ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 141.3
ตงจื่อวิ่งมาเบื้องหน้าฮูหยินชราซุน นำคำกล่าวของซุนวั่งบอกเขาไม่ตกหล่นสักคำ ฮูหยินชราซุนตกอกตกใจ พาสาวใช้อีกสองสามคนผลุนผลันตามมาทันที ยังเดินไม่ถึงหน้าประตูห้องรับแขก ได้ยินเสียงร้องไห้ปานจะขาดใจของซุนเหลียงไฉ ยิ่งตกใจหนัก สาวเท้าจากสามเก้าเป็นสองเก้าเดินเข้ามาห้องรับแขก ร้อนรนถามขึ้น “ไฉเอ๋อร์เป็นอะไรไป?”
ซุนเหลียงไฉเห็นท่านย่าซุน กระโจนเข้าสู่อ้อมอกนางราวกับเห็นดาวผู้พิทักษ์ พูดขาดหายเป็นห้วงๆ “ท่านย่า ข้าไปไม่บ้านเมิ่งอี้เซวียน”
ท่านย่าซุนหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตาให้เขาอย่างปวดใจพลางพูดโอ้โลม “ได้ๆๆ พวกเราไม่ไป พวกเราไม่ไปไหนทั้งนั้น”
ซุนเหลียงไฉแผดเสียงร้องดังขึ้น
ฮูหยินชราซุนไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ยังนึกว่าซุนซ่านเหรินคิดจะพาซุนเหลียงไฉไปบ้านเพื่อนคนไหน ซุนเหลียงไฉไม่อยากไปก็เลยร้องไห้อาละวาด จึงกล่าวตำหนิซุนซ่านเหริน “ไฉเอ๋อร์ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป เหตุใดต้องฝืนใจเขา? ก็แค่เพื่อนคนหนึ่ง รอให้ไฉเอ๋อร์อยากไปค่อยไปก็ได้แล้ว”
ไม่รอให้ซุนซ่านเหรินเอ่ยปาก ซุนวั่งก็แย่งพูดก่อน “ท่านแม่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว ท่านพ่อคิดจะส่งไฉเอ๋อร์ไปให้คนอื่น!”
ฮูหยินชราซุนตื่นตกใจ ถามกลับอย่างไม่เชื่อ “เจ้าว่ากระไร?”
ซุนวั่งกระวีกระวาดพูดอีกครั้ง “ท่านพ่อมิได้จะพาไฉเอ๋อร์ไปหาเพื่อน แต่จะส่งเขาให้คนอื่น”
ครั้งนี้ฮูหยินชราซุนฟังอย่างชัดแจ้ง ถามซุนซ่านเหริน “ที่วั่งเอ๋อร์พูดเป็นความจริง? ท่านคิดจะมอบหลานชายคนเดียวของเราให้คนอื่น?”
ซุนซ่านเหรินตอบนาง “เจ้าอย่าไปฟังเจ้าลูกสารเลวนี่พูดเหลวไหล พวกเรามีหลานชายคนเดียว ข้าจะตัดใจมอบเขาให้คนอื่นได้อย่างไร?”
