ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 146.4
ภรรยาหลิวต้าเป่ารีบลุกขึ้น พูดเตือน “ท่านแม่ ท่านพ่อยอมรับปากแล้ว ท่านวางกรรไกรลงก่อนเถอะ”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านที่วู่วามไปชั่วขณะ ถึงนำกรรไกรมาจ่อคอตัวเองข่มขู่ผู้ใหญ่บ้าน พอได้ยินว่าผู้ใหญ่บ้านยอมรับปาก ก็วางกรรไกรลง กลับเห็นเลือดที่ปลายกรรไกรถึงกับตกใจกรีดร้อง “เลือดออกแล้ว ข้าจะตายแล้วใช่ไหม?”
หลิวต้าเป่าได้ยินเสียงกรีดร้อง ลุกขึ้นวิ่งโซซัดโซเซเข้าไปในบ้าน
ผู้ใหญ่บ้านแย่งกรรไกรในมือนางโยนไปอีกด้าน พูดอย่างโมโห “ร้องโวยวายอะไร ยังห่างจากความตายอีกไกล”
หลิวต้าเป่าวิ่งเข้ามาเห็นแม่ตนเองยังปลอดภัยดี ก็โล่งอก
เมิ่งเชี่ยนโยวและคนที่เหลือเข้ามาในบ้าน เห็นลำคอภรรยาผู้ใหญ่บ้านมีคราบเลือดก็กะพริบตาปริบ ผู้ใหญ่บ้านสั่งภรรยาหลิวต้าเป่า “ประคองแม่เจ้าไปพักผ่อนในห้องพวกเจ้า”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านไม่ยินยอม พูดว่า “ไม่ได้ ข้าต้องเห็นเจ้าได้สัญญาทาสต้าเป่ากลับมากับตาถึงจะวางใจ”
ภรรยาหลิวต้าเป่าพูดเตือน “ท่านแม่ คอท่านยังมีเลือดอยู่เลย ท่านไปห้องข้า ข้าจะทำความสะอาดให้”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านหยิบเศษผ้าชิ้นหนึ่งบนเตียงมาเช็ดคอลวกๆ แล้วพูด “ไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องยุ่งแล้ว เจ้าพาลูกกลับเข้าห้องไปก่อนเถอะ”
ภรรยาหลิวต้าเป่ามองผู้ใหญ่บ้านอย่างลำบากใจ เห็นเขาไม่คัดค้าน ก็รีบพาเด็กทั้งสองกลับไปที่ห้องตัวเอง
ผู้ใหญ่บ้านถอนหายใจ หันไปพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวและคนที่ตามมา “พวกเจ้านั่งเถอะ พวกเรามีเรื่องต้องคุยกัน”
เมิ่งต้าจินและเมิ่งเอ้ออิ๋นรวมถึงเมิ่งเชี่ยนโยวนั่งบนเก้าอี้ รอผู้ใหญ่บ้านเอ่ยปากเงียบๆ
ผู้ใหญ่บ้านคิดอยู่เป็นนาน ถึงพูดขึ้น “ข้าจะถอนตัวจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านก็ได้ แต่ข้าขอเพิ่มเงื่อนไขอีกสองสามข้อ”
“เชิญพูด” เมิ่งเชี่ยนโยวเอ่ยปาก
ผู้ใหญ่บ้านผ่อนลมหายใจแรง ตัดสินใจพูดออกไป “นอกจากเงื่อนไขที่ข้าเสนอไปเมื่อวาน พวกเจ้ายังต้องเพิ่มเงินให้พวกเราอีกห้าพันตำลึง”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านไม่คิดว่าผู้ใหญ่บ้านจะยื่นข้อเสนอนี้ออกมา เบิกตาโพลงอย่างยินดี
เมิ่งเชี่ยนโยวปฏิเสธทันควัน “ไม่ได้ มากเกินไปแล้ว”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านอดไม่ไหวพูดขึ้น “จะมากได้อย่างไร โรงงานรมควันเนื้อของพวกเจ้าทำเงินได้หลายร้อยตำลึงต่อวัน สิบกว่าวันก็หากลับมาได้แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่น ตอกกลับอย่างเสียดแทง “หลังจากมอบสูตรเนื้อรมควันให้พวกท่าน โรงงานของพวกเราก็จะหยุดทำการ ถึงตอนนั้นสักตำลึงเดียวก็หาไม่ได้ จะเอาเงินห้าพันตำลึงมาจากไหน?”