ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 140.1
อวี้อวี่คว้ามือเขาไว้ ชี้เมิ่งเชี่ยนโยวแล้วหันไปพูดกับเขา “พี่เจ๋อหวย นี่คือแม่นางเมิ่ง น้องสาวคุณชายเมิ่งคนที่ข้าและเซี่ยเหอวางแผนจะให้มาหมั้นหมายกับข้า”
จางเจ๋อหวยถึงเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวกำลังนั่งบนเก้าอี้มองพวกเขาอย่างเยือกเย็น พลันตกตะลึง ครู่หนึ่งถึงก้มเอวโค้งคำนับ พูดวิงวอน “อวี่เอ๋อร์กำลังตั้งท้อง ร่างกายเปราะบาง ขอแม่นางให้เขาลุกขึ้นก่อนเถอะ มีอะไรผิดพลาดต่อกัน เจ๋อหวยขอรับผิดเพียงผู้เดียว”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดอะไร
จางเจ๋อหวยเอาแต่โค้งคำนับ ไม่ยอมยืดตัวขึ้น
ครู่หนึ่ง เมิ่งเชี่ยนโยวจึงพูดด้วยเสียงเย็นเยียบ “หากข้าจะให้เจ้าก็คุกเข่าให้ข้าเล่า”
จางเจ๋อหวยเงยหน้าขึ้นพลัน มองนางอย่างไม่เชื่อ
อวี้อวี่ร้องพูดเสียงหลง “คุณหนูเมิ่ง ทั้งหมดเป็นความผิดข้า ขอท่านอย่ากลั่นแกล้งพี่เจ๋อหวยเลย เขาเป็นบัณฑิต จะให้คุกเข่าให้คนอื่นง่ายๆ ได้อย่างไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวทำเป็นไม่ได้ยิน เพียงมองไปที่จางเจ๋อหวยอย่างเย็นชา
จางเจ๋อหวยจ้องมองนาง
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะเหยียดหยันเขา
จางเจ๋อหวยหันมองอวี้อวี่ที่อ่อนระโหยโรยแรงแวบหนึ่ง ถกชุดฉางเผา[1]ขึ้น คุกเข่าเบื้องหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวแล้วพูด “หวังว่าแม่นางจะพูดจริงทำจริง ให้อวี่เอ๋อร์ลุกขึ้นก่อน”
เมิ่งเชี่ยนโยวนิ่งอึ้ง
อวี้อวี่คร่ำครวญโผไปข้างกายเขา พูดว่า “พี่เจ๋อหวย ท่านไม่ต้องทำเช่นนี้ ท่านคุกเข่าให้คนอื่นได้อย่างไร รีบลุกขึ้น”
จางเจ๋อหวยไม่ขยับ พูดวิงวอนอีกครั้ง “หวังว่าแม่นางจะพูดจริงทำจริง ให้อวี่เอ๋อร์ลุกขึ้นก่อน”
เมิ่งเชี่ยนโยวพลันหัวเราะลั่น
จางเจ๋อหวยและอวี้อวี่มองนางอย่างประหลาดใจ
จางเจ๋อหวยไม่รู้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวชื่นชมหรือเลื่อมใส พยักหน้าพูดคำหนึ่ง “นับว่าเป็นคนยึดมั่นในรัก”
ทั้งสองมองนางอย่างไม่เข้าใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับอวี้อวี่ “เมื่อคุณชายจางคุกเข่าแทนเจ้า คุณหนูอวี้ก็ลุกขึ้นเถอะ”
อวี้อวี่ส่ายหน้า “พี่เจ๋อหวยเป็นบัณฑิต ชื่อเสียงเป็นสิ่งสำคัญ ขอร้องแม่นางให้เขาลุกขึ้นเถอะ
