ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 151.1
สะใภ้จางจู้ยิ้มตอบ “โยวเอ๋อร์อยู่ในบ้านพูดคุยกับพ่อแม่ข้า ท่านอาผู้ใหญ่บ้านรีบเข้าไปนั่งในบ้านเถอะ”
ผู้ใหญ่บ้านเดินเข้ามาในบ้าน พ่อแม่จางจู้และจางเกินพูดทักทายเขาอย่างเป็นกันเอง
ผู้ใหญ่บ้านขานรับ นั่งบนเก้าอี้ ถึงหันมาพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางเมิ่ง ข้าได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าแล้ว ข้ามาเพื่อจะถาม ต้องการจะจัดการกับครอบครัวชิงเอ๋อร์อย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “ไล่พวกเขาออกไปจากหมู่บ้านเถอะ? ข้าไม่อยากเห็นพวกเขาอีก”
ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกลำบากใจ “บ้านฝ่ายแม่ของชิงเอ๋อร์อยู่ในหมู่บ้านนี้ ไล่พวกเขาออกไปจะไม่ดีหรือเปล่า?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ทำไมครอบครัวชิงเอ๋อร์ถึงมาอยู่บ้านแม่เราต่างก็รู้ดี คนเช่นนี้วันๆ ไม่ทำอะไร คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ก็ไม่อยู่บ้าน เวลาผ่านไปนานเข้าไม่แน่ว่าจะก่อเรื่องอะไรขึ้น อีกอย่าง พวกเขาก็เอาแต่คอยจ้องพี่ใหญ่ข้า ต่อไปทุกครั้งที่พวกเรามาหมู่บ้านนี้ต้องคอยระวังพวกเขาจะเหนื่อยเกินไป หากไม่ระวังให้พวกเขาได้สมดังหมาย ข้าจะต้องอดใจไม่ไหวออกโรงจัดการพวกเขา วันนี้ก็เพราะข้าเห็นแก่หน้าท่าน กลัวจะสร้างเรื่องยุ่งยากให้ท่าน ถึงไม่ได้ลงมือ หากวันใดพวกเขายั่วโทสะข้าจริงๆ ข้าจะไม่ออมมืออีก ถึงตอนนนั้นจะไม่ใช่แค่การข่มขู่พวกเขาเพียงเท่านี้แน่”
ผู้ใหญ่บ้านครุ่นคิดแล้วพูด “ข้าเข้าใจความหมายของแม่นางเมิ่ง ข้าจะไปบอกคนให้ไล่พวกเขาทั้งครอบครัวออกไปจากหมู่บ้าน ก่อนที่ภูเขาร้างจะแผ้วถางเสร็จห้ามพวกเขากลับมาอีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ข้าหวังว่าอย่างน้อยต้องไม่ให้พวกเขากลับมาภายในสามปี”
ผู้ใหญ่บ้านตกตะลึง ลองหยั่งเชิงถาม “เวลาจะยาวนานเกินไปหรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “สิ่งที่ข้านำมาเพาะปลูกบนภูเขาร้างมีอายุค่อนข้างยาว ต้องใช้เวลาประมาณสามปี ภายในสามปีนี้ข้าจะคอยแวะเวียนมา”
ผู้ใหญ่บ้านพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว ภายในสามปีข้าจะไม่ให้พวกเขากลับมา”
ส่งผู้ใหญ่บ้านแล้ว พ่อแม่จางจู้และจางจู้จางเกินที่ยังงุนงงรีบถามเมิ่งเชี่ยนโยวว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น? เมิ่งเชี่ยนโยวบอกเรื่องที่ม้าไปทำให้เฉาเอ๋อร์ตกใจ ครอบครัวชิงเอ๋อร์ฉวยโอกาสนี้จะมาพัวพันเมิ่งเสียนคร่าวๆ แม่จางจู้ร้องก่นด่า “หน้าไม่อาย จนถึงตอนนี้ยังไม่ตัดใจ ถ้าเจ้าบอกยายเร็วกว่านี้ ยายจะไปด่านางถึงหน้าประตูบ้านให้เจ็บแสบสักยก”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเกลี้ยกล่อมนาง “ท่านยาย ที่ข้าไม่บอกท่าน ก็เพราะกลัวท่านจะโมโห พวกเราไปโมโหคนแบบนั้นไม่คุ้มค่า”
จางจู้และจางเกินก็ช่วยกันโน้มน้าว
ครู่หนึ่งแม่จางจู้ถึงผ่อนคลายอารมณ์ลงได้
