ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 133.3
พักผ่อนได้สามวัน อาการของเมิ่งชื่อค่อยผ่อนคลายลง วันเริ่มต้นทำงานก็มาถึง เหล่าคนงานต่างมาทำงานอย่างหน้าชื่นตาบานแต่เช้าตรู่
จางจู้จางเกินและภรรยาก็พาคนในหมู่บ้านมาถึงแต่เช้า เข้าเก็บกวาดโรงงานกุนเชียงทั้งภายในภายนอกจนสะอาดเอี่ยม เตรียมลงมือทำงาน
หลังจากเก็บกวาดเสร็จ เนื้อหมูของจูต้าจ้วงยังไม่ถูกส่งมา เมิ่งชื่อจึงให้พี่ชายพี่สะใภ้เข้ามานั่งในบ้านใหญ่
คนทั้งหมดหาที่นั่ง เมิ่งเสียนยกน้ำชาเข้ามา ภรรยาจางจู้ดึงมือเมิ่งชื่อมาพูดเสียงแผ่ว “น้องสาว ข้าขอพูดอะไรหน่อย เมื่อเจ้าได้ฟังแล้วจะต้องหายเคืองขุ่น”
เมิ่งชื่อรีบถาม “เรื่องอันใด”
ภรรยาจางจู้ส่งยิ้มเอื้อนเอ่ย “ช่วงเวลานี้บ้านอารองเกิดเรื่องโกลาหลใหญ่โต ชิงเอ๋อร์เอาแต่อยู่ในบ้านไปยอมไป จางเถี่ยและภรรยาเอาแต่ร้องโวยวายอาละวาดใส่อารองและอาสะใภ้รอง”
เมิ่งชื่อถามอย่างตกใจ “เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ เกิดเรื่องอันใดขึ้นที่บ้านอารอง”
ภรรยาจางจู้ตอบ “จะเกิดเรื่องอันใดได้ ก็เพราะเงินสามสิบตำลึงนั่นอย่างไรเล่า”
เมิ่งชื่อถามอย่างไม่เข้าใจ “เงินสามสิบตำลึง คนละสิบตำลึงมีอะไรต้องโกลาหลเช่นนี้”
“ถ้ามันง่ายอย่างนั้นก็ดีสิ บ้านอารองคงไม่ยุ่งเหยิงจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่จบสิ้น” ภรรยาจางจู้กล่าว พูดจบหันไปมองจางจู้พูดเสียงแผ่วต่อ “หลังจากอาสะใภ้รองได้เงินสามสิบตำลึงไปแล้ว ก็ให้ชิงเอ๋อร์เพียงหนึ่งตำลึง ให้จางเถี่ยสามตำลึง บอกว่าที่เหลือเป็นเงินใช้จ่ายยามชราของตนเองและอารอง ชิงเอ๋อร์ไม่ยินยอม บอกว่าอารองและอาสะใภ้ลำเอียง ให้ตัวเองหนึ่งตำลึงน้อยเกินไป อย่างน้อยก็ต้องให้เท่ากับจางเถี่ย สามตำลึง จางเถี่ยและภรรยาก็ไม่ยินยอม บอกว่าบุตรสาวที่แต่งออกก็เหมือนน้ำที่ราดออกไป มีใครมาขอเงินบ้านแม่อีก ยังให้อารอง อาสะใภ้รองนำเงินที่เหลือมอบให้ตนเองและภรรยาเก็บรักษา บอกว่ากลัชิงเอ๋อร์จะฉวยโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ระวังขโมยไป อาสะใภ้รองย่อมไม่ยินยอม ปกป้องเงินไม่มอบให้ด้วยชีวิต บอกว่าหากใครหมายเงินของนางอีกจะสู้ยิบตากับคนนั้น ชิงเอ๋อร์ใช้วิธี ไม่ร้องไม่โวยวาย พาคนทั้งครอบครัวมาอาศัยบ้านแม่ไม่ยอมไปไหน อาสะใภ้รองทำอาหารเสร็จทั้งครอบครัวนั่งล้อมวงกิน กินเสร็จก็กลับไปนอนในห้อง งานอะไรก็ไม่ทำ จางเถี่ยและภรรยาไม่ยอม พาลูกๆ มาอยู่บ้านบ้านอารองและอาสะใภ้รองด้วย ไล่อย่างไรก็ไล่ไม่ไป ข้าได้ยินว่าช่วงเวลานี้อาสะใภ้รองจะนอนยังต้องกอดเงินไว้แนบอก กลัวว่าไม่ระวังจะถูกพวกเขาขโมยไป”
