ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 142.1
ได้ยินวาจาของเมิ่งอี้เซวียน เมิ่งเชี่ยนโยวชะงักงัน แล้วถลึงตาดุดันใส่เขา เมิ่งอี้เซวียนก้มหน้าอย่างน้อยใจ
ซุนซ่านเหรินมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ หรี่ตาหัวเราะร่วน
ซุนเหลียงไฉได้ยินคำพูดของเมิ่งอี้เซวียน ร่างกายหดห่อ มองซุนซ่านเหรินอย่างวิงวอน หวังว่าเขาจะเปลี่ยนความคิด ไม่ให้ตัวเองไปบ้านเมิ่งอี้เซวียน
ซุนซ่านเหรินไม่ได้สนใจเขา โบกมือให้คนรับใช้นำสิ่งของติดตัวซุนเหลียงไฉออกมา ยิ้มตาหยีพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางเมิ่ง นี่คือข้าวของติดตัวไฉเอ๋อร์”
เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา วางไว้บนรถม้า
ซุนเหลียงไฉเห็นซุนซ่านเหรินไม่สนใจเขา รู้สึกผิดหวัง หันไปถลึงตาเคียดแค้นใส่เมิ่งอี้เซวียน
ซุนซ่านเหรินเห็นแววตาเขา เจตนาพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางเมิ่ง ต่อไปฝากไฉเอ๋อร์ให้เจ้าสั่งสอนชี้แนะแล้ว หากเขาไม่เชื่อฟัง ด่าตีได้ตามใจ”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะพยักหน้า
ประตูโรงเรียนเปิดออก เหล่านักเรียนทยอยกันเดินเข้าไป
เมิ่งอี้เซวียนบอกลาเมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งเชี่ยนโยวเสร็จ เดินเข้าไปอย่างว่านอนสอนง่าย
รอจนนักเรียนที่หน้าประตูเข้าไปหมดแล้ว ซุนเหลียงไฉถึงเดินหนึ่งกลัวหันหลังสามก้าวเข้าไปอย่างอ้อยอิ่ง
รอจนเขาเข้าไป อาจารย์เวรถึงปิดประตูใหญ่
ซุนซ่านเหรินเอาแต่มองแผ่นหลังซุนเหลียงไฉอย่างอาวรณ์ รู้ว่ามองไม่เห็นแล้วถึงเก็บคืนสายตา ส่งยิ้มตาหยีบอกลาเมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งเชี่ยนโยว กลับไปนั่งบนรถม้าของตัวเองจากไป
เมิ่งเอ้ออิ๋นให้เมิ่งเชี่ยนโยวขึ้นไปนั่งบนรถม้าให้ดี จึงบังคับม้ากลับบ้าน
คนในบ้านกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว เมิ่งชื่อกำลังเย็บกระเป๋านักเรียนให้เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงบนเตียงเตา เมิ่งฉีพาเด็กน้อยทั้งสองไปเล่นแมลงปอไม้ไผ่ในลานบ้านอย่างสนุกสนาน
เมิ่งเชี่ยนโยวมองแวบหนึ่ง ไม่เห็นเมิ่งเสียน ขมวดคิ้วมุ่น ถามเมิ่งฉี “พี่รอง พี่ใหญ่เล่า?”
เมิ่งฉีพยักพเยิดหน้าไปทางห้องนอนพวกเขา ตอบเสียงเบา “พี่ใหญ่ยังไม่ตื่น”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม ใคร่ครวญครู่หนึ่ง เดินมาที่ห้องฝั่งตะวันออก เคาะประตูร้องถามเสียงดัง “พี่ใหญ่ ท่านตื่นหรือยัง?”
