ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 145.1
เมิ่งเสียนหยุดรถม้า
เมิ่งเชี่ยนโยวฟังออกว่าเป็นใคร เปิดม่านบังรถออก เดินลงจากรถม้า ถามด้วยสีหน้าคาดไม่ถึง “คุณชายอวี้มาขวางรถม้าข้า ไม่ทราบว่าด้วยสาเหตุใด?”
อวี้เทียนหัวเราะเยาะพูด “ไม่ต้องเสแสร้ง น้องสาวข้าเล่า?”
เมิ่งเสียนหน้าซีดขาว ลนลานมองเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวก็หัวเราะเยาะตอกกลับ “คุณชายอวี้ถามได้แปลกประหลาดนัก น้องสาวท่านอยู่ที่ไหน พวกเราจะรู้ได้อย่างไร?”
อวี้เทียนโมโห น้ำเสียงเจือความฉุนเฉียว “ไม่ต้องแสร้งทำไม่รู้เรื่อง หลังจากน้องสาวข้าเจอพวกเจ้า ก็ไม่ได้กลับบ้านอีก ข้าพลิกหาทั่วทั้งตำบลชิงซีแล้ว ก็หานางไม่พบ ต้องเป็นพวกเจ้าที่จับนางไปซ่อน หากวันนี้พวกเจ้าไม่บอกที่ซ่อนนาง ก็อย่าหวังจะได้ไปจากตำบลชิงซีนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ดูท่าคุณชายอวี้จะร้อนใจจนเลอะเลือนแล้ว ไม่แยกแยะถูกผิดก็ปรักปรำพวกเรา วันนั้นที่พวกเราได้พบคุณหนูอวี้ที่บ้านท่าน กลับถึงบ้านก็นำเรื่องนี้บอกกล่าวแก่ท่านพ่อท่านแม่ ท่านพ่อท่านแม่กลัวคุณหนูอวี้จะทนรับความลำบากในบ้านนอกไม่ไหว เอาแต่ลังเลว่าจะรับปากการหมั้นหมายนี้หรือไม่ อีกอย่างเห็นชัดว่าคุณหนูอวี้มีใจชอบพอพี่ใหญ่ข้ามาก พวกเราเพียงแค่ยอมรับปาก เกรงว่าคุณหนูอวี้คงจะรีบแต่งมาอยู่บ้านพวกเราทันที ไยพวกเราต้องหาเรื่องใส่ตัว จับนางไปซ่อนด้วยเล่า?”
อวี้เทียนแค่นเสียงหัวเราะพูด “ดูท่าพวกเจ้าจะไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ข้าจะให้พวกเจ้าตายอย่างกระจ่างแจ้ง” พูดจบกำชับหนึ่งในผู้ติดตาม “เจ้าไปภัตตาคารนำตัวเสี่ยวเอ้อคนนั้นมา ให้เขาชี้ตัวว่านางใช่คุณหนูที่พวกเขาเห็นวันนั้นหรือไม่”
ผู้ติดตามรับคำ รีบวิ่งจากไป
เมิ่งเสียนยิ่งหน้าซีดเผือก
เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับเขา “พี่ใหญ่ ดูรถม้าให้ดี ระวังม้าขวัญกระเจิง ทำคุณหนูอีกคนตกใจ จะโยนเรื่องยุ่งยากมาให้พวกเราอีก”
เมิ่งเสียนได้ฟัง คว้าบังเ**ยนแน่น
ได้ยินคำพูดนาง อวี้เทียนชักสีหน้าเหยเกฉันพลัน พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “นังตัวดี อย่าเหิมเกริมให้มากนัก อีกประเดี๋ยวหากเสี่ยวเอ้อคนนั้นชี้ตัวว่าเป็นเจ้า รอดูว่าข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวกอดหน้าอกพิงรถม้าอย่างเกียจคร้าน พูดอย่างไม่แยแส “ต่อให้ชี้ตัวว่าเป็นพวกเราแล้วอย่างไร ครอบครัวพวกเจ้าอยากได้พวกเราจนตัวสั่น พวกเรายังต้องเอาคนไปซ่อนอีกหรือ?”
