ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 148.1
ภรรยาหลิวกุ้ยร่างสั่นระริก ถามอย่างสั่นกลัว “เจ้าคิดจะทำอะไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยืดตัวขึ้น หันไปตะเบ็งเสียงพูดกับกลุ่มคน “เพื่อสนับสนุนที่ลุงใหญ่ได้เป็นผู้ใหญ่บ้าน ครอบครัวพวกเราตกลงกันแล้ว ตัดสินใจจะบอกสูตรเนื้อรมควันกับทุกคน ใครที่ต้องการ อีกสามวันให้หลังให้มารับสูตรที่บ้านพวกเรา”
กลุ่มคนลุกฮือ โดยเฉพาะคนงานที่ทำงานในโรงงาน รู้ว่าเนื้อรมควันกับเครื่องในรมควันกำไรดีแค่ไหน ตอนนี้ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ ต่างก็ไม่เชื่อหูตัวเอง หันไปยืนยันกับคนข้างๆ “ข้าไม่ได้ฟังผิดนะ? ข้าไม่ได้ฟังผิดนะ?”
ภรรยาหลิวกุ้ยเกือบเสียสติ กรีดร้องเสียงหลง “เจ้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้! เจ้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้!”
หลิวต้าเป่าตะลึงงัน
เมิ่งต้าจินก็ตกตะลึง แวบเดียวก็ได้สติกลับมา นางกำลังใช้โอกาสนี้ซื้อใจคนให้ตนเอง
หัวหน้าสกุลต่างๆ กลับสูดลมหายใจเข้าปากเป็นระลอก “ครั้งนี้แม่หนูบ้านเมิ่งกระทำการได้โหดเ**้ยมนัก ใช้กลยุทธ์ถอนฟืนใต้กระทะ[1] ดับฝันของสกุลหลิวเสียสิ้น
เมิ่งเชี่ยนโยวถามสะใภ้หลิวอย่างเย็นชา “เหตุใดข้าถึงทำเช่นนี้ไม่ได้? สูตรเป็นของข้า ข้าอยากให้ใครก็ให้”
สะใภ้หลิวไม่คิดว่าความคิดแยบยลที่ตนเองและบุตรชายคิดออกมาเพื่อบีบให้เมิ่งเชี่ยนโยวปิดโรงงานในทันทีนี้ จะกลายเป็นแบบนี้ไปได้ หมายจะแก้สถานการณ์กลับ แผดเสียงร้องใส่เมิ่งเชี่ยนโยว “เจ้าให้สูตรนี้กับครอบครัวพวกเราแล้ว เหตุใดยังจะให้พวกเขา?”
เมิ่งเชี่ยนโยวเมิ่งเชี่ยนโยวมองลูกบ้านที่แทบอยากจะดึงหูตนเองให้ยาวยืดเพื่อจะได้ฟังชัดว่าพวกเขาคุยอะไรกัน หัวเราะพูดเสียงดัง “ถูกต้อง ข้ามอบสูตรให้พวกเจ้า แต่ข้ามิได้บอกว่าจะมอบสูตรนี้ให้พวกเจ้าครอบครัวเดียวเสียหน่อย”
คนงานในโรงงานรู้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวเป็นคนมีนิสัยพูดคำไหนคำนั้น ได้ยินนางพูดเช่นนี้ ต่างก็วางใจ คิดว่าอีกสามวันให้หลังตนเองจะต้องรีบไปบ้านเมิ่งนำสูตรมาครองให้ได้
สะใภ้หลิวนั่งทื่อบนพื้น
เมิ่งต้าจินฉวยโอกาสนี้พูดกับกลุ่มคน “พอทุกคนได้สูตรไปแล้ว มีอะไรไม่เข้าใจ ให้มาหาข้าได้ ข้าดูแลโรงงานรมควันเนื้อมานาน รู้ทุกแง่มุมการผลิตอย่างชัดแจ้ง จะต้องช่วยทุกคนทำเนื้อรมควันที่ดีที่สุดออกมาได้”
