๋อร์ น้องชายเจ้าน่าเอ็นดูนัก ข้าอยากมีน้องชายเช่นนี้บ้าง”
เมิ่งเจี๋ยพูดอย่างไร้เดียงสา “เช่นนั้นก็มีสักคนสิ”
คนทั้งหมดหัวเราะครืน
บรรยากาศอึมครึมในห้องผ่อนคลายลงไม่น้อย
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านป้อนโจ๊กน้องเล็กเถิด พวกเราจะไปคุยธุระห้องข้างๆ”
เมิ่งชื่อโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด พูดว่า “ไปเถอะ”
คนทั้งหมดเข้ามายังห้องข้างๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดขึ้น “เรื่องน้องชายข้าครั้งนี้ต้องขอบคุณทุกท่านที่ให้การช่วยเหลือ ภายหน้าหากมีสิ่งใดที่ข้าช่วยได้ ขอให้รีบบอก ขอเพียงข้าทำได้ ข้าจะไม่บอกปฏิเสธ”
เซี่ยเจียงเฟิงรีบร้อนพูด “แม่นางเมิ่งเกรงใจไปแล้ว พวกเราหาได้ช่วยอะไรเจ้าไม่”
อันอี่หยวนรีบพูดคล้อยตาม
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “หลังจากน้องชายข้าเกิดเรื่อง พวกท่านทั้งสองก็คอยเป็นธุระตามหาให้ ทั้งยังช่วยข้าดูแลคนในครอบครัว จะพูดว่าไม่ได้ช่วยได้อย่างไร”
ทั้งสองยิ้มแย้มพูดว่าเป็นสิ่งที่เพื่อนสมควรทำให้กันแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับเปาอีฝานต่อ “พวกที่ลักพาตัวเด็กไปจักต้องไม่ได้มีเพียงห้าคนนั้น ที่ข้าไม่ได้ลงมือกับคนที่เหลือ เพราะอยากให้เจ้าใช้เบาะแสนี้สืบหาผู้อยู่เบื้องหลังพวกเขา หวังว่าเจ้าจะตามหาพวกเขาได้โดยไว หากพบปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ให้ส่งคนไปหาข้า ข้าจะรีบมาช่วยเหลือทันที”
เปาอีฝานพูด “ข้าก็มีความคิดเช่นนี้เช่นกัน แม่นางเมิ่งรอฟังข่าวดีเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “เดิมข้าคิดจะไปสืบความพร้อมกับเจ้า น้องชายข้าถูกพวกเขาทำร้ายจนมีสภาพเช่นนี้ หากไม่ได้ทำลายรังพวกมันกับมือ ข้าไม่มีทางเลิกรา แต่หลังจากท่านแม่ประสบกับเรื่องนี้ สติสตังเริ่มไม่สู้ดี ข้ากลัวนางจะเป็นห่วงข้าอีก ดังนั้นจึงต้องรบกวนคุณชายเปาไปสืบด้วยตัวเอง”
เปาอีฝานโบกมือพูด “เรื่องนี้เดิมก็อยู่ในความรับผิดชอบของข้า แม่นางเมิ่งอย่าได้เกรงใจ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “หลังจากเจ้าจับพวกเขาได้ยกรัง ให้พาพี่ซุนไปบ้านข้า ข้าจะทำพระกระโดดกำแพงให้พวกเจ้ากิน”
เซี่ยเจียงเฟิงพูดอย่างสนใจ “เช่นนั้นข้ากับอันอี่หยวนขอไปร่วมวงด้วยได้หรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบ “ย่อมได้ ถึงตอนนั้นเรียนจูหลานมาด้วย เขาชอบร่วมวงสนุกที่สุด”
บรรยากาศภายในห้องเงียบขรึมลง
เปาอีฝานลองหยั่งเชิงถาม “เจ้าไม่ตำหนิโทษจูหลาน”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “เขาไม่ได้เป็นคนทำเรื่องนี้ เหตุใดต้องตำหนิโทษเขาด้วย”
เซี่ยเจียงเฟิงยิ้มพูด “ถ้าจูหลานรู้ จะต้องดีใจมาก”
เปาอีฝานและเมิ่งอวี้เซวียนพยักหน้าเห็นพ้อง
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับคนทั้งหมด “ข้าได้น้องชายคืนมาแล้ว และไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง พวกเราจะกลับบ้านตอนบ่าย ข้าขอบอกลาพวกท่านตรงนี้เลย ตอนบ่ายพวกท่านก็ไม่ต้องมาส่งแล้ว”