ด้านในไม่มีเสียงตอบ
เมิ่งเชี่ยนโยวตะเบ็งเสียงพูดอีกครั้ง “พี่ใหญ่ ข้าจะเข้าไปแล้วนะ”
เสียงลุกลนของเมิ่งเสียนถึงดังลอยออกมา “น้องสาว อย่าเข้ามา ข้ายังไม่ลุกจากเตียง”
สิ้นเสียงเขา เมิ่งเชี่ยนโยวก็ผลักประตูเข้าไปแล้ว
เมิ่งเสียนรีบร้อนห่มผ้าห่มปกปิดร่างกาย
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปตรงหน้าเขา ถามอย่างเป็นห่วง “พี่ใหญ่มีตรงไหนไม่สบายหรือไม่?”
เมิ่งเสียนส่ายหน้า
“เช่นนั้นเหตุใดพี่ใหญ่ถึงไม่ลุกจากเตียงเล่า?” เมิ่งเชี่ยนโยวถามอีก
เมิ่งเสียนสะท้อนแววตา พูดไม่ออก
เมิ่งเชี่ยนโยวถาม “เพราะคุณหนูอวี้ใช่หรือไม่?”
เมิ่งเสียนรีบร้อนส่ายหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวเค้นถามต่อ “เช่นนั้นเพราะเหตุใด?”
เมิ่งเสียนยังคงปิดปากเงียบ
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับเขาอย่างจริงจัง “ในใจข้า พี่ใหญ่เป็นคนมีความรับผิดชอบ รู้จักหน้าที่ของตัวเองมาตลอด ไม่ว่าเวลาใด เรื่องสิ่งใด ท่านคือแบบอย่างในใจพวกเราทุกคน แต่ข้าไม่รู้ว่า ครั้งนี้พี่ใหญ่เป็นอะไร ก็แค่หญิงสาวที่วางแผนต่อท่าน เหตุใดท่านถึงปล่อยวางไม่ลง?”
เมิ่งเสียนร้อนรนพูด “น้องสาว เจ้าเข้าใจผิดแล้ว พี่ใหญ่มิได้เป็นเพราะคุณหนูอวี้ พี่ใหญ่เพียงคิดว่าตัวเองโง่เขลาเกินไป ไม่มีหน้าสู้หน้าพวกเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวถามขึ้น “ดังนั้น ท่านจึงใช้การไม่กินไม่ดื่มมาลงโทษตัวเอง?”
เมิ่งเสียนไม่ได้พูดอะไร
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างลุ่มลึก “แต่ท่านคิดบ้างหรือไม่ ท่านทำเช่นนี้ พวกเราจะเป็นห่วงท่าน โดยเฉพาะท่านแม่ เดิมท่านก็ตำหนิโทษตัวเองแล้ว ท่านทำเช่นนี้ มีแต่จะทำให้นางยิ่งเสียใจ ข้าจำได้ท่านเคยพูดกับข้าว่า ท่านเป็นพี่ใหญ่ ต้องช่วยท่านพ่อท่านแม่แบ่งเบาภาระในครอบครัว แต่ท่านดูเถอะ ตอนนี้ท่านทำอย่างไร? อีกทั้งเรื่องเพียงเท่านี้ท่านยังแบกรับไม่ไหว ภายหน้าหากเกิดเรื่องใหญ่กว่านี้ ท่านจะเผชิญหน้าอย่างไร?”
เมิ่งเสียนเผยอปาก คิดจะพูดบางอย่าง กลับไม่ได้พูดออกมา
สุดท้ายเมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “พี่ใหญ่คิดให้ดีๆ เถอะ ท่านจะหมดอาลัยตายอยากเช่นนี้ต่อไป ทำให้คนทั้งครอบครัวเป็นห่วง หรือทำเป็นว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ทำโรงงานน้ำมันพริกของพวกท่านอย่างมีความสุขต่อไป?”
