ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 144.2
หลังจากหัวเราะเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าไปในบ้าน หยิบภาพวาดปลายพู่กันจำนวนหนึ่งออกมา มอบให้คนละแผ่น
เหล่าหญิงสาวเห็นภาพวาดแปลกพิสดาร ต่างถามว่านี่คือสิ่งใด เหตุใดถึงน่ารักเช่นนี้
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “เหล่านี้ข้าเห็นจากในฝัน พอตื่นมาก็จำได้ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไร”
ทุกคนต่างรู้ว่าหลังจากเมิ่งเชี่ยนโยวล้มตกจากเขา ก็ทำอะไรเป็นหลายอย่าง ได้ยินนางพูดเช่นนี้ จึงไม่ถามต่อ
เมิ่งเชี่ยนโยวบอกทุกคนอย่างละเอียด ภาพวาดในมือพวกนางต้องใช้ด้ายสีอะไรบ้าง ให้พวกนางจะต้องจำให้ได้ ห้ามลืมเด็ดขาด
เหล่าหญิงสาวพยักหน้า หลังจากจำขึ้นใจแล้วก็พูดทวนกับเมิ่งเชี่ยนโยวอีกรอบ เห็นนางพยักหน้า ถึงวางใจลง
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่รู้เรื่องงานเย็บปักถักร้อยเลย เห็นหญิงสาวทั้งหมดกระตือรืนร้นตั้งใจทำงาน ก็รู้สึกแปลกใหม่ เข้าไปยกเก้าอี้ตัวหนึ่งออกมา นั่งใต้ชายคาบ้าน ด้านหนึ่งดูพวกนางทำงาน ด้านหนึ่งพูดคุยสัพเพเหระ
ลานบ้านเกิดเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระลอก
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านและผู้ใหญ่บ้านเดินเข้ามาในลานบ้านเห็นบรรดาหญิงสาวตัดผ้าชั้นดีที่ตัวเองไม่เคยเห็นมาก่อนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เกิดความริษยา พูดเหน็บแนมกระแหนะกระแหน “บ้านเอ้ออิ๋นช่างร่ำรวยเสียจริง ผ้าเนื้อดีเช่นนี้ทำใจเอามาตัดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่น
เมิ่งชื่อรีบร้อนถาม “อาผู้ใหญ่บ้าน อาสะใภ้ พวกท่านมาได้อย่างไร มีธุระหรือ?”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านเห็นนางไม่เชิญตัวเองเข้าไปนั่งในบ้านเหมือนก่อน แต่กลับถามทันที น้ำเสียงยิ่งทวีความเหน็บแนม “ร่ำรวยแล้ว สะใภ้เอ้ออิ๋นพูดจาน้ำเสียงไม่เหมือนเดิมแล้ว ไม่เชิญพวกเราเข้าบ้านก่อนไม่ว่า ยังจะถามว่าพวกเรามีธุระอะไร? พวกเราไม่มีธุระ มาบ้านพวกเจ้าไม่ได้หรือไง?”
