ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 - ตอนที่ 153.2
ความในใจของเมิ่งเหริน
เสี่ยวเอ้อเห็นเมิ่งเสียนออกมา นึกว่าพวกเขากินเสร็จแล้ว เข้ามาพูดว่า “พวกท่านกินเสร็จแล้วหรือ? ทั้งหมดสิบสี่ตำลึงขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “พวกเรายังกินไม่อิ่ม ได้ยินเสียงเอะอะด้านนอก พี่ใหญ่ข้าเลยออกมาดู”
เสี่ยวเอ้อพูดแก้เก้อ “เช่นนั้นพวกท่านค่อยๆ กิน กินอิ่มแล้วค่อยเรียกข้า” พูดจบหันหลังเตรียมจะถอยออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวเรียกเขาไว้ “ช้าก่อน”
เสี่ยวเอ้อหยุดฝีเท้า หันหลังกลับมามองนางอย่างสงสัย
เมิ่งเชี่ยนโยวถาม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าด้านนอกเกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
เดิมเสี่ยวเอ้อรู้สึกไม่ดีที่รีบเข้ามาเก็บเงิน ขณะที่พวกเขายังกินข้าวยังไม่เสร็จ ตอนนี้พอได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวถามเช่นนี้ รีบพูดด้วยอย่างกระตือรือร้น “ท่านหมายถึงเสียงโต้เถียงด้านนอกนั่นใช่หรือไม่ ข้าจะบอกอะไรให้ นี่เป็นเรื่องที่มักเกิดขึ้นเสมอ”
เมิ่งเชี่ยนโยวย่นหัวคิ้ว
เสี่ยวเอ้อนึกว่านางไม่เชื่อ ยิ่งพูดอย่างออกรสออกชาติ “พี่น้องสองคนด้านนอกนั้นแซ่ตู้ ได้ยินว่าเป็นคุณชายและคุณหนูตระกูลเศรษฐีตำบลข้างๆ พี่ชายเข้ามาเรียนหนังสือในอำเภอ น้องสาวมักจะเข้ามาเยี่ยมหาเป็นประจำ บ่อยครั้งที่นางจะยั่วยวนหลอกล่อเพื่อนร่วมชั้นเรียนของพี่ชาย ให้นักเรียนเหล่านั้นมอบของกำนัลให้นาง เหมือนว่าพวกเขาสองพี่น้องยังให้คำสัญญา หากใครสอบได้เป็นซิ่วไฉ จะมอบน้องสาวให้แต่งกับคนนั้น ด้วยเหตุนี้ มีนักเรียนไม่น้อยทุ่มเทบากบั่นเพื่อสองพี่น้องนี้ โดยเฉพาะนักเรียนยากจน วันๆ มัธยัสถ์อดออม ใช้เงินที่เก็บหอมรอบริบมาซื้อของใช้สำหรับผู้หญิงให้นาง แต่ข้าได้ยินพวกเสี่ยวเอ้อพูดกันว่า สองพี่น้องคู่นี้พอลับหลังก็นำสิ่งของเหล่านั้นไปเปลี่ยนเป็นเงิน นำเงินไปกินดื่มในภัตตาคารละแวกนี้ไม่เว้นวัน ดังนั้นเรื่องเช่นนี้ในภัตตาคารละแวกนี้มักมีให้เห็นจนชินตา พวกเราไม่เห็นเป็นเรื่องแปลกแล้ว แต่วันนี้คุณชายด้านนอกท่านนั้นเสียเปรียบไม่น้อยเลยจริงๆ ได้ยินว่าใช้เงินค่าแรงครึ่งปีของน้องชายมาซื้อเครื่องประดับให้คุณหนูตู้ แต่ตอนนี้อย่างไรคุณหนูตู้ก็ไม่ยอมรับ ตอนนี้กำลังทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้จนตกลงกันไม่ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวถาม “เมื่อพวกเขาหลอกต้มตุ๋นคนมากมาย เหล่านักเรียนไม่สังเกตเห็นบ้างหรือ? เหตุใดถึงยังหลงเชื่อ?”