“เช่นนั้นเรื่องเป็นมาอย่างไรกันแน่?” ฮูหยินชราซุนถามต่อ
ซุนซ่านเหรินค่อยๆ เล่าเรื่องที่ตนเองคิดจะส่งซุนเหลียงไฉไปอยู่บ้านเมิ่งเชี่ยนโยว ให้นางช่วยอบรมสั่งสอนแก่ฮูหยินชราซุน
ฮูหยินชราซุนยังฟังไม่จบก็คัดค้านเสียงแข็ง “ข้าไม่เห็นด้วย หากท่านกล้าส่งหลานข้าไป ข้าจะสู้ตายกับท่าน”
ฮูหยินชราซุนเป็นภรรยาตบแต่งของตนเองมาหลายสิบปี ซุนซ่านเหรินย่อมไม่มีทางตะเบ็งเสียงดังใส่เหมือนที่ทำกับซุนวั่ง เห็นนางคัดค้านเสียงแข็ง จึงพูดเสียงอ่อนหมายจะหว่านล้อมให้นางเห็นด้วย “เจ้ายังไม่รู้ แม่นางน้อยที่ข้าขอให้มาช่วยสอนสั่งไฉเอ๋อร์คนนี้ มีอายุไล่เลี่ยกับหลานชายของเรา กลับรับผิดชอบเป็นเสาหลักของครอบครัวได้แล้ว ทั้งยังเข้าใจเรื่องการค้าได้อย่างเหลือเชื่อ หากเราให้นางช่วยสอนสั่งไฉเอ๋อร์ ไม่ถึงสองปี ไฉเอ๋อร์ก็จะรับช่วงกิจการของครอบครัวเราได้แล้ว”
ซุนซ่านเหรินเพิ่งจะพูดจบ ซุนวั่งก็พูดขึ้นอย่างทนต่อไปไม่ไหว “ท่านแม่ อย่าไปฟังคำท่านพ่อ นังเด็กแสบนั่นเป็นปีศาจร้าย โหดเ**้ยมผิดมนุษย์มนา นางผู้นี้ที่วันก่อนตบหน้าข้าต่อหน้าคนมากมาย น้องชายของยิ่งร้ายกาจ บาดแผลบนร่างกายไฉเอ๋อร์ล้วนถูกเขากระทำ”
ฮูหยินชราซุนได้ฟัง ยิ่งไม่ยินยอม หันไปพูดกับซุนซ่านเหรินเสียงแข็ง “คนเช่นนี้ไม่เหมาะสมจะสอนสั่งชี้แนะหลานของเรา เจ้าเลิกมีความคิดเช่นนี้ได้แล้ว”
ซุนซ่านเหรินถอนหายใจ พูดกับฮูหยินชราซุนอย่างเปิดเผยจริงใจ “ฮูหยิน ไฉเอ๋อร์ไม่เด็กแล้ว ตอนอายุเท่าเขาข้าเริ่มเรียนรู้ทำการค้าแล้ว แต่เจ้าดูเถิด ตอนนี้พวกเจ้าตามใจเขาจนกลายเป็นอะไรไป หากไม่รีบชี้แนะสั่งสอน เขาก็จะกลายเป็นคนไม่เอาถ่าน ขี้เกียจตัวเป็นขนเหมือนบุตรชายของเรา ถึงตอนนั้นกิจการที่พวกเราลำบากสร้างมาจะต้องย่อยยับด้วยน้ำมือพวกเขา”
ฮูหยินชราซุนโต้แย้งเขา “ไฉเอ๋อร์ของเรายังเด็ก อีกไม่กี่ปีพอเติบใหญ่ ก็จะเรียนรู้ทำการค้าได้เอง ไฉนเลยต้องให้คนอื่นมาชี้แนะสอนสั่ง?”
ซุนซ่านเหรินชี้ซุนวั่งแล้วพูดกับฮูหยินชราซุน “ในตอนนั้นเจ้าก็พูดถึงเจ้าลูกไม่เอาถ่านคนนี้เช่นนี้ แต่เจ้าดูสิว่าตอนนี้เขากลายเป็นอะไร วันๆ นอกจากสังสรรค์เฮฮากับเพื่อน เอ้อระเหยลอยชาย หรือเจ้าก็อยากให้หลานชายของเราต้องเป็นเหมือนเขาอีกคน?”
ฮูหยินชราซุนมองบุตรชายไม่เอาถ่านแวบหนึ่ง พูดอย่างรู้สึกผิด “ตอนที่บุตรชายของเราโตเท่านี้ เจ้าวุ่นแต่เรื่องทำการค้า ข้าวุ่นกับการดูแลครอบครัว ไฉนเลยจะมีเวลาไปสอนสั่งเขา แต่ไฉเอ๋อร์ไม่เหมือนกัน ตอนนี้ท่านและข้าต่างก็มีเวลาว่างแล้ว สามารถสั่งสอนเขาให้ดีได้ ไม่กี่ปีไฉเอ๋อร์จะต้องรับผิดชอบกิจการของครอบครัวได้”
ซุนซ่านเหรินเห็นว่าพูดเอาชนะนางไม่ได้ ตัดสินใจไม่หารือกับนางอีก พูดเสียงแข็งขึ้นทันควัน “ข้าตกลงกับแม่นางเมิ่งแล้ว วันพรุ่งจะให้ไฉเอ๋อร์ตามไปอยู่บ้านนาง พวกเจ้ารีบไปจัดเก็บข้าวเครื่องใช้ติดตัว พรุ่งนี้จะได้ให้เขานำไป”
ฮูหยินชราซุนกรีดร้อง “ท่านพี่ ท่านอยากเห็นข้าตายต่อหน้าท่านใช่หรือไม่?”
