ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 144.3
ยังเป็นภรรยาผู้ใหญ่บ้านที่ทนไม่ไหวเอ่ยปากพูด “ข้าจะบอกพวกเจ้า พวกเจ้าอย่าทำเรื่องโง่ พ้นหมู่บ้านนี้ไปก็ไม่มีร้านค้า เรื่องดีเช่นนี้ภายหน้าไม่มีอีกแล้ว พวกเจ้ายังมีอะไรไม่เห็นด้วยอีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองผู้ใหญ่บ้านพูดขึ้น “ตาผู้ใหญ่บ้าน เรื่องนี้ใหญ่เกินไป เกินกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ ข้าตัดสินใจไม่ได้ เอาอย่างนี้ พวกเราทั้งครอบครัวปรึกษากันก่อน อีกสองสามวันค่อยให้คำตอบพวกท่านได้หรือไม่?”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านร้อนใจพูด “มีอะไรต้องปรึกษากันอีก ก็แค่สูตรเนื้อรมควันเท่านั้น พวกเจ้าให้พวกเราไป ก็ยังมีกิจการอื่น หากที่ผืนนั้นขึ้นทะเบียนไปจริงๆ พวกเจ้าก็อย่าหวังจะได้ปลูกเรือนอีกเลย”
เมิ่งเชี่ยนโยวแสร้งว้าวุ่นใจพยักหน้า “ข้าทราบ แต่เรื่องใหญ่เช่นนี้ข้าตัดสินใจไม่ได้จริงๆ ข้าต้องปรึกษากับคนในครอบครัวก่อน”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านพูด “ก็แค่ปรึกษากับพ่อเจ้าไม่ใช่เรอะ พวกเรารอได้ เจ้าไปเรียกเขามา เขาได้ฟังแล้ว จะต้องเห็นด้วย”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “ไม่เพียงปรึกษากับบิดาข้า ยังต้องปรึกษากับลุงใหญ่และท่านปู่ พวกเขาไม่อยู่ที่นี่ ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ปรึกษาไม่ได้ผลลัพธ์”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านข้องใจ “สูตรเนื้อรมควันไม่ใช่ของครอบครัวพวกเจ้าหรือ? เหตุใดต้องไปปรึกษาพวกเขา”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะ “สูตรเนื้อรมควันเป็นของครอบครัวพวกเราก็จริง แต่เรือนจะปลูกให้ท่านปู่ท่านย่าอาศัย หากข้าไม่ได้ปรึกษากับพวกเขาแล้วตอบรับเงื่อนไขของท่าน หากพวกเขารู้แล้วทำใจไม่ได้จะทำอย่างไร บางทีต่อให้ข้าปลูกเรือนใหญ่เสร็จพวกเขาอาจจะไม่ย้ายเข้าไปอยู่ก็ได้ ดังนั้นข้าจักต้องปรึกษากับพวกเขาก่อน พวกเขาเห็นด้วย ข้าก็เห็นด้วย พวกเขาไม่เห็นด้วย เรือนใหญ่นี้พวกเราก็ไม่ปลูกแล้ว”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านพูดอย่างเชื่อมั่น “พวกเขาจะต้องเห็นด้วย เมิ่งเหรินอายุสิบแปดปีแล้ว ยังไม่ได้แต่งงาน มีคนไม่น้อยที่หัวเราะเยาะ ข้าไม่เชื่อว่าพวกเขาจะไม่กระวนกระวายใจ เอาอย่างนี้ เจ้าไปชงชาชั้นดีมาให้พวกเรา พร้อมกับขนมหนึ่งกล่อง พวกเราจะอดทนรอ เจ้าจงไปเรียกพวกเขามาที่นี่”