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านพูดอย่างไม่แยแส “โรงงานกุนเชียงของพวกเจ้าก็หาได้วันละหลายร้อยตำลึงไม่ใช่เรอะ? แค่เงินห้าพันตำลึงไม่น่าจะใช่เรื่องยากอะไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างเย็นเยียบ “สูตรเนื้อรมควันถูกพวกเจ้าเอาไปแล้ว เงินที่หาได้จากโรงงานกุนเชียงก็ต้องให้พวกท่าน พวกเจ้าจะบีบพวกเราให้ตายหรืออย่างไร? หากพวกท่านคิดเช่นนี้จริงๆ ข้าว่าพวกเราไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก อย่างไรลุงใหญ่ข้าจะได้เป็นผู้ใหญ่บ้านหรือไม่ก็ไม่เป็นไร”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านลนลานถาม “เช่นนั้นพวกเจ้าจะให้ได้เท่าไหร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวขบคิดแล้วตอบนาง “หนึ่งร้อยตำลึง”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านโก่งคอแผดเสียงก้องกังวาน “หนึ่งร้อยตำลึง เจ้าให้ขอทานหรือไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบนางอย่างเรียบเฉย “ขอทานยังน่าให้กว่าพวกเจ้าเยอะ แค่ให้หมั่นโถวก็สำนึกในบุญคุณ”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านสะอึกกึก
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านกระแอมหนึ่งครั้ง ส่งสัญญาณให้นางหยุดพูด จากนั้นพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “อย่างน้อยก็ต้องสามพันตำลึง น้อยกว่านี้หนึ่งอีแปะก็ไม่ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงส่ายหน้า “ไม่ได้ มากเกินไป พวกเราไม่มีให้มากขนาดนั้น”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านทนไม่ไหวเอ่ยปากอีกครั้ง “นังตัวดี เจ้าเจตนาใช่ไหม เจ้าไม่อยากให้พวกเราไถ่ตัวต้าเป่า”
เมิ่งเชี่ยนโยวถอนหายใจ พูดเสียงอ่อน “ท่านยายผู้ใหญ่บ้าน ท่านใส่ความพวกเราแล้ว ข้าตั้งใจมาทำข้อตกลงกับพวกท่านด้วยใจจริง แต่ข้อเสนอของพวกท่านเกินกว่าเหตุนัก ข้าไม่มีเงินมากเช่นนั้นมาให้พวกท่านจริงๆ”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านก็ไม่ใช่คนโง่ ไม่ใช่จะหลอกปั่นหัวได้ง่ายๆ ได้ฟังก็พูดว่า “เจ้าอย่าคิดว่าพวกเราไม่รู้อะไรเลย ก่อนปีใหม่แค่ใบชาธรรมดาที่พวกเจ้าซื้อให้วงศาคณาญาติก็หลายพันตำลึงแล้ว ตอนนี้จะไม่มีเงินสามพันตำลึงได้อย่างไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวยอมรับตามตรง “ท่านพูดถูกต้อง ก่อนปีใหม่ข้าใช้เงินซื้อใบชาไปไม่น้อยจริงๆ แต่ตอนนั้นมีโรงงานสองแห่งที่หาเงินได้ ตอนนี้ไม่เหมือนกัน พอให้สูตรเนื้อรมควันกับพวกท่าน พวกเราก็เหลือแค่โรงงานกุนเชียงแล้ว และจากนี้พออากาศร้อนขึ้น กุนเชียงก็จะขายไม่ดี เดือนหน้าข้าก็คิดจะหยุดงานแล้ว ถึงตอนนั้นครอบครัวพวกเราจะไม่มีรายรับเลยแม้แต่อีแปะเดียว อีกทั้งข้ายังคิดจะปลูกเรือนใหญ่ให้ท่านปู่ท่านย่า จึงไม่มีเงินเหลือมากพอมาให้พวกท่านจริงๆ หากท่านตกลง ข้าจะทุ่มสุดตัว เพิ่มให้พวกท่านอีกหนึ่งร้อยตำลึง”