จางจู้และจางเกินเห็นว่าแม่ตัวเองไม่เป็นอะไรแล้ว หยิบเครื่องมือขึ้นไปทำงานบนเขาต่อ สะใภ้จางจู้และสะใภ้จางเกินก็เก็บกวาดเตาไฟ จุดไฟต้มน้ำ เอาไปส่งให้คนบนเขา
เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูท้องฟ้า พูดกับแม่จางจู้ “ท่านยาย ข้าต้องกลับไปแล้ว”
แม่จางจู้ยังอาวรณ์ จับมือนางไม่ยอมปล่อย
พ่อจางจู้โน้มน้าวนาง “โยวเอ๋อร์ยังมีเรื่องอีกมากต้องทำ เจ้าอย่าไปถ่วงเวลาเด็กเลย อย่างไรต่อไปนางก็จะมาบ่อยๆ แล้ว เอาไว้ให้นางมากินข้าวที่บ้านก็ได้”
แม่จางจู้ถึงยอมปล่อยมือนาง กำชับนางต่อไปจะต้องกลับบ้านมากินข้าวอีก
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า นั่งรถม้าไปจากหมู่บ้านหลี่พร้อมเมิ่งเสียน
เมิ่งเชี่ยนโยวคิดได้ว่าไม่ได้ไปดูที่ดินหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าทำความสะอาดเป็นอย่างไรบ้าง จึงให้เมิ่งเสียนบังคับรถม้าพานางไปส่งยังที่ดินที่กำลังเก็บกวาด
ที่ดินเก็บกวาดปรับพื้นที่เรียบเสมอกันแล้ว เมิ่งต้าจินและเมิ่งเอ้ออิ๋นกำลังสั่งอัดพื้นฐานที่ดินให้แน่น เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามา เมิ่งต้าจินพูดกับนางอย่างยินดี “โยวเอ๋อร์ ดูสิ อีกสามวันก็จะอัดพื้นฐานที่ดินเสร็จ พวกเราก็จะปลูกเรือนได้แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าพูด “ได้ เดี๋ยวข้ากลับไปจะไปหาอาสาม ให้เขาส่งข่าวบอกหัวหน้าช่างที่มาปลูกเรือนให้พวกเราครั้งก่อน ให้เขามาก่อนสักรอบหนึ่ง ข้าจะเอาแปลนภาพบ้านที่วาดเสร็จแล้วให้เขาดู ถ้าไม่มีปัญหาอะไร อีกสองวันให้เขาพาคนมาปลูกเรือนได้”
“ได้ ทั้งหมดว่าตามเจ้า” เมิ่งต้าจินรับคำ
ตอนที่เมิ่งเชี่ยนโยวกลับถึงบ้าน เห็นในลานบ้านมีคนยืนออกันจนเต็ม ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ย่นหัวคิ้วมุ่น
เมิ่งชื่อเห็นนางกลับมา รีบเข้ามาพูดกับนาง “โยวเอ๋อร์ ทุกคนมาเอาสูตรเนื้อรมควัน ต่างมารอกันนานแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวถึงนึกเรื่องที่ตัวเองบอกว่าจะให้สูตรเนื้อรมควันกับคนในหมู่บ้าน ยิ้มแล้วพูดกับทุกคน “ขอโทษด้วย วันนี้ยุ่งมากจริงๆ ข้าลืมเรื่องนี้ไปเลย ข้าจะเขียนให้พวกท่านเดี๋ยวนี้”
คนในหมู่บ้านต่างก็มาขอสูตรโดยไม่ต้องเสียเงิน เดิมก็รู้สึกไม่ดีอยู่แล้ว ตอนนี้ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดแบบนี้ ก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีเข้าไปใหญ่ มีคนรีบร้อนพูดว่า “ถ้าท่านยุ่งมาก พวกเราค่อยมาใหม่วันหลังก็ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ไม่ต้องแล้ว ข้าจะเขียนให้ทุกคนเดี๋ยวนี้ รบกวนพวกท่านรอประเดี๋ยว”
คนในหมู่บ้านเห็นนางเกรงใจเช่นนี้ ก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี ต่างพูดว่าไม่รบกวนไม่หยุด
เมิ่งเชี่ยนโยวร้องเรียกเมิ่งเสียนและเมิ่งฉี “พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านมาช่วยข้าหน่อย”
เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีรับคำ เดินเข้าไปในบ้าน