เมิ่งชื่อรีบปั้นหน้ายิ้มพูด “อาสะใภ้พูดอะไรกัน ข้าตกใจที่เห็นพวกท่านมาหา ถึงได้ถามออกไปเช่นนั้น? ท่านและผู้ใหญ่บ้านรีบเข้าไปในบ้านเถอะ” จากนั้นหันไปพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “โยวเอ๋อร์ รีบไปเทน้ำมาสองถ้วย”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านเบ้ปากพูด “ค่อยยังชั่วหน่อย”
พูดจบมองบรรดาหญิงสาวที่กำลังตัดผ้าแวบหนึ่ง
หญิงสาวเหล่านั้นเห็นพวกนางเข้ามาต่างก็ก้มหน้าก้มหน้าปิดปากเงียบ
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านเห็นพวกนางไม่ทักทายตัวเอง แค่นเสียงหึ สะบัดตัวเดินเข้าบ้าน
หญิงสาวทั้งหมดในลานบ้านเงยหน้าขึ้น สบตาแล้วถอนหายใจพร้อมกัน ภรรยาผู้ใหญ่บ้านคนนี้ปกติถูกคนในหมู่บ้านพะเน้าพะนอจนเคยตัว เมื่อครู่ตัวเองไม่ได้พูดทักนาง ไม่รู้ว่านางจะคิดแค้นตนเอง ภายหน้าหาเรื่องยุ่งยากให้ตนเองหรือไม่
ผู้ใหญ่บ้านและภรรยาเดินเข้ามาในบ้านนั่งบนเก้าอี้ เมิ่งเชี่ยนโยวยกน้ำสองถ้วยเข้ามาแยกวางไว้หน้าพวกเขา
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านเห็นน้ำเปล่าสองถ้วย ชักสีหน้า พูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “สะใภ้เอ้ออิ๋น ตอนนี้เจ้ามองไม่เห็นหัวคนแล้วจริงๆ ได้ยินว่าเอ้ออิ๋นไม่มีอะไรทำก็จะดื่มชาชั้นดีราคาหลายพันตำลึงต่อจิน เหตุใดข้ากับอาผู้ใหญ่บ้านมา ถึงได้กินแค่น้ำเปล่าเล่า”
เมิ่งชื่ออึ้งกับคำถาม พลันพูดไม่ออก
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างเรียบเฉย “ใบชาต้องชงกับน้ำร้อนที่พักให้เย็นแปดส่วน ข้ากลัวว่ายกน้ำเข้ามาช้าไป พวกท่านจะโมโห”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านไม่เข้าใจความหมายแฝงของนาง พูดอย่างเกรงใจ “ไม่เป็นไร เจ้าไปต้มน้ำก่อน ประเดี๋ยวค่อยชงชาชั้นดีมาให้พวกเรา อย่างไรวันนี้ข้ากับตาผู้ใหญ่บ้านของเจ้าก็ว่าง รอหน่อยก็ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ขยับ ถามขึ้น “ไม่ทราบว่าวันนี้พวกท่านมาด้วยธุระอันใด”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านเห็นเมิ่งชื่อและเมิ่งเชี่ยนโยวต่างก็ไม่ขยับ เปล่งเสียงแว้ดใส่ “สะใภ้เอ้ออิ๋น วันนี้ข้ากับอาผู้ใหญ่บ้านเจ้าตั้งใจมาเพราะเรื่องที่ดินปลูกเรือนใหญ่ของพวกเจ้า แค่น้ำชาสักถ้วยพวกเจ้าก็จะไม่ให้พวกเราดื่มเรอะ”
เมิ่งชื่อรีบพูด “อาสะใภ้ ใจเย็นก่อน ข้าจะไปต้มน้ำให้เดี๋ยวนี้” พูดจบก็กระวีกระวาดออกไปข้างนอก
