ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 149.2
กุนซือหยิบสมุดบันทึกและไม้วัด เรียกเจ้าหน้าที่สองนาย ตามผู้ว่าการตำบลและหลี่ฝูออกไปจากศาลาว่าการ มองไปโดยรอบ ไม่เห็นรถเทียมเกวียน ถามผู้ใหญ่บ้านอย่างประหลาดใจ “รถเทียมเกวียนของพวกเจ้าเล่า?”
ผู้ใหญ่บ้านและหลี่ฝูนิ่งอึ้ง
กุนซือเห็นอาการพวกเขา ก็รู้ว่าพวกเขาไม่มีรถเทียมเกวียน ถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “พวกเจ้าคงไม่คิดจะให้ข้าเดินตามพวกเจ้าไปทำรางวัดภูเขาร้างหรอกนะ?”
ตอนเช้าผู้ใหญ่บ้านและหลี่ฝูคิดแต่จะรีบมา ไม่ได้คิดเลยว่าขากลับจะต้องทำอย่างไร ได้ยินกุนซือถามพวกเขา ถึงพลันได้สติ ประสานมือ พูดกับกุนซืออย่างรู้สึกผิด “พวกเราเดินเท้ามา ไม่มีรถเทียมเกวียน เชิญท่านกุนซือเดินเท้ากลับไปกับพวกเราด้วย”
กุนซือใช้ชีวิตสมเกียรติจนเคยตัวแล้ว ไฉนเลยจะยอมเดินไกลเช่นนั้นได้ ย่อมไม่ยินยอม พูดว่า “ให้เดินเท้าไกลเช่นนั้น ข้าได้ชีวิตหาไม่ก่อน ข้าจะรออยู่ที่นี่ล่ะ พวกเจ้าไปจ้างรถเทียมเกวียนในตลาดสดมาเถอะ”
สองพ่อลูกลำบากใจ จากตัวเมืองถึงหมู่บ้านพวกเขาระยะทางไกลมาก หากไปจ้างรถเทียมเกวียน อย่างน้อยก็ต้องมียี่สิบอีแปะ แต่พวกเขาสองพ่อลูกมีเงินติดตัวมาเพียงสิบอีแปะ ไม่เพียงพอให้พวกเขาไปจ้างรถเทียมเกวียน
กุนซือเห็นพวกเขาลำบากใจ ถามอย่างไม่เชื่อ “อย่าบอกว่าแม้แต่เงินจ้างรถเทียมเกวียนก็ไม่มีดอกนะ?”
สองพ่อลูกหน้าแดงเรื่อ
กุนซือเห็นเป็นดังว่า จึงโบกมือพูด “พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยบังคับรถเทียมเกวียนมารับข้าใหม่” พูดจบก็หันหลังกลับศาลาว่าการ
ผู้ใหญ่บ้านร้อนรนกระสับกระส่าย คว้าแขนเสื้อกุนซือพูดวิงวอน “ท่านกุนซือ ท่านไปกับพวกเราเถอะ คนในหมู่บ้านพวกเราต่างรอวันจะได้ทำงานหาเงิน”
กุนซือสะบัดมือเขา พูดปฏิเสธ “ไม่ใช่ข้าไม่ไปกับพวกเจ้า แต่ข้าเดินทางไกลเช่นนั้นไม่ไหว พรุ่งนี้พวกเจ้าค่อยบังคับรถเทียมเกวียนมาใหม่เถอะ”
ผู้ใหญ่บ้านเห็นเขาใจแข็งไม่ยอมไป ไม่มีทางเลือก กัดฟันพูดกับหลี่ฝู “ฝูเอ๋อร์ เจ้าไปจ้างรถเทียมเกวียน บอกเจ้าของรถ เงินค่ารถเราจะจ่ายให้เมื่อไปถึงหมู่บ้านพวกเราแล้ว”
หลี่ฝูพยักหน้า รีบไปจ้างรถเทียมเกวียน
กุนซือเห็นพวกเขาไปจ้างรถเทียมเกวียนแล้ว จึงหันหลังกลับ ยืนรอหน้าประตูศาลาว่าการ