พูดจบ ไม่รอให้เมิ่งเสียนพูด ก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้องฝั่งตะวันออก
เมิ่งฉีที่คอยสนใจทางนี้ เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวออกมา ถามนางอย่างเป็นห่วง “พี่ใหญ่ไม่เป็นอะไรนะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบอย่างแน่วแน่ “ไม่เป็นไร คาดว่าอีกประเดี๋ยวก็คงออกมาได้”
เป็นดังคาด ไม่นานเท่าไหร่ เมิ่งเสียนก็แต่งตัวเสร็จเดินออกมาจากในห้อง แล้วเดินเข้าไปในห้องเมิ่งชื่อ
เมิ่งชื่อเห็นเมิ่งเสียนลุกจากเตียงแล้ว ถามอย่างยินดี “เสียนเอ๋อร์ เจ้าตื่นแล้ว หิวแล้วใช่ไหม แม่จะไปทำอาหารให้เจ้า”
เมิ่งเสียนพูดอย่างรู้สึกผิด “ท่านแม่ ขอโทษ ทำให้ท่านเป็นห่วงแล้ว”
เมิ่งชื่อตาร้อนชื้น ส่งยิ้มพูด “เด็กโง่ กับแม่ต้องเกรงใจอะไร เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” พูดจบ ก็ผลุนผลันเดินเข้าครัวไปทำอาหารให้เขา
เมิ่งเสียนเดินมาตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉี พูดกับพวกเขา “น้องรอง น้องสาว พวกเจ้าวางใจเถอะ พี่ใหญ่ไม่เป็นอะไร พี่ใหญ่รับประกันกับพวกเจ้า ต่อไปหากพบเจอเรื่องใด จะคิดให้มากกว่านี้ เรื่องเช่นนี้ต่อไปจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก”
เมิ่งฉีและเมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าพร้อมเพรียง พูดเป็นเสียงเดียวกัน “พวกเราเชื่อพี่ใหญ่”
เมิ่งชื่อทำอาหารจำนวนหนึ่งให้เมิ่งเสียนอย่างมีความสุข พอเมิ่งเสียนกินเสร็จ ก็ไปผลิตน้ำมันพริกกับเมิ่งฉี
เมิ่งเชี่ยนโยวว่างไม่มีงานทำ จึงไปเดินวนดูโรงงานกุนเชียงและโรงงานรมควันเนื้อหนึ่งรอบ ตอนที่เห็นบ้านซุน ก็นึกเรื่องที่จะสร้างบ้านใหม่ขึ้นได้ จึงกลับไปหาเมิ่งเอ้ออิ๋น พูดกับเขาว่า “ท่านพ่อ อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นแล้ว สามารถขุดดินทำงานได้แล้ว ท่านกับลุงใหญ่ลองไปเดินวนรอบหมู่บ้าน ดูว่ามีที่ไหนพื้นที่ค่อนข้างกว้าง พวกเราจะซื้อมาปลูกเรือน จะได้ปลูกเรือนให้ท่านปู่ท่านย่าแต่เนิ่นๆ
ซื้อที่ปลูกเรือนให้พ่อแม่ตัวเอง เมิ่งเอ้ออิ๋นย่อมยินดี เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง วางงานในมือทันที รีบไปหาเมิ่งต้าจินที่โรงงานรมควันเนื้อ บอกเขาว่าเมิ่งเชี่ยนโยวให้พวกเขาไปหาซื้อที่ด้วยกัน