เสี่ยวเอ้อตอบกลับ “นักเรียนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนบ้านนอก มีจิตใจมุ่งมั่น ไหนเลยจะรู้ว่ามีคนหลอกใช้วิธีนี้มาต้มตุ๋นเงินพวกเขา อีกอย่าง สองพี่น้องนั่นก็มีแผนการที่แยบยลมาก ทุกครั้งจะหลอกล่อนักเรียนหนึ่งคน ให้คำสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่ารอให้นักเรียนผู้นั้นสอบซิ่วไฉได้ ก็จะให้เขาไปสู่ขอบ้านตัวเอง ตระกูลของตัวเองร่ำรวยมาก ไม่ขัดสนเรื่องกินใช้ รอให้หมั้นหมายกันแล้วต่อไปค่าใช้จ่ายของนักเรียนเหล่านั้นพวกเขาจะรับผิดชอบเอง บรรดานักเรียนย่อมยินดีปรีดา ทุ่มเทเอาใจพวกเขาสองคนสุดชีวิต โดยเฉพาะนักเรียนยากจนพวกนั้น แทบอยากจะนำเงินที่ทางบ้านกระเหม็ดกระแหม่ให้มาไปซื้อของที่คุณหนูตู้ชอบ กระทั่งสองพี่น้องพบว่านักเรียนเหล่านั้นไม่มีเงินให้แล้ว ก็จะหาเหตุผลร้อยพันมาปฏิเสธ บางครั้งยังไม่ยอมรับผิด”
เมิ่งเชี่ยนโยวถามอีก “เช่นนั้นไม่มีนักเรียนคนไหนเอาไปพูดบ้างหรือ?”
เสี่ยวตอบ “กระทำเรื่องน่าขายหน้าเช่นนี้ เหล่านักเรียนกลัวจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ ไหนเลยจะกล้าพูดออกมา นักเรียนด้านนอกในวันนี้คงจะจ่ายเงินไปมาก ในใจไม่ยินยอม ถึงมาเอาความกับพวกเขาอย่างไม่สนใจสถานที่เช่นนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ขอบใจ”
เสี่ยวเอ้อโบกมือ “ไม่ต้อง ท่านยังมีอะไรอยากรู้อีก ขอให้ถามข้า ข้าจะบอกทุกอย่างที่รู้”
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณอีกครั้ง “ขอบใจมาก ตอนนี้ไม่มีแล้ว”
เสี่ยวเอ้อพยักหน้า ออกไปจากห้อง
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งบนเก้าอี้ไม่เคลื่อนไหว
เมิ่งอี้เซวียนพูดอย่างร้อนใจ “พวกเราก็ออกไปดูบ้างเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาแวบหนึ่ง พูดว่า “เกี่ยวอะไรกับเจ้า รีบกินข้าว กินอิ่มแล้วพวกเราจะได้ออกไปเดินเล่น ซื้อเครื่องเขียนชั้นดีให้เจ้า”
เมิ่งอี้เซวียนหยิบตะเกียบและถ้วยข้าวขึ้นอย่างเชื่อฟัง กินข้าวในถ้วยตัวเองต่อ
เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบตะเกียบขึ้น คีบอาหารใส่ถ้วยของเขา
เมิ่งอี้เซวียนเงยหน้ามองนางอย่างประหลาดใจแกมยินดี
เมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้สึกว่าพฤติกรรมนี้ของตนเองดูจะไม่เหมาะสม รีบดุว่ากลบเกลื่อน “มองอะไร ยังไม่รีบกินอีก”
เมิ่งอี้เซวียนก้มหน้ากินคำใหญ่อย่างมีความสุข
เมิ่งเชี่ยนโยวก็คีบอาหารเล็กน้อยมาใส่ถ้วยข้าวตัวเอง กินอย่างไม่รีบไม่ร้อน
เมิ่งเสียนเดินออกไปด้านนอก มองประตูห้องรับรองที่อยู่ไม่ไกลจากห้องรับรองของตนเอง เมิ่งเหรินและสองพี่น้องที่เพิ่งพูดออกมาเมื่อครู่กำลังโต้เถียงกันอย่างดุเดือด เมิ่งเสียนเดินขึ้นหน้า ร้องตะโกนเสียงดังลั่น “พี่เมิ่งเหริน”
เมิ่งเหรินไม่คิดว่าจะเจอเมิ่งเสียนในสถานที่เช่นนี้ พลันตะลึงงัน
คุณชายตู้ได้ยินตะเบ็งเสียงพูด “เจ้ารู้จักเขา? ดีเลย รีบมาลากเขาไป ห้องรับรองข้ายังมีแขกคนอื่น เขาตามตอแยไม่เลิก เสียเวลาข้าทำธุระ ข้าอยากจะหักเขาทิ้งนัก”
เมิ่งเสียนเดินขึ้นหน้า พูดกับเมิ่งเหริน “พี่เมิ่งเหริน ข้าและโยวเอ๋อร์ อี้เซวียนกินข้าวอยู่ในห้องรับรองด้านหน้า ท่านไปกับข้าเถอะ”
