ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 142.3
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เอาเรื่องนี้มาใส่ใจ พอเมิ่งเอ้ออิ๋นไปบ้านใหญ่ ก็เตรียมจะไปเดินดูโรงงานกุนเชียงสักรอบ ในห้องของเมิ่งชื่อกลับมีเสียงโห่ร้องของเมิ่งเจียและเมิ่งชิงดังแว่วมา “พวกเรามีกระเป๋านักเรียนใหม่แล้ว! พวกเรามีกระเป๋านักเรียนใหม่แล้ว!”
เมิ่งเชี่ยนโยวถึงนึกขึ้นได้ เรื่องที่ซุนเหลียงไฉจะมากินนอนที่บ้านยังไม่ได้บอกเมิ่งชื่อ จึงสาวเท้าเดินเข้าไปในห้องเมิ่งชื่อ
เมิ่งเจียและเมิ่งชิงเด็กน้อยทั้งสองกำลังสะพายกระเป๋านักเรียนใบใหม่เดินวนภายในห้อง ส่วนเมิ่งชื่อกำลังมองพวกเขาอย่างเอ็นดู
เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามา เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงวิ่งไปตรงหน้า พร้อมกับแหงนหน้าขึ้นถามนาง “ท่านพี่ กระเป๋านักเรียนใหม่ของพวกเรางามหรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ยิ้มแล้วพูดกับเด็กน้อยทั้งสอง “งาม งามมากๆ”
เด็กน้อยทั้งสองดีใจโห่ร้อง สะพายกระเป๋านักเรียนวิ่งออกไปอย่างชื่นบาน
เมิ่งชื่อร้องกำชับไล่หลังพวกเขาให้วิ่งให้เต็มเท้า อย่าให้หกล้ม
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะพูดว่า “ท่านแม่ เด็กผู้ชายหกล้มบ้างไม่เป็นไร ท่านไม่ต้องเป็นห่วงพวกเขา”
เมิ่งชื่อพยักหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวมานั่งบนเก้าอี้ข้างๆ ยิ้มตาหยีพูดกับเมิ่งชื่อ “ท่านแม่ ข้ามีเรื่องหนึ่งจะบอกท่าน”
เมิ่งชื่อด้านหนึ่งเก็บเข็มด้ายบนเตียงเตา อีกด้านพูดว่า “พูดเถอะ แม่ฟังเจ้าอยู่”
เมิ่งเชี่ยนโยวจึงเล่าเรื่องที่รับปากซุนซ่านเหรินจะช่วยสั่งสอนซุนเหลียงไฉแทนเขา และจากนี้ไปนอกจากไปโรงเรียนซุนเหลียงไฉจะมากินนอนที่บ้านพวกเขาให้นางฟังอย่างละเอียด
เมิ่งชื่อฟังแล้วไม่เห็นด้วย “หลานชายคนนั้นของซุนซ่านเหรินดูเหมือนอายุจะพอๆ กับเจ้า เจ้าจะช่วยสั่งสอนเขาได้อย่างไร คนในหมู่บ้านได้เอาไปพูดนินทา เจ้าปฏิเสธเขาไปดีกว่า”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่คิดว่าเมิ่งชื่อจะคัดค้าน นิ่งอึ้งเล็กน้อยแล้วยิ้มพูด “ท่านแม่ ข้ามิได้จะสอนเขาตามลำพังเสียหน่อย ยังมีพี่ใหญ่ พี่รอง อี้เซวียนและน้องเล็กอยู่ด้วยกันทั้งหมด คนในหมู่บ้านจะนินทาอะไรได้”
เมิ่งชื่อยังคงคัดค้าน “เช่นนั้นก็ไม่ได้ อยู่ๆ ในบ้านก็มีเด็กผู้ชายเพิ่มมาอีกคน เจ้าจะให้แม่ไปพูดกับคนในหมู่บ้านอย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบนาง “เรื่องนี้พูดง่ายมาก ท่านบอกคนในหมู่บ้านว่าซุนซ่านเหรินส่งเขามาเพื่อควบคุมการผลิตกระเป๋านักเรียนก็ได้แล้ว”
เมิ่งชื่อถูกเบี่ยงเบนประเด็น ถามอย่างไม่เข้าใจ “ทำกระเป๋านักเรียนอะไร? กระเป๋านักเรียนของเจี๋ยเอ๋อร์และชิงเอ๋อร์ แม่ไม่ได้ทำเสร็จแล้วหรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพ่นหัวเราะ “ท่านแม่ เขาไม่ได้มาดูท่านทำกระเป๋านักเรียนให้เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิง แต่มาควบคุมพวกเราผลิตกระเป๋านักเรียนจำนวนมาก”