เมิ่งชื่ออ้าปากค้างตกใจผวา ครู่หนึ่งถึงพูดขึ้น “มีเรื่องเช่นนี้ด้วย”
ภรรยาจางจู้หัวเราะพูด “ใช่สิ ตอนที่ข้าได้ยินคนพูดกันก็ตกใจแทบแย่ คิดไม่ออกว่าอาสะใภ้รองทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร ให้คนละสิบตำลึงเรื่องก็จบแล้ว ตอนนี้เป็นอย่างไร โกลาหลกันไปทั้งครอบครัว วันนี้ระหว่างทางที่มาข้ายังได้ยินว่า อาสะใภ้รองเริ่มทนไม่ไหวแล้ว รับปากจะให้พวกเขาอีกคนละสองตำลึง”
เมิ่งชื่อพูด “เช่นนั้นชิงเอ๋อร์น่าจะพอใจแล้ว บุตรสาวที่แต่งออกไปยังได้รับเงินสามตำลึง นับว่าไม่เลวแล้ว”
ภรรยาจางจู้ส่ายหัว “ไม่รู้สิ ชิงเอ๋อร์นิสัยเหมือนอาสะใภ้รองมาก ใครจะไปรู้ว่านางจะพอใจหรือไม่”
ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุย เนื้อหมูของจูต้าจ้วงก็มาถึง
คนทั้งหมดออกไปช่วยกันขนย้ายเนื้อหมู
จูต้าจ้วงหยุดรถเทียมเกียม ส่งยิ้มจริงใจพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางเมิ่ง ต้องขออภัย ระหว่างทางที่มา รถเทียมเกวียนเกิดปัญหา พวกเราออกแรงกันพักใหญ่ถึงซ่อมเสร็จ ส่งเนื้อหมูมาล่าช้า ขอเจ้าอย่าได้ตำหนิโทษ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดยอกเย้า “ส่งมาให้ก็ดีแล้ว ข้ายังนึกว่าปีใหม่ข้าไม่ได้ให้อั่งเปาเถ้าแก่จู ท่านขุ่นข้องหมองใจ เลยไม่ส่งเนื้อหมูให้เราแล้ว”
จูต้าจ้วงโบกมือพูด “แม่นางเมิ่งพูดกระเซ้าข้าแล้ว เจ้าอุดหนุนการค้าข้าจำนวนมาก ปีใหม่ควรจะเป็นข้าให้อั่งเปาแก่เจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือพูด “เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว ขออั่งเปาให้ข้าด้วย”
จูต้าจ้วงล้วงอั่งเปาซองหนึ่งออกมาจากอก ยิ้มตาหยีวางใส่มือเมิ่งเชี่ยนโยวแล้วพูด “เป็นน้ำใจเล็กน้อย ขอแม่นางเมิ่งอย่าได้รังเกียจว่าน้อย”
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับนิ่งค้าง ถามอย่างไม่อยากเชื่อ “ท่านเตรียมอั่งเปามาให้ข้าจริงๆ”
จูต้าจ้วงพูดต่อ “ข้าเตรียมไว้ให้แม่นางนานแล้ว กำลังกลัดกลุ้มว่าจะให้เจ้าอย่างไรดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว” พูดจบหันไปพูดโอ้อวดกับจูต้าจ้วงต่อ “ปีใหม่นี้ข้าร่ำรวยใหญ่แล้ว ข้าได้รับอั่งเปามาสามสิบกว่าตำลึงแล้ว”
จูต้าจ้วงตะลึงค้าง จากนั้นหัวเราะเสียงดังแล้วพูด “แม่นางเมิ่ง เจ้าน่าขบขันเสียจริง การค้าเจ้าใหญ่โตเช่นนี้ยังจะใส่ใจกับเงินสามสิบตำลึง”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “ต้องใส่ใจสิ ข้าโตมาจนป่านนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เงินมากเช่นนี้”