เมิ่งเหรินได้สติกลับมา กะพริบตาปริบๆ อย่างร้อนตัว พูดว่า “ไม่ต้องแล้ว ข้าเพียงแค่มีธุระกับพวกเขา ตอนบ่ายข้ายังมีเรียนที่โรงเรียน ข้าขอตัวก่อน”
พูดจบ หันกลับหลังเดินลงไปชั้นล่าง
คุณชายตู้ได้ฟังคำพูดของเมิ่งเสียน ดวงตากลิ้งกลอก คว้าตัวเมิ่งเหรินไว้ แสร้งพูดด้วยโทสะ “เจ้าสร้างความยุ่งยากให้พวกเรามากเช่นนี้ บอกจะไปก็ไป เจ้าฝันไปเถอะ”
เมิ่งเหรินไม่ทันได้ตั้งตัว ตะลึงงัน
คุณหนูตู้ก็ช่วยพูดเสริม “ใช่ เรื่องวันนี้จะให้จบแบบนี้ไม่ได้ เจ้าทำลายชื่อเสียงข้าต่อหน้าผู้คนมากมาย เจ้าต้องชดใช้ค่าเสียหายให้พวกเรา”
วันนี้ที่โรงเรียนมีวิชาเรียนน้อย เมิ่งเหรินคิดจะออกมาซื้อเครื่องเขียน บังเอิญเจอคุณหนูตู้ผู้อ่อนโยนเอื้ออารี มีการศึกษาที่ตนเองเฝ้ารำพึงรำพันหา กลับเดินเข้าภัตตาคารไปกับผู้ชายที่ดูแล้วจะเป็นคุณชายมั่งคั่งคนหนึ่ง จึงได้แอบสะกดรอยตามมา เพื่อให้รู้แจ้งกระจ่าง ไม่คิดว่าจะถูกพวกเขาตลบหลังกลับจนอับอายขายหน้า ภายใต้ความโมโหและขุ่นข้องใจ จึงถามหาเอาความกับพวกเขา คิดจะทวงคือปิ่นปักผมที่ตนเองใช้เงินค่าแรงครึ่งปีของเมิ่งอี้มาซื้อให้นาง ไม่คิดว่าพวกเมิ่งเสียนก็จะมากินข้าวที่ภัตตาคารแห่งนี้ เกิดความละอายรับไม่ได้ คิดจะรีบหนีหน้าไป ไม่คิดว่าสองพี่น้องนี้จะไร้ยางอายคิดจะปัดความรับผิดชอบมาที่เขา พลันโมโหตัวสั่น ชี้หน้าคุณหนูตู้ร้องก่นด่า “เจ้าช่างไร้ยางอายนัก ด้านหนึ่งหลอกข้าบอกรอให้ข้าสอบซิ่วไฉได้จะให้ข้าไปสู่ขอเจ้า อีกด้านก็ยั่วยวนหลอกล่อคุณชายเศรษฐี ตอนนี้ยังคิดจะโบ้ยความผิด กล่าวหาว่าข้าทำลายชื่อเสียงเจ้า เชื่อไหมว่าข้าจะเอาเรื่องอื้อฉาวที่เจ้าทำบอกกับทุกคน ให้ทุกคนได้รู้ว่าเจ้าเป็นคนอย่างไร”
คุณหนูตู้รีบเปลี่ยนท่าทีเป็นหญิงอ่อนแอน่าสงสาร หยิบผ้าเช็ดหน้าในมือแสร้งเช็ดหางตาที่ไร้ซึ่งน้ำตา พูดอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม “คุณชายเมิ่ง ข้ารู้ว่าท่านหมายปองข้ามานาน แต่พวกเราไม่คู่ควรกันจริงๆ พี่ชายข้าพูดเตือนท่านหลายครั้งแล้ว แต่ท่านก็ยังจะดื้อรั้น ตอแยข้าไม่เลิก หากไม่เพราะเห็นแก่ที่ท่านเป็นเพื่อนร่วมห้องพี่ชายข้า ข้าให้บิดามารดาข้าเข้าฟ้องร้องที่โรงเรียนท่านนานแล้ว ตอนนี้ท่านไม่เพียงไม่รับความหวังดีข้า ยังจะข่มขู่ข้าต่อหน้าผู้คนมากมาย ท่านให้ทุกคนตัดสินเถอะว่า ใครกันแน่ที่เป็นคนผิด”
เมิ่งเหรินได้ฟังคำพูดนาง ได้แต่ชี้หน้าคุณหนูตู้พูดอะไรไม่ออก
คุณชายตู้ปัดมือเขาทิ้ง พูดอย่างเคืองแค้น “เอามือสกปรกของเจ้าออกไป หากกล้าชี้หน้าน้องสาวข้าอีก ข้าจะเลาะแขนเจ้าออกมา”
ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ เมิ่งเสียนไม่ยินดีแล้ว พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “วาจาโอหังนัก ลองเลาะให้ข้าดูสักหน่อย”
คุณชายตู้สะอึกกึก พูดขึ้นทันควัน “เจ้าเป็นใครมาจากไหน กล้ามาขึ้นเสียงกับข้า”
“ข้าเป็นน้องชายเขา เรื่องของเขาวันนี้ข้ามีสิทธิ์ขาด” เมิ่งเสียนตอบ
คุณชายตู้มองประเมินเขาขึ้นลง พูดอย่างดูถูกดูแคลน “เมื่อเจ้าเป็นน้องชายเขา ก็ดีเลย เรื่องที่เขาทำลายชื่อเสียงน้องสาวข้าพวกเรามาตกลงกันหน่อย”
เมิ่งเสียนยิ้มอ่อน ถามกลับอย่างไม่แยแส “จะตกลงอย่างไร?”
