ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 152.2
อากาศอบอุ่นขึ้น รถม้าวิ่งไปไม่รู้สึกหนาวมากแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวจึงมานั่งที่คานรถด้านหน้า คุยเรื่องสัพเพเหระในบ้านกับเมิ่งเสียน
พอรถม้าเข้ามาในเมือง จากการบอกทางของเมิ่งเชี่ยนโยว เมิ่งเสียนก็บังคับรถม้ามาถึงหอชาของครอบครัวซุนซ่านเหริน
เสี่ยวเอ้อในหอชาไม่รู้จักพวกเขา เห็นพวกเขาบังคับรถม้าเข้ามา คิดว่าเป็นคนที่จะเข้ามาดื่มชา แม้จะประหลาดใจเหตุใดถึงมีลูกค้าวัยเยาว์เช่นนี้มาดื่มชา กลับยังเข้าไปเชื้อเชิญพวกเขาอย่างเอาใจใส่
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือพูดว่า “พวกเรานำของมามอบให้นายท่านของพวกเจ้า รบกวนเจ้าเรียกหลงจู๊ของพวกเจ้าออกมา”
เสี่ยวเอ้อมองประเมินพวกเขาอย่างละเอียด เห็นว่าพวกเขาไม่เหมือนพูดล้อเล่น จึงผลุนผลันวิ่งเข้าไปแจ้งข่าว
ไม่นานซุนวั่งก็ตามออกมา เดินไปพลางถามไปถาม “ใครนำสิ่งของมามอบให้ข้ากัน”
ไม่รอเสี่ยวเอ้อตอบ ก็เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวที่รออยู่หน้าประตู
ซุนวั่งสาวเท้ามาถึงหน้าประตู พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “นังตัวดี มาทำอะไรหน้าหอชาของพวกข้า?”
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้ว พูดกับเสี่ยวเอ้อ “รบกวนเจ้าไปเรียกหลงจู๊ของพวกเจ้าออกมา”
ซุนวั่งเห็นนางไม่สนใจตัวเอง อารมณ์เดือดพลุ่ง พูดว่า “หอชานี้ตอนนี้มีข้าเป็นคนดูแล ไม่มีคำอนุญาตจากข้าใครก็ห้ามพบเจ้า”
ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวขี้เกียจสนใจเขา กลับไปนั่งบนรถม้า พูดกับเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ พวกเราไป!”
เมิ่งเสียนพยักหน้า จับบังเ**ยนกำลังจะหันกลับหัวม้า
ซุนวั่งที่ปกติถูกยกยอจนเคยตัว วันนี้ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวหักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อหน้าเสี่ยวเอ้อ อับอายจนโกรธแค้น หันไปสะบัดมือให้เสี่ยวเอ้อ “ไปขวางรถม้าของพวกเขาไว้”
เสี่ยวเอ้อต้อนรับลูกค้าตะโกนเข้าไปในหอชา เสี่ยวเอ้อจำนวนหนึ่งก็วิ่งออกมาทันที ล้อมหน้าล้อมหลังรถม้า
ซุนวั่งพูดอย่างเคืองแค้น “นังตัวดี วันนี้เจ้ามารนหาที่เอง อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งบนรถคานรถไม่ไหวติง ถามอย่างดูแคลน “อ่อ ท่านจะไม่เกรงใจอย่างไร?”
ซุนวั่งอยากจะพูดว่าซ้อมนางให้นอนเกลือกกลิ้งไปกับพื้น ร้องไห้จ้าหาแม่ แต่พอคิดว่าเมิ่งเชี่ยนโยวรู้วรยุทธ์ จึงเปลี่ยนคำพูด “ข้าจะให้เสี่ยวเอ้อทำลายรถม้าเจ้าให้พังเป็นชิ้นๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะ หันไปพูดกับเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ ไป ใครกล้าขวางก็ย้ำผ่านคนผู้นั้นไป”
เมิ่งเสียนรับคำ หักเลี้ยงหัวม้าอีกครั้ง
ซุนวั่งพูดเสียงกร้าว “ขวางพวกมันไว้”
เสี่ยวเอ้อคนหนึ่งเดินขึ้นหน้า จับบังเ**ยนเอาไว้แน่น
เมิ่งเชี่ยนโยวหรี่ตาลงพูด “พี่ใหญ่ ปกติข้าสอนท่านยังไง?”