เมิ่งเชี่ยนโยวเขียนสูตรเสร็จแล้ว วางตรงหน้าพวกเขา “พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านช่วยเขียนสูตรนี้หน่อย ยิ่งมากยิ่งดี”
เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีรีบคัดลอกสูตรลงในกระดาษที่เตรียมไว้แล้ว ทุกแผ่นที่เขียนเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวจะให้เมิ่งชื่อเอาออกไปมอบให้ทุกคน ทั้งหมดเขียนไปได้ห้าสิบกว่าแผ่น เมิ่งชื่อถึงกลับมาบอกอย่างปลาบปลื้มใจ “พอแล้ว ไม่ต้องเขียนแล้ว คนในหมู่บ้านไปกันหมดแล้ว”
เมิ่งฉีโยนพู่กันในมือทิ้ง นั่งทิ้งตัวไปบนเก้าอี้ พูดว่า “เขียนเยอะขนาดนี้ เหนื่อยจะตายแล้ว”
เมิ่งเสียนก็ค่อยๆ วางพู่กันลง ขยับข้อมือคลายความปวดเมื่อย
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะพูดว่า “พี่ใหญ่ พี่รอง เดี๋ยวพวกเรายังต้องเขียนประมาณนี้อีก”
เมิ่งฉีเบิกตาโพลงถาม “ยังเขียน? คนในหมู่บ้านไปกันหมดแล้วไม่ใช่หรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบเขา “วันนี้ไปกันหมดแล้ว พรุ่งนี้คาดว่าจะมีคนมามากกว่าเดิม เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์มีคนมายืนออเต็มลานบ้านของพวกเราอย่างวันนี้อีก พวกเราเขียนอีกจำนวนหนึ่งออกมาเถอะ”
“ยังต้องอีกเยอะขนาดนั้น?” เมิ่งฉีร้องโหยหวน ฟุบไปบนโต๊ะ
เมิ่งชื่อหัวเราะว่าเขา “เจ้าเรื่องเยอะที่สุด ไม่เห็นหรือว่าพี่ใหญ่กับน้องสาวต่างก็เขียนด้วย”
เมิ่งฉีตอบอย่างไร้เรี่ยวแรง “ท่านแม่ ข้าจะไปเทียบกับพวกเขาได้อย่างไร? ท่านก็รู้ข้าไม่ชอบเขียนหนังสือแต่เด็ก วันนี้เขียนเยอะเช่นนี้ ข้าก็แทบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ
เมิ่งชื่อตีเมิ่งฉีเบาๆ “ไม่ต้องพูดมากแล้ว รีบๆ เขียน พรุ่งนี้แม่ไม่อยากรับมือกับคนมากเช่นนี้แล้ว”
เมิ่งฉีไม่มีทางเลือก กัดฟันหยิบกระดาษพู่กันมาเขียนอย่างทรมาน
เมิ่งเสียนเห็นท่าทางของเขา หัวเราะส่ายหน้า หยิบกระดาษพู่กันขึ้นเขียน
ทุกคนเขียนได้ประมาณสิบกว่าแผ่น เมิ่งชื่อมองดูท้องฟ้า พูดว่า “ได้เวลาแล้ว พวกเจ้าควรไปรับอี้เซวียนและเหลียงไฉได้แล้ว”
เมิ่งฉีร้องไชโย วางพู่กันในมือ ดีใจพูด “ในที่สุดก็ไม่ต้องเขียนแล้ว”
เมิ่งชื่อโพล่งหัวเราะกับท่าทางของเขา
เมิ่งเสียนจูงรถม้าออกมา เข้าไปรับคนในตำบลพร้อมเมิ่งฉี
เมิ่งเชี่ยนโยวนำสูตรที่เขียนเสร็จแล้วมาวางด้วยกัน มอบให้เมิ่งชื่อ “ท่านแม่ นี่เป็นสูตรที่เพิ่งเขียนเสร็จ ท่านเก็บไว้ให้ดี ถ้ามีคนในหมู่บ้านมาขออีก ท่านก็ให้เขาหนึ่งแผ่น”
เมิ่งชื่อพยักหน้า เก็บสูตรไว้อย่างดี
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปที่ลานใหญ่หาเมิ่งซานถง พูดกับเขา “ท่านอาสาม ใกล้จะอัดพื้นฐานที่ดินเสร็จแล้ว ท่านไปส่งข่าวบอกหัวหน้าช่างที่มาปลูกเรือนให้พวกเราครั้งก่อน ให้พรุ่งนี้มาที่นี่ ข้าวาดแปลนบ้านเสร็จแล้ว จะให้เขาดูเสียหน่อย”
เมิ่งซานถงพยักหน้า “เดี๋ยวพอเลิกงาน ข้าจะให้คนข้างบ้านที่ทำงานอยู่กับเขาไปส่งข่าวบอกเขา ให้พรุ่งนี้เขารีบเข้ามา”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ท่านไปตอนนี้เลย รีบไปรีบกลับ”