อวี้เทียนโมโหก้าวขึ้นหน้าหนึ่งก้าว ชี้หน้าเมิ่งเชี่ยนโยวสบถด่า “นังตัวดี กล้าพูดจาเช่นนี้กับครอบครัวข้า เบื่อจะมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยืนตัวตรง พูดเสียงเย็นเยียบ “เอามือของเจ้าออกไป!”
อวี้เทียนถือดีว่าครอบครัวมีอันจะกิน โอ้หังลำพองจนเคยชิน ย่อมไม่สนใจคำพูดของเมิ่งเชี่ยนโยว พูดอย่างย่ามใจ “ข้าไม่เอาออก เจ้ากล้าทำอะไรข้า?”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดอะไร กระโดดถีบอวี้เทียนตัวลอย
อวี้เทียนไม่ได้เตรียมรับมือ ถูกถีบไถลไปไกล ล้มกลิ้งไปกับพื้น
พวกผู้ติดตามที่ล้อมรถม้าร้องอุทาน ต่างกรูเข้ามาล้อมข้างอวี้เทียน ถามอาการเขาเป็นอย่างไรบ้าง?
อวี้เทียนจุกจนพูดไม่ออก
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างเ**้ยมเกรียม “ข้าเกลียดคนชี้นิ้วใส่ข้าที่สุด คนล่าสุดที่ชี้นิ้วใส่ข้าได้ไปเกิดใหม่นานแล้ว เจ้าน่าจะยินดีที่ตอนนี้ข้านิสัยดีขึ้นแล้ว ไม่เช่นนั้นมิใช่ถีบเจ้าง่ายๆ แค่ลูกถีบเดียวเช่นนี้แน่”
อวี้เทียนคิดมาตลอดว่าเมิ่งเชี่ยนโยวเป็นเพียงเด็กสาวบ้านนอกคนหนึ่ง ไม่รู้ความอะไร ข่มขวัญเล็กน้อยก็จะคายเรื่องทั้งหมดออกมา ไม่คิดว่านางจะรู้วิชาหมัดมวย แค่ถีบเดียวทำเขาลอยโด่งไปไกล ทำให้ตัวเองต้องขายหน้าต่อหน้าผู้ติดตาม บันดาลโทสะ พูดอย่างแค้นเคือง “นังตัวดี กล้าลงมือกับข้า วันนี้ข้าจะอัดเจ้าให้ร้องโหยหวนอย่างทุกข์ทรมาน” พูดจบ หันไปโบกมือให้ผู้ติดตามที่ล้อมข้างกาย “พวกเจ้าลุย! อัดนังตัวดีนี้ให้ตาย ถ้าตายข้าจะตบรางวัลให้”
ได้ยินว่ามีรางวัล พวกผู้ติดตามต่างก็เฮโลเข้าหาเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งอี้เซวียนได้ยินออกมาจากรถม้า ลงมายืนข้างเมิ่งเชี่ยนโยว ตั้งท่ารับ
เมิ่งเชี่ยนโยวมุ่นหัวคิ้วพูด “ไม่ต้องเพิ่มภาระให้ข้า ขึ้นไป!”