เมิ่งเชี่ยนโยวรั้งนางไว้ หันไปพูดกับภรรยาผู้ใหญ่บ้าน “ขอโทษด้วย โอ่งในบ้านพวกเราไม่มีน้ำแล้ว พวกท่านดื่มน้ำเปล่าถูไถไปก่อนเถอะ”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านโมโหลุกขึ้นจากเก้าอี้ แผดเสียงร้องพูด “จะบอกให้นะนังตัวดี หากวันนี้เจ้าไม่ชงชามาให้พวกเรา พวกเราก็จะไม่ขายที่ดินผืนนั้นให้พวกเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างไม่แยแส “พวกท่านจะขายหรือไม่ขายก็ตามใจ อย่างไรตอนนี้พวกเราก็ไม่รีบร้อนปลูกเรือนแล้ว”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านสะอึกกึก ครู่ใหญ่ถึงพูดขึ้น “นังเด็กปากดี เจ้าอย่ามาโกหกข้า ข้ารู้ว่าพวกเจ้าอยากรีบปลูกเรือนให้เสร็จไวๆ ให้เมิ่งเหรินได้แต่งภรรยา”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบอย่างเมินเฉย “ท่านพูดถูกต้อง เริ่มแรกพวกเราวางแผนไว้เช่นนั้น แต่เพราะไม่มีที่ดินที่เหมาะสม พวกเราก็เลยปรึกษากันใหม่ ตัดสินใจหาที่ผืนเล็ก ปลูกเรือนสองห้องให้พี่เมิ่งเหริน เท่านี้ก็แต่งภรรยาได้แล้ว”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านแผดเสียงกรีดร้อง “พวกเจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร พวกเราคิดไว้หมดแล้วว่าจะยื่นเงื่อนไขอะไรกับพวกเจ้าบ้าง”
ในห้องพลันเงียบสงัด
เมิ่งชื่อมองนางอย่างตกตะลึง
หลังจากที่ภรรยาผู้ใหญ่บ้านรู้สึกตัวว่าพูดอะไรออกไป ใบหน้าชราก็แดงเรื่อ เงอะๆ งะๆ นั่งกลับไปบนเก้าอี้ กลบเกลื่อนด้วยกันยกน้ำเปล่าขึ้นดื่ม
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดถากถาง “ถึงว่าทำไมวันนี้ตาผู้ใหญ่บ้านถึงมาหาพวกเราที่บ้านด้วยตัวเองได้ ที่แท้ก็คิดเงื่อนไขมาแล้ว”
ผู้ใหญ่บ้านหน้าแดงก่ำ ถลึงตาใส่ภรรยาที่ดีแต่มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านแสร้งก้มหน้าดื่มน้ำ ไม่กล้ามองเขา
ผู้ใหญ่บ้านปรับน้ำเสียง หันไปพูดกับเมิ่งชื่อ “ไปเรียกเอ้ออิ๋นมาเถอะ เรื่องนี้ข้าจะพูดกับเขาเอง”
เมิ่งชื่อหมุนตัวเดินออกไป เมิ่งเชี่ยนโยวรั้งนางไว้ พูดกับผู้ใหญ่บ้าน “เรื่องในครอบครัวพวกเราข้าตัดสินใจได้ ไม่ต้องไปเรียกท่านพ่อข้ามา”
ผู้ใหญ่บ้านกะพริบตาปริบ พูด “นี่เป็นเรื่องใหญ่ ไปเรียกพ่อเจ้ามาดีกว่า”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “ต่อให้เรื่องใหญ่แค่ไหนข้าก็ตัดสินใจได้ ท่านพูดมาเถอะ”
ผู้ใหญ่บ้านเห็นนางยืนหยัดไม่ยอมไปเรียกเมิ่งเอ้ออิ๋นมา ชักสีหน้าเข้ม นั่งบนเก้าอี้ไม่ปริปาก
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่เร่งเร้าพวกเขา ยืนอีกด้านรอให้พวกเขาเอ่ยปากอย่างอดทน
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านทนไม่ไหวแล้ว หันไปพูดกับผู้ใหญ่บ้าน “พูดกับนังตัวดีนี้ก็ได้ อย่างไรเป่าเอ๋อร์ก็ขายให้กับนาง”
ผู้ใหญ่บ้านถลึงตาใส่นาง ภรรยาผู้ใหญ่บ้านหดคอกลับ พูดอย่างไม่พอใจ “ถลึงตาใส่ข้าอีกแล้ว ข้าไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อย”
ผู้ใหญ่บ้านโมโหจนอยากเอากล้องยาสูบในมือเคาะกะโหลกศีรษะนางดูว่าภายในหน้าตาเป็นอย่างไร ก่อนมากำชับหนักหนานับครั้งไม่ถ้วน เมื่อมาถึงแล้วจะต้องสงบปากสงบคำ ห้ามพูดซี้ซั้ว เขาจะหาวิธีเสนอเงื่อนไขกับเมิ่งเอ้ออิ๋นเอง เมิ่งเอ้ออิ๋นเป็นคนซื่อ พูดคุยง่าย ขอเพียงเขารับปาก เรื่องที่เหลือก็จัดการง่ายแล้ว แต่ดูนางทำ แทบจะพูดเงื่อนไขทั้งหมดออกมาแล้ว หนำซ้ำยังไม่รู้สึกตัว