ผู้ใหญ่บ้านส่ายหน้า “ไม่ได้ สองร้อยตำลึงน้อยเกินไป สองพันหกร้อยตำลึง”
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ส่ายหน้า พูดต่อรองกับเขา “สองร้อยยี่สิบตำลึง”
ผู้ใหญ่บ้านกัดฟัน “สองพันตำลึง”
เมิ่งเชี่ยนโยวก็กัดฟัน “สองร้อยหกสิบตำลึง”
ผู้ใหญ่บ้านโมโห “หนึ่งพันตำลึง หากเจ้าไม่ตกลง ก็ไม่ต้องคุยกันแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นยืน กางมือออกห้านิ้ว พูดด้วยใบหน้ารวดร้าว “ห้าร้อยตำลึง พวกท่านไม่ตกลง พวกเราจะพาหลิวต้าเป่าไปเดี๋ยวนี้”
ห้าร้อยตำลึงก็ไม่น้อยแล้ว เงินของคนทั้งหมู่บ้านหวงรวมกันยังไม่มากเท่านี้ ภรรยาผู้ใหญ่บ้านกลัวผู้ใหญ่บ้านจะไม่ตกลง แล้วเมิ่งเชี่ยนโยวจะพาหลิวต้าเป่าไปจริงๆ แอบใช้มือกระทุ้งแขนผู้ใหญ่บ้านอยู่ข้างหลัง
ผู้ใหญ่บ้านเห็นมาดของเมิ่งเชี่ยนโยว รู้ว่าเป็นเงินที่นางให้ได้มากที่สุดแล้ว หากตัวเองจะขอมากกว่านี้ นางจะต้องพาคนจากไปทันที จึงแสร้งทำเป็นครุ่นคิด พูดอย่างไม่เต็มใจ “ห้าร้อยตำลึงก็ห้าร้อยตำลึง แต่พวกเราไม่ต้องการตั๋วแลกเงิน พวกเราต้องการเงินสด”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ได้”
ผู้ใหญ่บ้านพูดขึ้นอีก “ข้ายังมีอีกหนึ่งเงื่อนไข…”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พอใจแล้ว หันไปพูดกับเมิ่งต้าจินและเมิ่งเอ้ออิ๋น “ท่านลุงใหญ่ ท่านพ่อ พวกเราไปเถอะ เงื่อนไขของผู้ใหญ่บ้านเยอะเกินไป เป็นเช่นนี้ต่อไปพวกเราจะต้องสิ้นเนื้อประดาตัว”
เมิ่งต้าจินและเมิ่งเอ้ออิ๋นกลั้นขำ ลุกขึ้นยืน
ผู้ใหญ่บ้านรีบร้อนพูด “ครั้งนี้มิได้ต้องการสูตรหรือเงิน”
เมิ่งเชี่ยนโยวตบหน้าอกแสร้งทำเป็นขวัญหนี พูดว่า “ไม่ต้องการเงินหรือสูตรก็ดี ตกใจหมดเลย”
เมิ่งต้าจินฝืนกลั้นสุดชีวิตถึงไม่พ่นหัวเราะออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับไปนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง “พูดเถอะ เงื่อนไขอะไร?”
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านก็มองผู้ใหญ่บ้านอย่างข้องใจ ไม่เข้าใจว่าได้สูตรและเงินแล้ว เขายังมีเงื่อนไขอะไร
ผู้ใหญ่บ้านก็ไม่เกรงใจ พูดไปตามตรง “เงื่อนไขของข้าก็คือเมื่อให้สูตรพวกเราแล้ว นับแต่นี้ไปครอบครัวพวกเจ้าห้ามผลิตเนื้อรมควันและเครื่องในรมควันอีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวรับคำเสียงแข็ง “ย่อมเป็นเช่นนั้น ท่านไม่พูดข้าก็ต้องทำเช่นนี้”
ผู้ใหญ่บ้านพยักหน้า “เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะยอมถอนตัวจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน”
เมิ่งเชี่ยนโยวลอบถอนใจโล่งอก และตอบกลับอย่างยินดี “ดี ข้าจะให้ท่านพ่อกลับไปเอาสัญญาทาสของหลิวต้าเป่าและเงินมาให้ท่านเดี๋ยวนี้ ท่านเองก็รีบเขียนหนังสือแนะนำให้เสร็จ พอท่านและลุงใหญ่ไปทำเอกสารที่ที่ว่าการเสร็จ ท่านพ่อข้าจะมอบของทั้งหมดนั้นให้กับท่าน”
เห็นนางไม่พูดถึงสูตร ผู้ใหญ่บ้านชักสีหน้าถามขึ้น “แล้วสูตรเล่า?”