ไม่นานหลี่ฝูก็จ้างรถเทียมเกวียนคันหนึ่งกลับมา กุนซือนำเจ้าหน้าที่สองนายขึ้นไปนั่งบนรถเทียมเกวียนก่อน สองพ่อลูกถึงขึ้นไปนั่งบนรถเทียมเกวียนคนละด้านอย่างระวัง
คนขับสะบัดแส้ รถค่อยๆ เคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปหมู่บ้านหลี่
คนในหมู่บ้านต่างรู้ว่าวันนี้ผู้ใหญ่บ้านไปเชิญคนมาทำรางวัดภูเขาร้าง ต่างก็มาเฝ้ารอที่หน้าประตูบ้านเขา กระทั่งยามเที่ยงถึงเห็นรถเทียมเกวียนคันหนึ่งแล่นเข้ามา บนรถม้ามีเจ้าหน้าที่สองนายและบุคคลไม่รู้สถานะนายหนึ่ง ส่วนสองพ่อลูกผู้ใหญ่บ้านนั่งท้ายรถของทั้งสองด้าน
รถเทียมเกวียนหยุดจอดหน้าประตูบ้านผู้ใหญ่บ้าน หลี่ฝูรีบเดินเข้าไปในบ้านหยิบเงินอีกสิบอีแปะออกมา รวมกับเงินสิบอีแปะในตัวมอบให้คนขับทั้งหมด
คนขับรับมาอย่างชื่นบาน หันหัวรถเทียมเกวียนกลับเข้าเมือง
กุนซือมองดูเวลา พูดว่า “นี่ก็เที่ยงแล้ว พวกเรากินข้าวเที่ยงก่อนค่อยไปทำรางวัดเถอะ”
ผู้ใหญ่บ้านร้อนใจแทบทนไม่ไหว แต่ก็ไม่กล้าเร่งเร้า ร้องเรียกภรรยาตนเองและภรรยาหลี่ฝูให้มาทำอาหารเที่ยง
หลังจากกินข้าวเที่ยงดื่มน้ำเรียบร้อย ผู้ใหญ่บ้านก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป พูดรบเร้า “ท่านกุนซือ พวกเรารีบไปทำรางวัดเถอะ ถ้าช้ากว่านี้ เราจะวัดไม่เสร็จ”
กุนซือพูดอย่างเกียจคร้าน “จะรีบไปไหน? วันนี้วัดไม่เสร็จ ก็ยังมีพรุ่งนี้ พวกเจ้าไปเรียกแม่นางน้อยที่ซื้อภูเขาร้างมาก่อน พวกเราต้องทำรางวัดต่อหน้านาง นี่เป็นกฎ”
ผู้ใหญ่บ้านไม่รู้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะต้องร่วมอยู่ด้วย รีบออกจากบ้าน ตะโกนเรียกเด็กหนุ่มคนหนึ่งเข้ามา ให้เขาวิ่งไปส่งข่าว
เมิ่งเชี่ยนโยวกำลังออกแบบภาพอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงคนร้องเรียกนอกประตู “นี่คือบ้านแม่นางเมิ่งใช่หรือไม่?” จึงขานรับแล้วลุกเดินออกไปด้านนอก เห็นเด็กหนุ่มวิ่งกระหืดกระหอบยืนอยู่หน้าประตูบ้านตนเอง
ไม่รอให้เมิ่งเชี่ยนโยวถาม เด็กหนุ่มก็บอกนางเรื่องที่คนของทางการจะให้นางเข้าร่วมการทำรางวัดด้วย
เมิ่งเชี่ยนโยวได้ฟัง ให้เขารอครู่หนึ่งแล้วเดินไปหาจางจู้ที่โรงงานกุนเชียง ให้เขาบังคับรถม้าไปหมู่บ้านหลี่พร้อมตนเอง
จางจู้จัดเตรียมรถม้าบังคับออกมาหน้าประตู เห็นเด็กหนุ่มหมู่บ้านตนเองยืนอยู่หน้าประตูก็ให้สงสัย ถามเขาว่ามาได้อย่างไร?