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านเห็นผู้ใหญ่บ้านโมโหจริงๆ แล้ว ตกใจหดตัวไปอีกด้านของเก้าอี้ไม่กล้าพูดอีก
ผู้ใหญ่บ้านกระแอมหลายครั้ง พิจารณาการใช้คำพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “สองวันก่อนบิดาและลุงใหญ่เจ้าพอใจที่ดินผืนหนึ่งคิดจะนำมาปลูกเรือนให้ปู่เจ้า ไปหาข้าที่บ้านพูดเรื่องการซื้อที่ดิน แต่ที่ผืนนั้นค่อนข้างใหญ่ นับได้หลายหมู่ เดิมข้าคิดว่ารอหลังปีใหม่จะให้คนในหมู่บ้านมาหักร้างถางพง เมื่อขึ้นทะเบียนกับทางการเสร็จ จะเอามาแบ่งเป็นที่นาให้ชาวบ้าน”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเสียดสี “ตาผู้ใหญ่บ้านคิดได้ประจวบเหมาะนัก ไม่คิดก่อนไม่คิดหลัง รอพ่อข้าไปซื้อที่ดินผืนนั้นถึงคิดได้”
ใบหน้าชราของผู้ใหญ่บ้านแดงเหรื่อ กระแอมสองครั้งเป็นการกลบเกลื่อนแล้วพูดขึ้นใหม่ “แม่หนูโยว เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เดิมข้าก็คิดจะรอให้พ้นปีใหม่ค่อยให้คนในหมู่บ้านไปบุกเบิกที่ ไม่คิดว่าบ้านพวกเจ้าก็จะบังเอิญมาถูกใจที่ผืนนั้นเช่นกัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดอะไร
ผู้ใหญ่บ้านหยุดชะงักเล็กน้อย แล้วพูดอย่างยินดี “โชคดีที่บิดาและลุงใหญ่เจ้าพูดขึ้นเร็ว หากช้ากว่านี้สิบกว่าวัน ก็คงพูดยากจริงๆ แล้ว”
“แปลว่าตาผู้ใหญ่บ้านคิดจะขายที่ผืนนั้นให้พวกเราแล้ว?” เมิ่งเชี่ยนโยวถามอย่างไม่รีบไม่ร้อน
ผู้ใหญ่บ้านพยักหน้าพูด “วันนั้นพอได้ยินว่าบ้านพวกเจ้าถูกใจที่ดินผืนนั้น ข้าไม่แม้แต่จะใคร่ครวญ ก็ปฏิเสธบิดาและลุงใหญ่เจ้า แต่พอพวกเขาจากไป ข้าก็คิดทบทวน คิดว่าหากไม่ขายให้พวกเจ้า ข้าเองก็ทำใจไม่ได้เช่นกัน อย่างไรพวกเราก็อยู่หมู่บ้านเดียวกันมาหลายปี มีความผูกพันธ์ต่อกัน อีกอย่างปู่เจ้าก็เป็นอาจารย์ชนบทเพียงคนเดียวของละแวกหมู่บ้านนี้ ถือว่าข้าเห็นแก่หน้าพวกเขา ขายที่ดินผืนนี้ให้พวกเจ้า”
เมิ่งชื่อพูดอย่างยินดี “เช่นนั้นก็ขอบคุณอาผู้ใหญ่บ้านมาก”
ผู้ใหญ่บ้านโบกมือพูดว่า “ข้ายังพูดไม่จบ เจ้าอย่าเพิ่งขอบใจไปก่อน”
เมิ่งชื่อรีบพูดอย่างนบนอบ “เชิญท่านพูด”
ผู้ใหญ่บ้านพูดต่อ “แต่อย่างไรข้าก็เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ต้องคิดแทนคนในหมู่บ้านด้วย ที่ดินของหมู่บ้านเรามีน้อย มีเพิ่มได้ก็เป็นเรื่องดี ทั้งยังเป็นที่ดินหลายหมู่ ดังนั้นหากพวกเจ้าต้องการจะซื้อที่ดินผืนนั้น อันดับแรกต้องซื้อที่ดินนั้นในราคาที่นา เงินส่วนหนึ่งข้าจะมอบให้ทางการ อีกส่วนหนึ่ง เก็บไว้ยามครอบครัวไหนประสบความลำบาก จะนำออกมาช่วยเหลือเขา”
เมิ่งเชี่ยนโยวร้องอุทาน “ซื้อตามราคาที่นา? เช่นนั้นต้องใช้เงินเท่าใด?”