ทุกคนทยอยปรบมือ ลอบยินดีได้เมิ่งต้าจินมาเป็นผู้ใหญ่บ้านดียิ่งนัก
สะใภ้หลิวเห็นทุกคนปรบมือ ก็ให้เคืองขุ่น ลุกขึ้นยืน ตะโกนพูดข่มขู่ใส่กลุ่มคน “พวกเจ้าบ้านไหนกล้าทำเนื้อรมควัน ข้าจะพังบ้านพวกเจ้าให้พังราบ”
หลิวกุ้ยเป็นผู้ใหญ่บ้านมาหลายปี สะใภ้หลิววางอำนาจบาตรใหญ่จนเคยตัว ชาวบ้านเห็นเขาเป็นภรรยาผู้ใหญ่บ้าน ถึงโอนอ่อนให้เสมอมา แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว หลิวกุ้ยไม่ได้เป็นผู้ใหญ่บ้านอีก สะใภ้หลิวจึงเป็นชาวบ้านสามัญเหมือนตนเอง เช่นนั้นยังมีอะไรต้องกลัวนาง เริ่มมีคนพูดอย่างดูแคลน “ตอนนี้เจ้ามิใช่ภรรยาผู้ใหญ่บ้านแล้ว เจ้าคิดว่าเจ้าจะรังแกพวกเราได้ตามอำเภอใจเหมือนก่อนอีกเรอะ จะบอกให้นะ ไม่มีทาง หากเจ้ากล้ามาอาละวาดบ้านพวกเรา ข้าจะไล่ตีเจ้าออกไป”
สะใภ้หลิวไม่เคยได้ยินชาวบ้านพูดจาแข็งข้อเช่นนี้กับนาง รับไม่ได้กะทันหัน หมายจะกระโจนเข้าตบข่วนคนที่พูด หลิวต้าเป่ารั้งนางไว้ “ท่านแม่ อย่าไป ตอนนี้ท่านพ่อเราไม่ได้เป็นผู้ใหญ่บ้านแล้ว ไม่มีใครกลัวท่านอีก หากลงไม้ลงมือขึ้นมา ท่านจะถูกพวกเขาทำร้ายบาดเจ็บได้”
สะใภ้หลิวถึงได้สติกลับมาว่าตนเองไม่ใช่ภรรยาผู้ใหญ่บ้านที่ใครเห็นก็ต้องประจบเอาใจแล้ว พลันหมดเรี่ยวแรงวิวาท เหม่อลอยไม่ได้สติ
ไม่มีใครสนใจพวกเขา
เมิ่งต้าจินยังใช้สถานการณ์นี้กล่าวคำพูดสร้างขวัญกำลังใจ ลูกบ้านต่างตื้นตันปรบมือรัวๆ
หัวหน้าสกุลต่างๆ ก็ลุกขึ้นกล่าวบ้าง กำชับให้คนในสกุลตนเองจะต้องให้การสนับสนุนเมิ่งต้าจิน ทำตามที่เขาบอก ชีวิตที่ดีไม่นานก็จะมาถึง
เมิ่งต้าจินเห็นว่าบรรลุผลลัพธ์ที่ตนเองคิดไว้แล้ว ก็ไม่พูดพร่ำอีก ทำการประกาศปิดการประชุม ให้ทุกคนแยกย้าย
อารมณ์ฮึกเหิมของชาวบ้านยังไม่สงบลง รวมตัวเป็นกลุ่มก้อนเดินกลับไป ถกเถียงเรื่องสูตรอาหารอย่างร้อนแรงไปตลอดทาง
หัวหน้าสกุลต่างๆ ก็ลุกขึ้นกลับบ้าน
เมิ่งต้าจินประคองเมิ่งจงจวี่ เมิ่งเอ้ออิ๋นนำเมิ่งเสียน เมิ่งฉีและเมิ่งซานถงกับภรรยาขนย้ายเก้าอี้กลับบ้านใหญ่พร้อมกัน ส่วนเมิ่งชื่อและเมิ่งเชี่ยนโยวกลับไปบ้านตัวเอง
พื้นที่โล่งกว้างเหลือเพียงสะใภ้หลิวและหลิวต้าเป่า
สะใภ้หลิวยังไม่ได้สติกลับมาจากเรื่องนี้ หลิวต้าเป่ากลับส่งเสียงสะอื้นไห้ถามนาง “ท่านแม่ หากท่านพ่อรู้ว่าพวกเราทำให้เรื่องกลายเป็นแบบนี้ จะตีพวกเราตายหรือไม่?”
