ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 151.3
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับห้องมาเอาขวดยา เดินไปพูดกับเมิ่งเสียนที่ช่วยอยู่ในครัว “พี่ใหญ่ ท่านช่วยไปนวดคลึงบาดแผลให้อี้เซวียนหน่อย”
เมิ่งเสียนพยักหน้า รับขวดยาเดินเข้าไปในห้อง
ซุนเหลียงไฉก็คิดจะตามไป
เมิ่งเชี่ยนโยวเรียกเขาด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “เจ้าหยุดก่อน!”
ซุนเหลียงไฉรีบหยุดชะงัก มองนางอย่างหวาดกลัว
เมิ่งเชี่ยนโยวถาม “ใครให้เจ้าเรียกข้าว่าโยวเอ๋อร์?”
ซุนเหลียงไฉพูดอย่างมีเหตุมีผล “พวกเขาต่างก็เรียกเจ้าโยวเอ๋อร์ ข้าก็เรียกตามพวกเขา มีอะไรผิดหรือไง?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ต่อไปห้ามเรียกข้าว่าโยวเอ๋อร์”
“ให้เรียกอะไร?” ซุนเหลียงไฉถาม
เมิ่งเชี่ยนโยวขบคิด “เรียกท่านพี่”
ซุนเหลียงไฉต่อต้าน “เจ้าเด็กกว่าข้าชัดๆ จะให้ข้าเรียกเจ้าท่านพี่ได้อย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวถามเขา “ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่?”
ซุนเหลียงไฉตอบตามตรง “สิบสาม”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดโกหกหน้าตาย “ปีนี้ข้าอายุสิบสี่ เจ้าเรียกข้าว่าท่านพี่ได้พอดี”
ซุนเหลียงไฉไม่คลางแคลงใจ รับปากอย่างเคืองๆ “ก็ได้ ท่านพี่ก็ท่านพี่”
เมิ่งเชี่ยนโยวแอบอมยิ้ม
เมิ่งชื่อทำอาหารเสร็จแล้ว ให้เมิ่งเสียนยกสำรับอาหารเข้าไปให้เมิ่งอี้เซวียนในห้อง
เมิ่งอี้เซวียนกลับเดินกระโผลกกระเผลกออกมา
เมิ่งชื่อพูดอย่างปวดใจ “อี้เซวียน เจ้าออกมาทำไม? แม่บอกให้เจ้านอนพักอยู่ในห้อง รอให้พี่ใหญ่ยกสำรับอาหารเข้าไปให้เจ้า เจ้ากินในห้องก็ได้แล้ว”
เมิ่งอี้เซวียนตอบ “ท่านแม่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่เป็นไร พี่ใหญ่ช่วยใส่ยาให้ข้าแล้ว ข้าไม่เป็นไร”
เมิ่งเอ้ออิ๋นเห็นเขาเดินกระโผลกกระเผลก ประหลาดใจถาม “อี้เซวียนเป็นอะไรไป? ไปมีเรื่องกับใครมาอีกแล้วหรือ?”
เมิ่งชื่อถลึงตาใส่เมิ่งเชี่ยนโยวแวบหนึ่ง พูดว่า “ก็โยวเอ๋อร์นะสิ จะให้อี้เซวียนสู้กับนางให้ได้ สุดท้ายทำอี้เซวียนสะบักสะบอมเช่นนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวคว่ำปากไม่พอใจ ไม่กล้าพูดอะไร
เมิ่งเอ้ออิ๋นนึกว่าพวกเขาประลองวรยุทธ์กัน ย่อมทำใจตำหนิบุตรสาวตัวเองไม่ได้ พูดว่า “ต่อไปเวลาพวกเจ้าจะประลองยุทธ์กัน ก็ออมแรงหน่อย พอให้รู้ก็พอ อย่าใช้พละกำลังมากเช่นนี้อีก”
ซุนเหลียงไฉรีบพูดแทรก “พวกเขาไม่ได้”
พูดยังไม่จบก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวพูดตัดบท “หุบปาก! กินข้าวของเจ้าไป”
ซุนเหลียงไฉตกใจคอหัวหด ลนลานกัดหมั่นโถวในมือหนึ่งคำ อุดปากตัวเองไว้