คุณชายตู้พูดอย่างคนใจกว้าง “พวกเราไม่เรียกร้องมาก พวกเจ้าจ่ายค่าเสียหายมาห้าสิบตำลึงก็พอ ไม่เช่นนั้น พวกเราจะไปฟ้องร้องเมิ่งเหรินที่โรงเรียน ให้ปีนี้เขาเข้าสอบเคอจวี่ไม่ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งอี้เซวียนกินอิ่มแล้ว รออย่างไงเมิ่งเสียนก็ไม่กลับมา เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับเมิ่งอี้เซวียนให้อยู่แต่ในห้องรับรอง ตัวเองเดินออกมาดู เพิ่งจะพ้นประตูออกมา ก็ได้ยินคำพูดของคุณชายตู้ แย้มยิ้มพร้อมส่งเสียงพูดว่า “ห้าสิบตำลึงน้อยเกินไป ให้พวกเจ้าหนึ่งร้อยตำลึงเป็นอย่างไร?”
ฝูงคนที่มุงดูเรื่องสนุกหันหลังกลับ เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเดินอมยิ้มเข้ามา หยุดยืนตรงหน้าคุณชายตู้
คุณชายตู้มองประเมินเมิ่งเชี่ยนโยวแวบหนึ่ง เบะปากพูดอย่างดูแคลน “อย่าคิดว่ามากินข้าวที่ภัตตาคารนี้ได้ ตัวเองก็จะเป็นเศรษฐีแล้ว คนบ้านนอกคอกนาอย่างพวกเจ้า มีเงินถึงหนึ่งร้อยตำลึง เป็นความฝันลมๆ แล้งๆ ของคนโง่เขลาชัดๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “คุณชายตู้พูดถูกต้องแล้ว พวกเรามีเงินไม่ถึงหนึ่งร้อยตำลึงจริงๆ”
คุณชายตู้ได้ยินเช่นนั้นนึกว่าตนเองถูกหลอก พูดเกรี้ยวกราด “เช่นนั้นจะมาอวดโอ้ว่ามีเงินทำไม ครั่นเนื้อครั่นตัวนักใช่ไหม”
เมิ่งเชี่ยนโยวล้วงตั๋วแลกเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ แล้วพูดว่า “พวกเรามีเงินเพียงไม่กี่พันตำลึงเท่านั้น”
คนที่มุงดูเรื่องสนุกส่งเสียงร้องเซ็งแซ่
คุณชายตู้ถึงกับตะลึงค้าง จากนั้นดวงตาก็เปล่งประกาย มองตั๋วแลกเงินในมือเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างละโมบ
คุณหนูตู้กลอกกลิ้งนัยน์ตา หันไปพูดกับเมิ่งเหริน “คุณชายเมิ่ง เมื่อครู่ข้าเพียงล้อท่านเล่น อยากลองใจว่าท่านมีใจจริงหรือไม่ ไม่คิดว่าจะทำท่านเข้าใจผิดไป ต้องขอโทษจริงๆ”
พูดจบเดินขึ้นหน้าไปหยุดตรงหน้าเมิ่งเหริน ยื่นมือออก แสร้งพูดอย่างเจ็บปวดใจ “ท่านคงจะโมโหแย่แล้ว ข้าจะปลอบใจท่านเอง”
เมิ่งเหรินงงงัน ยอมให้มือของคุณหนูตู้ประคองแผ่นหลังตนเองอย่างซึมกระทือ
นัยน์ตาเมิ่งเชี่ยนโยวสะท้อนแววสะอิดสะเอียน
เมิ่งเสียนดึงเมิ่งเหรินกลับมา เมิ่งเหรินถึงได้สติ ผลักคุณหนูตู้ออกเบาๆ
ดวงตาคุณหนูตู้เต็มตื้นไปด้วยน้ำตาพลัน พูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “คุณชายเมิ่ง ท่านไม่ยอมอภัยให้ข้าใช่หรือไม่?”
เมิ่งเหรินเผยอปาก ไม่ได้พูดอะไรออกไป