เด็กหนุ่มจึงพูดเรื่องเมื่อครู่ซ้ำอีกรอบ
เมิ่งเชี่ยนโยวออกมานอกประตู ขึ้นนั่งบนรถม้า จางจู้ร้องเรียกให้เด็กหนุ่มขึ้นมานั่งบนคานด้านหน้าอีกด้าน ถึงบังคับรถม้าตรงไปยังบ้านผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านหลี่
กุนซือและเจ้าหน้าที่สองคนนั่งเอ้อระเหยบนเก้าอี้ ส่วนผู้ใหญ่บ้านอยู่ไม่เป็นสุขแล้ว
หลี่ฝูรออยู่หน้าประตูเห็นรถม้าเข้ามา รีบร้องตะโกนเข้ามาด้านใน “ท่านพ่อ แม่นางเมิ่งมาแล้ว”
ผู้ใหญ่บ้านถอนใจยาวโล่งอก พูดกับกุนซือและเจ้าหน้าที่ “แม่นางเมิ่งมาแล้ว พวกเราไปทำรางวัดภูเขากันเลยเถอะ”
กุนซือลุกขึ้นเดินตามผู้ใหญ่บ้านออกมานอกบ้าน เจ้าหน้าที่สองคนเดินรั้งท้าย
เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้า กุนซือมองประเมินนางหลายครั้ง พูดว่า “เมื่อเจ้ามาแล้ว พวกเราก็เริ่มทำรางวัดเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า คนทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังภูเขาร้าง
เสียเวลามานาน ผู้ใหญ่บ้านร้อนใจยิ่งกว่าใคร สาวเท้าเดินนำหน้าทุกคน กุนซือเดินนำเจ้าหน้าที่สองนายตามหลังไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน ไม่นานก็ทิ้งระยะห่างกับผู้ใหญ่บ้านหลายช่วงตัว
ผู้ใหญ่บ้านหันกลับไปเร่งเร้าพวกเขา กุนซือมองภูเขาร้างหลายลูกไกลออกไป แล้วมองดูเมิ่งเชี่ยนโยว พูดอย่างมีนัยแฝง “ภูเขาร้างมากมายนี้ อย่างไรวันนี้ก็วัดไม่เสร็จ เร็วอีกนิดหรือช้าไปหน่อยก็ไม่แตกต่าง”
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่น
ผู้ใหญ่บ้านไม่เข้าใจความหมายของเขา พูดด้วยน้ำเสียงว้าวุ่น “จะไม่แตกต่างได้อย่างไร ถ้าพวกเราลงมือเร็วหน่อย ภูเขาพวกนี้จะต้องวัดได้เสร็จก่อนฟ้ามืด”
กุนซือมองเมิ่งเชี่ยนโยวแวบหนึ่ง ไม่ได้เร่งความเร็ว ยังคงเดินอย่างไม่รีบไม่ร้อน
ผู้ใหญ่บ้านกระวนกระวายใจ กลับไม่กล้าเร่งเร้าเขา
เมิ่งเชี่ยนโยวก็เดินข้างเขาอย่างไม่รีบไม่ร้อน แย้มยิ้มถาม “ท่านกุนซือจำข้าไม่ได้แล้วหรือ?”
กุนซือชะงักฝีเท้า พินิจมองนาง ถึงจำได้ว่าเด็กสาวที่ซื้อภูเขาร้างนี้ก็คือแม่นางน้อยที่มีเรื่องกับเศรษฐีอู๋ในศาลคนนั้น หัวใจสั่นสะท้าน คนในเมืองต่างรู้ดี วันที่มีเรื่องเศรษฐีอู๋ยังดุดันเกรี้ยวกราดจะให้เมิ่งเชี่ยนโยวชดใช้เงินห้าพันตำลึง วันรุ่งขึ้นไม่เพียงปล่อยตัวเมิ่งเอ้ออิ๋นยังชดใช้เงินให้อีกสองพันตำลึง ผู้ว่าการตำบลและกุนซือคาดเดาว่าแม่นางน้อยคนนี้จะต้องรู้จักเจ้านายชั้นสูง อีกฝ่ายใช้อำนาจบีบเศรษฐีอู๋ เศรษฐีอู๋ถึงยอมปล่อยพวกเขาไปโดยง่ายเช่นนี้ คิดได้ดังนี้ฝีเท้าของกุนซือก็เริ่มเร็วขึ้น พูดว่า “ที่แท้ก็เป็นแม่นางเมิ่ง เหตุใดเจ้าถึงไม่บอกเร็วกว่านี้ ข้าอายุปูนนี้แล้ว สายตาไม่ดี ถึงจำเจ้าไม่ได้ เร็วๆๆ พวกเรารีบไป พยายามทำรางวัดให้เสร็จก่อนฟ้ามืด”
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับพูดเตือนเขาว่า “ท่านกุนซือไม่ต้องรีบ ค่อยๆ วัด”
กุนซือโบกมือ “ได้อย่างไรกัน เมื่อครู่ผู้ใหญ่บ้านบอกข้าแล้ว ถ้าทำรางวัดเสร็จเร็ว เจ้าก็จะจ้างคนในหมู่บ้านมาบุกเบิกพื้นที่ได้เร็ว ข้าจะไม่รีบได้อย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านกุนซือ ท่านวางใจ ข้าจะไม่ให้ท่านต้องเหนื่อยเปล่า”
ที่กุนซือโอ้เอ้ไม่ยอมรีบไปวัดภูเขาร้าง ก็เพราะต้องการค่าน้ำชาเล็กๆ น้อยๆ ตอนนี้ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ ย่อมต้องยินดี พูดกับเจ้าหน้าที่ทั้งสองนาย “พวกเจ้ารีบตามผู้ใหญ่บ้านไปวัดภูเขา ข้าจะตามไปที่หลัง”
เจ้าหน้าที่สองนายรับคำ ตามผู้ใหญ่บ้านมาถึงภูเขาร้างลูกที่ใกล้ที่สุด หยิบเครื่องมือวัดออกมา เลือกตำแหน่งแล้วทำการลงมือวัด
การวัดภูเขาก็มีเคล็ดลับ การใช้วิธีวัดไม่เหมือนกัน จะได้พื้นที่ขาดไปหลายหมู่ กุนซือยังไม่ขึ้นมา เจ้าหน้าที่สองนายไม่รู้ต้องใช้วิธีไหน วัดพื้นที่หนึ่งอย่างเก้ๆ กังๆ อยู่เป็นนาน
ผู้ใหญ่บ้านไม่รู้เรื่องนี้ เห็นพวกเขาวัดพื้นที่หนึ่งกลับไปกลับมา เกิดความข้องใจถามขึ้น “เหตุใดพวกท่านถึงวัดแต่ตรงนั้นเล่า?”