แม้เมิ่งเอ้ออิ๋นจะสงสัย แต่คิดว่านี่เป็นเรื่องของเด็กๆ จึงไม่ได้ถามมาก เปลี่ยนเรื่องพูดขึ้น “โยวเอ๋อร์ พ่อปรึกษากับลุงใหญ่แล้ว ให้ท่านปู่เจ้าหาฤกษ์เริ่มงานก่อสร้าง รอให้อัดพื้นฐานเสร็จ พวกเราจะเริ่มงานทันที”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ข้าก็ให้อาสามส่งข่าวบอกนายช่างแล้ว บอกว่าอย่างเร็วให้เข้ามาพรุ่งนี้ช่วงเช้า พอพวกเราตกลงกันเสร็จ วันที่เริ่มงาน ให้เขาพาคนเข้ามาก็ได้แล้ว”
เมิ่งเอ้ออิ๋นส่งเสียง “อือ”
เมิ่งต้าจินกลับมาที่บ้าน ไม่ทันได้ล้างมือ ก็เดินเข้าไปพูดกับเมิ่งจงจวี่ในบ้าน “ท่านพ่อ อีกสองวันก็อัดพื้นฐานที่ดินเสร็จแล้ว สองวันนี้ท่านหาฤกษ์เริ่มงานก่อสร้างเถอะ”
เมิ่งจงจวี่ลูบเครารับปากอย่างยินดี
หญิงชราเมิ่งก็ยินดีไม่น้อย ถามอย่างชื่นบาน “อัดพื้นฐานเสร็จเร็วเช่นนี้เลย”
เมิ่งต้าจินพยักหน้า “แรงงานว่างงานในหมู่บ้านมาทำงานกันเกือบหมด คนมาก ได้งานไว”
หญิงชราเมิ่งได้ยินพูดด้วยความเป็นห่วง “คนมากเช่นนี้ คงไม่มีคนแอบหลบเลี่ยงอู้งานหรอกนะ”
เมิ่งต้าจินส่ายหน้า “ว่างใจเถอะท่านแม่ ไม่มี ตอนปีใหม่โยวเอ๋อร์ให้เงินค่าแรงคนงานมากเช่นนั้น คนในหมู่บ้านต่างตาร้อนผ่าว แทบอยากจะมาทำงานให้บ้านพวกเรา ตอนนี้อุตส่าห์มีโอกาสนี้แล้ว พวกเขามีแต่จะตั้งใจทำงานแข็งขันเสียไม่ว่า ไหนเลยจะกล้าแอบอู้ อีกอย่าง ตอนนี้ข้าเป็นผู้ใหญ่บ้าน คนในหมู่บ้านประจบเอาใจ ไม่มีใครโง่แอบอู้ดอก”
เมิ่งจงจวี่ได้ฟังพูดว่า “จินเอ๋อร์ เจ้าเป็นผู้ใหญ่บ้าน ก็เพื่อทำเรื่องดีให้คนในหมู่บ้าน อย่าได้เป็นเหมือนหลิวกุ้ย ให้คนในหมู่บ้านต้องมาประจบสอพลอเจ้า”
เมิ่งต้าจินตอบ “ท่านพ่อ ท่านวางใจ ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร”
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากเมิ่งเสียและเมิ่งฉีไปส่งเมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉที่โรงเรียน เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบพู่กันเขียนสูตรอีกยี่สิบกว่าแผ่นมอบให้เมิ่งชื่อ ตอนที่มีคนมาขอสูตรอีกให้นางมอบให้พวกเขา
เมิ่งชื่อรับมา กำลังจะวางไว้อีกด้าน ก็มีคนร้องเรียกกลางลานบ้าน เมิ่งชื่อพรวดพราดออกไป มอบสูตรในมือนางไปหนึ่งแผ่น จากนั้นผู้คนก็ทยอยเข้ามาเรื่อย เมิ่งชื่อไม่เข้าไปในบ้านแล้ว ถือสูตรรอที่ด้านนอก
นายช่างที่เมิ่งซานถงแจ้งข่าวไปเข้ามาตอนเช้าตามคาด เห็นเมิ่งชื่อยืนหน้าประตู พูดอย่างเป็นมิตร “อาซ้อใหญ่ ยังจำข้าได้หรือไม่?”
ตอนแรกเมิ่งชื่อไม่ได้สังเกต นึกว่าเป็นคนในหมู่บ้านมาขอสูตร หยิบสูตรหนึ่งแผ่นเตรียมจะมอบให้เขา พอได้ยินเขาถามเช่นนี้ ถึงเพ่งพินิจดู พบว่าเป็นหัวหน้าช่างที่มาสร้างบ้านให้ตัวเอง ดีใจร้องพูด “พี่ชาย ท่านมาแล้ว รีบเข้ามาในบ้าน โยวเอ๋อร์รอท่านอยู่ในบ้านแล้ว”
หัวหน้าช่างก็ไม่เกรงใจ เดินตามเมิ่งชื่อเข้ามาในลานบ้าน
เมิ่งชื่อตะเบ็งเสียงพูด “โยวเอ๋อร์ นายช่างมาแล้ว เจ้ารีบออกมา”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกมาจากในบ้าน
นายช่างดีใจพูดขึ้นทันควัน “แม่นางน้อย เมื่อวานน้องซานถงมาส่งข่าวบอกข้า ข้าก็รีบมาทันที ไม่รู้ว่าครั้งนี้พวกเจ้าต้องการปลูกเรือนแบบไหน?”