เมิ่งเชี่ยนโยวชี้หัวสมองตัวเอง “อยู่ในนี้ เดี๋ยวข้าจะเขียนให้เอง”
ผู้ใหญ่บ้านผ่อนคลายสีหน้าลง พูดอย่างหวังดี “มีแต่หนังสือแนะนำของข้าไม่พอ ยังต้องมีหนังสือแนะนำจากหัวหน้าสกุลต่างๆ ถึงจะได้ผล”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า พูดกับเมิ่งต้าจิน “ท่านลุงใหญ่ ท่านกลับบ้านให้ท่านปู่ไปหาหัวหน้าสกุลต่างๆ ให้พวกเขาเขียนหนังสือแนะนำท่านแล้วนำมา”
หลิวต้าเป่าพยักหน้า สาวเท้าเดินออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับเมิ่งเอ้ออิ๋นอีก “ท่านพ่อ สัญญาทาสของหลิวต้าเป่าและเงินอยู่ในกล่องในห้องของข้า ท่านไปเอามาเถอะ อย่าลืมเอาเงินมาเพิ่มอีกหน่อย อีกอย่างท่านกลับไปแล้วบังคับรถม้ามาที่นี่ด้วย อีกประเดี๋ยวท่านลุงใหญ่และผู้ใหญ่บ้านต้องเข้าเมืองไปด้วยกัน”
เมิ่งเอ้ออิ๋นพยักหน้า เร่งสาวเท้าออกไป
เมิ่งเอ้ออิ๋นกลับมาถึงบ้าน ส่งสายตาให้เมิ่งชื่อที่กำลังเย็บกระเป๋านักเรียนกับหญิงสาวจำนวนหนึ่ง เมิ่งชื่อรีบวางงานในมือลงแล้วเดินออกมา เมิ่งเอ้ออิ๋นพูดเสียงเบากับนางว่าผู้ใหญ่บ้านยอมถอนตัวจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านแล้ว
เมิ่งชื่อดีใจเป็นล้นพ้น ลืมไปว่ายังมีคนอีกมากอยู่ในบ้าน ร้องถามเสียงดังลั่น “ผู้ใหญ่บ้านยอมตกลงแล้วจริงๆ?”
หญิงสาวในบ้านได้ยินเสียงดีใจระคนแปลกใจของนาง ต่างก็มองมาอย่างสนใจ
เมิ่งเอ้ออิ๋นโมโหจนหน้าแดง
เมิ่งชื่อถึงรู้สึกตัวว่าตัวเองส่งเสียงดังเกินไป ส่งยิ้มให้หญิงสาวเหล่านั้นอย่างเก้อเขิน
บรรดาหญิงสาวเห็นว่าสองสามีภรรยากำลังพูดคุยกัน ก็ไม่ได้สนใจ หันหลังกลับไป พลางพูดคุยพลางเย็บกระเป๋านักเรียนต่อ
เมิ่งชื่อกดน้ำเสียงต่ำ ถามอย่างไม่เชื่ออีกครั้ง “พ่อเอ๊ย ผู้ใหญ่บ้านยอมถอนตัวจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านแล้วจริงหรือ?”
เมิ่งเอ้ออิ๋นพยักหน้าดีใจหลายครั้ง
เมิ่งเอ้ออิ๋นยังกดเสียงต่ำพูดอีกว่า “โยวเอ๋อร์ให้ข้ากลับมาเอาสัญญาทาสของหลิวต้าเป่าและเงินสดหกร้อยตำลึงไป”
เมิ่งชื่อถามอย่างไม่เข้าใจ “เอาเงินสดไปทำสิ่งใด?”
“ประเดี๋ยวกลับมาข้าค่อยอธิบายให้เจ้าฟัง เจ้ารีบเข้าไปหยิบของในห้องโยวเอ๋อร์ออกมา”
เมิ่งชื่อหมุนตัวเดินไปยังห้องฝั่งตะวันตก นำสัญญาทาสและเงินหกร้อยตำลึงออกมา มอบให้เมิ่งเอ้ออิ๋น
เมิ่งเอ้ออิ๋นนำของทั้งหมดยัดใส่อก มือกุมไว้แน่น แล้วบังคับรถม้ากลับไปบ้านผู้ใหญ่บ้าน
เมิ่งจงจวี่เดินกระสับกระส่ายไปมาอยู่ในบ้านหลายรอบ ถึงเห็นเมิ่งต้าจินกลับมา ถามอย่างอดใจรอไม่ไหว “เป็นอย่างไร ผู้ใหญ่บ้านตกลงหรือไม่?”