เมิ่งเสียนลังเล
ซุนวั่งพูดอย่างเหิมเกริม “นังตัวดี กล้าเป็นปรปักษ์กับข้า วันนี้ข้าจะต้องสั่งสอนพวกเจ้าให้รู้สำนึก”
เมิ่งเสียนเม้มปาก คลายหมัดแล้วก็กำ กำแล้วก็คลาย พลันยกมือขึ้น ชกใส่เสี่ยวเอ้อที่คว้าบังเ**ยน
เสี่ยวเอ้อถูกชกเข้าที่ใบหน้า ส่งเสียงร้องโหยหวน สะบัดบังเ**ยนทิ้ง กุมใบหน้าถอยหลังไปหลายก้าว จนไปชนซุนวั่ง
ซุนวั่งไม่คิดว่าเมิ่งเสียนจะกล้าลงมือ ตกใจจนลืมถอยหลบ ถูกเสี่ยวเอ้อที่ถอยกรูดชนล้มไปกับพื้น
ส่วนเสี่ยวเอ้อคนอื่นสะดุ้งตกใจ เดินหน้าคิดจะประคองเขาลุกขึ้น
ซุนวั่งโมโหถีบเสี่ยวเอ้อที่ถอยมาชนตัวเอง ตะเกียกตะกายลุกขึ้นอย่างโมโหเดือดดาล พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “ไปเรียกคนมา วันนี้ข้าจะต้องสั่งสอนเจ้าพวกเหิมเกริมทั้งสองคนนี้”
เสี่ยวเอ้อรับคำรีบวิ่งเข้าไปด้านใน
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งสบายอารมณ์อยู่บนคานรถ มองเขาอย่างดูแคลน
เมิ่งเสียนเหม่อลอยมองมือตัวเอง
ไกลออกไปมีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาดื่มชา เห็นเหตุการณ์ก็ถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “น้องซุนวั่ง เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
ซุนวั่งชี้เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “นังตัวดีคนนี้ขโมยบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของข้าไป ข้าไม่ไปหานาง นางกลับรนหาที่มาถึงที่นี่ วันนี้ข้าจะต้องสั่งสอนพวกมันให้รู้สำนึก ให้พวกมันรู้ว่าตำบลชิงซีนี้ใครเป็นใหญ่”
คนเหล่านี้ล้วนเป็นเพื่อนไม่เอาถ่านของซุนวั่ง ปกติยามว่างมักจะมาให้ซุนวั่งเลี้ยงพวกเขาดื่มชาพูดคุย เรื่องในบ้านซุนวั่งย่อมรู้อย่างชัดแจ้ง ตอนนี้คนทั้งหมดได้ยินซุนวั่งพูดเช่นนี้ ต่างก็มองประเมินเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยความประหลาดใจ เห็นนางเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบเอ็ดสิบสองปี พูดเยาะหยัน “น้องซุนวั่ง ไม่ใช่มั้ง เจ้าถูกเด็กสาวตัวกระเปี๊ยกแค่นี้ตบหน้า ถ้าเรื่องแพร่กระจายออกไปเจ้าจะอยู่ตำบลชิงซีต่อไปได้อย่างไร?”
ซุนวั่งที่เดิมก็อารมณ์พลุ่งพล่านแล้ว ตอนนี้ถูกพวกเขาหัวเราะเยาะหยัน หัวร้อนวูบ แผดเสียงตะโกนบอกเสี่ยวเอ้อที่ล้อมรถม้า “พวกเจ้าทั้งหมดยืนเซ่อทำไม? ยังไม่รีบสั่งสอนพวกมันให้เข็ดหลาบ”
บรรดาเสี่ยวเอ้อไม่กล้ารอช้า หันไปตะลุมบอนใส่เมิ่งเสียนและเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวพลิกตัวหลบการจู่โจมของเสี่ยวเอ้อคนหนึ่งได้อย่างคล่องแคล่ว ทั้งคว้าบังเ**ยนมาไว้ในมือตัวเอง พูดกับเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ ท่านรับมือพวกเขา”
เมิ่งเสียนชกไปหมัดหนึ่ง เห็นเสี่ยวเอ้อร้องโอดครวญล้มไปนอนกับพื้น ก็รู้สึกผิดจนพูดไม่ออก ตอนนี้ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ อย่างไรก็ไม่กล้าลงมือ บรรดาเสี่ยวเอ้อเห็นเช่นนั้น อ้อมคานรถม้า เข้ารุมทำร้ายเมิ่งเชี่ยนโยว เมิ่งเชี่ยนโยวจับบังเ**ยนไม่หลบไม่หลีก หมัดของเสี่ยวเอ้อกำลังจะโดนตัวเมิ่งเชี่ยนโยวแล้ว กลุ่มคนที่ล้อมเข้ามาดูเรื่องสนุกส่งเสียงร้องอุทานพร้อมกัน
เมิ่งเสียนไม่ลังเลอีก ยื่นมือออกไปคว้าหมัดเสี่ยวเอ้อไว้ พร้อมบิดเต็มแรง เสี่ยวเอ้อเจ็บปวดร้องโหยหวน
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดชมเชยด้วยความปิติ “พี่ใหญ่ ทำได้ดี!”