เมิ่งเชี่ยนโยวแย้มยิ้มพูดทักทาย แล้วหันไปพูดกับเมิ่งชื่อ “ท่านแม่ ท่านไปเรียกอาสามที่โรงงานมาหน่อยเถอะ”
เมิ่งชื่อรับคำสาวเท้าเดินไปลานใหญ่ ไม่นานเมิ่งซานถงก็เดินอาดๆ เข้ามา ร้องทักนายช่างอย่างยินดี “พี่โหย่วเหริน มาเร็วเช่นนี้เลย”
โหย่วเหรินหน้าตาเบิกบานตอบ “วันนี้ตอนเช้าเจอข้า คนส่งข่าวก็บอกข้าว่า พวกเจ้าจะปลูกเรือนอีกแล้ว ให้ข้าเข้ามาสักครั้ง ข้าดีใจมาก ให้พวกเขาไปทำงานก่อน ส่วนข้ารีบมาที่นี่ ไม่ทำพวกเจ้าเสียเรื่องใช่หรือไม่”
เมิ่งซานถงโบกมือ “ไม่เลย ที่ดินยังอัดพื้นฐานไม่เสร็จเลย โยวเอ๋อร์วาดแปลนเรือนเสร็จแล้ว ที่เรียกเจ้ามาก่อนเพื่อจะให้เจ้าดูว่าเรือนที่นางวาดว่าพวกเจ้าจะปลูกไหวหรือไม่?”
โหย่วเหรินตบหน้าอกรับประกัน “เรื่องอื่นข้าไม่กล้าพูด พวกเราปลูกเรือนมาสามสิบกว่าปีแล้ว เรือนแบบไหนพวกเราก็ปลูกมาแล้ว จนถึงตอนนี้ยังไม่มีเรือนไหนที่ปลูกไม่ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้งพูด “เช่นนั้นก็ดี”
พูดจบพาทั้งสองคนมายังห้องฝั่งตะวันออก
เมิ่งชื่อชงชาสามถ้วยยกเข้ามา วางไว้เบื้องหน้าคนละถ้วย โหย่วเหรินดมกลิ่นหอมของใบชา พินิจมองน้ำชาในถ้วย รู้สึกตกใจที่ได้รับการเอ็นดู
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นกิริยาเขา ยิ้มพูด “นี่เป็นน้ำชาของบ้านพวกเรา ท่านไม่ต้องเรงใจ”
โหย่วเหรินตกตะลึง ครั้งที่แล้วที่ตัวเองมาปลูกเรือน แม้ฐานะทางบ้านพวกเขาจะถึงว่าไม่เลว แต่ก็แค่ดีกว่าคนทั่วไปหน่อยเท่านั้น ไม่คิดว่าเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่เดือน ครอบครัวพวกเขาจะใช้ชาชั้นดีเช่นนี้มาดื่มเป็นชาปกติ
เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าไปในห้องหยิบภาพร่างของตัวเองออกมา ยื่นไปตรงหน้าเขา ยิ้มพูด “นี่เป็นแปลนภาพที่ข้าวาดขึ้นเอง ท่านดูว่ามีตรงไหนไม่เหมาะสมหรือไม่?”
โหย่วเหรินหยิบภาพร่างมาดู เพ่งพินิจมอง พลันถลันตัวลุกพรวด ถามอย่างตกใจ “นี่เป็นแปลนภาพที่แม่นางวาดขึ้นเอง?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ใช่ ข้าวาดเอง มีตรงไหนไม่ถูกต้องหรือ?”