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดถากถาง “เมื่อเป็นบัณฑิตผู้ทรงความรู้ เหตุใดถึงกระทำเรื่องต่ำช้าเช่นนั้นได้ ไม่เพียงให้คู่หมายเช่นเจ้าท้องก่อนแต่ง ยังร่วมมือกับเจ้าวางแผนต่อผู้อื่น”
อวี้อวี่แก้ต่างแทนเขา “หลังจากพี่เจ๋อหวยได้ยินแผนการของข้าและเซี่ยเหอ ก็คัดค้านอย่างที่สุด ข้าเองที่เลอะเลือนชั่วขณะ วิงวอนขอร้องเขา เขารักข้ามาก ถึงได้รับปาก แต่เขามิได้วางแผนต่อพวกเจ้า เรื่องทั้งหมดข้าและเซี่ยเหอเป็นผู้ทำ”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “เมื่อรู้ว่าพวกเจ้าวางแผนการต่อพี่ชายข้า เขากลับไม่ยับยั้ง เช่นนั้นเขาก็ยิ่งไม่เหมาะสมจะเป็นบัณฑิต”
อวี้อวี่ยังจะแก้ต่างแทนเขา จางเจ๋อหวยห้ามปราบนาง หันไปพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางพูดถูกต้อง ไม่ว่าข้าทำเรื่องอะไร ก็ผิดต่อการเป็นบัณฑิตของข้า ข้าตัดสินใจแล้ว รอให้ร่างกายของอวี่เอ๋อร์แข็งแรงกว่านี้ ข้าจะยอมทิ้งสถานะแห่งบัณฑิต พาอวี่เอ๋อร์หนีตามกันไป ต่อให้ต้องเป็นขอทานข้างถนน ข้าก็จะเลี้ยงดูนางเอง”
อวี้อวี่ร่ำไห้พูด “พี่เจ๋อหวย ท่านจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร ท่านลำบากพากเพียรมาสิบปี กำลังจะได้เข้าสอบเคอจวี่แล้ว ท่านจะยอมละทิ้งความลำบากมานานหลายปีเพื่อข้าได้อย่างไร”
จางเจ๋อหวยเช็ดน้ำตาให้นางอย่างปวดใจ พูดปลอบประโลม “การสอบเคอจวี่ปีนี้จะจัดขึ้นหลังฤดูใบไม้ร่วง ร่างกายของเจ้ารอนานเช่นนั้นไม่ได้ หากให้บิดามารดาเจ้ารู้เรื่อง ไม่แน่ว่าพวกเราจะไม่มีวันได้เจอหน้ากันอีก เมื่อเป็นเช่นนี้ สู้ข้ายอมละทิ้งการสอบเคอจวี่ พาเจ้าหนีไป รอให้เจ้าคลอดบุตรออกมา มีชีวิตที่มั่นคง ข้าค่อยเข้าสอบเคอจวี่ก็ยังไม่สาย”
อวี้อวี่ส่ายหน้าร่ำไห้
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งเสียงหัวเราะเยาะหยัน “ฟังดูแล้วนับว่าเจ้าก็มีใจมั่นรักดี แต่เจ้ารู้บ้างหรือไม่ การแต่งงานคือภรรยา ลักลอบหนีตามเป็นอนุ เจ้าคิดแต่จะพาคุณหนูอวี้หนีตามกันไป แต่คิดบ้างหรือไม่ว่าภายหน้าจะให้นางเผชิญหน้ากับคนในครอบครัวนางอย่างไร”
จางเจ๋อหวยพูดอย่างเจ็บปวด “ข้ารู้ แต่ด้วยเงื่อนไขของข้าตอนนี้ ไม่อาจขอร้องให้บิดามารดานางยอมยกนางให้ข้า ข้าก็ไม่อยากสูญเสียอวี่เอ๋อร์ ใช้ชีวิตที่อยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็นเช่นนี้ ข้าทำได้เพียงออกอุบายนี้ รอให้ภายหน้าข้าเชิดหน้าชูตาได้ ข้าจะต้องพาอวี่เอ๋อร์กลับมาบ้านแม่อย่างสง่าผ่าเผยสมศักดิ์ศรี”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าพูด “ความคิดไม่เลว แต่ข้าอยากถามเจ้า หากภายหน้าเจ้าไม่อาจเชิดหน้าชูตาได้ วันๆ ได้แต่เร่ร่อนเพื่อหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เจ้าจะยังจำคำพูดของตัวเองในวันนี้ได้หรือไม่”