เมิ่งเชี่ยนโยวยืนไม่ขยับ พูดว่า “ท่านพ่อและลุงใหญ่ข้ากำลังยุ่ง รอตอนค่ำพวกเราจะไปบ้านใหญ่ปรึกษากับท่านปู่ท่านย่า ท่านกับตาผู้ใหญ่บ้านกลับไปก่อนเถอะ ปรึกษาเรียบร้อยแล้ว จะให้พวกเขาไปหาท่านที่บ้าน”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านเอาแต่ติดใจที่ไม่ได้ดื่มชาราคาหลายพันตำลึงต่อจิน เริ่มอยู่ไม่สุข พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “นังเด็กคนนี้เป็นอย่างไรกันแน่? ก็แค่…”
ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกผู้ใหญ่บ้านตะคอกใส่ “หุบปาก!”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านไม่คิดว่าผู้ใหญ่บ้านจะตะคอกตัวเอง ตกใจอ้าปากค้างมองเขา
ผู้ใหญ่บ้านลุกขึ้น หันไปพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “ข้าให้เวลาพวกเจ้าเพียงสองวัน หลังจากสองวัน หากพวกเจ้ายังไม่มีคำตอบ ข้าจะไปขึ้นทะเบียนกับทางการ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าพูด “ตาผู้ใหญ่บ้านวางใจเถอะ คืนนี้พวกเราปรึกษาเสร็จ พรุ่งนี้ก็จะให้คำตอบท่าน”
ผู้ใหญ่บ้านมองนางอย่างลุ่มลึกแวบหนึ่ง หันกลับไปตวาดภรรยาตัวเอง “ยังไม่รีบไป!”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านลุกขึ้นยืนงงๆ เดินตามเขาออกนอกบ้านไป
หญิงสาวทั้งหมดในลานบ้านเห็นพวกเขาออกมา ไม่กล้าก้มหน้าอีก ต่างร้องเรียกทักทายพวกเขา
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านมองจากที่สูงลงต่ำ พูดอย่างดูแคลน “พวกเจ้าทั้งหมด อย่าคิดว่าได้มาทำงานที่นี่ ก็จะคิดว่าตัวเองสูงส่ง ไม่เห็นผู้ใหญ่บ้านและข้าอยู่ในสายตา ตอนพวกเราเข้ามาพวกเจ้าไม่แม้แต่จะทักทาย ภายหน้าหากพวกเจ้ามีเรื่องขอร้องพวกเราดูว่าพวกเจ้าจะทำอย่างไร?”
หญิงสาวทั้งหมดตกใจหวาดกลัว ไม่มีใครกล้าพูด
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านแค่นเสียงหึ
ผู้ใหญ่บ้านตวาดนางอีกครั้ง “ทำไมถึงปากมากเช่นนี้ ยังไม่รีบไปอีก!”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านไม่สนใจเขา เห็นหญิงสาวนางหนึ่งกำลังตัดผ้าผืนใหญ่ออกมาจากพับผ้า ยังไม่ได้ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ จึงเข้าไปแย่งมา ร้องพูดเสียงดัง “สะใภ้ต้าเป่ากลับมาอยู่ด้วยนานแล้ว ไม่เคยได้มีชุดใหม่ใส่ ผ้าชิ้นนี้กำลังดี ข้าจะเอากลับไปทำให้นางสักชุด”
เมิ่งเชี่ยนโยวกำลังจะพูด เมิ่งชื่อห้ามนาง ส่ายหน้าวิงวอนนาง
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้พูดอะไร
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านถือผ้าผืนนั้นเดินจากไปพร้อมผู้ใหญ่บ้านอย่างเหิมใจ
ตอนบ่ายคนกินข้าวเยอะ เมิ่งชื่อไม่ได้พูดเรื่องนี้กับเมิ่งเอ้ออิ๋น