ผู้ใหญ่บ้านตอบ “ข้าคำนวณคร่าวๆ น่าจะประมาณสามถึงสี่พันตำลึง”
เมิ่งชื่อพูดอย่างปวดใจ “มากเกินไปหน่อยแล้ว ปกติสิบตำลึงยังใช้ไม่ถึง”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านเอ่ยปากพูด “สะใภ้เอ้ออิ๋น เจ้าพูดเช่นนี้ไม่ได้ ปกติเป็นที่แบบไหน แล้วที่ของเจ้าเป็นที่แบบไหน ที่ของเจ้าเป็นที่นา ราคาย่อมต้องสูงกว่า”
เมิ่งชื่อย้อนถาม “แต่ก็ยังไม่ได้เป็นที่นาไม่ใช่หรือ?”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านพูดเสียงแหลม “ยังไม่เป็นที่นาเพราะอาผู้ใหญ่บ้านของเจ้าใจดี คิดแล้วว่าบ้านพวกเจ้าจะเอาไปปลูกเรือน จึงไม่ได้แจ้งทางการ หากบุกเบิกเป็นที่นาขึ้นทะเบียนกับทางการจริงๆ จะถูกห้ามไม่ให้มีสิ่งปลูกสร้าง ไม่เช่นนั้นจะถูกตัดสินโทษไปใช้แรงงาน”
เมิ่งชื่อเชื่อสนิทใจ พูดด้วยความซาบซึ้งใจ “เช่นนั้นก็ขอบคุณอาผู้ใหญ่บ้านที่ช่วยคิดแทนพวกเรา”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านตอบอย่างลำพองใจ “แน่นอนอยู่แล้ว เจ้าไม่รู้หรอกว่าอาผู้ใหญ่บ้านต้องแบกรับความเสี่ยงมากเพียงใด”
“ดังนั้น เงื่อนไขต่อมาคืออะไร? ตาผู้ใหญ่บ้านแบกรักความเสี่ยงมากเช่นนี้ ไม่มีทางไม่มีเงื่อนไขใช่หรือไม่?” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านตอบอย่างเร็วรี่ “เงื่อนไขย่อมต้องมี ก็คือ…”
ผู้ใหญ่บ้านแสร้งกระแอมสองครั้ง ภรรยาผู้ใหญ่บ้านถึงได้สติกลับมา พูดกับเมิ่งชื่อ “ให้อาผู้ใหญ่บ้านพูดกับพวกเจ้าเองดีกว่า ข้าพูดไม่เป็น พูดไม่รู้เรื่อง”
เมิ่งชื่อมองผู้ใหญ่บ้านอย่างรอคอย ส่วนเมิ่งเชี่ยนโยวกลับทำหน้าเฉยเมยยืนอยู่อีกด้าน
ผู้ใหญ่บ้านมองสีหน้าพวกนางแล้วเอ่ยปากพูด “ข้าทำเช่นนี้เป็นการแบกรับความเสี่ยงมหาศาล หากให้คนรู้เข้า แล้วไปแจ้งทางการ ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านของข้าก็คงรักษาไว้ไม่ได้ ดังนั้น พวกเจ้าต้องชดเชยให้ข้า ข้ามีเพียงสองเงื่อนไข หนึ่งคือพวกเจ้าต้องคืนสัญญาทาสของต้าเป่าให้ข้า ข้ามีบุตรชายเพียงคนเดียว ข้าช่วยพวกเจ้ามากขนาดนี้ เพียงพอจะหักล้างบุญคุณที่ตอนนั้นเจ้าช่วยจ่ายเงินห้าสิบตำลึงแทนต้าเป่า”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้พูดว่าตกลงหรือไม่ตกลง เพียงถามว่า “แล้วเงื่อนไขที่สองเล่า?”