ซุนซ่านเหรินไม่สนใจ พูดกับนางและซุนซ่านเหรินด้วยน้ำเสียงดุดัน “นับแต่พรุ่งนี้ไป พวกเจ้าห้ามไปดูไฉเอ๋อร์ที่หน้าประตูโรงเรียน และห้ามไปร้องอาละวาดที่บ้านแม่นางเมิ่ง หากพวกเจ้าขัดคำสั่ง ข้าจะจับพวกเจ้าขัง ไม่ให้พวกเจ้าได้เจอไฉเอ๋อร์อีก”
ปกติซุนซ่านเหรินเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส แต่พอโมโหเดือดดาล ฮูหยินชราซุนก็เกรงกลัวเขา หากเป็นเรื่องอื่น พอซุนซ่านเหรินพูดเช่นนี้ ฮูหยินชราซุนก็คงยอมโอนอ่อนแล้ว แต่เรื่องนี้ไม่เหมือนกัน ซุนเหลียงไฉเติบโตขึ้นด้วยการฟูมฟักทะนุถนอมของฮูหยินชราซุน สักวันเดียวก็ไม่เคยให้คลาดสายตา แม้แต่ครั้งนั้นที่ซุนซ่านเหรินตัดสินใจให้เขาไปเข้าเรียน ฮูหยินชราซุนยังปวดใจร้องอาละวาดอยู่หลายวัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่จะส่งซุนเหลียงไฉไปอยู่บ้านแม่นางน้อยจิตใจอำมหิตเ**้ยมโหด อีกทั้งหากไม่ได้รับการอนุญาตจากเขา ห้ามพวกเขาไปหา นี่เท่ากับต้องการชีวิตของฮูหยินชราซุนทั้งเป็น
สิ้นเสียงซุนซ่านเหริน ฮูหยินชราซุนก็ทิ้งตัวนั่งกองไปบนพื้น ร้องไห้คร่ำครวญ “ทำไมชีวิตข้ารันทดเช่นนี้ หลานชายที่ลำบากเลี้ยงดูมากำลังจะถูกส่งไปอยู่กับคนอื่น ข้ามีชีวิตอยู่ต่อไปจะมีความหมายอะไร ตายเสียให้รู้แล้วรู้รอดดีกว่า”
ซุนซ่านเหรินเห็นนางเป็นเช่นนี้ ตวาดเสียงเข้ม “ยังไม่รีบลุกขึ้น ร้องเอ็ดตะโรเหมือนตัวอะไรแล้ว? หากใครรู้เข้า เจ้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”
ฮูหยินชราซุนนั่งบนพื้นร้องโหวกเหวกใส่ซุนซ่านเหริน “หลานชายข้าจะถูกส่งไปให้คนอื่น ข้าจะเอาหน้าไปทำอะไรอีก ข้าจะบอกให้นะ หากท่านกล้าส่งไฉเอ๋อร์ไปอยู่บ้านแม่นางคนนั้น ข้าจะตายต่อหน้าท่านเดี๋ยวนี้”
เรื่องการอบรมสั่งสอนซุนเหลียงไฉ ฮูหยินชราซุนเล่นละครหนึ่งร้องไห้ สองอาละวาด สามแขวนคอไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ทุกครั้งซุนซ่านเหรินจะโอนอ่อนให้นาง ฮูหยินชราซุนนึกว่าครั้งนี้จะเหมือนทุกครั้ง ซุนซ่านเหรินจะยอมรับปากนางไม่ส่งซุนเหลียงไฉไปบ้านเมิ่งเชี่ยนโยว ไม่คิดว่าครั้งนี้ซุนซ่านเหรินจะใจแข็ง ได้ยินนางข่มขู่เช่นนี้ เขาไม่เพียงไม่โอนอ่อน ทั้งยังพูดเตือนเสียงเข้ม “เรื่องนี้ข้าตัดสินใจแล้ว เจ้าร้องอาละวาดไปก็เปล่าประโยชน์ หากไม่อยากให้ข้าจับเจ้าขัง ก็รีบไปเก็บเสื้อผ้าของใช้ติดตัวให้ไฉเอ๋อร์ พรุ่งนี้ข้าพาเขาไปส่งที่โรงเรียนจะได้มอบให้แม่นางเมิ่ง”
พอได้ยินเขาบอกจะขังตัวเอง ฮูหยินชราซุนก็นิ่งอึ้งตาค้าง ครู่หนึ่งถึงถามตัวสั่นเทิ้ม “ท่านพี่ ท่านจะทำเช่นนี้จริงๆ?”