เมิ่งต้าจินพยักหน้าพูดว่า “โยวเอ๋อร์บอกให้ท่านรีบไปเอาหนังสือแนะนำจากหัวหน้าสกุลต่างๆ มา ข้าจะได้นำเอกสารไปดำเนินการยื่นให้ทางการพร้อมผู้ใหญ่บ้าน”
เมิ่งจงจวี่ไม่รอช้า รีบไปยังบ้านหัวหน้าสกุลต่างๆ เมิ่งต้าจินเดินตามไล่หลัง
หัวหน้าสกุลต่างๆ ได้ยินว่าผู้ใหญ่บ้านยอมมอบตำแหน่งให้เมิ่งต้าจินเอง พลันประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่พอคิดว่าบ้านเมิ่งเอ้ออิ๋นมีโรงงานหลายแห่ง หากตัวเองเขียนหนังสือแนะนำให้ บางทีต่อไปเมื่อบ้านพวกเขาต้องการใช้คนจะต้องเลือกใช้คนของสกุลพวกเขาก่อน จึงรับปากอย่างเต็มใจทันที มีเพียงสกุลหลี่ที่เพราะเรื่องหลี่โก่วเซิ่งครั้งก่อน เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ไว้หน้าเขาต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้าน ความแค้นฝังใจ พูดอย่างไรก็ไม่ยอมเขียนหนังสือแนะนำให้ แม้เมิ่งจงจวี่จะนำคำพูดที่เตรียมไว้พูดออกไปจนหมด เขาก็ยังไม่สั่นคลอน ยืนกรานว่าเมิ่งต้าจินไม่เหมาะสม
เมิ่งจงจวี่เริ่มว้าวุ่นใจ
เมิ่งต้าจินลุกขึ้นยืน พูดอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ท่านพ่อ เมื่อสกุลหลี่ไม่ยินดีช่วย พวกเราก็กลับไปเถอะ ด้วยความสัมพันธ์ของโยวเอ๋อร์กับผู้ว่าการตำบล ขาดจดหมายแนะนำไปฉบับเดียวคงไม่เป็นปัญหา”
ตอนที่ผู้ว่าการตำบลมาจัดการคดีหลี่โก่วเซิ่ง หัวหน้าสกุลหลี่เห็นอัธยาศัยที่ผู้ว่าการตำบลมีให้กับเมิ่งเชี่ยนโยว ตอนนี้ได้ยินเมิ่งต้าจินพูดเช่นนี้ เริ่มรู้สึกเสียใจ รีบหาที่ลงให้ตัวเอง “เจ้าบอกว่าสกุลอื่นเขียนกันหมดแล้ว?”
เมิ่งต้าจินตอบเขาอย่างมีมารยาท “ใช่ขอรับ เหลือแค่ท่านแล้ว ข้าและท่านพ่อเดิมคิดว่าท่านจะพูดง่ายที่สุด ถึงได้มาหาท่านคนสุดท้าย”
หัวหน้าสกุลหลี่ยกตัวไหลไปตามคำพูดเขา “ข้าย่อมพูดง่ายที่สุดแล้ว ข้าก็แค่อยากทดสอบเจ้าก่อน เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังเลยจริงๆ พวกเจ้ารอประเดี๋ยว ข้าจะไปเขียนหนังสือแนะนำให้เดี๋ยวนี้”
เมิ่งจงจวี่และเมิ่งต้าจินสบตากัน เห็นรอยยิ้มในดวงตากันและกัน
พอได้หนังสือแนะนำจากหัวหน้าสกุลหลี่แล้ว เมิ่งต้าจินพาเมิ่งจงจวี่กลับไปส่งที่บ้านก่อน ถึงรีบตรงมาที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน
คนทั้งหมดรออยู่หน้าประตูแล้ว เห็นเมิ่งต้าจินมาถึง ผู้ใหญ่บ้านเข้าไปนั่งในรถม้าก่อน เมิ่งต้าจินจึงตามเข้าไป เมิ่งเอ้ออิ๋นตวัดแส้ในมือ บังคับรถม้าด้วยความเร็วมาถึงศาลาว่าการ