สะใภ้หลิวก็หวาดกลัว ไม่เหลือกิริยาแข็งกร้าวอีกแล้ว ตอบเสียงสั่นเทิ้ม “คงไม่หรอก แม่รู้จักนิสัยพ่อเจ้าดี อย่างมากก็แค่ระเบิดอารมณ์วูบเดียวเท่านั้น”
หลิวต้าเป่าถามกลับเสียงสั่นเครือ “แต่เรื่องในครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ครอบครัวสามารถใช้สูตรเนื้อรมควันหาเงินได้จำนวนมาก แต่ตอนนี้ดีแล้ว คาดว่าสักอีแปะเดียวก็คงหาไม่ได้แล้ว หากท่านพ่อรู้ว่านี่เป็นความคิดที่ข้าบอกท่าน จะต้องตีข้าตาย”
ได้ยินเช่นนั้น สะใภ้หลิวตกใจลนลาน
หลิวต้าเป่ายิ่งคิดก็ยิ่งหวาดกลัว หันไปพูดกับสะใภ้หลิว “ท่านแม่ ไม่ได้แล้ว ข้ากลับบ้านไม่ได้ ท่านกลับไปเอาเงินหนึ่งร้อยตำลึงให้ข้า ข้าเข้าไปหลบในเมืองสักระยะหนึ่งก่อนค่อยว่ากันเถอะ”
“เงินอยู่ที่พ่อเจ้าทั้งหมด แม่จะเอาเงินที่ไหนให้เจ้า” สะใภ้หลิวพูดอย่างจนใจ
หลิวต้าเป่าคุกเข่าต่อหน้าสะใภ้หลิว “ท่านแม่ ท่านคิดหาวิธีสิ ข้าเพิ่งจะหลุดพ้นจากโรงงานรมควันเนื้อน่าสะอิดสะเอือนนั่น ยังไม่ทันได้อยู่สบาย ข้าไม่อยากถูกท่านพ่อตีตาย”
สะใภ้หลิวมีหลิวต้าเป่าเป็นบุตรชายเพียงคนเดียว รักใคร่ตามใจแต่เด็ก พอคิดถึงภาพหลังจากที่รู้เรื่องหลิวกุ้ยจะต้องซ้อมตีเขา ก็ให้ปวดใจยิ่งนัก ตอบรับคำทันควัน “ได้ แม่จะกลับไปคิดหาวิธี”
หลิวต้าเป่ารีบลุกขึ้น ประคองสะใภ้หลิวกลับบ้าน
มาถึงหน้าประตูบ้าน สะใภ้หลิวให้หลิวต้าเป่ารอนอกลานบ้าน ตัวเองจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ถึงแสร้งเดินเข้าบ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลิวกุ้ยไม่ได้เป็นผู้ใหญ่บ้านแล้ว สภาพจิตใจย่ำแย่ หลังจากที่พวกเมิ่งเชี่ยนโยวไปก็เอาแต่นอนบนเตียง แม้แต่ข้าวปลาก็ไม่กิน
สะใภ้หลิวเข้ามาในบ้าน เห็นหลิวกุ้ยยังมีสภาพเหมือนตอนที่ตัวเองออกไป นอนหลับตาแน่นิ่งอยู่บนเตียง ก็เดินไปข้างเขา พูดอย่างอ่อนโยน “พ่อเอ๊ย ลุกขึ้นมากินข้าวกินปลาหน่อยเถอะ ตอนกลางวันเจ้าก็ไม่ได้กิน ทำแบบนี้ร่างกายจะรับไม่ไหวเอา”
หลิวกุ้ยไม่ขยับ
สะใภ้หลิวมองเขา พูดโป้ปด “เมื่อครู่ข้าไปแอบฟังที่ลานโล่งนั่น คนในหมู่บ้านต่างไม่พอใจที่เมิ่งต้าจินมาเป็นผู้ใหญ่บ้าน พูดว่าเมื่อก่อนเขาเป็นพวกเกียจคร้าน ไม่ทำงานการ คนเช่นนี้จะเป็นผู้ใหญ่บ้านได้อย่างไร? ทั้งยังคาดเดาต่างๆ นาๆ ว่าเขาใช้วิธีสกปรกอะไรบีบให้เจ้าถอนตัวจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ข้าว่า ภายหน้าหากพวกเรามีเงินแล้ว ไม่แน่ว่าจะแย่งตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านกลับคืนมาได้”
หลิวกุ้ยผุดลุกขึ้นมาจากเตียง ถามอย่างเต็มไปด้วยความหวัง “ทุกคนพูดเช่นนั้นจริงๆ?”