เมิ่งซานถงรับคำ เช็ดล้างมือ ถอดชุดทำงาน เดินอาดๆ ออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวถือโอกาสเดินวนรอบโรงงานทั้งสองแห่ง
พวกอู๋ต้าเห็นนางเดินเข้ามา ยิ่งออกแรงสับเนื้อหมูแข็งขัน
พวกจางมู่ก็อยากแสดงผลงานบ้าง เพิ่มความเร็วในการกลับปลอกไส้ในมือ ไม่คิดว่ากลับไม่ระวังทำปลอกไส้เป็นรู แหวนหน้ามองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างตกใจกลัว
เมิ่งเชี่ยนโยวย่อตัวตรงหน้าพวกเขา คนทั้งหมดนึกว่าจะถูกอัด ตกใจใบหน้าซีดเผือก
เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบปลอกไส้ที่ทำความสะอาดแล้วในกะละมังข้างๆ มา สอนพวกเขาอย่างละเอียดว่าต้องทำอย่างไรถึงจะกลับปลอกไส้ได้ไม่ขาดแถมยังทำได้เร็ว
พวกจางมู่ไม่เคยได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับพวกเขาอย่างละมุนละไมเช่นนี้มาก่อน ต่างก็ตะลึงงัน
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นพวกเขานิ่งอึ้ง ขมวดคิ้วถาม “ทำเป็นแล้วหรือไม่?”
จางมู่ได้สติกลับมาก่อน ลนลานพยักหน้า อีกสี่คนที่เหลือก็พยักหน้าตามเป็นพัลวัน
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “การกรอกกุนเชียงเป็นงานที่พิถีพิถัน พวกเจ้าเพิ่งเริ่มทำ ไม่ต้องรีบร้อน ผ่านไปนานเข้า ความเร็วก็จะเพิ่มขึ้นเอง”
คนทั้งหมดพยักหน้าหงึกๆ
หลังจากคนงานเลิกงานแล้ว เมิ่งซานถงก็กลับมา พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “โยวเอ๋อร์ ข้าให้คนไปส่งข่าวแล้ว คาดว่าพรุ่งนี้เช้าเขาก็จะเข้ามา”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ขอบคุณอาสาม พรุ่งนี้เช้าข้าจะรอเขาอยู่ที่บ้าน”
เมิ่งซานถงพูด “เด็กคนนี้ ขอบคุณอะไรกัน เรื่องปลูกเรือนให้ท่านปู่ท่านย่าเจ้าเดิมก็เป็นเรื่องที่พวกเราพี่น้องสมควรทำ ตอนนี้เจ้ามาทำแทน ควรเป็นพวกเราขอบใจเจ้ามากกว่า”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ข้าทำอะไรก็สมควรแล้ว ท่านอาสามอย่าได้เกรงใจเด็ดขาด”
“เช่นนั้นเจ้าก็อย่าเกรงใจข้า มีเรื่องอะไรสั่งให้ข้าไปทำได้เลย” เมิ่งซานถงก็พูดบ้าง
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ข้าทราบแล้ว อาสาม”
ไปรับเมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉกลับมาแล้ว ไม่รอให้รถม้าจอดสนิท ซุนเหลียงไฉก็กระโดดลงจากรถม้า ทะยานเข้ามาในลานบ้านร้องตะโกน “โยวเอ๋อร์ ข้ามีข่าวดีจะบอก วันนี้ข้าขายกระเป๋านักเรียนได้อีกห้าใบ”
เมิ่งชื่อออกมาจากในบ้านก่อน ถามเขาอย่างดีใจระคนแปลกใจ “เหลียงไฉขายกระเป๋านักเรียนได้อีกห้าใบหรือ?”
ซุนเหลียงไฉพยักหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินก็ออกมาจากในบ้าน ชื่นชมเขา “คุณชายซุนเก่งมาก สองวันก็ขายกระเป๋านักเรียนได้สิบใบแล้ว”
ซุนเหลียงไฉฮึกเหิมลำพองใจ หยิบเงินห้าสิบตำลึงจากในกระเป๋านักเรียนส่งให้นาง “ให้ นี่เป็นเงินที่ขายกระเป๋านักเรียนวันนี้ เจ้าเก็บไว้ให้ดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มรับมา