ตั้งแต่ที่เมิ่งเชี่ยนโยวบอกว่าจะปลูกเรือนใหญ่ให้เมิ่งจงจวี่และภรรยา ให้พวกเขาก็ย้ายเข้าไปอยู่ด้วย เมิ่งต้าจินและภรรยาก็ดีใจเป็นอย่างมาก เฝ้ารอให้เมิ่งเชี่ยนโยวปลูกเรือนให้เสร็จโดยไว เมิ่งเหรินจะได้แต่งสะใภ้เข้าบ้านเร็วขึ้น ตอนนี้พอได้ยินเมิ่งเอ้ออิ๋นบอกว่าให้ไปดูที่ ก็วางงานในมือลงอย่างยินดี ออกไปเดินวนดูรอบหมู่บ้านพร้อมเมิ่งเอ้ออิ๋น
หมู่บ้านหวงใหญ่มาก สองพี่น้องใช้เวลาอยู่นานถึงเดินมาถึงฝั่งตะวันออกของหัวหมู่บ้าน ถูกใจกับที่ดินผืนหนึ่งไม่ไกลจากบ้านใหญ่สกุลเมิ่ง จึงกลับไปบ้านใหญ่ปรึกษากับเมิ่งจงจวี่ทันที
เมิ่งจงจวี่ที่พอได้ยินว่าอยู่ไม่ห่างจากบ้านใหญ่ พื้นที่กว้างขวาง ก็พยักหน้าเห็นด้วย
เมิ่งเอ้ออิ๋นกลับบ้านบอกเมิ่งเชี่ยนโยวว่าเลือกที่ดินได้แล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบเงินออกมาจากในห้อง พูดกับเขา “ท่านพ่อ เมื่อเลือกที่ดินได้แล้ว ท่านกับลุงใหญ่รีบไปหาผู้ใหญ่บ้านซื้อเก็บไว้เถอะ ยิ่งเร็วยิ่งดี พวกเรารีบสร้างบ้านให้เสร็จ เมิ่งเหรินจะได้แต่งงานเร็ววัน”
เมิ่งเอ้ออิ๋นพยักหน้า รับเงินมาแล้วกลับไปบ้านใหญ่ พูดกับเมิ่งจงจวี่และภรรยา เมิ่งเชี่ยนโยวบอกให้พวกเขารีบซื้อที่ดินเก็บไว้ แล้วรีบลงมือปลูกสร้าง จะได้ให้เมิ่งเหรินแต่งงานเร็วๆ
เดิมเมิ่งเหรินอายุได้สิบแปดปีแล้ว ยังไม่มีคนมาทาบทามสู่ขอ เป็นโรคใจของหญิงชราเมิ่งมาตลอด ปีนี้อุตส่าห์ได้หมั้นหมายแล้ว เมิ่งเหรินกลับอ้างว่าในบ้านไม่มีห้องหอ ไม่ยอมแต่งงาน หญิงชราเมิ่งร้อนใจแทบทนไม่ไหว พอได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวบอกให้สองพี่น้องไปซื้อที่ เพื่อเตรียมสร้างบ้าน ก็ดีใจยกใหญ่ เร่งเร้าให้พวกเขารีบไปทันที
เมิ่งต้าจินและเมิ่งเอ้ออิ๋นเดินมาออกมา เมิ่งจงจวี่เรียกพวกเขาไว้ พูดกับพวกเขาว่า “ที่ดินที่พวกเราซื้อครั้งนี้ค่อนข้างใหญ่ พวกเจ้าไปมือเปล่าเช่นนี้ไม่ค่อยดี ขนมชั้นดีที่โยวเอ๋อร์ซื้อให้ข้าและแม่เจ้ายังเหลืออีกกล่อง พวกเจ้าเอาไป มอบให้ผู้ใหญ่บ้าน ให้เขาทำรังวัดให้เสร็จโดยไว พวกเราจะได้ปลูกเรือนเสร็จในเร็ววัน”
หญิงชราเมิ่งได้ยินคำพูดเขา รีบนำขนมที่หัวเตียงออกมา
เมิ่งต้าจินเคยไปซื้อขนมพร้อมเมิ่งเชี่ยนโยว รู้ว่าขนมชั้นดีนี้ค่อนข้างแพง เริ่มไม่ยินยอมมอบให้ผู้ใหญ่บ้าน พูดกับเมิ่งจงจวี่และหญิงชราเมิ่งอย่างปวดใจ “ท่านพ่อ ท่านแม่ ขนมชั้นดีกล่องนี้ราคาหลายตำลึง ปกติพวกท่านยังอดใจกินไม่ลง เหตุใดถึงเอาให้เขาเปล่าๆ?”