เสี่ยวเอ้อข้างๆ เห็นเข้า ต่างรุมเข้ามาสู้กับเมิ่งเสียน เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตาหยีจับบังเ**ยนมองเมิ่งเสียนซ้อมกลับคนพวกนั้น
เสี่ยวเอ้อที่เข้าไปเรียกคนในหอชาพาเสี่ยวเอ้ออีกสิบกว่าคนดาหน้าออกมา พอเห็นว่าเริ่มต่อสู้แล้ว ก็ตรงเข้าลงมือกับคนทั้งสองอย่างไม่ลังเล
หลงจู๊ของหอชาเพิ่งจะไปห้องบัญชี กลับมาไม่เห็นเสี่ยวเอ้อต้อนรับลูกค้าแม้แต่คนเดียว พลันงุ่นง่านใจ กำลังจะร้องเรียกคน กลับได้ยินเสียงเอะอะด้านนอก รีบวิ่งออกไปดู เห็นเสี่ยวเอ้อมากมายกำลังล้อมแม่นางน้อยที่ครั้งก่อนถูกนายท่านเชิญมา ตกตะลึงร้องตะโกนเสียงดังลั่น “หยุดเดี๋ยวนี้!”
หลงจู๊เป็นคนที่ซุนซ่านเหรินเชิญมา ตั้งแต่วันที่หอชาเปิดทำการก็เป็นหลงจู๊ของหอชานี้มาตลอด หลายปีมานี้ สร้างบารมีความน่าเชื่อถือต่อเสี่ยวเอ้อทั้งหลาย ได้ยินเสียงร้องตะโกนของเขา เสี่ยวเอ้อต่างรามือโดยพร้อมเพรียง
หลงจู๊ประสานมือ กำลังจะพูดบางอย่างกับเมิ่งเชี่ยนโยว เสียงโกรธเกรี้ยวของซุนวั่งก็ดังขึ้น “อย่าไปฟังเขา จัดการพวกมันให้น่วม จนกว่าพวกมันจะร้องขอชีวิต”
พวกเสี่ยวเอ้อได้ยินเช่นนั้น ตั้งท่าต่อสู้เตรียมจะบุกเข้าไป
หลงจู๊ร้องตวาด “ข้าดูสิว่าพวกเจ้าใครกล้า?”
พวกเสี่ยวเอ้อที่ตั้งท่าแล้วไม่มีใครกล้าขยับตัวจริงๆ
ปกติซุนวั่งให้ความเคารพหลงจู๊เป็นอย่างดี เพราะเขารู้ว่าถ้าไม่มีหลงจู๊ หอชาอยู่ในมือตัวเอง เปิดได้ไม่กี่วันก็ต้องปิดตัว แต่ตอนนี้อยู่ต่อหน้าคนมากมาย หลงจู๊ก็เอาแต่เป็นปรปักษ์กับเขา โมโหเดือดดาล พูดกับหลงจู๊ “เจ้าเกลือเป็นหนอน ปกติเห็นแก่หน้าท่านพ่อ ข้าถึงอ่อนน้อมยอมให้ เจ้ากลับสำคัญตัวผิด ข้าไม่ว่ากระไรก็เอาใหญ่ คิดจะแต่ขัดขวางข้าร่ำไป ข้าจะบอกให้ ตอนนี้เจ้าม้วนเสื่อแล้วไสหัวออกไปซะ”
หลงจู๊อยู่ที่หอชาแห่งนี้มาหลายปี ไม่เคยมีใครพูดเช่นนี้กับเขามาก่อน แม้แต่ซุนซ่านเหรินก็ยังถ้อยทีถ้อยอาศัยกับเขา ตอนนี้กลับถูกซุนวั่งชี้หน้าด่ากราดต่อหน้าคนมากมาย พลันเลือดขึ้นหน้า เกือบจะหมดสติไป ชี้ซุนวั่งปากสั่นพูดอะไรไม่ออก
ซุนวั่งหันไปตวาดพวกเสี่ยวเอ้อ “ยังไม่ลงมือ จะรอให้ถูกไล่ออกหรือไง?”