อวี้อวี่รีบร้อนพูด “พี่เจ๋อหวยเป็นคนที่เขียนบทความดีที่สุดในบรรดานักเรียนด้วยกัน ภายหน้าเขาจะต้องสอบได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ “เมื่อเขามีการศึกษาดีเช่นนี้ เหตุใดพวกเจ้าถึงต้องทำเรื่องต่ำช้าเช่นนั้น กลับไม่รอให้เขาสอบได้แล้วมาสู่ขอเจ้าเล่า”
อวี้อวี่พูดสะอึกสะอื้น “แม่นางยังไม่รู้ หลังจากพี่เจ๋อหวยให้คนมาทาบทามสู่ขอ บิดามารดาข้าราวกับจะจับสังเกตได้ ช่วงเวลานั้นไม่เพียงส่งคนมาคอยเฝ้าตามติดข้า ยังฝากฝังแม่สื่อให้หาคู่ให้ข้าไปทั่ว หากไม่เพราะพวกเราคิดวิธีให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเขาปลอมเป็นคุณชายเศรษฐี ไม่แน่ว่าตอนนี้ข้าถูกพวกเขาบังคับให้หมั้นหมายไปนานแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเย้ยหยัน “เช่นนั้นพวกเจ้าก็เก่งกาจยิ่งนัก มีผู้ติดตามอย่างใกล้ชิด ยังใช้กลยุทธ์ลอบตีเฉินชังได้”
จางเจ๋อหวยหน้าแดงก่ำ พูดเว้าวอนอีกครั้ง “ไม่ว่าอวี่เอ๋อร์ทำอะไรลงไป ความผิดทั้งหมดข้าขอน้อมรับไว้ผู้เดียว แม่นางอยากด่าทอทุบตีอย่างไรก็ได้ ขออย่างกลั่นแกล้งอวี่เอ๋อร์อีกเลย”
เมิ่งเชี่ยนโยวเอนตัวไปด้านหลัง พูดอย่างเกียจคร้าน “ข้าไม่ได้กลั่นแกล้งนาง นางเองที่ให้สาวใช้มาขวางหน้ารถม้าของพวกเรา แล้วเชิญข้าขึ้นมา และนางที่สมัครใจคุกเข่าเอง เจ้าก็เห็นว่าเมื่อครู่ข้าบอกให้นางลุกขึ้นแล้ว แต่นางเองที่รั้นจะคุกเข่าเคียงข้างเจ้า”
จางเจ๋อหวยได้ฟังหันไปพูดโอ้โลมอวี้อวี่ “อวี่เอ๋อร์ ต่อให้เจ้าไม่นึกถึงร่างกายตัวเอง เจ้าก็ควรคิดถึงลูกในท้องบ้าง รีบลุกขึ้น”
อวี้อวี่ส่ายหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวมองพวกเขา แสร้งพูดอย่างตกใจ “เมื่อครู่คุณหนูอวี้กล่าวว่า อีกประเดี๋ยวจะให้สาวใช้ออกไปซื้อยาขับเลือด มาขับเด็กในท้องออก ว่าอย่างไร เรื่องนี้คุณหนูอวี้ไม่ได้บอกเจ้าหรือ”
จางเจ๋อหวยตื่นตกใจ ถามอย่างไม่เชื่อ “อวี่เอ๋อร์ แม่นางเมิ่งพูดเป็นความจริงหรือไม่”
อวี้อวี่พยักหน้าร่ำไห้
จางเจ๋อหวยกล่าวตำหนิด้วยน้ำเสียงร้อนรน “อวี่เอ๋อร์ เจ้าเลอะเลือนถึงขั้นนี้ได้อย่างไร”