ผู้ใหญ่บ้านตอบ “เงื่อนไขที่สองก็คือพวกเจ้าต้องมอบสูตรเนื้อรมควันให้พวกเรา หากข้าเป็นผู้ใหญ่บ้านไม่ได้แล้ว ภายหน้าจะได้มีอาชีพหาเลี้ยงชีพ”
ภายในห้องเงียบสงัด
ฟังคำพูดผู้ใหญ่บ้านจบ เมิ่งชื่อตะลึงพรึงเพริด ครู่หนึ่งถึงพูดอย่างตื่นตระหนก “นี่ๆๆ…” พูดอยู่เป็นนานก็ไม่มีคำพูดอะไรออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้มมองไปที่ผู้ใหญ่บ้าน
ผู้ใหญ่บ้านถูกมองจนร้อนตัว แสร้งกระแอมสองครั้ง หลุบศีรษะลง
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านกลับพูดโดยไม่อายสักนิด “เดิมข้าคิดจะเอาสูตรกุนเชียงด้วย แต่อาผู้ใหญ่บ้านเจ้าใจดี บอกว่าพวกเจ้าครอบครัวใหญ่อย่างไรก็ต้องมีกิจการไว้หารายได้ พวกเราถึงถอยให้ก้าวหนึ่ง เอาเพียงสูตรเนื้อรมควันอย่างเดียว พวกเจ้าอย่าได้ดีแล้วไม่รู้จักดี คิดว่าพวกเราจะฉวยโอกาสนี้ยื่นเงื่อนไขกับพวกเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเสียดสี “เช่นนั้นก็ขอบคุณตาผู้ใหญ่บ้านที่หวังดีคิดแทนครอบครัวของพวกเราถึงเพียงนี้”
ผู้ใหญ่บ้านหน้าแดงกว่าเดิม กลับไม่ได้พูดอะไร
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านกลับหน้าด้านพูดต่อ “เจ้าย่อมต้องขอบใจพวกเรา ตอนที่ต้าเป่าของพวกเราเกิดเรื่อง เจ้าถือว่าตัวเองมีเงิน บีบต้าเป่าของเราทำสัญญาทาสให้ได้ ทำให้ต้าเป่าของเราวันๆ ต้องทำงานที่ทั้งสกปรกที่สุดและเหนื่อยที่สุด พวกเราไม่คิดหยุมหยิมกับเจ้า ยังหวังดีคิดแทนพวกเจ้ามากมาย เอาอย่างนี้ หากเจ้าตกลง ก็รีบนำสัญญาทาสของต้าเป่าและสูตรเนื้อรมควันมอบให้พวกเรา พวกเราเองก็ยุ่งมาก ได้สูตรมาแล้วยังต้องรีบไปหาคนมาทำงานอีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวยกยิ้มไม่พูดอะไร
เมิ่งชื่อพูดไม่ออก
ภายในห้องจมดิ่งสู่ความเงียบงัน