พวกเสี่ยวเอ้อเห็นหลงจู๊ถูกด่าจนพูดไม่ออกแล้ว ไม่ลังเลอีก ตั้งท่าต่อสู้ เข้าสู้กับเมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งเสียนอีกครั้ง
ครู่ใหญ่หลงจู๊ถึงได้สติกลับมา มองซุนวั่งที่โมโหโทโส แล้วมองพวกเสี่ยวเอ้อที่รุมต่อสู้ทั้งสองคนสุดชีวิต ถอนหายใจ รีบเดินเข้าหลังร้าน สั่งเสี่ยวเอ้อต้มน้ำไปส่งข่าวบอกซุนซ่านเหริน
เมิ่งเสียนไม่ใจอ่อนแล้ว เสี่ยวเอ้อที่เข้ามาต่างถูกตีหมอบไปกับพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมิ่งเชี่ยนโยวจับบังเ**ยนแน่น ด้านหนึ่งรับมือเสี่ยวเอ้อที่พุ่งเข้ามาอย่างสบายอารมณ์ ด้านหนึ่งแบ่งสมาธิตรวจสอบการเคลื่อนไหวของเมิ่งเสียน เห็นเมิ่งเสียนไม่ออมมือจัดการเสี่ยวเอ้อจนหมอบราบคาบ ส่งเสียงร้องชื่นชม “พี่ใหญ่ ทำได้ดี”
ซุนวั่งได้ยินเสียงตะโกนของนาง โมโหจนจมูกเบี้ยว พูดกับเสี่ยวเอ้อที่ถูกตีล้มหมอบไปกับพื้น “เจ้าพวกหน้าโง่ ยังไม่รีบเข้าไปเอาอาวุธมา?”
เสี่ยวเอ้อบนพื้นได้ยินคำพูดเขา ลุกขึ้นวิ่งเข้าไปหลังร้าน หยิบท่อนไม้จำนวนหนึ่งออกมา ยื่นให้เสี่ยวเอ้อที่เหลือ
เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บอาการเอ้อระเหย หันไปพูดกับเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ มาอยู่ข้างข้า”
เมิ่งเสียนจ้องพวกเสี่ยวเอ้อที่ถือท่อนไม้ในมือ ย้ายมาอยู่ข้างเมิ่งเชี่ยนโยว
ซุนวั่งหัวเราะคลุ้มคลั่ง “นังตัวดี รู้จักกลัวแล้วใช่ไหม จะบอกให้นะ คนที่ข้ายั่วโมโหข้าไม่เคยมีจุดจบที่ดี”
พูดจบหันไปสะบัดมือให้พวกเสี่ยวเอ้อ “จัดการเอาพวกมันให้ถึงตาย ถ้าตายได้ข้ามีรางวัลให้”
พวกเสี่ยวเอ้อเริ่มมีเรี่ยวแรง ควงท่อนไม้แล้วดาหน้าเข้ามา
เมิ่งเสียนขวางเบื้องหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว ไม่ระวังโดนท่อนไม้ของเสี่ยวเอ้อคนหนึ่งฟาดเข้า แค่นเสียงร้องหึเบาๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวโมโหแล้ว ดึงเมิ่งเสียนไปด้านหลัง ถีบใส่เสี่ยวเอ้อที่ตีโดนเมิ่งเสียน เสี่ยวเอ้อถูกถีบลงไปนอนแอ้งแม้งเท้าชี้ฟ้า เมิ่งเชี่ยนโยวยังไม่หายแค้น ปล่อยบังเ**ยน เข้าไปแย่งท่อนไม้จากเขา ฟาดเขาไม่ยั้งหลายครั้ง เสี่ยวเอ้อร้องโหยหวนลั่น เกลือกกลิ้งไปมากับพื้น
เมิ่งเชี่ยนโยวชั่งน้ำหนักท่อนไม้ในมือ พูดอย่างกระหายเลือด “ยังมีใครไม่กลัวตาย ให้รีบเข้ามา”
พวกเสี่ยวเอ้อตกใจกับท่าทีกระหายเลือดนี้ ถอยกรูกันเป็นแถบ
ซุนวั่งก็เพิ่งเคยเห็นท่าทีเช่นนี้ของเมิ่งเชี่ยนโยวเป็นครั้งแรก ตกใจถอยหลังไปหนึ่งก้าว
เพื่อนเกเรของซุนวั่งเห็นท่าทีหวาดกลัวของเขา หัวเราะเยาะเย้ย “น้องซุนวั่ง แค่เด็กสาวตัวกระเปี๊ยกก็ทำเจ้าสั่นกลัวได้ถึงขั้นนี้ เจ้าช่างอ่อนเสียจริงๆ”
ซุนวั่งเสแสร้งวางตัวทำต่อหน้าคนกลุ่มนี้มาจนชิน ตอนนี้มาได้ยินพวกเขาหัวเราะเยาะหยัน รับไม่ได้ฉับพลัน หันไปตะโกนด่าพวกเสี่ยวเอ้ออย่างคลุ้มคลั่ง “ตี ตีพวกมันให้ตาย ใครตีพวกมันตายได้ข้าจะให้รางวัลหนึ่งร้อยตำลึง”
พวกเสี่ยวเอ้อได้ยิน เข้ารุมสู้กับเมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งเสียนอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
รถม้าคันหนึ่งรีบเร่งแล่นเข้ามา ซุนซ่านเหรินที่เปิดม่านบังรถมองเห็นเหตุการณ์ข้างหน้าแต่ไกลหัวใจหล่นวูบ แผดเสียงร้องตะคอก “หยุดเดี๋ยวนี้!”