เมิ่งอี้เซวียนไม่ขยับ
ผู้ติดตามรุกเข้ามา
เมิ่งเชี่ยนโยวขวางหน้าเมิ่งอี้เซวียน รับมือพวกผู้ติดตามที่เข้ามา พลางแยกประสาทหันไปพูด “ขึ้นรถม้าไปดูแลซุนเหลียงไฉให้ดี อย่าให้เขาออกมา”
เมิ่งอี้เซวียนเข้าใจความหมายนาง จนใจกลับขึ้นไปบนรถม้า
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังแล้ว รับมือผู้ติดตามตรงหน้าได้เต็มที่
ผู้ติดตามพวกนี้ของอวี้เทียนปกติจักต้องฝึกซ้อมมาอย่างดี ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวอัดล้มไปกับพื้นไม่นานก็ลุกขึ้นมา สู้อย่างสุดชีวิตกับนางได้ใหม่
อวี้เทียนมองดูผู้ติดตามมากมายที่รับมือเด็กสาวเพียงคนเดียวไม่ได้ บันดาลโทสะก่นด่า “เจ้าพวกสวะ คนมากมายเอาชนะนังเด็กตัวแสบคนเดียวไม่ได้ เลี้ยงพวกเจ้าไว้ก็เสียข้าวสุก กลับไปจะเปลี่ยนพวกเจ้าออก”
แม้อวี้เทียนจะยโสอวดดี แต่กลับปฏิบัติกับผู้ติดตามเป็นอย่างดี ไม่เพียงให้กินดีดื่มดี ยังมักจะตบรางวัลให้เป็นเนืองนิจ ผู้ติดตามในบ้านต่างแย่งกันคอยติดตามเขา ตอนนี้ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ผู้ติดตามคนหนึ่งเลือดขึ้นหน้า เปิดม่านบังรถ คิดจะจับคนในนั้นออกมาข่มขู่เมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งอี้เซวียนที่คอยเฝ้าอยู่ข้างซุนเหลียงไฉ เห็นผู้ติดตามเข้ามา ยกเท้าถีบเขากระเด็นลอยออกไป ปิดม่านบังรถลง
ซุนเหลียงไฉได้ยินเสียงต่อสู้ด้านนอก ตกใจตัวสั่น เอาแต่เกาะเมิ่งอี้เซวียนแน่นไม่ห่าง เห็นเมิ่งอี้เซวียนถีบผู้ติดตามลอยกระเด็นออกไปนอกรถม้า ก็เบิกตาโพลงอย่างตกตะลึง
ผู้ติดตามอีกคนเห็นสหายถูกถีบออกมา เปิดม่านบังรถพุ่งเข้า ใส่
เมิ่งอี้เซวียนชักสีหน้า ถีบเขาออกไป ม่านบังรถปิดลงอีกครั้ง
ซุนเหลียงไฉเห็นเขาถีบคนออกไปได้อย่างง่ายดายสองครั้งติดต่อกัน และไม่หวาดกลัว ถามอย่างอิจฉา “เมิ่งอี้เซวียน เจ้าเป็นวรยุทธ์หรือ?”
เมิ่งอี้เซวียนจ้องม่านบังรถเขม็ง ไม่ได้ตอบเขา
ซุนเหลียงไฉไม่ถือสา ถามต่อ “พี่สาวเจ้าสอนเจ้าใช่ไหม?”
เมิ่งอี้เซวียนยังคงไม่ตอบ
ซุนเหลียงไฉยังถามต่อ “หากข้าอยู่กับพวกเจ้านานๆ นางจะสอนข้าไหม?”
เมิ่งอี้เซวียนเอ่ยปาก “ขอเพียงเจ้าไม่ล้มเลิกกลางคัน โยวเอ๋อร์ก็จะสอนให้เจ้า”
ได้ยินคำตอบเขา ซุนเหลียงไฉถามขึ้นอย่างยินดีอีกครั้ง “นางจะสอนให้ข้า?”
เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า
ซุนเหลียงไฉดีใจจนลืมตัว ลุกขึ้นยืนดีใจลิงโลด ผู้ติดตามคนหนึ่งเลิกม่านบังรถทะยานเข้ามา เผชิญหน้ากับเขาพอดี ด้วยอารามตกใจ ซุนเหลียงไฉผลักมือออกไปอย่างไม่รู้ตัว โดนตัวผู้ติดตามเข้าพอดี ผู้ติดตามถูกผลักตกรถม้าหงายท้องมือเท้าชี้ฟ้า
ซุนเหลียงไฉมองมือตัวเองอย่างไม่เชื่อ พูดอย่างตื่นเต้น “เมิ่งอี้เซวียน ข้าก็รับมือพวกเขาได้”
เมิ่งอี้เซวียนเม้มปากไม่พูดอะไร
ซุนเหลียงไฉจึงนั่งข้างม่านรถอีกด้าน จ้องม่านบังรถเขม็งพร้อมเมิ่งอี้เซวียน หากมีผู้ติดตามบุกเข้ามาอีก จะได้ผลักพวกเขาออกไป
อวี้เทียนเห็นผู้ติดตามจัดการเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้จริงๆ ร้อนรนพูดกับผู้ติดตามที่ล้มมาอยู่ข้างตัวเอง “เจ้ารีบกลับไป เรียกคนที่เหลือมา ข้าไม่เชื่อว่า วันนี้จะจัดการกับนังตัวแสบนี้ไม่ได้”
ผู้ติดตามไม่สนใจความเจ็บปวด ลุกขึ้นได้ก็รีบวิ่งไปเรียกคนที่บ้านอวี้
เสี่ยวเอ้อจากภัตตาคารมาพร้อมผู้ติดตาม เห็นคนมากมายกำลังต่อสู้วิวาท ตกใจไม่กล้าเดินขึ้นหน้า
ผู้ติดตามที่ไปตามเขาจนปัญญา เตือนเขาว่าอย่าไปไหน แล้ววิ่งเข้ามาช่วยจัดการเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเสียนกลัวม้าจะตกใจวิ่งหนี ทำให้เมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉที่อยู่ในรถบาดเจ็บ เอาแต่จับบังเ**ยนแน่น
เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บกลั้นโทสะเรื่องที่อวี้อวี่คิดวางแผนกับเมิ่งเสียนมาตลอด วันนี้ได้ระบายออกพอดี ลงมือไม่ยั้ง ผู้ติดตามที่ถูกอัดต่างร้องโอดครวญหวนไห้
ผู้ติดตามที่กลับไปตามคนไม่นานก็เรียกผู้ติดตามที่เหลือทั้งหมดมา
ผู้ติดตามที่ถูกอัดเห็นคนเยอะขึ้น เรี่ยวแรงฟื้นคืน ต่างกรูเข้าหาเมิ่งเชี่ยนโยวเป็นจุดเดียว
อวี้เทียนก็มีกำลังใจขึ้น ตะเกียกตะกายลุกขึ้น ตะโกนบอกผู้ติดตามทั้งหมดอย่างแค้นเคือง “อัดนางไม่ต้องยั้งมือ วันนี้จักต้องฆ่านังตัวแสบนี้ให้ได้”
สิ้นเสียงนาง รถม้าคันหนึ่งแล่นเข้ามา หยุดจอดตรงหน้าเขาอย่างพอเหมาะพอเจาะ
คนขับรถเปิดม่านออกด้วยความพินอบพิเทา ซุนซ่านเหรินลงจากรถม้า ยิ้มตาหยีถามเขา “หลานอวี้คิดจะฆ่าใครตายหรือ?”
อวี้เทียนเห็นซุนซ่านเหรินก็ให้ตะลึงงัน จากนั้นพลันเก็บสีหน้าเ**้ยมอำมหิต พูดอย่างมีมารยาท “ท่านลุงซุนสวัสดี”
ซุนซ่านเหรินพยักหน้า มองเมิ่งเชี่ยนโยวที่ถูกผู้ติดตามเป็นโขยงรุมล้อมทำร้ายกลับไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย ดวงตาหลุบหรี่
อวี้เทียนอธิบาย “นังตัวดีนี่เอาน้องสาวข้าไปซ่อน ข้าถามนางดีๆ นางกลับถีบข้าไปกองกับพื้น วันนี้ข้าไม่มีทางปล่อยนางไป”
ซุนซ่านเหรินยังคงยิ้มตาหยีพูด “หลานอวี้ ข้าและแม่นางน้อยนี้คุ้นเคยสนิทสนมกัน ข้าขอร้องแทนนางจะได้หรือไม่?”