เมิ่งชื่อยิ่งไม่เข้าใจหนัก ถามอย่างข้องใจ “กระเป๋านักเรียนจำนวนมากอะไร เจ้ายิ่งพูดแม่ก็ยิ่งงุนงง”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะบอกเรื่องที่นางตกลงกับซุนซ่านเหรินเรื่องจะหาคนมาตัดเย็บกระเป๋านักเรียนจำนวนมาก และจะมอบการค้านี้ให้เมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉจัดการกับนาง
เมิ่งชื่อร้องอุทาน “จะเป็นไปได้อย่างไร พวกเขายังเป็นเด็ก จะทำการค้ากระเป๋านักเรียนได้อย่างไร พวกเจ้าขาดการยั้งคิดเกินไปแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ข้าก็เป็นเด็กมิใช่หรือ? ก็ยังทำการค้าของครอบครัวได้เจริญรุ่งเรืองดี?”
เมิ่งชื่อโต้แย้งนาง “เจ้าไม่เหมือนกัน เจ้า…” พูดถึงตรงนี้ หันออกไปมองด้านนอก กดน้ำเสียงต่ำพูด “เจ้าเรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายมาจากที่นั่น พวกเขาไม่เคยไป”
เมิ่งเชี่ยนโยวโพล่งหัวเราะ “ท่านแม่ แต่ตอนนี้พวกเขามีข้า ข้าไม่มีทางไม่สนใจพวกเขา ข้าปรึกษากับซุนซ่านเหรินดีแล้ว พวกเราสองคนจะคอยช่วยเหลือพวกเขาห่างๆ”
เมิ่งชื่อยังลังเล เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นหน้าไปเบื้องหน้านาง พูดเสียงเบา “ข้าอยากมอบหน้าที่หาคนตัดเย็บกระเป๋านักเรียนให้ท่านแม่ทำ หากกระเป๋านักเรียนของพวกอี้เซวียนขายดี ไม่แน่ว่าพวกเราจะก่อตั้งโรงงานกระเป๋านักเรียนได้อีก ถึงตอนนั้นงานทั้งหมดท่านแม่จะเป็นคนรับผิดชอบ พวกเราเพียงแค่นำกระเป๋านักเรียนที่พวกท่านทำสำเร็จไปขายเท่านั้น”
ฟังเมิ่งเชี่ยนโยวพูดจบ เมิ่งชื่อถามกลับอย่างดีใจ “มอบให้แม่รับผิดชอบ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
เมิ่งชื่อพลันมือไม้อยู่ไม่สุข พูดเป็นพัลวัน “ได้อย่างไรกัน แม่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง”
เมิ่งเชี่ยนโยวพ่นหัวเราะ “แม่ทำอะไรไม่เป็นเลย กระเป๋านักเรียนของเจี๋ยเอ๋อร์และชิงเอ๋อร์ใครเป็นคนทำกัน”
เมิ่งชื่อตีนางหนึ่งที แสร้งพูดอย่างโมโห “เจ้าเด็กคนนี้ เจ้าก็รู้ว่าแม่ไม่ได้หมายความแบบนั้น”
เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดหัวเราะ พูดกับเมิ่งชื่ออย่างเป็นหลักเป็นการ “ท่านไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องนี้ง่ายมาก ท่านแค่คิดว่าผู้หญิงคนไหนในหมู่บ้านที่มีฝีมือเย็บปักดี ท่านให้คนไปถามว่านางยินดีจะมาทำงานหรือไม่ หากยินดี กำหนดค่าแรงให้นางก็ได้แล้ว”
เมิ่งชื่อถลึงตาโต ถามอย่างไม่เชื่อ “ง่ายๆ เท่านี้?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าตอบ “ง่ายๆ เพียงเท่านี้ และซุนซ่านเหรินยังพูดว่า ค่าใช้จ่ายการผลิตกระเป๋านักเรียนเขาจะเป็นออกเองทั้งหมด”
เมิ่งชื่อไม่เข้าใจถามกลับ “หมายความว่าอะไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวอธิบาย “ความหมายก็คือ ไม่ว่าท่านหาคนมาผลิตกระเป๋านักเรียนได้มากแค่ไหน จ่ายเงินซื้อวัตถุดิบไปมาเพียงใด หากกระเป๋านักเรียนขายไม่ดี ซุนซ่านเหรินจะจ่ายเงินชดเชยให้พวกเราเอง”