อวี้อวี่ยิ่งน้ำตาไหลทะลักล้น
จางเจ๋อหวยเจ็บปวดใจอย่างหาใดเปรียบ ผ่อนคลายน้ำเสียงพูดว่า “อวี่เอ๋อร์ ข้ารวบรวมเงินได้สิบตำลึงแล้ว รอแม่นางเมิ่งอภัยให้พวกเรา ข้าจะรีบกลับไปเก็บของ จัดแจงความเป็นไปในครอบครัว พรุ่งนี้ก็จะพาเจ้าเข้าเมืองฟู่ เจ้าห้ามมีความคิดจะขับเด็กออกอีกเด็ดขาด”
อวี้อวี่ร้องไห้รุนแรงหนักขึ้น ส่ายหน้าไม่หยุด
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเหน็บแนมพวกเขาอีก “พวกเจ้าวางแผนกับพี่ใหญ่ข้าเช่นนี้ ข้าบอกว่าจะให้อภัยพวกเจ้าแล้ว”
จางเจ๋อหวยตะลึงค้าง
อวี้อวี่ก็เงยหน้าขึ้น มองนางน้ำตาอาบสองแก้ม
จางเจ๋อหวยถามขึ้น “ต้องทำเช่นไรแม่นางถึงจะยอมให้อภัยพวกเรา”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างเ**้ยมอำมหิต “พวกเจ้าวางแผนกับพี่ใหญ่ข้า ข้าให้อภัยพวกเจ้าก็ไร้ประโยชน์ เอาอย่างนี้ ข้าจะกลับไปตามท่านแม่และพี่ใหญ่ข้ามา หากพวกเจ้าขอร้องให้พวกเขาให้อภัยได้ ข้าก็จะปล่อยพวกเจ้าไป เรื่องทุกอย่างจะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น หากพวกเขาไม่ให้อภัยเจ้า ข้าจะให้คนป่าวประกาศเรื่องของพวกเจ้าออกไป ให้ต่อไปพวกเจ้าต้องเป็นเหมือนหนูข้างถนน มีแต่คนก่นด่า ไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ในเมืองได้อีกต่อไป”
จางเจ๋อหวยและอวี้อวี่ตระหนกตกใจกับวาจาเ**้ยมอำมหิตของนาง ในเวลาเดียวกันก็ตัวสั่นวาบ
อวี้อวี่มองจางเจ๋อหวยอย่างหวาดกลัว
จางเจ๋อหวยหลับตาลง พูดอย่างเด็ดเดี่ยว “ได้ ข้ารับปากแม่นาง”
อวี้อวี่ร้องเรียกเสียงสั่น “พี่เจ๋อหวย”
จางเจ๋อหวยปลอบใจนาง “อวี่เอ๋อร์ พวกเรากระทำสิ่งผิด ต้องยอมรับผลกรรม วางใจเถอะ หากพี่ใหญ่ของแม่นางเมิ่งไม่ให้อภัยพวกเรา ต่อให้ไปไหนต้องถูกคนว่าร้ายหยามเหยียดทุกวัน ข้าก็จะครองรักกับเจ้า”
อวี้อวี่พูดอย่างเป็นห่วง “แต่เช่นนั้นท่านก็จะเข้าสอบเคอจวี่ไม่ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้น พูดกับคนทั้งสอง “ตอนนี้ข้าจะกลับไปรับท่านแม่และพี่ใหญ่ของข้ามา พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ พวกเราต้องใช้เวลาสองชั่วยามถึงจะกลับมา”
ทั้งสองพยักหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวออกไปจากห้องรับรอง
เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวออกไปจากห้องรับรอง จางเจ๋อหวยรีบประคองอวี้อวี่ขึ้นอย่างระวัง ให้นางนั่งบนเก้าอี้ พูดปลอบขวัญเสียงต่ำ อวี้อวี่ไม่พูดอะไร เพียงร้องไห้สะอื้นเสียงแผ่ว