อวี้เทียนตกตะลึง ครู่หนึ่งถึงถามขึ้นอย่างไม่เชื่อ “ท่านสนิทสนมกับนาง?”
ซุนซ่านเหรินพยักหน้า
อวี้เทียนร้องพูด “จะเป็นไปได้อย่างไร?”
ซุนซ่านเหรินหรี่ตาลง ยิ้มถาม “หลานอวี้หมายความว่าข้าโกหกอย่างนั้นหรือ?”
อวี้เทียนร้อนรนโบกมือ “ไม่ใช่ๆ ข้าแค่คิดไม่ถึงว่าท่านจะรู้จักมักจี่กับนังตัวแสบนี่ ตกใจกะทันหันก็เท่านั้น” พูดจบหันไปร้องบอกผู้ติดตามทั้งหมด “หยุดเดี๋ยวนี้! กลับมา”
ผู้ติดตามรามือ ทั้งหมดกลับมายืนข้างอวี้เทียน
ซุนซ่านเหรินเดินมาตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวมุ่นหัวคิ้ว
ซุนซ่านเหรินรีบเร่งอธิบาย “แม่นางเมิ่ง เจ้าอย่าเข้าใจผิด ข้ามิได้มาแอบดูไฉเอ๋อร์ ข้าเพียงบังเอิญผ่านมาพอดี เห็นพวกเจ้าเกิดเรื่อง ถึงได้รีบเข้ามาช่วยแก้สถานการณ์”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับเขา “ขอบคุณ!”
ซุนเหลียงไฉได้ยินเสียงซุนซ่านเหริน เปิดม่านบังรถลงจากรถม้า ร้องเรียกอย่างยินดี “ท่านปู่”
ซุนซ่านเหรินเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวไม่มีท่าทีไม่พอใจ จึงเปล่งเสียงขานรับ
ซุนเหลียงไฉพูดกับเขาอย่างตื่นเต้น “เมื่อครู่ข้าผลักคนร้ายคนหนึ่งจากบนรถม้าด้วย” พูดจบก็ทำไม้ทำมือพูด “ข้าผลักแบบนี้”
ซุนซ่านเหรินตะลึงค้าง เมื่อก่อนซุนเหลียงไฉเจอเรื่องเช่นนี้มีแต่ขลาดกลัว ไฉนเลยจะทำไม้ทำมือดีอกดีใจเหมือนเช่นตอนนี้
ซุนเหลียงไฉเห็นเขานิ่งอึ้ง ถามอย่างไม่เข้าใจ “ท่านปู่ ข้าทำผิดหรือ?”
ซุนซ่านเหรินรีบร้อนพยักหน้า “ใช่ๆๆ ไฉเอ๋อร์ทำถูก”
เป็นครั้งแรกที่ซุนเหลียงไฉได้รับการยอมรับจากซุนซ่านเหริน ดีใจลิงโลด
สกุลอวี้และซุนซ่านเหรินทำการค้าติดต่อกัน พ่ออวี้มักจะพาอวี้เทียนมาคบค้าสมาคมกับซุนซ่านเหริน อวี้เทียนย่อมรู้จักซุนเหลียงไฉ รู้ว่าเขาเป็นหลานชายเพียงคนเดียวของซุนซ่านเหริน ถูกเลี้ยงประคบประหงมดั่งไข่ในหินมาแต่เด็ก ตอนนี้เห็นเขาออกมาจากรถม้า เกิดความรู้สึกหวาดผวา ลอบดีใจที่เมื่อครู่ผู้ติดตามไม่ได้ทำร้ายเขา ไม่เช่นนั้นภายหน้าสกุลของตัวเองคงหากินอยู่ในตำบลชิงซีไม่ได้แล้ว