ซุนฮุ่ยกล่าว “ได้อย่างไรกัน ข้ากับเจ้าชะตาต้องกัน อยากจะอยู่คลอเคลียกับเจ้าไม่ห่าง จะไม่มาส่งเจ้าได้อย่างไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดขบขัน “พี่ซุน หากท่านมาคลอเคลียอยู่กับข้าไม่ห่าง คาดว่าถึงตอนนั้นคุณชายเปาได้มาหาเรื่องทะเลาะกับข้าเป็นแน่ ข้าสู่เขาไม่ได้ ท่านปล่อยข้าไปเถอะนะ”
คนทั้งหมดหัวเราะครื้นเครง
ซุนฮุ่ยอายหน้าแดง แกล้งพูดโกรธเกรี้ยว “เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม กล้ามาพูดแซวข้า ต่อไปข้าไม่สนใจเจ้าแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวรีบพูดขอขมา “ท่านพี่ ข้าผิดไปแล้ว ท่านให้อภัยข้าสักครั้งเถอะ ต่อไปข้าไม่กล้าแซวท่านแล้ว”
คนทั้งหมดหัวเราะครืนอีกครั้ง
สองสามีภรรยาเมิ่งได้ยินเสียงสรวลเสเฮฮาของพวกเขาก็ดีใจไปด้วย
คนทั้งหมดหัวเราะเสร็จ ก็ลุกขึ้นกล่าวอำลา
เมิ่งเชี่ยนโยวลงมาส่งพวกเขาชั้นล่าง เห็นพวกเขานั่งรถม้าจากไปไกลแล้วถึงขึ้นไปชั้นสอง
ทั้งครอบครัวกินอาหารเที่ยงเสร็จ เก็บข้าวของของตนเอง เมิ่งเอ้ออิ๋นก็ไปบังคับรถม้าจากด้านหลังมารอหน้าประตูโรงเตี๊ยม
เมิ่งชื่อพาลูกๆ ทั้งหมดออกมา หลงจู๊ออกมาส่งทุกคนที่หน้าประตูอย่างมีมิตรไมตรี
เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดชะงักฝีเท้า หันไปพูดกับหลงจู๊ “เสือยังมีเวลางีบหลับ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคน เสี่ยวเอ้อเพียงแค่เหนื่อยล้าพักผ่อนชั่วครู่ หลงจู๊อย่าได้ลงโทษเขาเกินกว่าเหตุ”
หลงจู๊มองนางไม่เพียงไม่ตำหนิโทษตนเอง แม้แต่เสี่ยวเอ้อก็ไม่ว่ากล่าว กล่าวขอบคุณอย่างปิติยินดีไม่หยุด พูดรับประกัน “แม่นางวางใจ ข้าจะให้เขาทำงานต่อไป ครั้งหน้าที่แม่นางมาโรงเตี๊ยมพวกเราอีกครั้ง จะให้เขาต้อนรับท่านเป็นอย่างดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า หันหลังขึ้นรถม้า
ทั้งครอบครัวต่างมาเพื่อชมโคมไฟอย่างเบิกบานใจ แต่เกือบต้องสูญเสียเมิ่งเจี๋ยไป ขากลับย่อมไม่มีอารมณ์ตื่นเต้นดีใจเหมือนตอนขามา ต่างนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอยู่ในรถ มีเพียงเมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงเด็กน้อยทั้งสองที่พูดคุยเฮฮาไม่หยุดตลอดทาง
เมิ่งเชี่ยนโยวเอนตัวเข้าหาเด็กน้อยทั้งสอง พูดกับเด็กน้อยทั้งสองเสียงเบา “เจี๋ยเอ๋อร์ ชิงเอ๋อร์ พี่มีเรื่องจะปรึกษากับพวกเจ้าหน่อย”
เด็กน้อยทั้งสองก็ตอบกลับเสียงเบา “ท่านพี่ มีเรื่องอันใด”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดยั่วเย้า “เรื่องที่เจี๋ยเอ๋อร์ถูกคนไม่ดีจับตัวไป เมื่อพวกเจ้ากลับไปแล้วห้ามไปพูดให้ใครฟัง แม้แต่ท่านปู่ท่านย่าก็ไม่ได้ หากพวกเจ้าทำได้ พี่จะทำของเล่นน่าสนุกให้พวกเจ้า สามารถบินได้ด้วยนะ”
เด็กน้อยทั้งสองถูกดึงดูดทันควัน พยักหน้าพูดให้คำมั่นไม่หยุด “พวกเราไม่พูด ใครก็ไม่พูดทั้งนั้น”
เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นนิ้วก้อยออกมา พูดว่า “พวกเรามาเกี่ยวก้อยกัน ใครพูดคนนั้นเป็นหมาน้อย และจะไม่ได้ของเล่นนั้น”
เด็กน้อยทั้งสองเลียนแบบนางยื่นนิ้วก้อยออกมาเกี่ยวเข้ากับนิ้วก้อยนาง พูดพร้อมกัน “เกี่ยวก้อยสัญญา ร้อยปีไม่เปลี่ยน ใครพูดออกไปคนนั้นเป็นหมาน้อย”
เมิ่งเชี่ยนโยวใช้มือสองข้างลูกศีรษะเด็กทั้งสอง พูดว่า “น่ารักจริงๆ กลับไปพี่จะทำของเล่นสนุกๆ ให้พวกเจ้า”