ครั้งนี้เมิ่งชื่อฟังเข้าใจแล้ว พูดอย่างยินดี “มีเรื่องดีแบบนี้ด้วย แม่ตกลงแล้ว แม่จะไปหารือกับป้าหวังเดี๋ยวนี้” พูดจบ แม้แต่เข็มด้ายบนเตียงเตาก็ไม่เก็บแล้ว พรวดพราดลงจากเตียงเตา ใส่รองเท้าแล้ววิ่งออกไป เมิ่งเชี่ยนโยวตะโกนไล่หลังว่า “ท่านแม่ ป้าหวังทำงานอยู่ที่โรงงานรมควันเนื้อ”
เสียงเมิ่งชื่อดังแว่วมา “แม่รู้แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะส่ายหน้า ออกมาจากบ้านเดินไปโรงงานกุนเชียง
อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น ประตูใหญ่โรงงานเปิดอ้า คนในโรงงานกุนเชียงต่างขะมักเขม้นทำงานเหงื่อออกท่วมตัว เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าไปในโรงงาน เห็นท่าทางของทุกคน มุ่นหัวคิ้ว
เมิ่งซานถงเห็นนางมุ่นหัวคิ้ว นึกว่านางตำหนิที่ตัวเองเปิดประตูโรงงานออก จึงเดินหน้าไปอธิบายอย่างระวัง “โยวเอ๋อร์เอ๊ย อากาศอบอุ่นขึ้นแล้ว คนงานในโรงงานร้อนจนทนไม่ไหว ข้าถึงต้องเปิดประตูออก”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ท่านอาสาม ท่านทำเช่นนี้ถูกต้องแล้ว ในโรงงานร้อนมาก หากไม่เปิดประตู เกรงว่ากุนเชียงที่เราทำออกมาได้ส่งกลิ่นเสียเป็นแน่”
เห็นนางไม่ตำหนิโทษตัวเอง เมิ่งซานถงโล่งอก จากนั้นหยั่งเชิงถามนาง “คนงานในโรงงานให้มาถามเจ้า พวกเขาไปทำงานในลานกว้างได้หรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวขบคิด พยักหน้าเห็นด้วย “ได้ แต่จะต้องเป็นวันที่อากาศดี หากมีลมห้ามออกไป”
ได้ยินนางเห็นด้วย ซานต้าถงตอบกลับอย่างยินดี “เรื่องนี้ทุกคนรู้ดี วันที่อากาศไม่ดีพวกเราไม่มีใครออกไปแน่นอน”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “เช่นนั้นก็ได้ พวกท่านใครอยากออกไปทำที่ลานกว้างก็ไปทำเถอะ”
ทุกคนทยอยพูด “ขอบคุณนายหญิง”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือพูดว่า “ไม่ต้องขอบคุณ อย่างไรพอถึงสิ้นเดือนยี่โรงงานกุนเชียงก็ต้องปิดลง”
คนทั้งหมดเงยหน้ามองนางอย่างตกใจพร้อมกัน
เมิ่งซานถงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ถามติดๆ ขัดๆ “เพราะ เพราะอะไร? เพราะพวกเราจะไปทำงานในลานกว้างหรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่าพวกเขาเข้าใจผิด ยิ้มอธิบาย “พวกท่านก็ทราบดี เมื่อสอดไส้กุนเชียงเสร็จแล้ว จะต้องตากลมให้แห้ง ถึงจะถนอมไว้ได้นาน ช่วงเวลานี้อากาศจะค่อยๆ อบอุ่นขึ้น ถึงตอนนั้นกุนเชียงของพวกเราจะตากลมแห้งไม่ได้ โรงงานจึงต้องปิดลงโดยปริยาย รอให้อากาศเย็นถึงจะเปิดอีกครั้ง”
คนงานได้ฟังก็ถอนใจโล่งอก ขอเพียงไม่ใช่เพราะพวกเขาร้องขอจะไปทำงานในลานกว้าง ทำให้นายหญิงโมโหปิดโรงงานกุนเชียงก็พอแล้ว แต่พอคิดว่าอีกหนึ่งเดือนก็จะไม่ได้ค่าแรง ความรู้สึกของคนงานก็ตึงเครียดขึ้นมา
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นอาการพวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ ยิ้มแล้วพูดว่า “ทุกท่านไม่ต้องเป็นห่วง หลังจากโรงงานปิดลง ข้ายังมีงานอื่นให้พวกท่านทำ ค่าแรงมีแต่จะเพิ่มไม่มีลด”
สิ้นเสียงนาง บรรดาคนงานเผยสีหน้ายินดีปรีดา มีบางคนอดไม่ได้ถามขึ้น “นายหญิง เป็นงานอะไร พวกเราทำไหวหรือไม่?”