เมิ่งจงจวี่ถอนใจพูดว่า “ผู้ใหญ่บ้านและภรรยาเป็นคนมีอำนาจมาตลอด ครั้งก่อนที่เอ้ออิ๋นซื้อที่ปลูกบ้าน เขายังคิดเพิ่มพื้นที่ละหนึ่งตำลึงไม่ใช่หรือ? ตอนนี้พวกเราร่ำรวยกว่าเดิม คาดว่าพวกเขาจะคิดอกุศลมากขึ้นกว่าเดิม ไม่รู้ว่าจะทำให้พวกเจ้าต้องลำบากอย่างไร หากพวกเจ้าไม่นำของเล็กๆ น้อยๆ ไป เกรงว่าแม้แต่ประตูบ้านก็ยังไม่ได้เข้า”
เมิ่งเอ้ออิ๋นพยักหน้า พูดหว่านล้อม “พี่ใหญ่ ท่านพ่อพูดถูกต้อง กินของผู้อื่นปากอ่อน รับของผู้อื่นมือสั้น ผู้ใหญ่บ้านกับภรรยารับของกำนัลจากพวกเราไป จะต้องไม่ทำให้พวกเราต้องลำบากเกินควร อีกอย่าง ก็เป็นเพียงขนมชั้นดีกล่องหนึ่งเท่านั้น พรุ่งนี้ตอนไปส่งอี้เซวียนเข้าเรียน ซื้อกลับมาให้ท่านพ่อท่านแม่อีกสองกล่องก็ได้ ตอนนี้บ้านเรามีเงินแล้ว ไม่ต้องสนใจเงินไม่กี่ตำลึง เรารีบซื้อที่ดินไว้แต่เนิ่นๆ พอสร้างบ้านเสร็จแล้ว จะได้ให้เมิ่งเหรินแต่งภรรยาเข้ามาสำคัญกว่า”
เมิ่งต้าจินแม้จะอาวรณ์ กลับไม่คัดค้านอีก ถือกล่องขนมชั้นดีเดินออกไปพร้อมเมิ่งเอ้ออิ๋น
อากาศอบอุ่นขึ้นแล้ว คนที่ออกมาตากแดดบนถนนก็มากขึ้น เห็นเมิ่งต้าจินและเมิ่งเอ้ออิ๋นถือกล่องขนมเดินผ่านมา ต่างทักทายพวกเขาตามอัธยาศัย
เมิ่งต้าจินและเมิ่งเอ้ออิ๋นพยักหน้าตอบรับ
มีคนที่อายุมากถามพวกเขาอย่างหวังดี “พวกเจ้าสองคนถือกล่องขนมจะไปทำสิ่งใด?”
เมิ่งเอ้ออิ๋นตอบกลับตามมารยาท “พวกเราอยากปลูกเรือนใหญ่ให้ท่านพ่อ เพิ่งเห็นที่ผืนหนึ่ง อยากจะไปซื้อที่ผืนนั้นกับผู้ใหญ่บ้าน”
เรื่องที่ผู้ใหญ่บ้านและภรรยาชอบรับของกำนัลมีมานานแล้ว คนในหมู่บ้านต่างรู้ดี จึงไม่มีอะไรให้ต้องตกใจ แต่การที่ได้ยินพวกเขาบอกว่าจะปลูกเรือนให้เมิ่งจงจวี่ ต่างก็อิจฉากันยกใหญ่ เอาแต่ชื่นชมว่าเมิ่งจงจวี่วาสนาดี
เมิ่งเอ้ออิ๋นยิ้มแย้มไม่ได้พูดต่อ เดินมาจนถึงบ้านผู้ใหญ่บ้านพร้อมเมิ่งต้าจิน