ซุนซ่านเหรินพยักหน้า
ฮูหยินชราซุนไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ผุดลุกขึ้นจากพื้นทันควัน ยื่นมือออกไปตะปบซุนซ่านเหริน ร้องตะโกนลั่น “ถ้าท่านกล้าส่งหลานข้าไป ข้าขอสู้ตาย”
ซุนซ่านเหรินไม่ทันระวังตัว ถูกฮูหยินชราซุนตะปบใบหน้า เกิดรอยแผลเลือดไหลซิบฉับพลัน เจ็บแสบจนต้องกุมใบหน้าทันใด
ฮูหยินชราซุนยังไม่หายเคืองขุ่น มืออีกข้างก็ตะปบเข้ามา
ครั้งนี้ซุนซ่านเหรินเตรียมป้องกันแล้ว หลับได้ทันท่วงที หันไปตะคอกใส่สาวใช้ของฮูหยินชราซุน “ยังไม่รีบลากตัวฮูหยินออกไปอีก”
สาวใช้ไม่คิดว่าฮูหยินชราซุนจะกล้าลงมือข่วนใบหน้าซุนซ่านเหริน นิ่งตะลึงงันอยู่ตรงนั้น พอได้ยินซุนซ่านเหรินแผดเสียงร้อง ถึงได้สติกลับมา รีบเดินขึ้นหน้า เข้าห้ามปราบฮูหยินชราซุน
ฮูหยินชราซุนดิ้นรนไม่หยุด แสดงท่าทีหากซุนซ่านเหรินไม่รับปากให้ซุนเหลียงไฉอยู่ต่อ จะไม่ยอมเลิกรากับเขาเด็ดขาด
ซุนซ่านเหรินปวดแสบปวดร้อนที่ใบหน้า พอคิดว่าหลายวันนี้ตนเองจะต้องแบกใบหน้านี้ออกนอกบ้าน ไม่รู้จะต้องถูกคนหัวร่ออย่างไร ก็ให้เดือดดาล ตะคอกใส่สาวใช้สองสามคนนั้นอย่างโกรธเกรี้ยว “ลากตัวฮูหยินของพวกเจ้ากลับไป ช่วงเวลานี้หากไม่มีคำสั่งข้า ห้ามให้นางออกมาแม้แต่ครึ่งก้าว หากพวกเจ้าทำไม่ได้ ข้าจะส่งพวกเจ้าทุกคนไปขาย”
สาวใช้รับคำตัวสั่นเทิ้มพร้อมกัน ร่วมแรงลากตัวฮูหยินออกไปจากห้องรับแขก
ซุนวั่งเห็นมารดาตนเองถูกกักบริเวณแล้ว ตกใจยืนสงบเสงี่ยมอยู่ที่เดิม ไม่กล้าปริปาก ซุนเหลียงไฉยิ่งตกใจจนลืมร้องไห้ มองซุนซ่านเหรินอย่างเลื่อนลอย
ซุนซ่านเหรินตวาดใส่ซุนวั่ง “ยังมัวนิ่งอึ้งอะไร? ยังไม่รีบไปเก็บข้าวของให้ไฉเอ๋อร์”
ซุนวั่งตกใจหันหัวขวับแล้ววิ่งออกไป ตอนที่วิ่งมาถึงประตูยังเกือบล้มใส่ธรณีประตู
ซุนซ่านเหรินถอนหายใจ กวักมือเรียกซุนเหลียงไฉ
ซุนเหลียงไฉเดินมาตรงหน้าเขาอย่างเชื่อฟัง
ซุนซ่านเหรินสั่งสอนเขาด้วยใจจริงอีกรอบ ไม่รู้ว่าซุนเหลียงไฉฟังเข้าใจหรือไม่ เอาแต่พยักหน้าเซื่องๆ
เช้าวันรุ่งขึ้นเมิ่งเสียนไม่ลุกจากที่นอน ยังคงเป็นเมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งเชี่ยนโยวไปส่งเมิ่งอี้เซวียนไปโรงเรียนด้วยกัน