สะใภ้หลิวพยักหน้าอย่างรู้แก่ใจ “ข้าได้ยินพวกเขาพูดเช่นนี้กับหู”
หลิวกุ้ยเริ่มมีเรี่ยวแรง พูดว่า “เจ้ารีบไปเตรียมสำรับให้ข้า ข้าต้องบำรุงร่างกาย พรุ่งนี้พวกเราเข้าเมืองไปซื้อเครื่องในมาทำความสะอาด ต้าเป่าอยู่ที่โรงงานมานาน ต้องทำความสะอาดอย่างไรเขาน่าจะรู้”
สะใภ้หลิวกะพริบตาปริบๆ ยิ้มเจื่อนพูด “ย่อมต้องรู้อยู่แล้ว เจ้าไปกินข้าวก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยพูดเรื่องนี้ก็ยังไม่สาย”
หลิวกุ้ยลงจากเตียง พูด “เจ้าไปยกสำรับมาให้ข้า”
สะใภ้หลิวต้องการแยกเขาออกมาเพื่อขโมยเงิน หากนางยกสำรับมาให้เขาจริงๆ จะขโมยเงินออกมาได้อย่างไร นางย่อมไม่ยินยอม พูดว่า “เจ้าไปนั่งกินในครัวเถอะ วันนี้ข้าตั้งใจทำอาหารเพิ่มให้เจ้าอีกสองอย่าง ให้ยกมาทั้งหมดจะยุ่งยาก”
หลิวกุ้ยคิดแล้วก็เห็นด้วย ทั้งสองลุกขึ้นเดินมาที่ครัว สะใภ้หลิวนำอาหารที่คอยอุ่นเตรียมไว้ให้เขาในหม้อออกมา หลิวกุ้ยหิวมากจริงๆ กินอย่างเอร็ดอร่อย
สะใภ้หลิวพูดกับเขา “เจ้าค่อยๆ กิน กินหมดแล้วเรียกข้า ข้าจะเข้าไปจัดที่หลับที่นอน อีกเดี๋ยวก็จะถึงเวลานอนแล้ว”
ปกติสะใภ้หลิวจะจัดที่หลับที่นอนแต่หัวค่ำอยู่แล้ว หลิวกุ้ยไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ พยักหน้ารับ
สะใภ้หลิวลอบถอนใจโล่งอก รีบเดินเข้ามาในห้องตัวเอง คลำหากุญแจจากใต้เตียงมาเปิด**บใส่เงินออก เห็นเงินห้าร้อยตำลึงวางอยู่ในนั้นจริงๆ รีบยื่นมือออกไปหยิบเงินก้อนใหญ่ออกมาจำนวนหนึ่ง โดยยังไม่ได้นับว่าเป็นเงินเท่าไหร่ ก็รีบยัดใส่อกเสื้อ ลงสลัก**บเงิน เอากุญแจวางไว้ที่เดิม เปิดประตูออกลอบมองดู เห็นหลิวกุ้ยยังกินข้าวอยู่ในครัว จึงแอบย่องเดินออกไปนอกประตูใหญ่
หลิวต้าเป่าร้อนรนอยู่ไม่สุขแล้ว เห็นสะใภ้หลิวออกมา ร้อนรนถาม “ท่านแม่ ได้เงินมาแล้วใช่หรือไม่?”
สะใภ้หลิวล้วงก้อนเงินจากอกเสื้อออกมามอบให้เขาทั้งหมด พูดว่า “ฉวยโอกาสที่พ่อเจ้ายังไม่รู้เรื่อง เจ้าจงรีบไปเถอะ เมื่อถึงตัวเมืองแล้ว รีบหาที่พักก่อน รอให้พ่อเจ้าหายโกรธแล้วค่อยกลับมา”
หลิวต้าเป่าพยักหน้า รับเงินแล้วหุนหันจากไป
สะใภ้หลิวแอบย่องกลับเข้ามาในห้อง ปูที่หลับที่นอนเสร็จถึงถอนใจโล่งอก
หลังจากเมิ่งชื่อกลับถึงบ้าน ก็ถามเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างเป็นห่วง “โยวเอ๋อร์ เจ้ารับปากจะบอกสูตรให้คนทั้งหมู่บ้านเช่นนี้ การค้าของพวกเรากับคุณชายจูและคุณชายเซี่ยจะทำอย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “ต่อให้ข้าไม่บอกสูตร เนื้อรมควันก็คงทำอีกไม่นานแล้ว ประเดี๋ยวข้าจะเขียนจดหมายให้พวกเขาคนละฉบับ บอกพวกเขาว่านี่ก็เป็นเรื่องที่ข้าเองก็จนใจ ทั้งจะบอกสูตรนี้กับพวกเขา พวกเขาคงจะไม่ตำหนิโทษพวกเรา”
เมิ่งชื่อพยักหน้า “ก็คงต้องทำเช่นนี้แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวมาที่ห้องฝั่งตะวันออกตรวจการบ้านของซุนเหลียงไฉอย่างละเอียด ชื่นชมเขาสองสามคำ ถึงกลับเข้าห้องมาเขียนจดหมาย