พูดโยกโย้ “ตอนนี้ยังไม่บอกทุกคน ถึงตอนนั้นทุกคนก็รู้แล้ว แต่ข้าต้องพูดแย่ๆ ไว้ก่อน หากภายในหนึ่งเดือนนี้พวกท่านไม่ตั้งใจทำงาน แอบอู้มีลูกไม้ งานนั้นพวกท่านจะไม่มีส่วนร่วม”
บรรดาคนงานต่างพูดรับประกัน “ไม่มีทาง นายหญิง ท่านวางใจเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก เดินไปอีกโรงงาน กล่าวคำพูดเมื่อครู่อีกครั้ง บรรดาคนงานได้ยินว่าหลังปิดโรงงานกุนเชียงยังจะมีงานอื่นให้ทำ ค่าแรงที่ได้ก็ไม่น้อยลง ต่างก็ยินดีปรีดา แต่ละคนแทบอยากจะตบหน้าอกรับประกันว่าตนเองจะต้องทำงานอย่างแข็งขัน
เมิ่งชื่อรีบร้อนวิ่งมาโรงงานรมควันเนื้อ ตามหาป้าหวัง พูดกับนางอย่างรอต่อไปไม่ไหว “สะใภ้หวัง เจ้าช่วยข้าคิดหน่อย ผู้หญิงในหมู่บ้านคนไหนที่เย็บปักเก่ง”
ป้าหวังกำลังทำความสะอาดไส้อ่อน ได้ยินคำพูดไร้หัวไร้หางของนางพลันปรับสติไม่ได้
เมิ่งชื่อเห็นนางนิ่งอึ้ง ร้อนใจพูด “สะใภ้หวัง เจ้ารีบช่วยข้าคิดหน่อยเถิด”
ป้าหวังถึงได้สติกลับมา ถามอย่างไม่เข้าใจ “เจ้าถามเรื่องนี้ไปทำไม? มีงานให้ทำหรือ? หากว่าไม่มาก หลังเลิกงาน ข้าช่วยเจ้าก็ได้ ไยต้องหาคนด้วย?”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นป้าหวังไม่เข้าใจความหมายตัวเอง ก็ยิ่งร้อนรน “ไม่ได้ต้องการมาช่วยงานในบ้านตัวเอง ข้าต้องการหาคนจำนวนหนึ่งมาผลิตกระเป๋านักเรียน”
ป้าหวังไม่เคยเห็นเมิ่งอี้เซวียนสะพายกระเป๋านักเรียน ได้ฟังก็ยิ่งงงงวย ถามอย่างงงๆ “กระเป๋านักเรียนคืออะไร?”
เมิ่งชื่ออธิบายไม่ชัดเจน จึงลากป้าหวังกลับมาบ้าน พูดว่า “ข้าอธิบายไม่ได้ว่ากระเป๋านักเรียนคืออะไร เจ้ากลับไปดูกับข้าก็จะรู้เอง”
ป้าหวังร้องโวยวาย “ข้ายังไม่ได้ล้างมือ ระวังจะกระเด็นถูกตัวเจ้า”