เจ้าหน้าที่ไม่รู้ว่าควรตอบเขาอย่างไร
กุนซือหายใจกระหืดกระหอบขึ้นมาถึงบนเขาพร้อมเมิ่งเชี่ยนโยว
เจ้าหน้าที่รีบร้อนถามเขา “ท่านกุนซือ พวกเราต้องวัดอย่างไร?”
กุนซือมองเมิ่งเชี่ยนโยวแวบหนึ่ง พูดว่า “วัดคร่าวๆ ก็พอแล้ว แม่นางเมิ่งซื้อภูเขาร้างหลายลูก พวกเราต้องปฏิบัติต่อนางให้ดี”
เจ้าหน้าที่รับคำ นำเครื่องมือวัดทั้งสี่ด้านของภูเขาคร่าวๆ แล้วนำตัวเลขมาบอกกุนซือ
กุนซือบันทึกลงในสมุด อีกประเดี๋ยวจะได้คำนวณทีเดียว
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นวิธีการวัดของเจ้าหน้าที่ก็เข้าใจ หากใช้วิธีการวัดเช่นนี้ เมื่อวัดภูเขาลูกนี้เสร็จ ตนเองจะได้เงินค่าภูเขาหายไปหนึ่งถึงสองร้อยหมู่
มีกุนซือคอยสั่งการ เจ้าหน้าที่ทั้งสองนายก็วัดเร็วขึ้น วัดภูเขาลูกแรกเสร็จ กว่ากุนซือและเมิ่งเชี่ยนโยวจะเดินมาถึงบนเขาลูกที่สอง พวกเขาก็วัดเสร็จ รออย่างสบายใจอยู่บนเขาแล้ว
กุนซือเห็นเช่นนั้น หลังจากนั้นจึงยืนรออยู่ใต้ภูเขา รอพวกเขาวัดเสร็จนำตัวเลขมาบอกเขา
เช่นนี้ยิ่งทำให้ไวยิ่งขึ้น ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ภูเขาร้างทั้งหมดก็ทำรางวัดเสร็จ
คนทั้งหมดกลับมาที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน กุนซือคำนวณยอดเงินทั้งหมด เมิ่งเชี่ยนโยวจ่ายเงินตามจำนวน ทั้งหยิบเงินออกมาเพิ่มอีกสิบกว่าตำลึงวางหน้ากุนซือ พูดว่า “ลำบากท่านกุนซือและเจ้าหน้าที่สองนายแล้ว เงินเล็กน้อยนี้นำไปซื้อเหล้าดื่มเถอะ”
เดิมกุนซือคิดว่าอย่างมากเมิ่งเชี่ยนโยวก็คงให้สองสามตำลึง ไม่คิดว่านางจะใจใหญ่เช่นนี้ ย่อมรู้สึกยินดี นำเงินสิบตำลึงใส่แขนเสื้อตัวเองอย่างไม่เกรงใจ แล้วผลักเงินส่วนที่เหลือไปตรงหน้าเจ้าหน้าที่สองนาย พูดว่า “นี่เป็นเงินค่าเสียเวลาจากแม่นางเมิ่ง พวกเจ้าเอาไปซื้อเหล้ากิน”
เจ้าหน้าที่สองนายไม่คิดว่าจะได้เงินเยอะเช่นนี้ ยิ้มแย้มหน้าบาน กล่าวขอบคุณไม่หยุด
ผู้ใหญ่บ้านร้องบอกให้หลี่ฝูไปยืมรถเทียมเกวียนในหมู่บ้านมาคันหนึ่ง ขับไปส่งกุนซือและเจ้าหน้าที่สองนายกลับตัวเมือง