พวกเสี่ยวเอ้อได้ยินเสียงตะโกนของเขา ถึงรามือ
ซุนวั่งเห็นซุนซ่านเหรินเข้ามา โมโหร้องคำราม “ใครส่งข่าวแก่บิดาข้า ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”
รถม้าวิ่งมาถึงหน้าหอชา ไม่รอให้รถม้าจอดสนิท ซุนซ่านเหรินก็รีบร้อนลงจากรถม้า มาตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว ถามอย่างเป็นกังวล “แม่นางเมิ่ง เจ้าไม่เป็นอะไรนะ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวชักสีหน้า ส่ายหน้า
ซุนซ่านเหรินโมโหเดินไปตรงหน้าซุนวั่ง ถีบใส่เขาเต็มแรง “เจ้าลูกไม่ได้ความ ใครให้เจ้าทำร้ายแม่นางเมิ่ง”
ซุนวั่งล้มไปกับพื้น พูดอย่างไม่ยอม “ท่านพ่อ ท่านเตะข้าทำไม? พวกเขาที่เข้ามาหาเรื่องก่อน”
ซุนซ่านเหรินโมโหถีบเขาไปอีกครั้ง ร้องด่า “หุบปากเดี๋ยวนี้ คอยดูอีกเดี๋ยวข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร”
ซุนวั่งเบะปาก ไม่กล้าเถียงอีก
ซุนซ่านเหรินเดินกลับไปข้างเมิ่งเชี่ยนโยว กล่าวขอโทษขอโพย “แม่นางเมิ่ง ขอโทษด้วย กลับไปข้าจะต้องสั่งสอนเจ้าสารเลวนี่ให้หนัก ระบายแค้นแทนเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวผ่อนคลายสีหน้า โบกมือพูด “ไม่เป็นไร ซุนซ่านเหรินไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ”
ซุนซ่านเหรินตวาดพวกเสี่ยวเอ้อ “ยังไม่รีบไสหัวไป!”
พวกเสี่ยวเอ้อไม่เคยเห็นซุนซ่านเหรินโมโหมาก่อน ตกใจวิ่งเผ่นแน่บเข้าไปในร้าน แม้แต่เสี่ยวเอ้อที่ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวฟาดลงไปนอนเกลือกกลิ้งก็รีบลุกขึ้นมา ก็วิ่งโกยอ้าวไม่เห็นฝุ่นเข้าไป
ซุนซ่านเหรินประสานมือ พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวอีกครั้ง “แม่นางเมิ่ง ต้องขอโทษจริงๆ เพราะข้าไม่อบรมสั่งสอนเสี่ยวเอ้อให้ดี ทำให้เจ้าตกใจแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดอะไร
ซุนซ่านเหรินพูดขึ้น “ไม่ทราบว่าแม่นางเมิ่งมาหาข้ามีธุระอันใด? พวกเราเข้าไปค่อยพูดค่อยจากันในหอชา”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า หยิบกุนเชียงที่เตรียมมาออกจากในรถม้าส่งมอบให้กับมือซุนซ่านเหริน พูดว่า “ครั้งก่อนเพราะได้ท่านมาช่วยไกล่เกลี่ย พวกเราคนบ้านนอกก็ไม่มีของดีอะไร นี่เป็นกุนเชียงที่ครอบครัวพวกเราผลิตเอง นำมาให้ท่านลองชิม พวกเราไม่เข้าไปนั่งในหอชาแล้ว อี้เซวียนและเหลียงไฉน่าจะเลิกเรียนแล้ว พวกเรายังต้องไปรับพวกเขา”
ซุนซ่านเหรินมองกุนเชียงในมือ ละอายใจจนไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดอะไรอีก ให้เมิ่งเสียนหักเลี้ยวหัวรถม้า มุ่งหน้าไปทางโรงเรียน