ตอนบ่าย เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีที่ผลิตน้ำมันพริกเสร็จบางส่วน ก็เข้าเมืองไปรับเมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉพร้อมเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งในรถม้า คิดว่าตนเองและเมิ่งเสียนไปรับพวกเขาเช่นนี้ทุกวันสิ้นเปลืองเวลามาก ควรจะจ้างคนไปรับ แต่ซุนเหลียงไฉเป็นหลานชายเพียงคนเดียวของซุนซ่านเหริน หากตนเองไม่ไปรับ เกิดเรื่องระหว่างทางจะลำบาก อย่าคิดว่าซุนซ่านเหรินยอมปล่อยซุนเหลียงไฉมาให้นางสั่งสอน หากเกิดอะไรขึ้นกับเขาจริงๆ ซุนซ่านเหรินได้ให้นางใช้ชีวิตแลกด้วยชีวิตเป็นแน่ แต่ตนเองจะไปรับพวกเขาทุกวันก็ไม่ได้ หลายวันนี้ยังพอได้ ไม่มีเรื่องยุ่ง แต่พ้นเดือนอ้ายไปก็จะเริ่มยุ่งแล้ว ทั้งซื้อภูเขา ซื้อที่ดิน ปลูกฉั่งฉิก ปลูกมันฝรั่ง ตนเองจะมีเวลาเหลือจากไหนมาดูแลพวกเขา
คิดอยู่เป็นนาน ก็ยังหาวิธีที่ดีไม่ได้ เมิ่งเชี่ยนโยวจึงตัดสินใจเลิกคิด หันไปถามเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ หลายวันมานี้ท่านกับพี่รองผลิตน้ำมันพริกได้เท่าใดแล้ว”
เมิ่งเสียนตวัดบังเ**ยนเล็กน้อยถึงตอบ “ประมาณห้าสิบกว่าขวดได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวครุ่นคิดแล้วพูด “ขวดที่ใช้บรรจุน้ำมันพริกเหลือไม่มากแล้วใช่ไหม?”
เมิ่งเสียนตอบ “อือ ยังเหลืออีกประมาณหนึ่งร้อยใบ”
“เช่นนั้นพวกเราต้องไปสั่งทำเพิ่มแล้ว รอพวกเขาอบเสร็จ ที่พวกท่านมีก็ใช้หมดพอดี”
เมิ่งเสียนพยักหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวหาเรื่องอื่นมาคุยกับเมิ่งเสียนฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ จนรถม้ามาถึงหน้าประตูโรงเรียน
เวลาที่มาถึงเช้าไปสักหน่อย เมิ่งเสียนหาที่ทางจอดรถม้า ทั้งสองนั่งรอบนรถม้า
พอถึงเวลาเลิกเรียน อาจารย์เวรเปิดประตูใหญ่ นักเรียนเดินเป็นกลุ่มออกมา
เมิ่งเสียนและเมิ่งเชี่ยนโยวมองไปที่ประตู
ไม่นานร่างของเมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉก็ปรากฏในสายตาพวกเขา
เมิ่งเสียนถอนใจโล่งอก
เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มมุมปากยกยิ้ม
ซุนเหลียงไฉลากขาทั้งสองข้างค่อยๆ เดินนำหน้าไปอย่างทุลักทะเล เมิ่งอี้เซวียนเดินตามหลังไปอย่างอดทน กระทั่งเดินมาถึงประตูโรงเรียน อาจารย์เวรมองซุนเหลียงไฉด้วยสายตาประหลาดแวบหนึ่ง
ซุนเหลียงไฉไม่สนใจเขา เดินมุ่งหน้าไปข้างรถม้า พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างยินดี “วันนี้อาจารย์ชมเชยข้าแล้ว”
เมิ่งอี้เซวียนทักทายอาจารย์เวรอย่างมีมารยาท แล้วตามออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวถามเขาอย่างดีใจ “เพราะอะไร?”
ซุนเหลียงไฉตอบ “วันนี้อาจารย์ตรวจการบ้านเมื่อวาน ข้ายกมือว่าตัวเองก็ท่องมา อาจารย์ไม่เชื่อ ให้ข้าท่องในห้อง ข้าท่องได้ทั้งหมดไม่ตกหล่นสักคำ อาจารย์ดีใจยกใหญ่ ชื่นชมข้าเป็นนานสองนาน”
เมิ่งเชี่ยนโยวถามเขา “ได้รับการชื่นชมจากอาจารย์ดีใจไหม?”