ช่วงที่ผ่านมาจูต้าจ้วงก็รู้ว่าเมื่อก่อนบ้านเมิ่งเชี่ยนโยวยากจนแทบไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ กระทั่งคิดค้นการทำเนื้อรมควันและกุนเชียงได้ ความเป็นอยู่ของครอบครัวถึงดีขึ้น นึกว่านางพูดถึงเงินถุงขวัญที่สองสามีภรรยาเมิ่งให้นางเมื่อก่อน จึงไม่ได้สนใจอะไร จึงพูดเล่นด้วยอีกสองสามคำ จนเมิ่งเสียนจ่ายเงินให้เขา จึงบังคับรถเทียมเกวียนจากไปอย่างมีความสุข
เมิ่งเชี่ยนโยวถืออั่งเปาพูดโอ้อ้วดกับเมิ่งเสียนอย่างได้ใจ “พี่ใหญ่ ดูสิ ข้าได้อั่งเปาอีกใบแล้ว”
เมิ่งเสียนขบขันในกิริยาเด็กน้อยของนาง พูดเล่นใหญ่เล่นโต “ว้าว! พี่ใหญ่อิจฉาเจ้านัก แบ่งให้พี่บ้างได้หรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้าแง่งอน พูด “ไม่ได้”
เมิ่งเสียนหัวเราะครืน
คนงานในโรงงานทำงานอย่างแคล่วคล่องคุ้นเคย หลังจากขนถ่ายเนื้อหมูมาที่โรงงาน ต่างเริ่มลงมือทำกุนเชียงอย่างขะมักขะเม้น
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินวนรอบโรงงานหนึ่งรอบ เห็นทุกคนเข้าประจำหน้าที่ของตัวเอง ทำงานอย่างขยันขันแข็ง ไม่มีใครพูดคุย ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ออกจากโรงงานกุนเชียง บอกแจ้งเมิ่งชื่อคำหนึ่ง จากนั้นก็ไปโรงงานเนื้อรมควัน
อู๋ต้าและพวกอีกสี่คนกำลังจะไปเทน้ำเสีย เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเดินมา รีบเข้าไปทักทายอย่างนอบน้อม
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นพวกเขาแต่งตัวสะอาดสะอ้าน หน้าตาผ่องแผ่ว ไม่มีท่าทีเสเพลลอยชาย รู้สึกประหลาดใจมาก จึงถามพวกเขา “พ้นปีใหม่มา พวกเจ้าดูหน้าตาสดใสไม่น้อย ที่บ้านมีเรื่องมงคลอันใดหรือ”
อู๋ต้าขยี้หัวพูด “หาได้มีเรื่องมงคลใดไม่ ก็เงินค่าแรงและอาหารที่นายหญิงแจกจ่ายให้พวกเราตอนปีใหม่อย่างไรเล่า พอพวกเรากลับถึงบ้าน คนในบ้านต่างดีใจมาก เอาแต่ชมเชยพวกเราไม่ขาดปาก ทำของอร่อยให้พวกเรากิน ทั้งยังดูแลพวกเราอย่างดี หลายปีแล้ว พวกเราไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากคนในครอบครัว พลันสำนึกได้ ตัดสินใจว่าต่อไปจะเป็นคนดี ให้นายหญิงและคนในครอบครัวไม่ต้องกลัดกลุ้มใจเพราะพวกเราอีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “พวกเจ้าคิดได้ก็ดี นับจากวันนี้ไป พวกเจ้าจงตั้งใจทำงาน ข้าจะไม่เอาเปรียบพวกเจ้า”