ตอนที่มาถึงหน้าประตูโรงเรียน เวลายังเช้าเกินไป ประตูโรงเรียนยังไม่เปิด เมิ่งเอ้ออิ๋นหาที่จอดรถม้า ทั้งสามนั่งรอประตูโรงเรียนเปิดในรถม้าเงียบๆ
รถม้าของซุนซ่านเหรินเดินอ้อมรถม้าสองสามคันหน้าประตูโรงเรียนมาจอดข้างรถม้าของพวกเขา คนรับใช้เปิดม่านบังรถ ใบหน้าพร้อมรอยแผลของซุนซ่านเหรินปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเมิ่งเอ้ออิ๋น
เมิ่งเอ้ออิ๋นตกใจตัวโยน รีบร้อนถามเขา “ซุนซ่านเหริน เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าท่าน?”
เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินเสียงตื่นตระหนกของเมิ่งเอ้ออิ๋น เปิดม่านบังรถออก เห็นรอยขีดข่วนบนใบหน้าซุนซ่านเหริน ดวงตาสะท้อนแสง ยิ้มพูด “ดูท่าซุนซ่านเหรินจะต้องลงแรงไปไม่น้อย” เพื่อพูดเอาชนะ “คนในครอบครัว”
ซุนซ่านเหรินฟังความหมายแฝงของนางออก ใบหน้าชราแดงเรื่อ พูดแก้เก้อ “ให้แม่นางขบขันแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ข้ามิได้จะขบขันท่าน ข้าเพียงต้องการจะบอกท่าน ท่านจักต้องจำคำพูดข้าให้ดี นับแต่วันนี้ไป หากข้าไม่ได้แจ้งบอกท่าน ท่านห้ามให้คนในครอบครัวท่านมาแลดูเขา หากให้ข้ารู้เข้า ต่อให้ท่านมีเงื่อนไขล้นฟ้า ข้าก็ไม่มีทางรับสั่งสอนหลานท่านให้อีก”
ซุนซ่านเหรินรีบร้อนรับประกัน “แม่นางวางใจ ข้าสั่งเตือนคนในครอบครัวแล้ว หากข้าไม่อนุญาต พวกเขาใครก็ห้ามปรากฏตัวต่อหน้าไฉเอ๋อร์”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
ซุนซ่านเหรินหันไปตะโกนใส่รถ “ไฉเอ๋อร์ ยังไม่ลงมาพบหน้าแม่นางเมิ่ง”
คนรับใช้เปิดม่านบังรถออก ซุนเหลียงไฉค่อยๆ เยื้องย่างลงมาจากรถม้า เดินตัวสั่นเทามาเบื้องหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วพูดกับเมิ่งอี้เซวียน “อี้เซวียน ข้ารับปากซุนซ่านเหรินจะช่วยสอนสั่งซุนเหลียงไฉแทนเขา ต่อไปนอกจากมาโรงเรียน จะต้องมากินนอนที่บ้านพวกเรา วันนี้พอเลิกเรียนเจ้าจะต้องออกมาพร้อมเขา หากเขาไม่ยินยอม เจ้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร?”
เมิ่งอี้เซวียนที่พอได้ยินว่าต่อไปซุนเหลียงไฉจะมาอยู่บ้านตัวเอง เกิดความรู้สึกไม่ยินดี ได้ยินคำพูดของเมิ่งเชี่ยนโยว ดวงตากลิ้งกลอก แหงนใบหน้าน้อยขึ้น จงใจพูดว่า “ข้ารู้ หากเขาไม่ตามข้าออกมาโดยดี ข้าจะอัดเขาให้ตามข้าออกมาโดยดี”