เมิ่งเจี๋ย เมิ่งชิงร้องตะโกนดีใจ
เมิ่งชื่อมองพวกเขาด้วยใบหน้ามีความสุข
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกำชับคนในครอบครัว “ท่านแม่ พี่ใหญ่ พี่รอง อี้เซวียน เรื่องที่เมิ่งเจี๋ยถูกลักพาตัวไป เมื่อกลับไปแล้วพวกท่านไม่ต้องพูดกับใคร เลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องที่ไม่จำเป็นตามมา”
คนทั้งหมดพยักหน้า
รถม้าไม่ได้วิ่งเร็วมาก ใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะกลับถึงบ้าน
เมิ่งชื่อเปิดประตูบ้าน มองดูบ้านที่คุ้นตา พูดถอนใจ “บ้านเราดีที่สุด สบายใจที่สุด ต่อไปแม่จะไม่ไปไหนอีกแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะพูด “ท่านแม่ ต่อไปข้าหาเงินได้เยอะ ยังคิดจะพาพวกเราทั้งครอบครัวไปเที่ยวในเมืองหลวง ถ้าท่านไม่ไปไหนแล้ว พวกเราจะไปอย่างไรเล่า”
เมิ่งชื่อลูบหน้าอกแล้วพูด “แม่เข้าอำเภอไปครั้งเดียว ก็ตกใจเกือบตายแล้ว ให้ตายแม่ก็ไม่ไปเมืองหลวง พวกเจ้าใครอยากไปก็ไปเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ
ป้าหวังกลับมาบ้าน เห็นประตูใหญ่เปิดอ้า จึงเดินเข้ามา เห็นคนทั้งหมดในลานบ้าน ก็ยิ้มแย้มพูด “ข้านึกว่าพวกเจ้าจะกลับกันมาแต่เมื่อวาน ไม่คิดว่าวันนี้ถึงจะกลับมา โคมไฟในอำเภองดงามมาก พวกเจ้าหลงใหลจนไม่อยากกลับมาใช่หรือไม่”
เมิ่งชื่อสีหน้าแข็งค้าง
เมิ่งเชี่ยนโยวรีบตอบกลับ “ใช่ ป้าหวัง เทศกาลโคมไฟในอำเภอสวยงามมาก พวกเรายังซื้อกลับมาหลายอัน ไม่เชื่อท่านดูสิ” พูดจบ นำโคมไฟที่เมิ่งอวี้เซวียนชนะมาได้ให้ป้าหวังดู
ป้าหวังพูดอย่างใจหาย “อ๊ายหย่า โคมไฟในอำเภอสวยล้ำนัก ป้ายังไม่เคยเห็นโคมไฟที่งดงามเช่นนี้มาก่อน ปีหน้าป้าจะให้ลุงหวังเจ้าพาพวกเราทั้งครอบครัวไปบ้าง”
เมิ่งเชี่ยนโยวขานรับ “ดีเลย ถึงตอนนั้นพวกเราไปด้วยกัน”
ป้าหวังพยักหน้ายินดี
เมิ่งชื่อเอาแต่ไม่พูดไม่จา ป้าหวังรู้สึกประหลาดใจ ถามขึ้น “สะใภ้เอ้ออิ๋น เจ้าเป็นอะไร ข้าเห็นสีหน้าเจ้าไม่สู้ดี”
เมิ่งชื่อลูบใบหน้าตัวเองอย่างลืมตัว
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดขึ้น “เทศการโคมไฟคนพลุกพล่าน ท่านแม่ข้าคอยดูแลเจี๋ยเอ๋อร์และชิงเอ๋อร์ คงจะเหนื่อยล้า พักสักสองวันก็หายเอง”
ป้าหวังไม่สงสัยอีก รีบร้อนพูด “เช่นนั้นเจ้ารีบไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ข้าค่อยมาหาใหม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดตามมารยาท “ป้าหวังค่อยๆ เดิน”
ป้าหวังโบกมือ เดินออกไปจากประตูใหญ่บ้านเมิ่ง
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับเมิ่งชื่อ “ท่านแม่ ท่านเข้าบ้านไปพักเสียหน่อยเถิด ข้าจะเก็บกวาดบ้านเอง”
เมิ่งชื่อไม่พูดอะไร หันหลังเดินกลับเข้าบ้าน
เมิ่งเชี่ยนโยวถอนหายใจ
เมิ่งเสียนและน้องอีกสองคนยกของเยี่ยมเข้ามา ถามขึ้น “น้องสาว ของเยี่ยมพวกนี้ให้วางไว้ที่ใด”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูของเยี่ยมในมือพวกเขา พูดอย่างขอไปที “วางไว้ที่ห้องฝั่งตะวันตกเถอะ วางกองไว้กับข้าวของที่พวกคุณชายเซี่ยส่งมาให้ตอนปีใหม่”
คนทั้งหมดพยักหน้า นำของเยี่ยมย้ายไปเก็บห้องฝั่งตะวันตก