คนทั้งหมดรับประกันอย่างยินดี “ขอบคุณนายหญิง ต่อไปพวกเราจะเพิ่มความขยันเป็นสองเท่า”
หลิวต้าเป่ายืนอยู่อีกด้านสะท้อนแววตา ก้มหน้าไม่พูดอะไร
จางหลินและพวกเตรียมจะขึ้นเขาไปตัดฟืน ได้ยินคำพูดเมิ่งเชี่ยนโยว ต่างหันหน้ามองกัน แล้วก้มหน้าก้มตา
เมิ่งเชี่ยนโยวมองทุกคนแวบหนึ่ง พูดว่า “พวกเจ้าทุกคนก็เหมือนกัน ขอเพียงตั้งใจทำงาน ข้าจะปฏิบัติต่อพวกเจ้าอย่างดี”
คนทั้งหมดปิติ เงยหน้ากล่าวขอบคุณ
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินวนรอบโรงงานหนึ่งรอบ เห็นคนงานทำงานเป็นระเบียบเรียบร้อย พยักหน้าพอใจ เดินมาตรงหน้าเมิ่งต้าจิน ถามขึ้น “ท่านลุงใหญ่ พี่ใหญ่จะกลับไปเรียนหนังสือในอำเภอเมื่อไหร่”
เมิ่งต้าจินกำลังทำความสะอาดปลอกไส้ ได้ฟังก็ตอบโดยไม่เงยหน้า “โรงเรียนจะเปิดวันที่ยี่สิบหก เหรินเอ๋อร์เตรียมตัวไปวันที่ยี่สิบห้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับเขาอีก “ท่านกลับไปพูดกับพี่ใหญ่ กลับไปโรงเรียนครั้งนี้ไม่ต้องเดินไปแล้ว ข้าจะให้พี่ใหญ่ข้าบังคับรถม้าไปส่งเขา”
เมิ่งต้าจินพูด “ได้ ข้าจะกลับไปบอกเขา เขาได้ยินแล้วจะต้องดีใจมาก”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า หันหลังเดินกลับบ้าน เดินไปได้สองก้าวพลันถอยหลังกลับ ถามขึ้น “ลุงใหญ่ ป้าใหญ่บอกว่าจะให้สะใภ้ซุนไปถามแม่นาง ให้พี่ใหญ่กับอิงจื่อแต่งงานกันในสองเดือนข้างหน้า ไปหรือยัง”
เมิ่งต้าจินทำความสะอาดปลอกไส้ในมือเสร็จแล้ว เงยหน้าพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “ยัง เหรินเอ๋อร์ไม่ยอมให้ไป บอกว่าสร้างบ้านใหม่เสร็จค่อยไปก็ยังไม่สาย”
เมิ่งเชี่ยนโยวมุ่นหัวคิ้วพูด “แค่ให้กำหนดวันเอาไว้ก่อน ไม่ได้ให้เขาแต่งงานทันทีเสียเมื่อไหร่ เหตุใดต้องคัดค้านเช่นนี้ด้วย”
เมิ่งต้าจินตอบ “พวกเราก็คับข้องใจ ป้าใหญ่เจ้าร้อนใจกว่าใคร แต่เหรินเอ๋อร์บอกว่าพวกเราใจร้อนเกินไป จะทำให้พ่อแม่อิงจื่อตกใจได้ ให้ผ่านไปสักระยะหนึ่งพวกเราค่อยไป ป้าใหญ่เจ้าคิดใคร่ครวญเห็นว่าพวกเราใจร้อนเกินไปจริงๆ จึงว่าตามเขา รอสักระยะหนึ่งค่อยไป”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าพูด “ข้าทราบแล้ว”
หลี่ต้าฉุยและภรรยาวันนี้หน้าตาสดใสเป็นพิเศษ เมิ่งเชี่ยนโยวทักทายพวกเขาแล้วก็กลับบ้าน
เพราะเป็นการเริ่มงานวันแรก คนงานของจูหลานไม่ได้เข้ามาลากเนื้อรมควันและเครื่องในรมควันไป และจึงไม่ได้นำพริกมาส่ง เมิ่งเสียนและน้องๆ ว่างงาน จะไปฝึกวรยุทธ์ในลานบ้านก็ไม่ได้ จึงทบทวนการบ้านที่เมิ่งเชี่ยนโยวเคยสอน แต่ห้องฝั่งตะวันตกไม่เหลือที่ว่างแล้ว พวกเขาไม่มีทางเลือก จำต้องย้ายโต๊ะเก้าอี้ออกมา วางไว้ในห้องนอนของตัวเอง
เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวกลับมา เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงเด็กน้อยทั้งสองคนวิ่งออกมา พูดเว้าวอน “ท่านพี่ พวกเราอยากได้ของเล่นที่บินได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวลูบหัวพวกเขารับคำ “ได้ พี่จะทำให้พวกเจ้า”
เด็กน้อยทั้งสองคนร้องไชโยดีใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวร้องเรียก “พี่ใหญ่ พวกท่านออกมาช่วยข้าหน่อย”
เมิ่งเสียน เมิ่งฉีและเมิ่งอวี้เซวียนเดินออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “พี่ใหญ่ ท่านไปหาแผ่นไม้ไผ่หน้ากว้างครึ่งข้อนิ้วมาให้ข้า”
ไม่นานเมิ่งเสียนก็ได้ไม้ไผ่แบบที่นางต้องการ
เมิ่งเชี่ยนโยวใช้มีดทำเครื่องหมายไว้ตรงกลาง หันไปพูดกับเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ ท่านช่วยเจาะเป็นรูในตำแหน่งที่ข้าทำเครื่องหมายไว้”
เมิ่งเสียนพยักหน้า มุ่นหัวคิ้วว่าจะใช้สิ่งใดมาเจาะเป็นรู
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับเมิ่งฉี “พี่รอง ท่านไปหาแผ่นไม้ไผ่เรียวบางมาสองอัน”
เมิ่งฉีได้แผ่นไม้ไผ่เรียวมาสองอัน
เมิ่งเชี่ยนโยวให้เขาและเมิ่งอวี้เซวียนคนละอัน พูดว่า “พวกท่านขัดไม้ไผ่เรียวนี้หน่อย” พูดจบใช้มือทำท่าขัดถูแล้วพูด “เมื่อขัดเสร็จแล้ว พวกท่านลองเอามือลูบดู ถ้าไม่บาดมือเป็นอันใช้ได้”
ทั้งสองคนพยักหน้า นั่งลงอีกด้าน เริ่มลงมือขัดแท่งไม้เรียวบาง
เมิ่งเสียนวนหาโดยรอบก็ยังหาวิธีเจาะไม้เป็นรูไม่ได้ เดินมาตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว พูดอย่างเก้อกัง “น้องสาว ต้องทำอย่างไรถึงจะเจาะเป็นรูเล็กได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวถึงนึกได้ว่าในบ้านไม่มีมีดหัวเรียวแหลม พูดกับเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ ท่านไปโรงงานรมควันเนื้อ ให้พวกเขาใช้แท่งเหล็กเผาไฟแล้วเอามาจี้ให้ไม้เป็นรูขนาดเท่ากับแท่งเหล็กก็พอ”
เมิ่งเสียนถือแผ่นไม้วิ่งไปโรงงานเนื้อรมควันอย่างดีใจ ใช้แท่งเหล็กเผาไฟเจาะเป็นรูเสร็จ ก็รีบวิ่งกลับมา
เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา ใช้มีดเหลาแผ่นไม้ไผ่อีกด้านให้บางลง ส่วนอีกด้านเหลาทั้งสองมุมจนหายไปส่วนหนึ่ง แล้วเหลาปลายทั้งสองด้านของแผ่นไม้ไผ่จนมนกลม เลี่ยงไม่ให้เกิดอันตรายเวลาเด็กน้อยทั้งสองเล่น หลังจากเหลาเสร็จ ก็ให้เมิ่งเสียนเอาไปขัดให้ลื่น
เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงวิ่งไปวิ่งมา เดี๋ยวก็ดูว่าเมิ่งฉีและเมิ่งอวี้เซวียนขัดเสร็จหรือยัง เดี๋ยวก็ไปเร่งเมิ่งเสียนให้ทำเร็วๆ ทั้งยังถามเมิ่งเชี่ยนโยวไม่หยุด “ท่านพี่ เมื่อไหร่ถึงจะทำเสร็จ”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “อีกประเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว เจี๋ยเอ๋อร์และชิงเอ๋อร์อดทนรออีกนิดเถอะ”
เมิ่งฉีและเมิ่งอวี้เซวียนขัดแท่งไม้เสร็จแล้ว เดินถือเข้ามา เมิ่งเชี่ยนโยวลองลูบดู รู้สึกลื่นมือ ก็นำมาถือไว้ รอเมิ่งเสียนขัดแผ่นไม้เสร็จอย่างเงียบๆ
เมิ่งฉีและเมิ่งอวี้เซวียนก็ยืนอยู่อีกด้านอย่างอยากรู้อยากเห็น รอดูว่าเมิ่งเชี่ยนโยวใช้สิ่งของง่ายๆ พวกนี้จะทำของเล่นที่บินอยู่บนฟ้าออกมาได้อย่างไร
เมิ่งเสียนใช้เวลาขัดค่อนข้างนาน เด็กน้อยทั้งสองร้อนใจจนกระทืบเท้าปึงปังถึงขัดเสร็จ
เมิ่งเชี่ยนโยวรับแผ่นไม้ไผ่มา เห็นเมิ่งเสียนขัดได้ละเอียดมาก ไม่มีจุดไหนบกพร่อง ก็นำแท่งไม้ที่เมิ่งฉีและเมิ่งอวี้เซวียนขัดเสร็จทำลองเสียบเข้าไปในรู เมื่อแท่งไม้เสียบได้ดีแล้ว ก็หันไปพูดกับเมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิง “พวกเจ้าดูให้ดี พี่จะทำให้มันบินแล้ว”
พูดจบออกแรงปั่นแท่งไม้ในมือ แล้วปล่อยมือ แมลงปอไม้ไผ่ก็บินออกไป ลอยวนอยู่บนท้องฟ้า
เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงตบมือร้องอย่างดีใจ “ว้าว! มันบินได้จริงๆ ด้วย!”
เมิ่งเสียน เมิ่งฉีและเมิ่งอวี้เซวียนต่างมองแมลงปอไม้ไผ่บินวนอยู่บนอากาศอย่างตื่นตาตื่นใจ
บินได้ครู่หนึ่ง แมลงปอไม้ไผ่ก็ร่วงสู่พื้น เมิ่งเจี๋ยวิ่งไปเก็บมา ทำมือปั่นๆ แบบที่เมิ่งเชี่ยนโยวทำ แล้วปล่อยมือ แมลงปอไม้ไผ่ก็บินลอยขึ้นทันที
เมิ่งเจี๋ยดีใจกระโดดโลดเต้น เมิ่งชิงอิจฉาร้อนใจ พอแมลงปอไม้ไผ่ตกพื้นอีกครั้ง เขารีบวิ่งไปเก็บขึ้น ใช้มือปั่นๆ ทำตามที่เมิ่งเชี่ยนโยวทำแล้วคลายมือ แมลงปอไม้ไผ่ก็บินลอยขึ้น เมิ่งชิงดีอกดีใจใหญ่
เมิ่งเสียนและน้องมองอย่างอิจฉา
รอจนเด็กทั้งสองเล่นไปได้สักพักหนึ่ง ในที่สุดเมิ่งฉีก็พูดอย่างทนไม่ไหว “น้องเล็ก ให้พี่เล่นบ้าง”
เมิ่งเจี๋ยวางแมลงปอไม้ไผ่ใส่มือเขา เมิ่งฉีทำการปั่นก้านไม้ไผ่อย่างอดใจรอไม่ไหว แล้วคลายมือ แมลงปอไม้ไผ่ก็บินลอยขึ้นแต่โดยดี
เมิ่งเจี๋ยตบมือร้องพูด “สูงมากๆ เลย!”
เมิ่งเสียนและเมิ่งอวี้เซวียนก็อดใจไม่ไหวขอเข้ามาลองบ้าง
ทั้งลานบ้านเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องและโห่ร้อง