เซี่ยเหอคอยเฝ้าอยู่หน้าประตู เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวออกมา นึกว่าจัดการเรื่องราวเสร็จสิ้นแล้ว จึงเคาะประตู
อวี้อวี่เอาแต่ร้องไห้ ไม่พูดไม่จา
จางเจ๋อหวยเอ่ยปากพูด “เข้ามา”
เซี่ยเหอผลักประตูเดินเข้ามาในห้องรับรอง ก้มหน้าถาม “คุณหนู แม่นางเมิ่งไปแล้ว พวกเราจะกลับบ้านเมื่อใด”
อวี้อวี่ยังคงเอาแต่ร่ำไห้
จางเจ๋อหวยตอบแทนนาง “น่าจะยังต้องใช้เวลาอีกสองถึงสามชั่วยาม”
เซี่ยเหอถามอย่างลำบากใจ “พวกเราออกมานานมาแล้ว หากยังไม่กลับไป เกรงว่านายท่านและฮูหยินจะสงสัยได้”
จางเจ๋อหวยถอนใจพูด “ไม่ใช่คุณหนูของเจ้าไม่ยินยอมกลับบ้าน แต่เรื่องนี้ยังจัดการไม่เสร็จสิ้น แม่นางเมิ่งกลับไปรับมารดาและพี่ใหญ่นางมา บอกว่าหากมารดาและพี่ใหญ่นางให้อภัยพวกเรา นางจะถือว่าไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้น แต่หากพวกเขาไม่ให้อภัยพวกเรา นางจะป่าวประกาศเรื่องของพวกเราออกไป ให้ภายหน้าพวกเราไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ในเมืองได้อีก”
เซี่ยเหอได้ฟังงุ่นง่านใจกระทืบเท้า พูดว่า “ข้าบอกว่าอย่าพูดความจริงกับแม่นางเมิ่ง ท่านก็ไม่ฟังข้า ดึงดันจะทำเช่นนี้ให้ได้ ตอนนี้ดีแล้ว หากพวกเขาไม่ให้อภัยพวกเรา ป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไป นายท่านและฮูหยินล่วงรู้เข้า คุณหนูถูกเฆี่ยนจนตายเป็นแน่”
อวี้อวี่น้ำตาไหลพราก
จางเจ๋อหวยเช็ดน้ำตาให้นางพลางพูดเตือนอย่างเป็นห่วง “อวี่เอ๋อร์ ร่างกายของเจ้ายังเปราะบางมาก เจ้าอย่าร้องไห้อีกเลย”
เซี่ยเหอก็รีบพูดโน้มน้าว “ใช้ คุณหนู ท่านไม่ต้องร้องไห้แล้ว ถ้าท่านร้องไห้จนตาบวม พวกเรากลับไปจะตอบนายท่านและฮูหยินอย่างไร”
อวี่เอ๋อร์สะอื้นเสียงแผ่ว
เซี่ยเหอกระทืบเท้ารัวอีกครั้ง พูดอย่างเสียใจ “ข้าไม่ควรเชื่อคุณหนู เชิญแม่นางเมิ่งมาที่ภัตตาคาร”
จางเจ๋อหวยพูดขึ้น “เซี่ยเหอ เจ้าไม่ต้องพูดเช่นนี้แล้ว อวี่เอ๋อร์ทำถูกต้องแล้ว พวกเราพูดเรื่องนี้ออกมา ไม่ว่าแม่นางเมิ่งจะให้อภัยพวกเราหรือไม่ ต่อไปพวกเราจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดอีก”
เซี่ยเหอกระทืบเท้าอย่างจนใจอีกครั้ง เดินออกไปนอกห้องรับรอง ปิดงับบานประตู
[1] ฉางเผา(长袍) ชุดแต่งกายของชาวแมนจู เสื้อคอจาน แขนแคบ ด้านหน้าเป็นผ้าผืนเดียว