โหย่วเหรินพูดอย่างยินดีระคนประหลาดใจ “แปลนภาพของแม่นางงดงามนัก เกิดมาข้ายังไม่เคยเห็นใครวาดแปลนภาพเช่นนี้มาก่อน”
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ “แปลนภาพสวยไปก็เท่านั้น ท่านต้องช่วยข้าดูว่าแปลนภาพของข้ามีปัญหาอะไรหรือไม่ ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ตาบอดคลำทางเอาเอง กลัวจะมีตรงไหนไม่ถูกต้อง”
โหย่วเหรินพูดอย่างยินดี “แปลนภาพสวย เรือนที่ปลูกออกมาก็จะยิ่งงาม หากปลูกเรือนหลังใหญ่นี้ตามแปลนภาพของเจ้า เกรงว่าต่อไปในตำบลชิงซีนี้ข้าคงได้มีชื่อเสียงตามไปด้วย”
เมิ่งซานถงก็ดีใจไม่น้อย ได้ฟังรีบร้อนพูด “เช่นนั้นจะรออะไร เจ้ารีบช่วยโยวเอ๋อร์ดู แปลนภาพของนางมีปัญหาหรือไม่”
โหย่วเหรินนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง ตั้งใจตรวจดูแปลนภาพอย่างละเอียด คิดคำนวณตำแหน่งตัวเรือน และระหว่างลานบ้านด้วยกัน รวมถึงระยะห่างของเรือนแต่ละหลังอย่างละเอียด
เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งซานถงก็ไม่รบกวนเขา ยกถ้วยชาขึ้นจิบช้าๆ
โหย่วเหรินคำนวณเสร็จ ตบหน้าขาพูดอย่างฮึกเหิม “แม่นางเทพเกินไปแล้ว ครั้งแรกก็วาดแปลนภาพซับซ้อนเช่นนี้ได้ และไม่มีความผิดพลาดเลยสักนิด”
เมิ่งซานถงดีใจมาก หยิบแปลนภาพในมือโหย่วเหรินมา มองซ้ายมองขวา มองบนมองล่างอย่างละเอียดรอบหนึ่ง ถามอย่างไม่เชื่อ “โยวเอ๋อร์ เรือนของท่านปู่ท่านย่าเจ้าจะสร้างเช่นนี้จริงๆ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพ่นหัวเราะ “อาสาม แปลนภาพก็วาดเสร็จแล้ว หรือท่านคิดว่าข้ากำลังล้อเล่น”
เมิ่งซานถงโบกมือ “เปล่าๆ อาสามเพียงแค่ตกใจ เรือนที่ดีเช่นนี้ เกรงว่าแม้แต่บ้านเศรษฐีจางหมู่บ้านข้างๆ ก็ยังเทียบไม่ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ “แน่นอน นี่เป็นแปลนภาพที่ข้าวาดเอง พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน จะปลูกเรือนเช่นนี้ได้อย่างไร”
เมิ่งซานถงถูกนางแหย่เย้า โหย่วเหรินก็หัวเราะอย่างครื้นเครงไปด้วย
หลังจากหัวเราะเสร็จ คนทั้งหมดยกชาจิบสองสามคำ เมิ่งเชี่ยนโยวถึงถามโหย่วเหริน “ท่านเห็นแปลนภาพแล้ว ไม่ทราบว่าท่านพอจะสร้างได้หรือไม่”
ครั้งนี้โหย่วเหรินครุ่นคิดครู่หนึ่ง ถึงพูดว่า “เรื่องปลูกเรือนไม่มีปัญหา แต่คนในมือข้าน้อย เรือนมากขนาดนี้ถ้าสร้างพร้อมกัน เกรงว่าจะต้องใช้เวลานาน เอาอย่างนี้ ข้าจะกลับไปถามผู้รับเหมาคนอื่นดู ว่าพวกเขาพอจะมาร่วมงานด้วยได้หรือไม่ แบบนี้จะได้ไวขึ้น ใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนก็น่าจะปลูกเสร็จ”
เมิ่งเชี่ยนโยวถามเขา “คนที่ท่านหามาฝีมือดีหรือไม่? ข้าไม่อยากใช้คนที่ฝีมือไม่ดี”
โหย่วเหรินรับประกัน “แม่นางวางใจเถอะ ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือปลูกเรือนมาหลายสิบปี ฝีมือดีแน่นอน”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ปลูกเรือนช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร จะต้องรับประกันเรื่องคุณภาพ นี่เป็นเรือนที่ข้าปลูกให้ท่านปู่ท่านย่า ข้าไม่อยากให้เกิดข้อผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย”