ซุนเหลียงไฉตอบ “ดีใจมาก พวกพ่างตุนต่างอิจฉาข้ากันใหญ่ เอาแต่ถามข้าว่าทำไมอยู่ๆ ถึงท่องกล่อน แล้วทำได้อย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวหยอกเย้าเขา “เจ้าคงไม่ได้บอกว่าถูกข้าตีจนท่องได้หรอกนะ”
ซุนเหลียงไฉมองนางอย่างไม่พอใจพูดว่า “ข้าไม่ได้โง่ เรื่องน่าอายเช่นนั้นเหตุใดข้าต้องบอกพวกเขา ข้าบอกพวกเขาว่าข้าอยากท่องข้าก็ท่องได้ ข้าออกจะฉลาด”
เมิ่งเชี่ยนโยว เมิ่งเสียนและเมิ่งอี้เซวียนหัวเราะครื้นเครง
รอพวกเขาหัวเราะเสร็จ ซุนเหลียงไฉพูดต่อ “เจ้าพูดแล้วห้ามคืนคำ คืนนี้จะทำของอร่อยให้ข้ากิน”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าทันควัน “ได้ อยากกินอะไร เจ้าว่ามา”
ซุนเหลียงไฉรีบพูดทันที “ข้าอยากกินมันฝรั่งผัดพริก เมื่อคืนข้าไม่ได้กินเลย”
เมิ่งเชี่ยนโยวครุ่นคิดแล้วพูด “มันฝรั่งในบ้านเหลือไม่มากแล้ว ข้ายังต้องเก็บไว้เป็นเมล็ดพันธุ์ เอาอย่างนี้ ข้าจะทำอาหารอร่อยอีกอย่างให้เจ้าเป็นอย่างไร?”
พอได้ยินว่าไม่ได้กินมันฝรั่งเส้น ซุนเหลียงไฉก็รู้สึกผิดหวัง ความกระตืนรือร้นลดลง ถามอย่างขอไปที “ของอร่อยอะไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวจงใจพูดยานคาง “จะทำเนื้อ…หมู…ใน…น้ำ…มัน…เป็นอย่างไร?”
ซุนเหลียงไฉถลึงตาโตอย่างดีใจระคนประหลาดใจ ถามขึ้น “เจ้าทำเนื้อหมูในน้ำมันได้?”
ไม่รอให้เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ เมิ่งอี้เซวียนแย่งตอบก่อน “แน่นอนที่สุด ของกินอะไรโยวเอ๋อร์ก็ทำได้ทุกอย่าง”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาแวบหนึ่ง
เมิ่งอี้เซวียนหลุบศีรษะ
ซุนเหลียงไฉพูดอย่างตื่นเต้น “เช่นนั้นกินเนื้อหมูในน้ำมัน ข้าอยากกินมานานแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าพูด “ได้ พวกเราไปซื้อหมูเนื้อแดงกลับบ้านกัน”
พูดจบหันไปพูดกับเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ คืนนี้ข้าจะทำเนื้อหมูในน้ำมัน พวกเราไปซื้อหมูเนื้อแดงค่อยกลับบ้านเถอะ”
เมิ่งเสียนถาม “ที่บ้านไม่มีเนื้อหมูหรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “เนื้อหมูที่เถ้าแก่จูส่งมาให้ทุกวัน พวกเราเอาไปทำกุนเชียงหมดแล้ว ไฉนเลยจะมีเนื้อเหลือในบ้านอีก พวกเราไปซื้อสักหน่อยเถอะ”
เมิ่งเสียนพยักหน้า บังคับรถม้ามุ่งหน้าไปตลาดสด
เย็นมากแล้ว ตลาดสดไม่เหลือคนแล้ว เมิ่งเสียนหาร้านขายเนื้อที่เปิดตลอดวัน ซื้อหมูเนื้อแดงสองสามจินวางไว้บนรถ บังคับรถม้าเดินทางกลับ ยังไม่ถึงประตูเมือง ก็มีคนจำนวนหนึ่งตรงเข้ามาล้อมรถม้าไว้ เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น “หลายวันแล้ว ในที่สุดก็หาพวกเจ้าเจอ!”