โหย่วเหรินรับประกันอีกครั้ง “ข้าขอรับประกันกับเจ้า ฝีมือของพวกเราไม่มีปัญหาแน่นอน เจ้าวางใจเถอะ จะต้องปลูกเรือนให้พวกเจ้าอย่างงดงาม มั่นคงแข็งแรง”
เมิ่งเชี่ยนโยววางใจลง พูดว่า “เรื่องค่าแรงยังคงเหมือนครั้งก่อน นางช่างจะได้คนละห้าสิบอีแปะต่อวัน คนงานจับกังจะได้สามสิบอีแปะ ท่านจะพาคนงานจับกังมาเอง หรือพวกเราหาเองก็ได้”
โหย่วเหรินขบคิดแล้วพูด “ข้าขอกลับไปรวบรวมคน ดูว่าพวกเรามีคนงานจับกังกี่คน พรุ่งนี้จะให้คนนำสารที่แน่ชัดมาบอกเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ได้ อาหารกลางวันพวกท่านก็ไม่ต้องนำมาเอง พวกเราจะจัดการให้ และไม่หักเงินค่าแรง”
โหย่วเหรินปิติยินดี กล่าวขอบคุณไม่หยุด “ขอบคุณแม่นางๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งซานถงรวมถึงโหย่วเหรินยืนยันปัญหารายละเอียดทั้งหมดอีกรอบ พอคิดว่าไม่มีปัญหาแล้ว โหย่วเหรินก็บอกลาคนทั้งสอง จากไปอย่างอิ่มเอมใจ
โหย่วเหรินจากไปแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับเมิ่งซานถงว่า “อาสาม สองสามวันนี้ท่านมอบงานให้พี่ใหญ่ดูแล พอคนปลูกเรือนมา ท่านไปอยู่ตรงนั้นเถอะ ท่านพ่อข้าและลุงใหญ่พวกเขาไม่รู้เรื่อง มีท่านคอยเฝ้าดูข้าวางใจหน่อย”
เมิ่งซานถงพยักหน้า “ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกำชับอย่างจริงจังอีกรอบ “ท่านอาสาม ท่านจะต้องจับตาดูให้ดี หากมีจุดไหนที่พวกเขาสร้างไม่ดี จะต้องให้พวกเขาทำใหม่ อย่าได้เป็นเพราะสนิทกับพวกเขา ก็พูดไม่ออกปล่อยให้พวกเขาทำ”
เมิ่งซานถงพยักหน้าหนักแน่น “โยวเอ๋อร์วางใจเถอะ อาสามรู้ว่าต้องทำอย่างไร”
หลังจากส่งโหย่วเหริน เมิ่งชื่อยังคงยืนหน้าประตูรอคนในหมู่บ้านเขามารับสูตรเรื่อยๆ หลังจากแจกไปยี่สิบกว่าแผ่น ก็เริ่มไม่มีคนเข้ามาแล้ว เมิ่งชื่อกลับเข้าบ้าน นำสูตรที่เหลือในมือมอบให้หญิงสาวเย็บกระเป๋านักเรียนคนละแผ่น
เหล่าหญิงสาวเย็บกระเป๋านักเรียนสองวันนี้เอาแต่คิดจะขอสูตรกับเมิ่งชื่อ แต่ก็กลัวเมิ่งชื่อจะบอกว่าพวกนางละโมบ ไม่ให้พวกนางมาเย็บกระเป๋านักเรียนอีก ตอนนี้เห็นเมิ่งชื่อให้สูตรเอง ดีอกดีใจ พูดขอบคุณไม่หยุด
เมิ่งชื่อหัวเราะพูด “คนในหมู่บ้านมาขอสูตรไปเกือบหมดแล้ว มีแต่ครอบครัวพวกเจ้าไม่ได้มา ข้าคิดว่าพวกเจ้าจะต้องรู้สึกไม่ดี จึงเอามาให้พวกเจ้าเอง พวกเจ้ากลับไปแล้วมอบให้คนในครอบครัว ดูว่าพวกเขามีตรงไหนไม่เข้าใจ มาถามได้ทุกเมื่อ”
เหล่าหญิงสาวรับคำอย่างปิติ พูดขอบคุณอีกเป็นพัลวัน
เมิ่งชื่อก็นั่งลง ตั้งใจเย็บกระเป๋านักเรียนพร้อมพวกเขา
เมิ่งเจี๋ยใช้ขาเล็กสั้นรีบร้อนวิ่งเข้ามาจากด้านนอก พูดกับเมิ่งชื่อ “ท่านแม่ ท่านรีบออกไปดูเถอะ บ้านผู้ใหญ่บ้านเกิดเรื่องอีกแล้ว หลิวต้าเป่าถูกกลุ่มคนดุดันเ**้ยมโหดคุมตัวกลับมา บอกว่าติดหนี้บ่อนพนัน พวกเขายืนขวางอยู่หน้าประตูบ้านผู้ใหญ่บ้าน ร้องโหวกเหวกให้เขาคืนเงิน”